ภายในห้องทำงานเล็ก ๆ หลังร้านของเลอ บัว เบลอ...ดินได้นั่งอยู่ตรงข้ามกับอิ่ม หญิงรับใช้ของชาลิสาที่กำลังตัวสั่นด้วยความกลัว บนโต๊ะระหว่างพวกเขามีม้วนฟิล์ม...เป็นภาพที่หล่อนกำลังขโมยฝักวานิลลากั้นอยู่
"คุณอิ่ม...ตอนนี้เรามีหลักฐานมัดตัวคุณแน่นหนา" ดินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ถ้าเราส่งเรื่องนี้ให้ตำรวจ...คุณติดคุกหัวโตแน่นอน"
"อย่า...อย่าแจ้งตำรวจเลยนะคะ" อิ่มยกมือไหว้ขอร้อง "ดิฉัน...ดิฉันถูกสั่งมา...ดิฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ ค่ะ"
ดินที่เห็นว่าเหยื่อติดเบ็ดแล้ว...ลอบยิ้มหยันในใจ "ก็ได้...เรามีข้อเสนอให้" ดินกล่าวตัดบท "เราจะให้คุณ...เอาวานิลลานี่กลับไป...แล้วไปรายงานคุณชาลิสาว่าภารกิจสำเร็จ...จากนั้นก็ทำทุกอย่างตามที่เธอสั่งต่อไป...เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น" คำว่าคุณชาลิสาที่หลุดออกมาจากปากของดินยิ่งทำให้อิ่มตัวสั่นมากยิ
หลายปีต่อมา...ในคืนวันศุกร์ที่แสนคึกคักใจกลางย่านพระอาทิตย์...แสงไฟนีออนสีน้ำเงินนวลสาดส่องลงบนป้ายชื่อร้านที่ออกแบบอย่างมีรสนิยม... "พระอาทิตย์ บลูส์" (Phra Athit Blues) นี่คือไพรเวทแจ๊สคลับที่หรูหราและเป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดในพระนคร และเจ้าของคลับแห่งนี้ก็คือสองหนุ่มโสดที่เนื้อหอมมากที่สุด...ข้าวเหนียวและปั้นขลิบ บรรยากาศภายในคลับอบอวลไปด้วยเสียงดนตรีแจ๊สสด ๆ ที่บรรเลงอย่างนุ่มนวลกลิ่นหอมของซิการ์ชั้นดีและเสียงพูดคุยของเหล่าแขกผู้มีระดับ...ทั้งนักธุรกิจ ทูตานุทูตและศิลปินชื่อดัง ข้าวเหนียวในชุดสูทสั่งตัดอย่างดีกำลังยืนพูดคุยกับกลุ่มนักธุรกิจชาวต่างชาติด้วยภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่ว...ส่วนปั้นขลิบก็กำลังโปรยเสน่ห์ให้กับกลุ่มคุณหนูไฮโซที่โต๊ะข้างเวที...ซึ่งทั้งสองคนได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านอย่างสมบูรณ์แบบ ที่โต๊ะVIP ที่ดี
หลังจากที่สองสหายคู่ซี้อย่างข้าวเหนียวและปั้นขลิบ...ที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋...ได้เดินทางกลับมาถึงพระนครหลังจากไปทำหน้าที่อาสา พวกเขาก็ได้รับวันหยุดพักผ่อนอย่างเต็มที่ และเมื่อสองหนุ่มโสด...โปรไฟล์ดี...ผู้มีพลังงานล้นเหลือได้กลับคืนสู่เมืองหลวง...ค่ำคืนแห่งความสนุกสนานก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง... และเบื้องหลังรอยยิ้มที่มีเสน่ห์นั้น...พวกเขาก็บังเกิดความคิดที่จะสร้างอาณาจักรของตนเองขึ้นมาบ้างนอกจากจะช่วยดูแลกิจการของครอบครัว ดังนั้นในเย็นวันหนึ่งขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ที่เลานจ์หรูของร้านเลอ บัว เบลอ หลังจากที่ช่วยปลากริมดูแลความเรียบร้อยของร้านแล้ว ปั้นขลิบก็ได้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ "พี่ข้าวเหนียว...พอผมเห็นพี่ปลากริ
