ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60

ฉันเกิดใหม่เป็นหลานสาวชาวนายุค60

last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-21
ภาษา: Thai
goodnovel4goodnovel
คะแนนไม่เพียงพอ
10บท
45views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

ในช่วงที่หญิงสาวกำลังรู้สึกสิ้นหวังในชีวิต เธอได้ช่วยชีวิตหญิงชราคนหนึ่งเอาไว้ นับตั้งแต่วันนั้นชิวิตของเธอก็เปลี่ยนไปตลอดกาล

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

ตอนที่1 โชคร้ายนี้เป็นของฟางซิน?

“คุณฟาง นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปคุณไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ เนื่องจากบริษัทมีการลดจำนวนพนักงานตามนโยบาย และผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยที่คุณเป็นหนึ่งในนั้น ส่วนซองนี้เป็นเงินค่าชดเชยผมหวังว่าคุณจะหางานใหม่ได้ในเร็ววัน” น้ำเสียงของชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้ายังคงดังก้องในหัวของหญิงสาววัยยี่สิบห้าปี นามของเธอคือฟางซิน ในขณะที่หญิงสาวกำลังเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงไปตามริมทางเท้า หลังจากเดินออกจากบานประตูกระจกหมุนซึ่งเป็นที่ทำงานของตนมาตลอดระยะเวลาสามปี

            (เหอะ! ลดพนักงานลงตามนโยบายอย่างนั้นหรือ งี่เง่าสิ้นดี ไล่ฉันออกก็มีคนมาเสียบต่อทันทีอย่างนี้เขาเรียกว่าลดตรงไหน ประเทศนี้มันเป็นอะไรกันคนไม่มีเส้นสายมักจะถูกรังแกอยู่เสมออย่างนั้นหรือ) หญิงสาวคิดในระหว่างที่เดินไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย

            ใบหน้าห่อเหี่ยวของเธอมองซองสีขาวยับยู่ยี่ในกำมือแน่น (เงินชดเชยสามเดือนแลกกับการปิดปากไม่ให้ฉันไปร้องเรียน จะว่าคุ้มก็ไม่เชิง จะว่าไม่คุ้มก็ไม่ใช่อีกเหมือนกัน ถ้าเป็นคนอื่นคงได้ประท้วงไปแล้ว แต่ใครใช้ให้คนนั้นเป็นฉันกันล่ะ

อยู่ตัวคนเดียวญาติพี่น้องไม่มี ชีวิตเด็กกำพร้าที่ปากกัดตีนถีบมาตลอดมันก็ต้องดิ้นกันต่อไปล่ะนะ เอาเถอะในเมื่ออยู่เมืองใหญ่ไม่ได้ก็ไปอยู่เมืองอื่นก็แล้วกัน) หญิงสาวคิดเรื่อยเปื่อยในขณะที่สองเท้าเดินไปยังจุดรอรถประจำทางเบื้องหน้า

            แต่แล้วสายตาของเจ้าตัวก็มองเห็นหญิงชราท่าทางงก ๆ เงิ่น ๆ เดินอยู่ตรงทางข้ามแยก ซึ่งอีกไม่นานสัญญาณไฟจะเปลี่ยนสี “แย่แล้ว!”

            ฟางซินไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยในการวิ่งไปช่วยหญิงชราคนนั้น “คุณยาย!” เธอตะโกนขึ้นจนสุดเสียงเมื่อมองเห็นรถยนต์คันหนึ่งพุ่งตรงไปยังร่างของผู้ที่ตนกำลังจะเข้าไปช่วยเหลือ

            ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถคนนั้นกำลังจะชนเข้ากับร่างของหญิงชรา ฟางซินก็ได้ผลักร่างกายผอมบางของหญิงคนนั้นให้พ้นรัศมีของพญามัจจุราชไปได้อย่างฉิวเฉียด

            แต่ทว่าผู้โชคร้ายนั้นกลับเป็นตัวของฟางซินเองที่เป็นผู้มารับเคราะห์แทนในครั้งนี้

            ร่างของหญิงสาวลอยละลิ่วราวว่าวขาดออกจากเชือกก่อนที่จะตกกระแทกลงกับพื้นถนน เสียงผู้คนกรีดร้องไม่ได้เข้าหูผู้กำลังนอนมองท้องฟ้าด้วยดวงตาพร่ามัว

