‘พี่ชาย! คุณฟังฉันนะ ให้คุณชวนพ่อแม่ไปยังหลังต้นไม้ใหญ่ตรงนั้นจากนั้นจะมีขอนไม้ผุ ๆ อยู่จำนวนมาก ด้านหลังของพวกมันมีเห็ดและสมุนไพรล้ำค่าอยู่’
แม้ว่าเสี่ยวเฉินจะมีอายุยังน้อยทว่าเขากลับรู้ความมากกว่าเด็กวัยเดียวกันและหลังจากได้ยินจากน้องสาวว่ามีของล้ำค่าดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
‘น้องสาวของล้ำค่านี่แลกนมให้น้องและข้าวสารได้ไหม’
‘ได้สิพี่ชาย อีกทั้งยังจะแลกเงินได้ด้วยนะ’
ดวงตาของพี่ชายหมาด ๆ สว่างวาบ อีกทั้งไม่ต้องรอให้น้องน้อยพูดซ้ำสอง มือของเจ้าตัวที่กำลังจับมือใหญ่ของคนเป็นพ่อก็พยายามดึงพ่อของตนให้มาทางที่น้องสาวบอก
“เสี่ยวเฉิน ลูกจะพาพ่อไปไหน”
“น้องสาว บอกว่ามีสมุนไพรล้ำค่าอยู่ตรงนั้นฮับ” น้ำเสียงไม่ชัดเจนดังขึ้นทีละประโยค
“ลูกรัก น้องสาวของหนูยังพูดไม่ได้นะครับ” การสนทนาของพ่อกับลูกชายได้หยุดฝีเท้าของจ้าวเหยาให้เหลียวหลังกลับไปทางพวกเขาสลับกับใบหน้าเล็กจ้อยในห่อผ้า
(หมดกัน ๆ พี่ชายคุณขายฉันเสียแล้ว!) เจ้าตัวเล็กส่งเสียงอ้อแอ้ตามประสาพร้อมกันนั้นดวงตากลมก็จ้องตอบแม่หมาด ๆ ของตนด้วย
“เด็กดี ลูกน่ารักเหลือเกิน” หัวใจของจ้าวเหยาอ่อนยวบ
“พ่อ ไป” เสี่ยวเฉินยังคงตื้อ เขาจะไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดไม่อย่างนั้นน้องก็จะไม่มีนมกิน
“ก็ได้ ๆ แต่ลูกแน่ใจนะว่าเป็นน้องสาวบอกมา” หรูจื่อพูดหยอกเย้าอย่างไม่คิดจริงจัง
“ฮับ พ่อไป” เจ้าตัวน้อยพยักหน้าพลางดึงมือของบิดาด้วยกลัวว่าเขาจะไม่เชื่อ
“พ่อไปดูเองตรงนั้นมันรก หนูรอพ่ออยู่ตรงนี้กับแม่นะ” มือใหญ่ของหรูจื่อวางลงบนศีรษะของเขาก่อนจะใช้ไม้เท้าพาตัวเองเดินโขยกเขยกไปทางต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้า
สายตาคมของชายหนุ่มกวาดดูโดยทั่วอย่างระมัดระวังก็ยังไม่เห็นสิ่งใด และในขณะที่เจ้าตัวกำลังจะหันกายกลับน้ำเสียงเล็ก ๆ ของบุตรชายก็ดังขึ้นเสียก่อน
“พ่อ หลังขอนไม้ตรงนั้นฮับ” เขาพูดตามที่ได้ยินมาจากคนเป็นน้อง
(เอาเถอะลองเสี่ยงดูก็แล้วกัน) หรูจื่อคิดก่อนจะใช้ไม้ค้ำยันตีลงพื้นเพื่อหวังไล่สัตว์มีพิษก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามเดินไปทางหลังขอนไม้ผุ ๆ จำนวนมากและสิ่งที่เขาเห็นก็ทำให้ดวงตาต้องเบิกกว้าง
“ภรรยา! มาดูตรงนี้สิครับ” น้ำเสียงอันแตกตื่นของสามีได้ทำให้จ้าวเหยาไม่อาจรั้งรอ ดังนั้นหล่อนจึงได้กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางเขาด้วยความตกใจ
