Home / ระบบ / ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70 / ตอนที่5 เซียวเค่ออ้ายคือดาวนำโชคของบ้านหรู

Share

ตอนที่5 เซียวเค่ออ้ายคือดาวนำโชคของบ้านหรู

            “เรื่องอะไรหรือลูก” หลังจิบน้ำอุ่นลงคอเส้นเสียงของเมิ่งหลิงก็ดีขึ้น “แม่ครับผมกับเสี่ยวเหยากำลังจะมีหลานให้แม่อีกคนหนึ่ง”

            “อาเหยาท้องเหรอ เรื่องนี้นับว่าน่ายินดีเหลือเกิน” ดวงตาของเมิ่งหลิงเปล่งประกาย

            จ้าวเหยาผู้กำลังอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนใบหน้าแดงซ่านด้วยความอาย “มะ..ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะแม่สามี”

            ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนฉายแววงุนงง “แม่ครับ ผมกับอาเหยาขึ้นภูเขาแล้วบังเอิญเจอเข้ากับเด็กคนหนึ่ง แม่ดูใบหน้าน้อย ๆ ของเธอสิครับน่ารักมากขนาดไหน” หรูจื่อกวักมือให้ภรรยาเข้ามาใกล้ตนก่อนจะรับห่อผ้าที่มีหรูฟู่ซิงอยู่ด้านในส่งให้มารดาดู

            หรูฟู่ซิงก็ถือโอกาสนี้ทำคะแนนโดยการเผยรอยยิ้มทั้งปากและตา อีกทั้งยังพยายามเอามือเล็กของตนจับนิ้วของหญิงวัยกลางคนด้วย

            ปากเล็กสีแดงของเด็กน้อยขมุบขมิบไปมาดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ได้ทำให้หัวใจของเมิ่งหลิงพลันอ่อนยวบ

            “เด็กคนนี้น่ารักเหลือเกินว่าแต่ใครกันนะช่างโหดเหี้ยมทิ้งเจ้าตัวเล็กได้ลงคอ”

            ‘แค่ก ๆ’ เสียงไอจากระบบดังขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ

            ในขณะเมิ่งหลิงกำลังหยอกล้อกับเจ้าตัวเล็กเสียงท้องของเจ้าตัวก็ดังขึ้น

“โอ้! หล่อนคงจะหิวแล้ว อาจื่อรีบไปหานมมาให้เจ้าตัวน้อยกินเถอะบ้านเรายังพอมีเงินหรือเปล่า”

            “แม่ครับ ไม่ใช่ผมเพิ่งบอกไปเหรอว่าผมเจอเห็ดแดง อีกทั้งเรื่องนมนั้นแม่ไม่ต้องห่วงเพราะผมก็มีเช่นกันเอาไว้ผมจะเล่าเรื่องหนึ่งให้แม่ฟังด้วย” คำพูดแฝงเลศนัยของบุตรชายได้ทำให้เมิ่งหลิงรู้สึกกังขา

            ถึงกระนั้นหล่อนก็ไม่คิดถามออกมาเพราะคิดว่าบุตรชายย่อมต้องมีเหตุผล เมื่อหรูฟู่ซิงรู้ว่าย่าของตนเป็นคนดีดังนั้นเธอจึงไม่รอช้าที่จะถามหายากับระบบ

            ‘เป๋าเอ๋อร์ รู้หรือยังว่าย่าป่วยเป็นอะไร’ เจ้าตัวถามขึ้นระหว่างรอน้ำนมจากมารดาที่กำลังเตรียมให้ตน

            ‘เจ้านายไม่ต้องเป็นห่วงยารักษาของคุณย่าในระบบของผมย่อมมีอยู่แล้วเดี๋ยวผมจะแลกเปลี่ยนให้เดี๋ยวนี้เลย ว่าแต่เจ้านายยังต้องการอะไรเพิ่มอีกไหมผมจะได้จัดการให้ทีเดียว’

            หรูฟู่ซิงได้ร่ายยาวถึงรายการที่ตัวเองต้องการตั้งแต่ขวดนม น้ำยาทำความสะอาด ผ้าตัดชุด ผ้าอ้อม ไข่ไก่ แป้ง เนื้อสัตว์ ที่นอน หมอน มุ้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตทั้งสิ้น