            “เจ็บ อย่างน้อยฉันก็ได้ทำความดีก่อนตายละนะ” ถ้อยคำพึมพำแผ่วเบาผสมกับเลือดสีแดงสดก่อนดวงตาของหญิงสาวจะปิดลงตลอดกาล

            วิญญาณของฟางซินมองสภาพแสนอเนจอนาถของตัวเองด้วยความรู้สึกชวนอดสู

            “ความโชคร้ายนี้ช่างเป็นของฉันฟางซินคนนี้จริง ๆ ถูกเชิญออกจากงานยังไม่พอ มาช่วยคนข้ามถนนก็มาโดนรถชนตายสภาพดูไม่ได้ อ๊ะ! ว่าแต่คุณยายที่เราช่วยไว้ไปไหนแล้ว”

            วิญญาณของฟางซินหันซ้ายแลขวาแต่แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อจู่ ๆ มีมืออันเย็นเยียบของใครบางคนจับหัวไหล่ของเธอจากทางด้านหลัง

            “มองหาฉันอยู่หรือแม่หนู ขอบใจนะที่ช่วยฉันเอาไว้โดยไม่ห่วงชีวิตตัวเอง” น้ำเสียงของผู้พูดไม่คล้ายกับหญิงชราเฉกเช่นรูปลักษณ์ทำให้ฟางซินหัวคิ้วชนกันด้วยความสงสัย

            “เธอนี่ตลกดีนะ ฉันนึกว่าจะแปลกใจเสียอีกที่เห็นฉันในสภาพเช่นนี้แต่ทว่ากลับสงสัยในน้ำเสียงของฉันแทน”

            (อุ๊ต๊ะ! คุณยายอ่านใจเราได้ด้วย) เจ้าตัวคิด

            “ฉันไม่ได้อ่านใจได้หรอก เพียงแต่ใบหน้าของเธอมันฉายชัดออกมาต่างหาก”

            ฟางซินยิ้มแหยก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยความเสียใจ เนื่องจากเจ้าตัวคิดว่าเธอไม่สามารถช่วยหญิงชราเอาไว้ได้นั่นเอง “หนูขอโทษนะคะ ที่ไม่สามารถช่วยคุณยายเอาไว้ได้”

            “ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก ความจริงแล้วรถคันนั้นมองไม่เห็นฉันตั้งแต่แรกแล้ว โน ๆ เธออย่ามองฉันแบบนั้นสิ ฉันไม่ใช่วิญญาณหาตัวตายแทนอย่างที่เธอคิดนะ ฉันเป็นเทพต่างหาก และกำลังมองหาผู้ที่มีชะตาต้องกันไปรับทำหน้าที่บางอย่าง

ซึ่งบังเอิญว่าเป็นเธอที่มาช่วยฉันเอาไว้และมีคุณสมบัติตามที่ฉันต้องการ” ฟางซินนิ่งฟังหญิงชราก่อนที่เธอจะเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี

            “คุณยายคะ การที่จะหาใครสักคนให้ทำหน้าที่แทน ฉันคิดว่าอย่างน้อย ๆ คุณยายก็ควรถามความเห็นของเขาก่อนไหมคะ ไม่ใช่ว่าจะมาทำแบบนี้และดูสภาพศพของฉันสิแหลกเหลวไปทั้งร่างหาดีไม่ได้เลย แถมซ้ำผู้คนยังลือกันไปอีกว่าฉันฆ่าตัวตาย” วิญญาณสาวกล่าวตัดพ้อ

            “เธออย่าได้โทษฉันเรื่องนี้เลย ความจริงคือเธอนะดวงชะตาขาดแล้วเพียงแต่ว่าได้มาเจอเข้ากับฉันจึงทำให้ยังไม่มีใครมารับต่างหาก แต่ถ้าหากเธอไม่รับข้อเสนอพวกเขาก็คงจะต้องมารับวิญญาณของเธอในไม่ช้านี่แหละ” เทพในร่างหญิงชรากล่าวตามจริง

            “จริงหรือคะ แต่ฉันยังไม่ทันได้ใช้เงินที่ได้มาเลยนะ เฮ้อ! คิดแล้วก็เศร้าแปลก ๆ” ฟางซินถอนใจอย่างเสียดาย

            “ไม่ต้องเสียดายไปหรอก เพราะหากเธอรับข้อเสนอของฉัน เงินรวมถึงความโชคดีจะมีต่อเธอดั่งสายน้ำไหลทีเดียว” เทพ ในร่างหญิงชรากล่าวชวนเชื่อโดยที่เจ้าตัวปิดบังความจริงไว้กึ่งหนึ่ง