“สามี! เกิดอะไรขึ้น คุณเป็น..” น้ำเสียงของหญิงสาวขาดหาย
“สามี พวกเราไม่ได้ฝันใช่ไหมคะ นะ..นั่นคือเห็ดแดงไม่ใช่เหรอและยังมีเห็ดหูหนูจำนวนไม่น้อยอีกด้วย” จ้าวเหยานิ่งค้างมองภาพดอกเห็ดสีแดงที่กำลังสะท้อนกับแสงแดดด้วยดวงตาฉ่ำน้ำ
“ภรรยา พวกเราไม่ได้ฝันไปหรอกครับ เรามีเงินพอซื้อนมให้เจ้าตัวเล็กแล้ว อีกทั้งยังเหลือพอซื้อผ้ารวมถึงข้าวสารธัญพืชที่ร้านค้าของรัฐด้วย” มือหนาหยาบกระด้างของหรูจื่อโอบไหล่บางของจ้าวเหยากล่าวเสียงสั่น
“แต่สามีคะ คุณคิดว่าพวกเราจะนำเห็ดแดงไปขายที่ไหนถึงจะเลี่ยงสายตาของผู้คน” หลังผ่านพ้นความยินดีคนทั้งคู่ก็ต้องมาหนักอกกับปัญหาที่ยากจะแก้ไข
“เรื่องนี้เอาไว้ให้ผมหาทางเอง เพียงแต่พวกเราไม่อาจขายได้คราวเดียวดังนั้นเห็นทีว่าคงจะค่อย ๆ มาเก็บและยังต้องคอยระวังคนอื่นเอาไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นหากมีคนมาพบเห็นพวกเราคงไม่อาจทำเงินจากมันได้อีก”
เจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนของแม่ฟังการสนทนาอย่างเข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างดี
‘เจ้านาย! ขายให้ผมรับรองว่าจะไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลังด้วย’ เสียงน้ำนมของระบบพูดขึ้น
‘ได้’
ในระหว่างที่หรูจื่อกำลังเก็บเห็ดหลินจือแดงอย่างระมัดระวังอยู่นั้น บุตรชายตัวน้อยก็ส่งเสียงในสิ่งที่ต้องทำให้พ่อกับแม่แสดงความประหลาดใจ
‘พ่อ ผมขอ’ เมื่อลูกชายอยากได้แม้ว่าของสิ่งนี้จะล้ำค่าสักปานใดก็ไม่มีความหมายเท่าคนเป็นลูก
อีกอย่างหรูจื่อคิดว่าการที่เขาพบของล้ำค่าก็เป็นเพราะผลงานของบุตรชาย ดังนั้นเจ้าตัวจึงได้ยื่นเห็ดแดงให้มือน้อยของลูกอย่างไม่เสียดาย
“เสี่ยวเฉินเด็กดี หนูห้ามเอาเข้าปากนะ” จ้าวเหยาเอ่ยเตือนอย่างเอ็นดูยามเมื่อเห็นท่าทางของบุตรชายที่กำลังมองเห็ดในมืออย่างสนใจ
(น้องสาวบอกว่าให้ลองขอมาหนึ่งดอก จากนั้นพ่อแม่จะรู้เองว่าจะต้องทำยังไง) เจ้าตัวเล็กครุ่นคิดพลางมองความว่างเปล่าในมืออย่างตื่นตระหนก “แม่! หาย”
ใบหน้าของคนตัวเล็กซีดขาวดวงตาของเจ้าตัวรื้นขึ้นหยาดน้ำกำลังคลอหน่วยเพราะคิดว่าได้ทำให้นมของน้องน้อยหายไปแล้ว
‘พี่ชาย! ไม่ต้องร้อง ฉันเอาเห็ดมาเอง’ เสียงของน้องสาวคล้ายน้ำทิพย์ปลอบประโลม
‘จริงเหรอ’
แอ้ แอ้ เจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนของแม่ส่งเสียงตอบพลางโบกไม้โบกมือ ฉับพลันความอัศจรรย์ก็บังเกิดเมื่อมีนมผงสามกระป๋อง ข้าวสารขาวอย่างดีถูกวางอยู่บนพื้นดิน ดวงตาของจ้าวเหยาเบิกกว้างก่อนที่หล่อนจะส่งเสียงเรียกหรูจื่อ