ซึ่งในระหว่างที่เธอสนทนาอยู่กับระบบจ้าวเหยาก็ได้พาหล่อนออกมาวางไว้ตรงห้องกลางของบ้านโดยให้เสี่ยวเฉินเป็นคนเฝ้าน้องน้อยเอาไว้

            “แม่!! น้อง ๆ” เจ้าตัวเล็กเสี่ยวเฉินตะโกนเรียกมารดาเสียงดัง

            ทั้งจ้าวเหยากับหรูจื่อรวมถึงนางเมิ่งต่างพากันตกใจว่าลูก/หลานของตนเป็นอะไร

“เกิด...” น้ำเสียงของจ้าวเหยาขาดหาย

            “ภรรยา!” หรู่จื่อที่กำลังดูแลมารดาวิ่งมาทางต้นเสียงก่อนที่เจ้าตัวจะตื่นตะลึงไปอีกคน

            “ภรรยารีบไปปิดหน้าต่าง ปิดประตูบ้าน” น้ำเสียงของชายหนุ่มสั่นอย่างที่จ้าวเหยาไม่เคยได้ยินมาก่อน กระนั้นเธอก็รีบไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว

            “ลูกชาย เสี่ยวเฉินเป็นอะไร” เมื่อนางเมิ่งไม่ได้ยินคำตอบจากทั้งบุตรชายและลูกสะใภ้ดังนั้นเธอจึงฝืนลุกจากเตียงเดินมาทางเขาอย่างกังวล

“นี่มันอะไร ลูกเอาของพวกนี้มาจากไหน”

            ข้าวของจำนวนมากกองอยู่กับพื้นบ้านทำให้นางเมิ่งแทบไม่อาจครองสติของตนได้ถามอย่างหวาดกลัว

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเธอเกรงว่าหากมีคนไม่หวังดีมาเห็น บ้านของเธอคงไม่แคล้วถูกคนเหล่านั้นลากไปวิพากษ์วิจารณ์

            ‘เป๋าเอ๋อร์ นายทำเรื่องใหญ่อะไรลงไปหรือเปล่าทำไมทุกคนถึงดูเหมือนตกใจกันขนาดนี้ล่ะ’

            หรูฟู่ซิงผู้มองไม่เห็นสถานการณ์จึงได้ถามขึ้นอย่างสงสัยระคนหวาดหวั่น

‘เจ้านาย ผมคิดว่าพวกเขาคงจะไม่เคยเห็นสิ่งของที่ผมนำออกมา’

            เมื่อหรูฟู่ซิงรู้ถึงสาเหตุนางจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะตอบโต้กับระบบถึงสาเหตุอาการของคนในครอบครัว

‘นายนำออกมาโต้ง ๆ โดยไม่ได้บอกฉันก่อน ถ้าอย่างนั้นไม่แปลกที่พวกเขาจะแตกตื่น’

            ‘อ้าวที่เจ้านายบอกผมให้แลก ไม่ใช่ว่าให้ผมนำออกมาเลยหรอกหรือครับ’ เสียงน้ำนมของระบบย้อนด้วยความงุนงง

            (เหอะ ๆ ระบบนายไม่ได้กวนฉันอยู่จริง ๆ ใช่ไหม) หรูฟู่ซิงคิดพลางกรอกตาไปมาและยังไม่ทันที่ครอบครัวหรูจะตั้งสติได้พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นจากห่อผ้าของเจ้าตัวน้อย

            หรูฟู่ซิงแผดเสียงร้องดั่งลั่นด้วยความอายเมื่อเธอได้ปล่อยของเหลวอุ่นร้อนออกมาจนทำให้ร่างกายรู้สึกไม่สบาย

            “แม่ น้องฉี่” เสี่ยวเฉินจับห่อผ้าของน้องพูดขึ้น

            ดังนั้นจ้าวเหยาจึงได้เดินเข้ามาดูและพบว่าเด็กหญิงกำลังสะอึกสะอื้นดวงตาของเธอยังคงฉ่ำน้ำแวววาวประดุจคริสตัล

            “โอ๋ ๆ ไม่ต้องร้องนะลูกเดี๋ยวแม่จะเปลี่ยนผ้าให้” น้ำเสียงของจ้าวเหยาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

