Share

ตอนที่6 น้ำตาแห่งความสุข

“เสี่ยวเฉิน หลานรักน้องสาวไหม” เมิ่งหลิงยกมือลูบหัวเล็ก ๆ ของหลานชายถามขึ้น หลังจากที่ได้กินยาอาการของหล่อนก็ดีขึ้นมาก

“รักฮับ” เจ้าตัวพูดขึ้นก่อนจะนอนหลับตามน้องสาวไปอีกคน

ในระหว่างนี้พ่อแม่ของพวกเขาก็กำลังแยกสิ่งของที่ลูกสาวคนใหม่ของพวกเขาเสกออกมา (ตามความเข้าใจของคนทั้งคู่) “แม่ครับ! คุณเป็นยังไงบ้าง”

นางหลิงหันไปส่งตาเขียวให้บุตรชาย “ดีขึ้นแล้ว แกเบาเสียงลงหน่อยไม่ได้เหรอ”

เมื่อถูกมารดาตำหนิเช่นนี้หรูจื่อจึงรีบยกมือปิดปากของตัวเองอีกครั้งโดยมีภรรยามองเขามองด้วยรอยยิ้มขำ

“คุณคะ สิ่งของพวกนี้เราควรซ่อนเอาไว้ให้ดี” จ้าวเหยาพูดขึ้นอย่างกังวล

ทั้งนี้เป็นเพราะบ้านหลังนี้มักมีคนนอกเข้ามาโดยที่ไม่เคยบอกกล่าว “เรื่องนี้เป็นความผิดของแม่เอง” นางหลิงโทษตัวเอง

“ไม่ใช่หรอกครับ พวกเราไม่ได้ทำผิด” หรูจื่อปฏิเสธความคิดของมารดา

“แต่การที่ลูกต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งและพวกเราต้องถูกส่งมาลงโทษก็เพราะว่าครอบครัวของเราเป็นนักวิชาการ” น้ำเสียงของเมิ่งหลิงหม่นลง

“แม่ครับ การที่พ่อเป็นครูไม่นับว่าเป็นเรื่องผิดอะไรเลยเพียงแต่แม่ก็รู้ว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร แม่เชื่อผมเถอะนะครับอีกไม่นานพวกเราจะต้องกลับไปที่นั่นได้อย่างสง่าผ่าเผย” หรูจื่อ โอบไหล่ของมารดาเอาไว้แน่นพลางเอ่ยปลอบ

“แต่พ่อของลูก” น้ำตาของเมิ่งหลิงไหลอาบร่องแก้มตอบยามเมื่อนึกถึงสามีผู้ล่วงลับ

“แม่ครับ เมื่อถึงวันแห่งความสุขผมจะทำให้ความฝันของพ่อเป็นจริง ผมจะกลับไปเรียน หากผมทำไม่ได้ก็ยังมีเสี่ยวเฉินกับอ้ายอ้ายนี่ครับ ผมสัญญาว่าจะทำให้ครอบครัวของเรามีความสุขให้ได้” หรูจื่อพูดออกมาแม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจถึงข่าวที่พรรคพวกบอกมาก็ตาม กระนั้นเกิดเป็นคนควรมีความหวังไม่ใช่หรือ

บทสนทนาของสองแม่ลูกได้ถูกเป๋าเอ๋อร์บันทึกเอาไว้อย่างไม่ตกหล่นเพื่อเอาไว้ให้เจ้านายตัวเล็กฟัง

เวลาผ่านไปสามชั่วโมงในที่สุดเจ้าตัวเล็กอ้ายอ้ายก็ลืมตาตื่น “แอ้!” (น่าอายชะมัด) เจ้าตัวคิด

“อ้ายอ้ายเด็กดี แม่จะเช็ดทำความสะอาดและเปลี่ยนผ้าให้นะลูก” จ้าวเหยาวางงานในมือมาคลำก้นของบุตรสาวและเมื่อพบว่าผ้าอ้อมสำเร็จรูปตุงหล่อนก็จัดการแกะออกอย่างไม่รังเกียจอีกทั้งยังนำน้ำอุ่นมาเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้ลูกสาวคนใหม่ด้วย

“แม่ครับ ผมคิดว่าควรบอกเรื่องอ้ายอ้ายให้ผู้ใหญ่บ้านรู้” หรูจื่อนำเรื่องนี้พูดขึ้นหลังมื้ออาหารเย็น

“แม่เองก็เห็นด้วย ถ้าอย่างนั้นวันพรุ่งแม่จะนำเรื่องนี้ไปบอกเขาก็แล้วกัน”

“เขาจะไม่พูดมากใช่ไหมครับ” หรูจื่อค่อนข้างกังวล

“แม่จะบอกเขาว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของสหายในกองทัพของลูก เขาต้องการให้ลูกตอบแทนโดยการรับเธอเป็นบุตรดีไหม” คำพูดของเมิ่งหลิงทำให้หรูจื่อพยักหน้า