ผิดกลับเจ้าตัวน้อยหรูเฉินที่กำลังกระโดดโลดเต้นรอบสิ่งของเหล่านั้น “น้องสาว! น้องสาวเก่ง เก่ง”
หรูจื่อเมื่อได้เห็นสิ่งของที่จู่ ๆ ก็ปรากฏออกมาเจ้าตัวก็มีอาการไม่ต่างจากเมียรัก
‘พี่ชาย! พ่อกับแม่จะกลัวฉันไหม’ น้ำเสียงของหรูฟู่ซิงสั่นเครือ
‘เจ้านาย! อย่ากลัว พวกเขาเป็นคนดี’
‘เป๋าเอ๋อร์ เขาจะไม่คิดว่าฉันเป็นปีศาจหรอกใช่ไหม ฮือ ๆ ฉันไม่อยากถูกเผาทั้งเป็นนะ’ เสียงร้องไห้ของคนในอ้อมแขนได้เรียกสติของจ้าวเหยากับหรูจื่อ
“ภรรยา หรือว่าลูกจะหิว” หรูจื่อสันนิษฐานก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามกล่อมคนตัวเล็กอีกแรง
“พ่อ น้องกลัว”
สองสามีภรรยามองหน้ากันแล้วก็สามารถเข้าใจได้ในทันที “ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราจะปกป้องลูกเองแต่ว่าการที่ลูกเสกของได้นี่จะต้องเก็บเป็นความลับเข้าใจไหมครับ” หรูจื่อคิดว่าเจ้าตัวเล็กย่อมเข้าใจที่ตนพูด
และดูเหมือนว่าความคิดของเขาจะคิดถูกเพราะหรูฟู่ซิงได้หยุดเสียงของตนลงคงเหลือเพียงเสียงสะอื้นเล็กน้อยกับดวงตาวาวฉ่ำน้ำ
เมื่อหรูฟู่ซิงหยุดร้องไห้ จ้าวเหยาก็รีบวางห่อผ้าของเด็กน้อยลงข้างบุตรชายของตน
“เสี่ยวเฉินเรื่องของน้องสาวลูกห้ามบอกใครนะไม่อย่างนั้นน้องจะเป็นอันตราย” คำพูดยาก ๆ เช่นนี้หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าลูกจะฟังเข้าใจหรือไม่ดังนั้นหล่อนจึงได้เปลี่ยนคำพูดใหม่
“ลูกห้ามบอกใครเรื่องน้องสาว ไม่อย่างนั้นจะมีคนมาจับน้องไปเข้าใจไหม” คราวนี้ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเล็กจะเข้าใจดังนั้นเขาจึงพยักหน้าอีกทั้งยังเอามือโอบห่อผ้าของน้องน้อยเอาไว้ราวปกป้องอีกด้วย
จ้าวเหยาได้นำสิ่งของทั้งหมดใส่ลงในตะกร้า ส่วนหรูจื่อก็จัดการเก็บเห็ดทั้งหมดเช่นกันเพราะเขาเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องเกี่ยวข้องกับเห็ดแดงอย่างแน่นอน
โดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าเห็ดที่เขาเก็บมาที่นอนนิ่งอยู่ในกระบุงสานด้านหลังได้ถูกเป๋าเอ๋อร์กวาดเข้ามิติไปแล้วทั้งหมด
‘เป๋าเอ๋อร์ เก็บเอาไว้ก่อนอย่าเพิ่งขายนะ ฉันอยากแลกเป็นยาให้ย่าแต่ขอดูนิสัยใจคอของเธอก่อน’
‘ได้เลย เจ้านาย’ เสียงน้ำนมของระบบตอบรับอย่างเชื่อฟัง หากหรูฟู่ซิงฟังให้ดีจะรู้ได้ว่าน้ำเสียงของเป๋าเอ๋อร์นั้นเต็มไปด้วยความสดใสระคนยินดี