            “ภรรยา ผมจะไปหาผ้ามาฉีกเป็นผ้าอ้อมให้ลูก” หรูจื่อ พูดทว่า “ลูกชาย บ้านของเราจะมีผ้าได้ยังไง แม่ว่าลูกไปดูกองสิ่งของพวกนั้นเถอะแม่เห็นว่ามีผ้าด้วย” เมิ่งหลิงกล่าวห้ามพลางชี้นิ้วไปทางกองสิ่งของราวกับภูเขาขนาดย่อมตรงหน้า

            ‘พี่ชาย บอกพ่อว่าในกองนั้นมีผ้าอ้อมสำเร็จรูปวิธีใช้ให้เขาอ่านข้างห่อ’ หรูฟู่ซิงกลัวว่าหรูจื่อจะฉีกผ้าที่เธอให้ระบบนำออกมาตัดเสื้อจึงรีบสื่อสารกับหรูเฉินทันที

            “พ่อ น้องสาวบอกว่า” คำพูดของเจ้าตัวเล็กได้ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสามภายในบ้านรู้สึกต่างกันแต่ทั้งนี้มีเรื่องเดียวที่พวกเขากลับคิดเหมือนกันก็คือ “เด็กคนนี้ย่อมไม่ใช่เด็กธรรมดา”

            “ลูกชาย ลูกสะใภ้ เรื่องของเซียวอ้ายพวกลูกต้องเก็บเอาไว้เป็นความลับนะอย่าได้บอกใครเด็ดขาด” น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนเข้มงวดเฉียบขาด

            “ครับ/ค่ะ แต่แม่ตั้งชื่อให้เจ้าตัวน้อยแล้วหรือครับ” สองสามีภรรยาตอบรับอย่างเชื่อฟังจากนั้นหรูจื่อจึงได้ถามออกมาในคราวเดียว

            “ใช่ เซียวเค่ออ้าย เจ้าตัวน้อยที่รักลูกไม่คิดว่าชื่อนี้ดีหรอกหรือ” ใบหน้าของเมิ่งหลิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

            “แล้วชื่อเต็มของหล่อนล่ะคะ แม่คิดว่าควรให้ชื่อว่าอะไร”

            “หรูฟู่ซิงดีไหม ในเมื่อหลังจากพวกเธอเจอเด็กคนนี้บ้านของเราก็เจอแต่โชคดีดังนั้นก็ให้ชื่อนี้เถอะ”

            หรูฟู่ซิงที่ได้ยินคำพูดของย่าหมาด ๆ เจ้าตัวก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างพออกพอใจ “อ้ายอ้ายของเราฉลาดมาก” เมิ่งหลิงรู้สึกว่าเด็กคนนี้เป็นหลานสาวตามสายเลือดอย่างแท้จริงกล่าวชม

            “น้องสาวเก่งที่ซู๊ด” คำพูดของเสี่ยวเฉินได้เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในบ้านพร้อมกัน

            หลังจากจ้าวเหยาป้อนนมให้เจ้าตัวน้อยดวงตาเล็ก ๆ ของหรูฟู่ซิงก็เริ่มปรือก่อนที่เธอจะหลับโดยมีขวดนมคาปาก

“ลูกคงจะหิวนะคะ ขนาดหลับแล้วปากยังดูดนมไม่หยุดเลย” จ้าวเหยาพูดขึ้นกับสามีที่กำลังจัดเก็บสิ่งของที่กองอยู่บนพื้นให้เข้าที

            “นั่นสิครับ ลูกของเราช่างมีความอดทนเหลือเกิน ทั้งหิวทั้งง่วงก็ยังไม่ร้องไห้งอแง” หรูจื่อตอบกลับและในขณะที่มือของเจ้าตัวกำลังเก็บสิ่งของเขาก็เห็นกล่องยาอันแปลกตาดังนั้นชายหนุ่มจึงได้นำมาอ่าน

            “แม่!” เสียงของเขาได้ทำให้หรูฟู่ซิงสะดุ้ง

            “พ่อ น้องตกใจ” เสี่ยวเฉินผู้เฝ้าน้องน้อยในทุกอิริยาบถส่งเสียงตำหนิ

            หรูจื่อจึงได้ยกมือขึ้นปิดปากแทบจะทันที “พ่อขอโทษนะครับ” ไม่เพียงสายตาตำหนิจากบุตรชายเท่านั้นเพราะตอนนี้หรูจื่อก็ได้รับสายตาไม่พอใจมาจากทั้งแม่และเมียเหมือนกัน