            “จะมีสิ่งดี ๆ อย่างนี้จริงหรือคะ ไม่ใช่ว่าคุณยายจะคุยโวให้ฉันรับปากหรอกนะ” ฟางซินหรี่ตามองผู้พูดด้วยแววตาเคลือบแคลง

            “ฉันจะหลอกทำไม อีกอย่างเธออยากมีครอบครัวไม่ใช่หรือ โลกใบนั้นมีครอบครัวของเธอด้วยนะ เป็นอย่างไรเริ่มสนใจขึ้นมาบ้างหรือยัง”

            ฟางซินนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิดไปชั่วขณะหนึ่งความ คิดของเธอเริ่มที่จะเอนเอียงไปทางคำว่าครอบครัว ซึ่งตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่เกิดมาจนตกตายไม่เคยได้สัมผัสเลยสักครั้ง

            “แล้วหน้าที่นั้นคืออะไรหรือคะ”

            “เมื่อถึงเวลาเธอจะรู้เองแต่ฉันรับรองได้ว่าไม่เกินความ สามารถของเธอหรอก และฉันจะยังมีของแถมให้ด้วย ว่าอย่างไรเวลาไม่คอยท่า หากฉันไม่ส่งเธอไปเกิดใหม่ในตอนนี้เขาจะไม่ยอมแล้วนะ”

            “ตกลงค่ะ” ฟางซินตอบหลังจากเห็นท่าทางอันร้อนรนของหญิงชรา “เป็นคำตอบที่ฉลาดมาก ฉันขออวยพรให้เธอโชคดี ของแถมจะปรากฏเมื่อเธอมีอายุได้หนึ่งปีจำไว้นะจงใช้สติและสิ่งที่ได้ไปให้คุ้มค่าล่ะ เอาไว้ค่อยพบกันใหม่ในภายหลัง”

            จบคำของเทพผู้อยู่ในรูปลักษณ์ของหญิงชราร่างวิญญาณของฟางซินก็ถูกท้องฟ้าเบื้องบนดูดกลืนเข้าไป

            โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะต้องไปเกิดยังยุคแห่งความอดยากและที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือเป็นยุคแห่งประวัติศาสตร์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกด้วย

            สายลมเย็นของการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิได้นำพาความสดชื่นให้กับผู้คนใช้แรงในขณะที่กำลังนั่งพักอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่

            จู่ ๆ หญิงสาวคนหนึ่งก็เริ่มรู้สึกเจ็บท้องคลอดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “โอ๊ย! มะ..แม่ฉันเจ็บท้อง” น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นดังออกมาจากริมฝีปากขาวซีดของลูกสะใภ้คนที่สาม

            ทำให้หญิงวัยกลางคนรีบลุกขึ้นเดินมาทางหล่อนด้วยความร้อนใจ

            และเมื่อนางเห็นท่าไม่ดีจึงได้ตะโกนเรียกให้หลานชายคนโตวัยหกขวบไปตามลูกชายคนที่สามที่ยังอยู่ในแปลงนา

            “ต้าซวนรีบไปเรียกพ่อเร็ว ส่วนเอ่อห่าวรีบไปบอกป้าสะใภ้สองให้ไปตามหมอตำแยสี่มาเร็วเข้า แม่พวกแกกำลังจะคลอดน้อง”

            เด็กชายผู้มีใบหน้าคล้ายกันรีบวิ่งออกไปทำตามคำสั่งผู้เป็นย่าด้วยความรวดเร็ว

            “พ่อ! แย่แล้วแม่จะออกน้อง” เด็กชายวัยหกขวบตะโกนไปพลางวิ่งไปพลาง “แกว่าอะไรนะ” ชายหนุ่มผู้อยู่ห่างออกไปตะโกนกลับมาเมื่อได้ยินไม่ชัดเจน

            “แม่จะออกน้อง” กู้ซีซวนหรือต้าซวนรวบรวมพละกำลังเท่าที่ทำได้ตะโกนตอบกลับ

            เด็กชายงอตัวเอามือกุมเข่าท่าทางคล้ายหมดแรง กู้ซานไห่เมื่อสองหูได้ยินอย่างชัดเจน สองเท้าของเขารีบสาวเท้าเดินลุยดินโคลนมาทางบุตรชายคนโตอย่างเร่งรีบ

