เมื่อ 'ธารามล' เชฟสาวต้องเข้ามาอยู่ในนิยายผู้มีชะตารันทดในร่างของเด็กหญิง 'ปลากริม' วัยเพียงหกขวบ เธอจะทำอย่างไร รวมถึงเธอยังจะต้องมารับมือกับแม่ตานีช่างจ้อและแม่นางกวักนักชิม มาติดตามเรื่องราวของเด็กหญิงปลากริมไปพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ
View Moreชีวิตอันแสนสงบสุขและหอมหวานของ 'ธารามล' เชฟสาวขนมหวานดาวรุ่งพุ่งแรงต้องดับวูบลงอย่างไม่ทันตั้งตัว! เมื่อจู่ ๆ เธอลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งสถานที่แห่งนั้นไม่ใช่ในครัวเบเกอรี่ทันสมัยแสนคุ้นเคย แต่กลับเป็นร่างผอมโซของ 'ปลากริม' เด็กหญิงวัยเพียงหกขวบ ท่ามกลางชุมชนแออัดริมคลองบางกอกน้อยในนิยายย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ของพระนคร ยุค 2500 ที่เธอเพิ่งอ่านจบไปหมาด ๆ!
และโชคชะตาก็ช่างเล่นตลกจนอยากจะร่ำไห้เป็นภาษาฝรั่งเศส เพราะ 'ปลากริม' คนนี้คือตัวละครที่ถูกลิขิตให้เติบโตไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตัวร้ายผู้มีจุดจบสุดอนาถ...ตายชนิดที่ว่าศพไม่สวย! เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้าย ทั้งพ่ออดีตนักมวย (ครูสิงห์) ผู้จมดิ่งในความสิ้นหวังหลังศิษย์รักล้มมวยจนค่ายมวย "สิงหราช" แทบร้าง แม่ (แม่บัว) ที่ต้องหาบเร่ขายขนมซึ่งรับมาจากคนอื่นได้กำไรเพียงน้อยนิดเพื่อประทังชีวิต
และน้องชายตัวน้อย 'ปั้นขลิบ' วัยสี่ขวบผู้ยังไร้เดียงสาต่อความทุกข์ยากรอบกาย ธารามลในร่างปลากริมจะทำเช่นไร? จะให้เธอยอมรับชะตากรรมแล้วเดินไปสู่จุดจบเดิม ๆ น่ะหรือ...ไม่มีทาง! แต่ท่ามกลางความมืดมนของโชคชะตาที่ดูเหมือนจะอับจนหนทางดูเหมือนว่าสวรรค์ยังพอมีเศษเสี้ยวความเมตตา เมื่อเสียงปริศนาของ 'ระบบผู้ช่วย' สุดไฮเทคดังขึ้นในหัว พร้อมหน้าต่างข้อมูลแปลกประหลาดที่ปรากฏแก่สายตาเธอเพียงผู้เดียว!
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังเริ่มสัมผัสได้ถึง 'แม่นางตานี' ผีสาวแสนสวยในชุดกระโจมอกผ้าแถบสีเขียวตองผู้สถิต ณ กอกล้วยหลังบ้านที่คอยเฝ้ามองเธอด้วยแววตาเอ็นดู แม้จะถูกชาวบ้านเข้าใจผิดว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องร้าย ๆ จากฝีมือ 'ผีเล็บแดง' ที่กำลังสร้างความหวาดผวาไปทั่วคุ้งน้ำ
และยังมี 'หลวงตา' แห่งวัดท้ายคลองผู้มอบทั้งสติ ปัญญา และกำลังใจด้วยหลักธรรมคำสอนอันลึกซึ้ง ปลากริมคนใหม่จึงรู้ว่า...การต่อสู้พลิกชะตาครั้งนี้ เธอไม่ได้เดียวดายอย่างที่คิด ด้วยความรู้จากโลกอนาคต ทักษะเชฟขนมหวานระดับเทพที่ติดตัวมา และเหล่าผู้ช่วยสุดพิสดารทั้งจากโลกมนุษย์และภพภูมิอื่น ปฏิบัติการพลิกฟ้าคว่ำชะตากรรมของ 'ปลากริม' จึงเริ่มต้นขึ้น!