            “ลูกชาย แม่อยู่ใกล้แค่นี้แกจะเสียงดังทำไม” เมิ่งหลิงพูดราวกับกระซิบ

“แม่พูดอะไร ผมไม่ได้ยินเลย” หรูจื่อเองก็พูดเสียงเบาไม่ต่างกัน

            ระบบที่เฝ้ามองการกระทำของพวกเขาค่อนข้างรู้สึกงงงวยกับการกระทำเช่นนี้เป็นอย่างมาก

(เขาพูดกันเสียงเบาเช่นนี้จะได้ยินกันอย่างนั้นเหรอ)

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่34 ครัวเรือนหมื่นหยวนในพริบตา

    คล้อยหลังจากรถยนต์คันหรูจากไป เมิ่งหลิงก็หันมาหาคนที่ไปบอกพวกตนที่บ้านว่าหรูจื่อไปทำให้คนขุ่นเคืองทันที“สหายคนนั้นหยุดเดี๋ยวนี้” เสียงของเมิ่งหลิงตะโกนอย่างดุดันชายร่างผอมสวมเสื้อผ้าหยาบเหมือนกับชาวบ้านทั่วไปสะดุ้งจนตัวโยน“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” เขาแย้งอย่างร้อนตัว“ไม่ผิด! คุณไปบอกพวกเราว่าหรูจื่อถูกจับเพราะไปทำให้คนใหญ่คนโตขุ่นเคืองเขาถึงได้ตามมาเอาเรื่องไม่ใช่เหรอ อย่างนี้จะเรียกว่าไม่ผิดได้ยังไง” เมิ่งหลิงไม่ปล่อยผ่าน“หวังเค่อ คุณไปพูดอย่างนั้นได้ยังไงครับ การที่คุณทำให้คนอื่นเสียหายเช่นนี้ ห็นทีว่าผมคงจะต้องส่งคุณไปให้ผู้กำกับสวีปรับทัศนคติ” คำพูดของเจิ้งฟู่ฉีทำให้เข่าของเจ้าของชื่อพลันอ่อนยวบ“หัวหน้าหน่วยเจิ้ง ผมอาสาไปส่งเขาเอง” ฉางซูเหิงกล่าวออกมาเสียงดังโดยมีซ่งเจียหาวพยักหน้าสนับสนุน“ผมไม่ไป ผมขอโทษ ปล่อยผมไปเถอะ ต่อไปนี้ผมรับรองว่าจะไม่พูดจาเหลวไหลแบบนี้อีกแล้ว” ชายคนนั้นเอ่ยขอร้องทั้งน้ำตา หว่างขาของเขามีน้ำไม่พึงประสงค์ไหลออกมาจนเปียกชุ่ม“เหม็นชะมัด! พวกเราแยกย้าย” ชาวบ้านจำนวนมากที่หวังชมเรื่องสนุกพากันถ

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่33 ความมโนของคน

    นายทหารคนนี้พาชายหนุ่มทั้งคู่เดินมายังห้องทำงานของเจ้าของบ้านที่กำลังมีใบหน้าเคร่งเครียดเสียงเคาะประตูดังขึ้นในขณะที่เขากำลังลูบแหวนหยกที่สวมติดนิ้วโป้งข้างขวาในยามมีเรื่องไม่สบายใจ“เข้ามา” น้ำเสียงดุดันดังขึ้นก่อนประตูจะเปิดออกจากคนด้านนอก“สหายเจียง คุณมาแล้ว” เจ้าของห้องลุกขึ้นยืนอย่างมีความหวังเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใคร“สวัสดีครับท่าน” เจียงหย่งเฉียงถอดหมวกค้อมเอวลงกล่าวทักทายอย่างสุภาพ“ไม่ต้องมากพิธี ว่าแต่นี่ใครอย่างนั้นเหรอ” ชายวัยกลางคนที่อยู่ในห้องเดินเข้ามาหาเขาอย่างสนิทสนมพร้อมกับส่งสายตาเป็นสัญญาณให้นายทหารคนนั้นออกไปเสียงประตูปิดลง เจียงหย่งเฉียงจึงได้แนะนำหรูจื่อออกมาด้วยรอยยิ้ม “น้องชายของผมเองครับ” น้ำเสียงของเขาฉายแววภาคภูมิใจอยู่ในที“น้องชาย! ใช่คนที่สหายเล่าให้ฟังเมื่อครั้งก่อนหรือเปล่า อืมดูหน่วยก้านไม่เลวแต่ว่าทำไมถึง” คำพูดของเขาหยุดลงเมื่อสังเกตเห็นการเดินของหรูจื่อ“สวัสดีครับ ผมหรูจื่อและนี่ลูกสาวของผมอ้ายอ้าย” หรูจื่อหาได้รู้สึกถึงปมด้อยของตนถอดหมวกค้อมเอวลงทักทายเขาและแนะนำเจ้าตัวเล็กในกระเป๋