            “มีใครไปตามป้าสี่หรือยัง” เขาถามเมื่อเดินขึ้นจากแปลงนามาได้ พร้อมกับอุ้มบุตรชายขึ้นเหน็บเอว “น้องรองไปตาม” น้ำเสียงของเด็กน้อยยังคงหอบเนื่องจากเจ้าตัววิ่งมาไกล

            “แกจับตัวพ่อดี ๆ นะ” หลังซานไห่กล่าวจบเจ้าตัวก็ออกแรงวิ่งทำให้บุตรตัวน้อยหัวสั่นหัวคลอนไปตามการเคลื่อนไหวของผู้เป็นพ่อ สองแขนผอมบางโอบรอบคอของผู้เป็นพ่อแน่นด้วยกลัวตนเองจะตกลงไปยังพื้นดินแข็งเบื้องล่าง

            “ซานไห่มาแล้ว แม่แกพาเมียเข้าไปภายในห้องพักของหัวหน้าหน่วยผลิตแล้ว แกรีบไปดูเถอะ” หญิงวัยเดียวกับมารดารีบบอกชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างหวังดี

            ซานไห่ยังไม่ทันปล่อยลูกน้อยสองเท้าของเขาก็วิ่งมายังเรือนกระต๊อบที่สร้างขึ้นมาอย่างหยาบเพื่อให้หัวหน้าหน่วยได้พักเป็นการชั่วคราว

            “พี่รอง เมียกับแม่ของผมล่ะ” เมื่อสองตาไม่เห็นเมียกับแม่เจ้าตัวจึงได้ถามเอากับพี่ชายที่ยืนอยู่ด้านนอกกับชาวบ้านอีกสามสี่คน “อยู่ข้างใน”

            “แกเข้าไปไม่ได้ ผู้หญิงจะคลอดผู้ชายห้ามยุ่งมีลูกมาตั้งสองแล้วยังไม่รู้เรื่องอีก” หญิงวัยกลางคนผู้เป็นญาติแซ่เดียวกันรีบกล่าวห้ามเมื่อเห็นว่าหลานชายทำท่าจะเข้าไปในห้องด้านหน้า

            ซานไห่ชะงักฝีเท้ายกมือข้างที่ว่างลูบท้ายทอยด้วยอาการเก้อเขิน ตอนนี้ชายหนุ่มได้หลงลืมไปแล้วว่าได้อุ้มลูกชายคนโตเหน็บเอวอยู่

            “พ่อ ปล่อย” ต้าซานผู้น่าสงสารส่งเสียงบอกข้างหูของบิดา ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกปล่อยให้ยืนลงกับพื้นด้วยท่าทางโงนเงน (ต่อไปนี้จะไม่ให้พ่ออุ้มอีกแล้ว) เจ้าตัวคิด

            ในระหว่างที่คนทั้งหมดกำลังยืนอยู่ด้านนอก พี่สะใภ้คนที่สองของชายหนุ่มก็เดินเข้ามาโดยมีหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินนำหน้า “คนท้องอยู่ไหน”

            ทุกคนชี้ไปทางห้องด้านหน้าพร้อมกัน หมอทำคลอดรีบเดินเข้าไปด้านในทันทีก่อนที่จะสั่งความกับคนด้านนอก “ไปต้มน้ำ” สิ้นคำสั่งนี้ซานไห่ผู้กำลังจะได้เป็นพ่อคนอีกครั้งรีบเดินไปหากระทะใบใหญ่เพื่อต้มน้ำร้อนตามคำสั่งของหมอหญิงโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครสั่งซ้ำ

            ภายในท้องของหญิงสาวตั้งครรภ์ ฟางซินผู้กำลังรอการเกิดรู้สึกแปลกใจที่ตนเองมาอยู่ในสถานที่แคบแต่ทว่ากลับมีความอบอุ่น เธอจำได้ว่าหลังจากตนเองถูกท้องฟ้าดูดก็สลบไป

            และหลังจากลืมตาตื่นก็มองเห็นเพียงแต่ความมืด อีกทั้งแขนขาของตนก็ดูไม่เหมือนเดิมทำให้เจ้าตัวรู้สึกตื่นตระหนกไม่น้อย และไม่รู้ว่าการที่ตนถีบขาไปมานั้นทำให้แม่ของตนรู้สึกเจ็บ

            (เราอยู่ที่ไหน) เธอเริ่มนิ่งเพื่อใช้ความคิด กระนั้นทุกสิ่งกลับไม่ได้เป็นดั่งที่ต้องการเมื่อเธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครมาถีบก้นของตน อีกทั้งยังได้ยินเสียงจากภายนอกอีกด้วย