คล้อยหลังจากรถยนต์คันหรูจากไป เมิ่งหลิงก็หันมาหาคนที่ไปบอกพวกตนที่บ้านว่าหรูจื่อไปทำให้คนขุ่นเคืองทันที“สหายคนนั้นหยุดเดี๋ยวนี้” เสียงของเมิ่งหลิงตะโกนอย่างดุดันชายร่างผอมสวมเสื้อผ้าหยาบเหมือนกับชาวบ้านทั่วไปสะดุ้งจนตัวโยน“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” เขาแย้งอย่างร้อนตัว“ไม่ผิด! คุณไปบอกพวกเราว่าหรูจื่อถูกจับเพราะไปทำให้คนใหญ่คนโตขุ่นเคืองเขาถึงได้ตามมาเอาเรื่องไม่ใช่เหรอ อย่างนี้จะเรียกว่าไม่ผิดได้ยังไง” เมิ่งหลิงไม่ปล่อยผ่าน“หวังเค่อ คุณไปพูดอย่างนั้นได้ยังไงครับ การที่คุณทำให้คนอื่นเสียหายเช่นนี้ ห็นทีว่าผมคงจะต้องส่งคุณไปให้ผู้กำกับสวีปรับทัศนคติ” คำพูดของเจิ้งฟู่ฉีทำให้เข่าของเจ้าของชื่อพลันอ่อนยวบ“หัวหน้าหน่วยเจิ้ง ผมอาสาไปส่งเขาเอง” ฉางซูเหิงกล่าวออกมาเสียงดังโดยมีซ่งเจียหาวพยักหน้าสนับสนุน“ผมไม่ไป ผมขอโทษ ปล่อยผมไปเถอะ ต่อไปนี้ผมรับรองว่าจะไม่พูดจาเหลวไหลแบบนี้อีกแล้ว” ชายคนนั้นเอ่ยขอร้องทั้งน้ำตา หว่างขาของเขามีน้ำไม่พึงประสงค์ไหลออกมาจนเปียกชุ่ม“เหม็นชะมัด! พวกเราแยกย้าย” ชาวบ้านจำนวนมากที่หวังชมเรื่องสนุกพากันถ
นายทหารคนนี้พาชายหนุ่มทั้งคู่เดินมายังห้องทำงานของเจ้าของบ้านที่กำลังมีใบหน้าเคร่งเครียดเสียงเคาะประตูดังขึ้นในขณะที่เขากำลังลูบแหวนหยกที่สวมติดนิ้วโป้งข้างขวาในยามมีเรื่องไม่สบายใจ“เข้ามา” น้ำเสียงดุดันดังขึ้นก่อนประตูจะเปิดออกจากคนด้านนอก“สหายเจียง คุณมาแล้ว” เจ้าของห้องลุกขึ้นยืนอย่างมีความหวังเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใคร“สวัสดีครับท่าน” เจียงหย่งเฉียงถอดหมวกค้อมเอวลงกล่าวทักทายอย่างสุภาพ“ไม่ต้องมากพิธี ว่าแต่นี่ใครอย่างนั้นเหรอ” ชายวัยกลางคนที่อยู่ในห้องเดินเข้ามาหาเขาอย่างสนิทสนมพร้อมกับส่งสายตาเป็นสัญญาณให้นายทหารคนนั้นออกไปเสียงประตูปิดลง เจียงหย่งเฉียงจึงได้แนะนำหรูจื่อออกมาด้วยรอยยิ้ม “น้องชายของผมเองครับ” น้ำเสียงของเขาฉายแววภาคภูมิใจอยู่ในที“น้องชาย! ใช่คนที่สหายเล่าให้ฟังเมื่อครั้งก่อนหรือเปล่า อืมดูหน่วยก้านไม่เลวแต่ว่าทำไมถึง” คำพูดของเขาหยุดลงเมื่อสังเกตเห็นการเดินของหรูจื่อ“สวัสดีครับ ผมหรูจื่อและนี่ลูกสาวของผมอ้ายอ้าย” หรูจื่อหาได้รู้สึกถึงปมด้อยของตนถอดหมวกค้อมเอวลงทักทายเขาและแนะนำเจ้าตัวเล็กในกระเป๋