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่32 ของหายาก

    เสียงหวูดรถไฟดังกังวานไปทั่วสถานีเพื่อเตือนผู้คนให้เตรียมตัว “รถไฟมาแล้ว” เจียงหย่งเฉียงพูดขึ้นพลางกระชับกระเป๋าถือทำจากหนังสีน้ำตาลอ่อนในมือและเมื่อขบวนรถไฟสีเขียวเข้มที่มีเส้นคาดสีเหลืองจอดนิ่งอยู่บนราง ผู้โดยสารที่สวมเสื้อผ้าล้วนแล้วแต่เป็นสีเข้มแบบเรียบง่าย หรือไม่ก็เป็นชุดทหารตามความนิยมก็เริ่มทยอยกันเดินออกจากตู้ด้วยท่าทางไม่รีบไม่ร้อนเจ้าตัวเล็กในกระเป๋าเป้สะพายด้านหน้าของคนเป็นพ่อมองผู้คนในยุคนี้ที่หลายคนแบกกระสอบผ้าป่านขึ้นบ่าหรือไม่บางคนก็ถือกล่องไม้มัดด้วยเชือกป่านอย่างสนใจจนกระทั่งเธอได้เข้ามาด้านในขบวนรถไฟ ดวงตาของเด็กหญิงก็ไม่วายมองสำรวจทางนั้นทีทางนี้ทีด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกคำรบตัวม้านั่งโดยสารเป็นไม้แข็งเรียงกันสองฝั่ง บางส่วนมีเบาะหนังแบบเก่าซึ่งเริ่มลอกออกเนื่องจากผ่านการใช้งานหนักมาอย่างยาวนานพื้นที่ตรงกลางทางเดินค่อนข้างคับแคบจากการที่มีสิ่งของรวมถึงสัมภาระล้นออกจากการถูกวางกองไว้ใต้ที่นั่งหรือบนชั้นวางเหล็กเหนือหัว จึงทำให้ทุกสิ่งดูระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ เสียงพูดคุยของผู้คนที่มาอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมากดังจอแจแล

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่31 ขาทองคำ

    เป๋าเอ๋อร์ นายช่วยดูหน่อยสิว่าพ่ออยู่ที่ไหน ทำไมเย็นป่านนี้แล้วเขาถึงยังไม่กลับมาอีก เจ้าตัวเล็กที่กำลังชะเง้อคอยาวคล้ายยีราฟเข้าไปทุกทีอดเป็นกังวลไม่ได้จึงได้สื่อสารกับระบบคู่หูอย่างกังวลได้เลยครับ สิ้นคำของระบบเจ้าตัวพลันรับรู้ได้ทันทีว่าบิดาของเจ้านายอยู่ตรงไหนและกำลังทำอะไร‘พ่อ! คุณกำลังทำอะไรอยู่ครับ ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านอีก’ หรูจื่อค่อนข้างตกใจในเสียงที่ได้ยิน‘ท่านเทพเหรอ พอดีว่าผมกำลังดูเจ้าพืชต้นนี้อยู่เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนว่ามันคืออะไร แต่สหายจิงบอกว่ามันคือโสม แต่หล่อนก็ไม่มั่นใจพวกเราจึงได้แต่รั้ง ๆ รอ ๆ ว่าจะเอายังไงดี’‘มันคือโสมและอายุของมันไม่น้อยกว่าห้าสิบปีดังนั้นพ่อสามารถขุดมันขึ้นมาได้เลย แต่จะต้องระวังรากของมันหน่อยหากว่ารากมีความสมบูรณ์มากราคาเองก็จะดีตามมาด้วยเช่นกัน’เมื่อหรูจื่อได้ยินคำพูดยืนยันเช่นนี้ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่รอช้าเขาจึงนั่งยองและใช้มีดสั้นที่เหน็บเอวเอาไว้เริ่มทำการขุดดิน รอบ ๆ ต้นพืชชนิดนี้อย่างระมัดระวัง“พี่ชาย คุณทำอะไร” ฉางซูเหิงถามขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้“สหายจ