เด็กหญิงตัวน้อยต้องงัดทุกกลยุทธ์ ทั้งปลุกไฟในใจพ่อให้ลุกขึ้นสู้อีกครั้งกับค่ายมวย 'สิงหราช' ปฏิวัติวงการขนมไทยด้วยสูตรเด็ดที่ทั้งอร่อยเลิศล้ำและแปลกใหม่จนสร้างชื่อเสียงให้ร้านของแม่กระฉ่อนไปทั่วพระนคร พร้อมกันนั้นก็ต้องสวมบทนักสืบตัวจิ๋วเพื่อไขปริศนา 'ผีเล็บแดง' ตัวจริงให้จงได้ เพื่อล้างมลทินให้แม่นางตานีผู้แสนดีและปกป้องครอบครัวกับชุมชนให้พ้นจากภัยร้ายทั้งปวง
จากเด็กหญิงที่แทบไม่มีใครมองเห็นสู่ 'นักเลงขนมหวาน' ตัวจิ๋วแต่หัวใจสุดแกร่งแห่งพระนคร! มาร่วมเป็นกำลังใจให้ 'ปลากริม' ในการใช้สองมือเล็ก ๆ นี้ปั้นอนาคตใหม่ให้สดใสยิ่งกว่าในหน้ากระดาษนิยาย ปะทะทุกอุปสรรคด้วยไหวพริบ ความกล้าหาญ และเสน่ห์ปลายจวักที่ใครก็ต้องยอมศิโรราบ พร้อมพิสูจน์ให้เห็นว่าแม้โชคชะตาจะโหดร้ายเพียงใด แต่พลังแห่งความมุ่งมั่น ความดีงาม และสูตรขนมลับก็สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้...ไม่ว่าศัตรูจะเป็นคนหรือผีก็ตาม!
เมื่อคนทั้งคู่กลับถึงบ้านในตอนบ่ายแก่ ๆ ของวันนั้น สิงห์กับปั้นขลิบที่ทำความสะอาดบ้านจนเอี่ยมอ่องเช่นเดียวกับเมื่อวานก็รีบออกมาต้อนรับทันที "เป็นยังไงบ้างบัว ขายหมดไหม?" สิงห์ถามด้วยความตื่นเต้น บัวไม่ได้ตอบเป็นคำพูด แต่ค่อย ๆ เทเงินทั้งหมดจากย่ามผ้าลงบนแคร่ไม้ไผ่...ไม่ใช่แค่เหรียญสลึงหรือเหรียญบาทเหมือนเมื่อวาน แต่คราวนี้ได้มีธนบัตรใบละยี่สิบบาทที่ยับยู่ยี่ปะปนอยู่ด้วย ทั้งครอบครัวนั่งล้อมวงมองเงินกองนั้นแล้วช่วยกันนับ...ห้าสิบ...หกสิบ...แปดสิบ...เก้าสิบ... "หนึ่งร้อย...หนึ่งร้อยสามบาทกับอีกห้าสิบสตางค์!" สิงห์พูดสรุปด้วยเสียงเบาหวิวพลางจ้องเงินตรงหน้านิ่งราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง&nbs
เช้าวันรุ่งขึ้น บรรยากาศในบ้านไม้หลังเก่าของค่ายมวยสิงหราชดูเปลี่ยนไป ความเงียบเหงาและท้อแท้ที่เคยปกคลุมจางหายไปจนเกือบหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความกระตือรือร้นและความหวังที่ส่องประกายอยู่ในแววตาของทุกคนในครอบครัว เงินจำนวนห้าบาทห้าสิบสตางค์ที่ได้มาเมื่อวานอาจจะดูไม่มากสำหรับบางคน แต่สำหรับพวกเขาแล้ว มันคือสมบัติล้ำค่าและเป็นทุนก้อนแรกที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง หลังจากมื้อเช้าแสนง่ายที่อิ่มหนำกว่าทุกวันด้วยห่อหมกที่เหลือจากเมื่อวานกับปลาทอดฝีมือแม่ เชฟปลากริมก็เรียกประชุมครอบครัวทันทีถึงเรื่องการทำขนมจากที่เมื่อวานเด็กหญิงได้พูดไว้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น "แม่จ๋า พ่อจ๋า...ตอนที่คุณยายกระถินมาหาหนูในฝัน ท่านบอกว่าท่านจะให้ของวิเศษหนูมาช่วยทำขนมให้ครอบครัวเราด้วยนะจ๊ะ"&n
หลังจากขนมของปลากริมผ่านการคิวซีจากแม่นางกวักเรียบร้อย เมื่อพ่อกับลูกสาวกลับถึงบ้านปลากริมก็ออกมาขายขนมกับแม่ โดยที่พ่อกับปั้นขลิบรับหน้าที่ทำความสะอาดบ้าน สิงห์มองตามหลังภรรยาและลูกสาวคนโตที่หาบขนมเดินออกจากบ้านไปด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป...ไม่มีอีกแล้วความท้อแท้สิ้นหวัง มีแต่กำลังใจที่อยากจะทำบ้านให้น่าอยู่เพื่อรอรับการกลับมาของ "ทัพหน้า" ของครอบครัว "เอาละปั้นขลิบ! มาช่วยพ่อขัดพื้นกัน!" เสียงทุ้มตะโกนบอกลูกชายตัวน้อยอย่างกระตือรือร้น เด็กชายพยักหน้าก่อนจะนำผ้ามาทำตามพ่ออย่างเก้ ๆ กัง ๆ ซึ่งสิงห์มองว่ามันช่างน่ารัก น่าเอ็นดู ทางด้านสองแม่ลูกคนเป็นแม่ได้เดินตรงไปยังตลาดใหญ่ใจกลางชุมชน ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ปลากริมกับพ่อเพิ่งมาสักครู่นี่เอง "เราจะขายกันตรงนี้แหละจ้ะแม่" ปลากริมบอกพลางชี้ไปยังลานว่างเล็ก ๆ ใกล้กับศาลแม่นางกวักพอด