เสียงหวูดรถไฟดังกังวานไปทั่วสถานีเพื่อเตือนผู้คนให้เตรียมตัว “รถไฟมาแล้ว” เจียงหย่งเฉียงพูดขึ้นพลางกระชับกระเป๋าถือทำจากหนังสีน้ำตาลอ่อนในมือและเมื่อขบวนรถไฟสีเขียวเข้มที่มีเส้นคาดสีเหลืองจอดนิ่งอยู่บนราง ผู้โดยสารที่สวมเสื้อผ้าล้วนแล้วแต่เป็นสีเข้มแบบเรียบง่าย หรือไม่ก็เป็นชุดทหารตามความนิยมก็เริ่มทยอยกันเดินออกจากตู้ด้วยท่าทางไม่รีบไม่ร้อนเจ้าตัวเล็กในกระเป๋าเป้สะพายด้านหน้าของคนเป็นพ่อมองผู้คนในยุคนี้ที่หลายคนแบกกระสอบผ้าป่านขึ้นบ่าหรือไม่บางคนก็ถือกล่องไม้มัดด้วยเชือกป่านอย่างสนใจจนกระทั่งเธอได้เข้ามาด้านในขบวนรถไฟ ดวงตาของเด็กหญิงก็ไม่วายมองสำรวจทางนั้นทีทางนี้ทีด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกคำรบตัวม้านั่งโดยสารเป็นไม้แข็งเรียงกันสองฝั่ง บางส่วนมีเบาะหนังแบบเก่าซึ่งเริ่มลอกออกเนื่องจากผ่านการใช้งานหนักมาอย่างยาวนานพื้นที่ตรงกลางทางเดินค่อนข้างคับแคบจากการที่มีสิ่งของรวมถึงสัมภาระล้นออกจากการถูกวางกองไว้ใต้ที่นั่งหรือบนชั้นวางเหล็กเหนือหัว จึงทำให้ทุกสิ่งดูระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ เสียงพูดคุยของผู้คนที่มาอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมากดังจอแจแล
เป๋าเอ๋อร์ นายช่วยดูหน่อยสิว่าพ่ออยู่ที่ไหน ทำไมเย็นป่านนี้แล้วเขาถึงยังไม่กลับมาอีก เจ้าตัวเล็กที่กำลังชะเง้อคอยาวคล้ายยีราฟเข้าไปทุกทีอดเป็นกังวลไม่ได้จึงได้สื่อสารกับระบบคู่หูอย่างกังวลได้เลยครับ สิ้นคำของระบบเจ้าตัวพลันรับรู้ได้ทันทีว่าบิดาของเจ้านายอยู่ตรงไหนและกำลังทำอะไร‘พ่อ! คุณกำลังทำอะไรอยู่ครับ ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านอีก’ หรูจื่อค่อนข้างตกใจในเสียงที่ได้ยิน‘ท่านเทพเหรอ พอดีว่าผมกำลังดูเจ้าพืชต้นนี้อยู่เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนว่ามันคืออะไร แต่สหายจิงบอกว่ามันคือโสม แต่หล่อนก็ไม่มั่นใจพวกเราจึงได้แต่รั้ง ๆ รอ ๆ ว่าจะเอายังไงดี’‘มันคือโสมและอายุของมันไม่น้อยกว่าห้าสิบปีดังนั้นพ่อสามารถขุดมันขึ้นมาได้เลย แต่จะต้องระวังรากของมันหน่อยหากว่ารากมีความสมบูรณ์มากราคาเองก็จะดีตามมาด้วยเช่นกัน’เมื่อหรูจื่อได้ยินคำพูดยืนยันเช่นนี้ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่รอช้าเขาจึงนั่งยองและใช้มีดสั้นที่เหน็บเอวเอาไว้เริ่มทำการขุดดิน รอบ ๆ ต้นพืชชนิดนี้อย่างระมัดระวัง“พี่ชาย คุณทำอะไร” ฉางซูเหิงถามขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้“สหายจ