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่35 เปิดบัญชี

    “เงินนี่มันจะไม่มากเกินไปหรือครับ” หรูจื่อมองธนบัตรที่วางเป็นปึก ๆ ตรงหน้าถามออกมาด้วยความกังวล“ไม่มากหรอก น้องหรูรับไปเถอะอย่าได้เกรงใจ แต่ผมขอแนะนำให้สหายนำเงินไปฝากกับธนาคารของรัฐจะดีกว่าเงินมากแบบนี้พกไปไหนมาไหนด้วยย่อมไม่ปลอดภัย เอาอย่างนี้ก็แล้วกันผมจะให้เจียงเทาพาไป” เถากวางโถวพูดเองเออเองเสร็จสรรพ“ถ้าอย่างนั้น ผมต้องขอรบกวนท่านแล้ว” หรูจื่อเองก็เห็นด้วยแม้ว่าท่านเทพจะสามารถช่วยรักษาเงินจำนวนนี้เอาไว้ได้ก็จริง แต่ว่าต่อหน้าคนที่ไม่รู้การที่เขาจะรับน้ำใจแบบนี้ไว้ย่อมไม่เสียหายในขณะที่ผู้ใหญ่กำลังเจรจา เจ้าตัวเล็กอ้ายอ้ายที่ถูกคุณนายของบ้านอุ้มออกมายังอีกห้อง ในตอนนี้เธอกำลังกลายเป็นตุ๊กตาตัวน้อยโดยการที่คุณนายกับลูกสาวจับแต่งตัวกำลังอ้าปากหาวด้วยความเบื่อหน่าย“แม่คะ เจ้าตัวเล็กคงจะง่วง” เถาเหลียนฮวาพูดขึ้นหลังจากเธอได้รับการตรวจร่างกายและมาเล่นกับเด็กหญิง“นั่นสิ จะว่าไปเด็กคนนี้ไม่งอแงเหมือนเด็กคนอื่นเลยน่ารักเลี้ยงง่ายและบางครั้งก็ดูเหมือนว่าจะฟังพวกเรารู้เรื่องด้วย” หลินหงพูดขึ้นพลางอุ้มเจ้าตัวน้อยมากล่อมนอนหรูจื่อที่เดินตามเจ้

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่27 ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว

    “หากคุณได้รับยาต่อเนื่องอาการคงไม่ร้ายแรงเท่านี้ แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่ไม่สายจนเกินไป” หมอผู้อยู่ในชุดกราวน์สีขาวสวมหน้ากากอนามัยพูดขึ้นต้วนฉีเหวินไม่ได้ถูกจัดให้นอนในโรงพยาบาลเนื่องจากเตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ ดังนั้นหลังจากรับยาเขาจึงต้องกลับมาพักที่บ้านซึ่งเรื่องนี้ย่อมนำพาความยินดีมาให้สองสามีภรรยาไม่น้อยเป๋าเอ๋อร์ นายไม่มียารักษาเหรอ เจ้าตัวเล็กหรูฟู่ซิงถามขึ้นในระหว่างที่พวกเธอกำลังนั่งรถลากกลับบ้านต้วนมีครับ แต่ที่ให้เขามาหาหมอก็เพื่อที่ผมจะได้นำยาออกมาใส่ให้เขากินได้สะดวก เป็นยังไงความคิดของผมฉลาดมากเลยใช่ไหมล่ะ หากเจ้าตัวมีหางหรูฟู่ซิงคาดว่าหล่อนคงจะได้เห็นหางเล็ก ๆ ของเขากระดิกไปมานายยอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกเลยสหาย หรูฟู่ซิงไม่ทำให้เขาผิดหวังเธอกล่าวชมออกมาอย่างจริงใจเสียงหัวเราะอันเบิกบานของคนตัวเล็กทำให้นางเมิ่งกับหรูเฉินพลันเกิดความรู้สึกอารมณ์ดีตามรถลากทั้งสามคันกำลังเลี้ยวเข้าไปทางตรอกในทิศใต้ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าได้มีคนจับตามองด้วยแววตาวาววับ “รีบไปบอกหัวหน้า” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นคล้อยหล

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status