            “เบ่ง แม่ต้าซวนออกแรงอีกหัวเด็กใกล้จะโผล่ออกมาแล้ว” หมอตำแยสี่พูดขึ้น

            “อาจิน อดทนอีกหน่อยนะลูก” นางโม่ผู้เป็นแม่สามีพูดพลางซับเหงื่อให้ลูกสะใภ้อย่างเป็นห่วง

            ตอนนี้ฟางซินรู้แล้วว่าตัวเองเป็นเพียงเด็กตัวน้อยที่อยู่ในครรภ์ของมารดา (ท่านเทพอย่าให้แม่ของหนูทรมานมากกว่านี้เลยนะให้หนูคลอดออกไปเถอะ)

            พรู๊ด!!! “ออกมาแล้ว คลอดง่ายเสียจริง” หมอตำแยกล่าวชม นางโม่เองก็ยิ้มออกมาบ้างนางจึงได้ถามขึ้นด้วยความอยากรู้และคาดหวัง

            “ผู้ชายผู้หญิง” คำถามนี้ทำให้ฟางซินรู้สึกเย็นวาบถึงสันหลัง (หรือว่าที่นี่จะไม่ชอบเด็กผู้หญิง ไม่จริงใช่ไหม ฉันคงจะไม่ซวยซ้ำซวยซ้อนหรอกใช่หรือไม่) เด็กน้อยไม่ต้องรอให้ใครตี เธอก็แหกปากร้องออกมาเสียงดังจนคนด้านนอกได้ยินกันจนทั่ว

            การเกิดของเด็กหญิงได้ทำให้ทั่วทั้งท้องทุ่งถูกแดดย้อมจนดูเหมือนสีของทองคำไม่มีผิด

            “เด็กคนนี้ต้องนำโชคมาให้หมู่บ้านสือเยี่ยน กองผลิตหน่วยที่แปดของเราเป็นแน่” ชายวัยชราฟันเหลือน้อยคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเขาแหงนใบหน้ามองไปยังพระอาทิตย์เบื้องบน

แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

บทล่าสุด

บทอื่นๆ

ความคิดเห็น

ไม่มีความคิดเห็น
10
ตอนที่1 โชคร้ายนี้เป็นของฟางซิน?
“คุณฟาง นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปคุณไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ เนื่องจากบริษัทมีการลดจำนวนพนักงานตามนโยบาย และผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยที่คุณเป็นหนึ่งในนั้น ส่วนซองนี้เป็นเงินค่าชดเชยผมหวังว่าคุณจะหางานใหม่ได้ในเร็ววัน” น้ำเสียงของชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้ายังคงดังก้องในหัวของหญิงสาววัยยี่สิบห้าปี นามของเธอคือฟางซิน ในขณะที่หญิงสาวกำลังเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงไปตามริมทางเท้า หลังจากเดินออกจากบานประตูกระจกหมุนซึ่งเป็นที่ทำงานของตนมาตลอดระยะเวลาสามปี            (เหอะ! ลดพนักงานลงตามนโยบายอย่างนั้นหรือ งี่เง่าสิ้นดี ไล่ฉันออกก็มีคนมาเสียบต่อทันทีอย่างนี้เขาเรียกว่าลดตรงไหน ประเทศนี้มันเป็นอะไรกันคนไม่มีเส้นสายมักจะถูกรังแกอยู่เสมออย่างนั้นหรือ) หญิงสาวคิดในระหว่างที่เดินไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย            ใบหน้าห่อเหี่ยวของเธอมองซองสีขาวยับยู่ยี่ในกำมือแน่น (เงินชดเชยสามเดือนแลกกับการปิดปากไม่ให้ฉันไปร้องเรียน จะว่าคุ้มก็ไม่เชิง จะว่าไม่คุ้มก็ไม่ใช่อีก
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-14
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่2 หลานสาวที่น่ารักของฉัน
“นางโม่หากเป็นหลานสาวแกไม่ต้องการอย่างนั้นหรือทำไมถึงถามแบบนี้กัน” หมอทำคลอดแซ่สี่ถามกับหญิงวัยเดียวกันในขณะทำความสะอาดร่างกายของเด็กน้อย            “จะใช่ที่ไหนล่ะ ที่ฉันถามเพราะต้องการหลานสาวนี่แหละ แกไม่รู้อะไรฉันมีลูกชายมาสามคน พอมีหลานกี่คนต่อกี่คนก็มีแต่หลานชายตัวเหม็น ๆ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเด็กดีก็ตามแต่ฉันก็อยากได้หลานสาวตัวนุ่มนิ่มมาให้หอมให้กอดบ้างตระกูลกู้รวมถึงตระกูลของฉันแกก็รู้ไม่ใช่หรือ กี่รุ่นต่อกี่รุ่นกว่าจะมีหลานสาวตกทอดมาสักคนยาวนานตั้งหลายปี” นางโม่ได้ถ่ายทอดความในใจของตนออกมาอย่างละเอียดทำให้ฟางซินที่ได้ยินยิ้มออกมาอย่างโล่งอก            ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของเจ้าตัวได้ทำให้ผู้ที่กำลังอุ้มตนอยู่ได้แต่มองด้วยความตกตะลึงที่เห็นเด็กทารกแรกเกิดแย้มยิ้มเช่นนี้            “นะ..นางโม่แกมาดูหลานสาวของแกสิ หล่อนยิ้มหลังจากได้ยินคำพูดของแกด้วยละ แกมาดูสิว่าฉันตาฝาดไปเองหรือเปล่า”
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-14
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่3 หลานของฉันคือดาวนำโชค
ทางด้านย่ากับหลานตัวน้อยเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องอยู่ไฟ ซีห่าวรู้สึกร้อนจึงได้ถามขึ้นอย่างสงสัย “ย่าครับ ร้อนเปิดหน้าต่างได้ไหม”            “เปิดไม่ได้ แม่ของหลานต้องอยู่ไฟห้ามถูกลมถูกแดด หากหลานทนไม่ไหวก็ออกไปก่อนเถอะ หลังจากน้องกินนมเสร็จย่าก็จะพาออกไปด้านนอกเหมือนกัน” หญิงวัยกลางคนอธิบายให้หลานชายได้เข้าใจ            ซีห่าวพยักหน้ารับก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไปด้านนอก โดยที่เจ้าตัวก็ยังเหลียวหน้าไปมองแม่ที่นั่งเอาหลังพิงหมอน        สีหน้าของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความเป็นห่วง            “แม่ไม่ร้อน อาห่าวออกไปก่อนเถอะลูก” น้ำเสียงของมารดาทำให้เด็กชายใจชื้นขึ้นมาบ้างก่อนที่เขาจะยอมเดินออกไปแต่โดยดี            คล้อยหลังบุตรคนรองเดินจากไป ลี่จินก็หันมาสนใจบุตรสาวที่แม่สามีอุ้มเข้ามา   &
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-14