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากการประชุมครอบครัวฉบับจิ๋วเมื่อวานเรียบร้อย เชฟใหญ่ปลากริมก็เริ่มต้นปฏิบัติการทันที แผนการของเธอคือการใช้ กล้วยที่เป็นทรัพยากรหลักที่ได้มาฟรี ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกวันหนึ่ง และในวันนี้เธอตั้งใจจะสร้างสรรค์เมนูใหม่เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้าถึงได้ทุกกลุ่ม "เอาละ...แผนขนมหวานของเราวันนี้นะจ๊ะ" ปลากริมประกาศเสียงใส ขณะที่ทุกคนในครอบครัวล้อมวงกันอยู่หน้าเครือกล้วยน้ำว้าขนาดใหญ่ซึ่งปั้นขลิบก็ได้แต่ทำตาปริบ ๆ พลางกินกล้วยสุกในมือเคี้ยวจนแก้มตุ่ย "อย่างแรกเลย...เราจะทำกล้วยบวชชี เนื่องจากเมื่อวานนี้ลูกค้าบ่นว่ามีน้อยเกินไป แต่วันนี้หนูจะทำให้มันแตกต่างจากเมื่อวานเล็กน้อยจ้ะ" การเริ่มต้นของเธอทำให้พ่อกับแม่รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก "นอกจากที่เราจะใช้พิมพ์วิเศษของคุณยายกดเป็นรูปดอกไม้สวย ๆ แล้ว เคล็ดลับที่จ
ลมหมุนนั้นพัดจากหลังบ้านของปลากริมผ่านตรอกซอกซอยมุ่งหน้าไปยังตลาดใหญ่ใจกลางชุมชนที่ซึ่งมีศาลไม้มงคลหลังเล็ก ๆ ทาสีแดงสดตั้งอยู่อย่างโดดเด่น...ศาลของ "แม่นางกวัก" เทพแห่งการค้าขายที่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดนับถือกันเป็นอย่างมาก เมื่อมาถึงหน้าศาลลมหมุนนั้นก็คืนร่างเป็นแม่นางตานีผู้งดงาม นางมองเข้าไปในศาลที่บัดนี้มีร่างทิพย์ของสตรีในชุดไทยสไบเฉียงสีแดงสดนั่งพับเพียบในท่ากวักมือเรียกทรัพย์อันเป็นเอกลักษณ์ "พี่นางกวักจ๋า...น้องมีเรื่องมาขอให้พี่ช่วยจ้ะ" แม่นางตานีเอ่ยทักทายสหายเก่าเสียงหวาน แม่นางกวักลืมตาขึ้น แววตาของนางดูเฉียบคมและเปี่ยมด้วยบารมี ต่างจากแววตาอ่อนโยนของแม่นางตานี "ว่ามาสิน้องตานี มีเรื่องอันใดรึถึงมาหาพี่ถึงที่นี่" แม่นางตานีจึงเล่าเรื่องของเด็ก
"ทำห่อหมกครับป้า เอาไว้ผมจะเอาไปขายนะครับ" สิงห์ตะโกนตอบกลับไป "เออ เอาสิ กลิ่นหอมแบบนี้น่าจะอร่อยทีเดียว เสร็จแล้วเอามาให้ป้าลองสักห่อนะ!" เสียงป้าชื่นตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี คำพูดนั้นทำให้สิงห์ใจชื้นขึ้นมาอีกเป็นกอง เขามองลูกสาวตัวน้อยที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ข้างเตาถ่านราวกับว่าห่อหมกเป็นสมบัติล้ำค่า ไม่นานนักห่อหมกทั้งหมดก็สุกได้ที่พอดี ปลากริมใช้ผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ จับฝาซึ้งที่ร้อนระอุออกอย่างระมัดระวัง ไอความร้อนที่หอมกรุ่นพวยพุ่งขึ้นมาปะทะใบหน้า เนื้อห่อหมกในกระทงใบตองดูนุ่มฟู หัวกะทิที่หยอดไว้แตกมันสวยงามน่ากินเป็นที่สุด สมองของเชฟสาวในร่างเด็กเริ่มทำงานถึงราคาขาย (ปลาช่อนตัวใหญ่มาก ได้เนื้อปลาเยอะ เราทำออกมาได้ทั้งหมด 15 กระทงพอดี...ตั้งราค
Comments