ทั้งนี้เป็นเพราะเรื่องของทหารผู้ใหญ่บ้านหรือว่าบุคคลอื่นไม่ค่อยอยากก้าวก่าย อีกทั้งหมู่บ้านแห่งนี้ก็ห่างจากเมืองมณฑลค่อนข้างไกลยิ่งกับเมืองหลวงด้วยแล้วคงไม่กล้าฝันดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาสืบเรื่องของอ้ายอ้าย

“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ครับ โชคดีนะครับที่เมื่อไม่กี่เดือนมีทหารมาป้วนเปี้ยนในหมู่บ้าน ดังนั้นพวกเขาอาจจะเพียงแค่คิดว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กที่เกิดมาจากความพลั้งเผลอ” หรูจื่อ เสนอความเห็น

“อืม แม่ก็คิดอย่างลูกนั่นแหละ แต่ใครกันนะกล้าทิ้งเด็กน่ารักและวิเศษอย่างอ้ายอ้ายได้ลงคอ” เมิ่งหลิงถอนหายใจ

ส่วนเจ้าของชื่อนั้นก็กำลังจ้องมารดาของตนตาแป๋วทั้งที่ภายในหัวสมองกำลังคิดทบทวนเรื่องที่ได้ยิน

‘เป๋าเอ๋อร์ นายว่าพ่อแม่ฉันเป็นใคร’

‘ไม่ทราบครับ เพราะหลังจากผมใช้ไทม์แมชชีนก็เจอเข้ากับร่างนี้แล้ว และก็อีกอย่างผมคิดว่าเจ้าของร่างเดิมคงหมดลมหายใจไปได้สักพักแล้วด้วย’ คำตอบของเป๋าเอ๋อร์ทำให้หรูฟู่ซิงตัวชาวาบ

“แง ๆ” จู่ ๆ เจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนของแม่ก็ร้องไห้ออกมา คราวนี้คนทั้งบ้านต่างก็วุ่นวายเลยทีเดียว

“น้อง โอ๋ ๆ” เสี่ยวเฉินตัวน้อยพยายามปลอบน้องด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“ลูกสาว เงียบนะคะ/นะครับ” ทั้งพ่อและแม่ต่างสลับกันอุ้มเอ่ยเอาใจ

“พวกเธอส่งหลานมาให้แม่” เมิ่งหลิงยื่นมือทั้งสองข้างเพื่อไปรับห่อผ้าของหลานตัวเล็ก

“ฮึก ๆ” หยาดน้ำยังคงคลอหน่วย จมูกของเจ้าตัวแดงก่ำ

“หลานรัก ร้องทำไมหรือลูก” นางเมิ่งส่งเสียงเล็กเสียงน้อยถามพลางโยกห่อผ้าในมือเบา ๆ

“ย่าฮับ ให้ผมดูบ้าง” เสี่ยวเฉินเอามือน้อยดึงชายเสื้อของย่าพูดขึ้น

“ได้สิลูก” เมื่อคนเป็นพี่ได้เห็นน้ำตาของน้องสาวเขาก็เบะปากตาม

“น้องเจ็บตรงไหน” น้ำเสียงไม่ชัดดังขึ้นอย่างสงสารน้องน้อย

“แอ้ ๆ (ฮึก ๆ หนะ..หนูไม่เป็นไร แต่พี่ชายถ้าหนูเป็นวิญญาณพี่ยังจะรักหนูไหม)”

“วิญญาณคืออะไร” น้ำเสียงไม่ชัดดังขึ้นด้วยความฉงนแต่สำหรับผู้ใหญ่หลังจากได้ยินพวกเขากลับพากันหวาดกลัวและตื่นตระหนก

“เสี่ยวเฉิน ลูก/หลานพูดกับใคร” คนทั้งสามต่างถามคนตัวน้อยออกมาพร้อมกัน

“กับน้องสาวฮับ น้องถามว่าถ้าเธอเป็นวิญญาณผมจะรักน้องอยู่ไหม”

ผู้ใหญ่สามคนต่างแลกเปลี่ยนสายตากันไปมา “อ้ายอ้าย ลูกไม่ใช่วิญญาณแต่เป็นเทพต่างหาก” หรูจื่อรีบพูดออกมาจากความรู้สึกของตน

“ใช่ ๆ พ่อของหลานพูดถูกต่อให้หลานเป็นวิญญาณก็เป็นวิญญาณของเทพ” เมิ่งหลิงจึงพูดออกมาบ้าง

“วิญญาณคือไรฮับ” เจ้าตัวน้อยยังคงกังขา

“คือสิ่งที่น้องของลูกเป็น ดังนั้นเรื่องนี้ลูกห้ามบอกคนอื่นนะครับ” หรูจื่อไม่รู้จะอธิบายอย่างไรจึงได้บอกเขาออกไปแบบนั้น

“อืม ผมไม่บอกหรอก น้องสาวไม่ว่ายังไงพี่ก็รักน้องที่สุด” คำตอบแสนซื่อของเด็กชายได้เรียกน้ำตาของหรูฟู่ซิงออกมาอีกครั้ง