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่4 หลานสาวของฉันช่างน่าทึ่ง
เช้าวันต่อมา ยังไม่ทันที่ฟ้าจะสว่างผู้คนมากมายแต่ละครัวเรือนก็เริ่มทยอยเดินออกจากบ้าน การกินข้าวของคนในยุคนี้จะกินกันช่วงเที่ยงจากนั้นก็จะกินอีกครั้งหลังเลิกงาน            สาเหตุที่พวกเขาต้องรีบไปลงไร่ลงนาแต่เช้าเนื่องจากอากาศยังไม่ร้อนหากสายกว่านี้ก็จะต้องใช้แรงมากขึ้น            เพราะแสงแดดระหว่างวันเริ่มสาดแสงถึงแม้ว่าช่วงนี้จะยังมีลมเย็นพัดมาก็ตาม กระนั้นสำหรับคนทำงานกลางแจ้งย่อมต้องเหนื่อยล้ากว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว            คนบ้านกู้ในตอนนี้ทั้งซานไห่กับเอ๋อกั๋วต่างแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีเข้มรองเท้าหนังซึ่งเป็นคู่เก่าเก็บที่คนทั้งสองต่างทะนุถนอมมาอย่างดีเพราะรองเท้าคู่นี้เป็นน้ำพักน้ำแรงของพี่ชายคนโตที่ใช้เลือดเนื้อแลกกับเงินส่งมาให้ทางบ้าน            กล่าวถึงบุตรชายคนโตของนางโม่กับสามีผู้ตายจาก บุตรคนนี้ได้สมัครเข้าร่วม
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-15
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่5 หลานรักเจ้ายังกินไม่ได้
หลานชายกับย่าพากันเดินออกมาจากริมลำธารโดยที่สองตาก็กวาดมองผู้คนไปด้วย แล้วเมื่อมองไม่เห็นใครคนทั้งสี่ก็รีบสาวเท้ามุ่งหน้าเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว            “ต้าซวนหลานดูเป่าเป้ยนะ ย่าจะไปเตรียมข้าวให้แม่ของหลานกับป้าสะใภ้รอง” นางโม่พูดหลังจากวางหลานสาวตัวน้อยบนเก้าอี้หวายอย่างระมัดระวัง            “ครับ” เด็กชายขานรับพลางมาคอยนั่งอยู่ใกล้น้องสาว ส่วนพี่กับน้องชายได้เดินตามย่าเพื่อเข้าไปช่วยงานในครัว            สายลมเย็นพัดมากระทบกับกิ่งของต้นผิงกั่ว[1]ที่กำลังผลิดอกออกผลทำให้ซีซวนแหงนหน้ามองก่อนพูดขึ้นกับน้องสาวที่กำลังลืมตาอยู่ในห่อผ้า            “เมื่อไหร่ผลของผิงกั่วจะสุกจนกินได้กันนะ หากเมื่อถึงเวลานั้นพี่จะเก็บผลของมันให้ย่านำไปขายและนำเงินมาซื้อผ้าตัดชุดให้น้องดีหรือไม่ ช่วงนั้นก็น่าจะเข้าหน้าร้อนพอดี”   &
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-16
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่6 หลานของฉันต้องอายุยืน
ฟางซินนอนหลับไปนานมากจนกระทั่งได้ยินเสียงของผู้เป็นพ่อเจ้าตัวจึงได้ลืมตาตื่น            “ลูกรักตื่นแล้วหรือ เสี่ยวซวนช่วยเอาผ้าชุบน้ำมาให้แม่หน่อยลูก” ลี่จินตะโกนบอกบุตรชายที่นั่งขีดเขียนตัวอักษรอยู่ด้านนอก “ครับ” เด็กชายปัดฝุ่นในมือพลางลุกขึ้นยืน            ใช้เวลาเพียงไม่นานเจ้าตัวก็วิ่งกลับมาพร้อมกับอ่างน้ำอุ่นมีผ้าสีขาวผืนนุ่มพาดอยู่ด้านบน “เสี่ยวซวนของแม่เก่งมาก” คำชมของมารดาทำให้เด็กชายบิดมืออย่างเก้อเขิน            ลี่จินยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนให้ท่าทางของบุตรชายคนโตในขณะที่นางบิดผ้าในมือเพื่อจะเช็ดหน้าให้บุตรสาว            และยังไม่ทันที่ใบหน้าจะเรียบร้อยมือของเธอก็เปียกพร้อมกับเสียงร้องหนึ่งครั้งของคนในอ้อมแขน “ไม่ทันแล้วลูกรัก” ผู้เป็นแม่สัพยอก            ฟางซินแสดง
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-17
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่7 นี่คือเงินหลานรักของฉัน
“น้องสาว ไม่ทราบว่าคุณนายว่าอย่างไรบ้าง” แม้ว่าในใจของโม่โฉวจะทราบคำตอบดีอยู่แล้วก็ตาม กระนั้นนางก็ยังถามออกไปด้วยความคาดหวัง            “ไม่ใช่ว่าเธอรู้อยู่แล้วหรอกหรือ ผิงกั่วของเธอมีมากน้อยแค่ไหนล่ะ คุณนายบอกว่าให้ซื้อทั้งหมด” น้ำเสียงของแม่บ้านกล่างอย่างหมั่นไส้ยามเมื่อเห็นท่าทางของหญิงวัยเดียวกัน            “ฉันก็ไม่รู้หรอก เราไม่ได้ชั่งมา” โม่โฉวยิ้มแห้งในขณะตอบ            “ถ้าอย่างนั้นก็นำมาชั่งซะ” จบคำของหัวหน้าแม่บ้าน บรรดาสาวใช้ต่างก็รีบกระวีกระวาดเดินเข้าไปรับผลผิงกั่วจากสองแม่ลูก            ใช้เวลาเพียงไม่นานผิงกั่วทั้งสองตะกร้าก็หมดลง “ทั้งหมดห้าสิบชั่งพอดิบพอดี คิดเป็นเงินทั้งหมดก็สองร้อยหยวน เธอพอใจหรือไม่”            นางโม่กับซานไห่คล้ายสติหลุดจึงทำให้คนทั้ง