“เงินนี่มันจะไม่มากเกินไปหรือครับ” หรูจื่อมองธนบัตรที่วางเป็นปึก ๆ ตรงหน้าถามออกมาด้วยความกังวล“ไม่มากหรอก น้องหรูรับไปเถอะอย่าได้เกรงใจ แต่ผมขอแนะนำให้สหายนำเงินไปฝากกับธนาคารของรัฐจะดีกว่าเงินมากแบบนี้พกไปไหนมาไหนด้วยย่อมไม่ปลอดภัย เอาอย่างนี้ก็แล้วกันผมจะให้เจียงเทาพาไป” เถากวางโถวพูดเองเออเองเสร็จสรรพ“ถ้าอย่างนั้น ผมต้องขอรบกวนท่านแล้ว” หรูจื่อเองก็เห็นด้วยแม้ว่าท่านเทพจะสามารถช่วยรักษาเงินจำนวนนี้เอาไว้ได้ก็จริง แต่ว่าต่อหน้าคนที่ไม่รู้การที่เขาจะรับน้ำใจแบบนี้ไว้ย่อมไม่เสียหายในขณะที่ผู้ใหญ่กำลังเจรจา เจ้าตัวเล็กอ้ายอ้ายที่ถูกคุณนายของบ้านอุ้มออกมายังอีกห้อง ในตอนนี้เธอกำลังกลายเป็นตุ๊กตาตัวน้อยโดยการที่คุณนายกับลูกสาวจับแต่งตัวกำลังอ้าปากหาวด้วยความเบื่อหน่าย“แม่คะ เจ้าตัวเล็กคงจะง่วง” เถาเหลียนฮวาพูดขึ้นหลังจากเธอได้รับการตรวจร่างกายและมาเล่นกับเด็กหญิง“นั่นสิ จะว่าไปเด็กคนนี้ไม่งอแงเหมือนเด็กคนอื่นเลยน่ารักเลี้ยงง่ายและบางครั้งก็ดูเหมือนว่าจะฟังพวกเรารู้เรื่องด้วย” หลินหงพูดขึ้นพลางอุ้มเจ้าตัวน้อยมากล่อมนอนหรูจื่อที่เดินตามเจ้
“หากคุณได้รับยาต่อเนื่องอาการคงไม่ร้ายแรงเท่านี้ แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่ไม่สายจนเกินไป” หมอผู้อยู่ในชุดกราวน์สีขาวสวมหน้ากากอนามัยพูดขึ้นต้วนฉีเหวินไม่ได้ถูกจัดให้นอนในโรงพยาบาลเนื่องจากเตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ ดังนั้นหลังจากรับยาเขาจึงต้องกลับมาพักที่บ้านซึ่งเรื่องนี้ย่อมนำพาความยินดีมาให้สองสามีภรรยาไม่น้อยเป๋าเอ๋อร์ นายไม่มียารักษาเหรอ เจ้าตัวเล็กหรูฟู่ซิงถามขึ้นในระหว่างที่พวกเธอกำลังนั่งรถลากกลับบ้านต้วนมีครับ แต่ที่ให้เขามาหาหมอก็เพื่อที่ผมจะได้นำยาออกมาใส่ให้เขากินได้สะดวก เป็นยังไงความคิดของผมฉลาดมากเลยใช่ไหมล่ะ หากเจ้าตัวมีหางหรูฟู่ซิงคาดว่าหล่อนคงจะได้เห็นหางเล็ก ๆ ของเขากระดิกไปมานายยอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกเลยสหาย หรูฟู่ซิงไม่ทำให้เขาผิดหวังเธอกล่าวชมออกมาอย่างจริงใจเสียงหัวเราะอันเบิกบานของคนตัวเล็กทำให้นางเมิ่งกับหรูเฉินพลันเกิดความรู้สึกอารมณ์ดีตามรถลากทั้งสามคันกำลังเลี้ยวเข้าไปทางตรอกในทิศใต้ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าได้มีคนจับตามองด้วยแววตาวาววับ “รีบไปบอกหัวหน้า” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นคล้อยหล