หลังจากเรื่องราวภายในครอบครัวผ่านพ้นมาได้ด้วยดีครอบครัวใหญ่แห่งบ้านสิงหราชก็ได้เติบโตและงอกงามขึ้นอย่างมีความสุข มะตูมและนีรนาถมีทายาทชายคนแรกเป็นโซ่ทองคล้องใจ ส่วนปลากริมและเทวากรก็มีลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักน่าชัง... ค่ำคืนหนึ่งบนโต๊ะอาหารที่แสนอบอุ่นและคึกคักของบ้านสิงหราช เพชรในยศร้อยตรีกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงวันหยุด เขาได้เห็นภาพความสุขของทุกคนในครอบครัว...และมันก็ทำให้เขาตัดสินใจในเรื่องสำคัญในชีวิตออกมาได้ คืนเดียวกันนั้นหลังจากที่สมาชิกภายในครอบครัวได้แยกย้ายกันไปหมดแล้ว ชายหนุ่มจึงได้ตัดสินใจเข้าไปคุยกับสิงห์และบัวผู้ที่เปรียบเหมือนพ่อแม่เป็นการส่วนตัว... "พ่อครูครับ...แม่บัวครับ..." เขาเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงความหนักแน่น "ผมได้อาสาสมัครไปประจ
ท่ามกลางการเติบโตของทุกคน กาลเวลาเองก็ได้เปลี่ยนเด็กชายขี้อายที่ชื่อดิน...ให้กลายเป็นชายหนุ่มผู้สุขุมและน่าเกรงขามในวงการมวยไทย บัดนี้เขาคือโปรโมเตอร์ดิน สิงหราช ผู้ก่อตั้งสิงหราชโปรโมชั่นและเป็นหนึ่งในโปรโมเตอร์หนุ่มที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของเวทีราชดำเนิน สำนักงานของเขาที่เช่าไว้มุมหนึ่งของสนามมวยไม่ได้ใหญ่โตหรูหรา แต่มันคือศูนย์กลางของความเคลื่อนไหว ผนังห้องเต็มไปด้วยโปสเตอร์รายการมวยที่เขาเคยจัด รูปถ่ายขาวดำของนักมวยในค่ายที่คว้าชัยชนะและกระดานดำขนาดใหญ่ที่ขีดเขียนตารางการซ้อมและรายชื่อคู่มวยไว้จนเต็ม เสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานของเขาดังขึ้นแทบจะตลอดทั้งวัน..."ครับพี่...เรื่องน้ำหนักของเจ้าสมิงขาวไม่น่ามีปัญหาครับ...เดี๋ยวผมจะคุมด้วยตัวเอง" เขาพูดสายหนึ่ง ก่อนจะวางหูแล้วรับอีกสาย&nbs
หนึ่งปีผ่านไป...หลังจากที่ทุกคนได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันที่บ้านสิงหราช... บ่ายวันหยุดสุดสัปดาห์วันหนึ่ง บรรยากาศในบ้านดูจะคึกคักและมีพิรุธมากเป็นพิเศษ...โดยที่ทุกคนในครอบครัวสิงหราชต่างก็รู้ดีว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น...ยกเว้นเพียงคนเดียว...คือปลากริมที่หารู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เทวากรที่ตอนนี้กลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มเต็มตัว กำลังยืนอยู่หน้ากระจกด้วยท่าทีที่ประหม่ามากที่สุดในชีวิต ในมือของเขาคือกล่องกำมะหยี่ขนาดเล็กที่บรรจุแหวนหมั้นวงงาม...ซึ่งเขาได้ซักซ้อมแผนการของตนเองกับเหล่าพี่ชายของหญิงสาวในดวงใจเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าคนทั้งคู่จะเป็นคู่หมายกัน...ทว่าสำหรับเทวากรแล้วเขาอยากจะทำให้ทุกช่วงเวลาของเขากับปลากริมเต็มไปด้วยความหมาย "ผมจะรอจังหวะที่น้องซ้อ
สามปีผ่านไป... กาลเวลาได้นำพาเหล่าเด็กหนุ่มเด็กสาวแห่งบ้านสิงหราชและบ้านเมธาวินเติบโตขึ้นสู่เส้นทางแห่งเกียรติยศและความสำเร็จ มะตูมกับเพชรหลังจากเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อย...พวกเขาก็ได้บรรจุเข้ารับราชการเป็นนายตำรวจและนายทหารหนุ่มอนาคตไกล ด้วยผลงานการชกมวยที่สร้างชื่อให้กับประเทศชาติในนามทีมชาติสมัครเล่น จึงทำให้พวกเขาได้รับราชการอยู่ในเขตพระนครทำให้คนทั้งคู่สามารถกลับมาดูแลค่ายมวยและครอบครัวได้เสมอ ส่วนปลากริม...หลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัย เธอก็ได้เข้ามาดูแลและพัฒนาสูตรอาหารและขนมให้กับกิจการทั้งหมดของครอบครัว ทั้งร้านเลอ บัว เบลอและโรงแรมเมธาวินแกรนด์...ในฐานะคู่หมายอย่างเป็นทางการของเทวากร...