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-18
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่8 หลานสาวของฉันชื่อกู้ฟางซิน
นางโม่ไม่ขี้เหนียวพอ ๆ กับวันที่ฟางซินครบเดือนอีกทั้งวันนี้ยังมีลูกอมถั่วแจกให้กับคนที่มาร่วมอวยพรหลานสาวอีกต่างหาก            “แม่ครับ จะให้เป่าเป้ยมีชื่อว่าอะไรดี” ซานไห่ถามมารดาโดยมีเจ้าของหัวข้อสนทนามองใบหน้าของย่าอย่างใคร่รู้เช่นเดียวกัน            “ฟางซิน กู้ฟางซิน หลานของฉันเปรียบเหมือนนางฟ้าตัวน้อย อีกทั้งแกไม่ได้กลิ่นหอมจากลูกของแกหรือ แม่ก็เลยตั้งชื่อนี้เพราะหรือไม่ เป่าเป้ยหลานล่ะชอบหรือเปล่า” นางโม่ตอบลูกชายคนเล็กพลางก้มหน้าลงไปถามความเห็นของคนในอ้อมแขน            ฟางซินตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนที่เธอจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “ฮ่า ๆ ถูกใจใช่ไหมล่ะ ขอแค่หลานของย่าชอบก็พอ” นางโม่เองก็มีความสุขเช่นกันที่หลานสาวของตนมีความสุข            “แม่ว่ายังไงผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับและดูเหมือนว่าเป่าเป้ยจะชอบชื่อนี้เสียด้วยเพียงแต่ผมไม่คิ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-19
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่9 เป่าเป้ยของย่าดีที่สุด
“พวกลูกจับมันได้ยังไง” หยูเซียนถามขึ้นกับบุตรชายคนโตสีหน้าของนางแม้จะยินดีแต่กระนั้นหากว่ามันไปติดกับดักของใครการที่ลูกหลานของตนไปนำมาก็คงไม่ดี            “เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับแม่” ต้าโถวเป็นผู้เล่าเรื่องของไก่ป่าออกมาทั้งหมด หยูเซียนฟังด้วยความประหลาดใจผิดกับคนบ้านสาม (ว่าแล้วต้องเป็นเพราะเป่าเป้ยเป็นแน่) นางโม่คิด            “ถ้าอย่างนั้น วันนี้เราลงจากภูเขากันเถอะ จะได้นำไก่พวกนี้ไปตุ๋นและก่อนกลับก็แวะเก็บผักป่าสักหน่อยแม่จะนำไปคั้นน้ำผสมกับโจ๊กป้อนให้หลาน”            “ก็ดีค่ะ ป่านนี้ฉันคิดว่าคนน่าจะลงจากภูเขากันหมดแล้ว จะได้ไม่มีใครมาสนใจไก่ป่าของเรา” ลี่จินพูดความคิดของตน            “อืม ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ ผักป่าตรงนั้นกำลังสวยดูน่ากินทีเดียว” เมื่อนางโม่พูดจบนางก็ก้าวเท้าเดินไปทางที่ตนหมายตาเอาไว้   
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-20
อ่านเพิ่มเติม
ตอนที่10 หลานของย่าอย่าหลับไปนานแบบนี้อีกนะ
สองย่าหลานพากันจับจูงมือเดินขึ้นภูเขา ในขณะ เดียวกันฟางซินตัวน้อยก็ใช้พลังจิตของตนสำรวจรอบ ๆ ด้านไปด้วยแต่สิ่งที่นางยังไม่รู้ก็คือว่าพลังลึกลับของตนที่เทพสาวได้ปกปิดเอาไว้นั้นคือสิ่งใด            “หลานย่า เหนื่อยหรือยัง” นางโม่ถามหลานสาวตัวน้อยที่มีตะกร้าหวายใบเล็กอยู่บนหลัง            ฟางซินพยักหน้าขึ้นลงพลางยกมือปาดเหงื่อ ขาสั้นของเจ้าตัวในตอนนี้เริ่มล้าจนก้าวแทบจะไม่ออก            “หลานหิวไหม” นางโม่ถามอย่างเป็นห่วงในขณะนำผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดตามกรอบหน้ากลมขาวที่เริ่มแดงของคนตัวเล็ก            ฟางซินพยักหน้ายกมือกุมท้อง “หิว” เสียงท้องร้องดังขึ้นมาทำให้เจ้าตัวใบหน้าแดงมากกว่าเดิม            “ฮ่า ๆ หิวก็กิน ย่าเอาแป้งทอดต้นหอมมาเผื่อแ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-08-21
อ่านเพิ่มเติม
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status