“ลูกสาวแม่ อย่าร้องเลยนะเจ้า แม่เห็นแล้วใจจะขาด ลูกตัวอุ่นนุ่มนิ่มถึงเพียงนี้จะเป็นวิญญาณได้อย่างไร”

“แม่ของลูกพูดถูก ลูกน่ารักถึงเพียงนี้จะเป็นสิ่งนั้นได้อย่างไร” หรูจื่อยกนิ้วปาดน้ำตาให้คนตัวเล็กอย่างทะนุถนอม

“หลานของย่าไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไร ย่าก็จะปกป้องเจ้าเอง” เมิ่งหลิงเองก็หาได้น้อยหน้าทั้งลูกชายลูกสะใภ้

หรูฟู่ซิงคิดว่าครอบครัวนี้ดีที่สุดดังนั้นหล่อนจึงได้ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาซึ่งแต่ละคนก็มองเธออย่างโง่งม

นี่จึงนับว่าเป็นน้ำตาแห่งความสุขของเธอก็ว่าได้ (ในโลกนั้นกำพร้า มาโลกนี้ก็ยังเป็นกำพร้าแต่ทว่ากลับโชคดีที่ได้มาเป็นลูกหลานของคนบ้านนี้) เจ้าตัวคิดพลางมองใบหน้าของคนในครอบครัวก่อนจะหลับคาอ้อมแขนของย่าไปอีกครั้ง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่34 ครัวเรือนหมื่นหยวนในพริบตา

    คล้อยหลังจากรถยนต์คันหรูจากไป เมิ่งหลิงก็หันมาหาคนที่ไปบอกพวกตนที่บ้านว่าหรูจื่อไปทำให้คนขุ่นเคืองทันที“สหายคนนั้นหยุดเดี๋ยวนี้” เสียงของเมิ่งหลิงตะโกนอย่างดุดันชายร่างผอมสวมเสื้อผ้าหยาบเหมือนกับชาวบ้านทั่วไปสะดุ้งจนตัวโยน“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” เขาแย้งอย่างร้อนตัว“ไม่ผิด! คุณไปบอกพวกเราว่าหรูจื่อถูกจับเพราะไปทำให้คนใหญ่คนโตขุ่นเคืองเขาถึงได้ตามมาเอาเรื่องไม่ใช่เหรอ อย่างนี้จะเรียกว่าไม่ผิดได้ยังไง” เมิ่งหลิงไม่ปล่อยผ่าน“หวังเค่อ คุณไปพูดอย่างนั้นได้ยังไงครับ การที่คุณทำให้คนอื่นเสียหายเช่นนี้ ห็นทีว่าผมคงจะต้องส่งคุณไปให้ผู้กำกับสวีปรับทัศนคติ” คำพูดของเจิ้งฟู่ฉีทำให้เข่าของเจ้าของชื่อพลันอ่อนยวบ“หัวหน้าหน่วยเจิ้ง ผมอาสาไปส่งเขาเอง” ฉางซูเหิงกล่าวออกมาเสียงดังโดยมีซ่งเจียหาวพยักหน้าสนับสนุน“ผมไม่ไป ผมขอโทษ ปล่อยผมไปเถอะ ต่อไปนี้ผมรับรองว่าจะไม่พูดจาเหลวไหลแบบนี้อีกแล้ว” ชายคนนั้นเอ่ยขอร้องทั้งน้ำตา หว่างขาของเขามีน้ำไม่พึงประสงค์ไหลออกมาจนเปียกชุ่ม“เหม็นชะมัด! พวกเราแยกย้าย” ชาวบ้านจำนวนมากที่หวังชมเรื่องสนุกพากันถ

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่33 ความมโนของคน

    นายทหารคนนี้พาชายหนุ่มทั้งคู่เดินมายังห้องทำงานของเจ้าของบ้านที่กำลังมีใบหน้าเคร่งเครียดเสียงเคาะประตูดังขึ้นในขณะที่เขากำลังลูบแหวนหยกที่สวมติดนิ้วโป้งข้างขวาในยามมีเรื่องไม่สบายใจ“เข้ามา” น้ำเสียงดุดันดังขึ้นก่อนประตูจะเปิดออกจากคนด้านนอก“สหายเจียง คุณมาแล้ว” เจ้าของห้องลุกขึ้นยืนอย่างมีความหวังเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใคร“สวัสดีครับท่าน” เจียงหย่งเฉียงถอดหมวกค้อมเอวลงกล่าวทักทายอย่างสุภาพ“ไม่ต้องมากพิธี ว่าแต่นี่ใครอย่างนั้นเหรอ” ชายวัยกลางคนที่อยู่ในห้องเดินเข้ามาหาเขาอย่างสนิทสนมพร้อมกับส่งสายตาเป็นสัญญาณให้นายทหารคนนั้นออกไปเสียงประตูปิดลง เจียงหย่งเฉียงจึงได้แนะนำหรูจื่อออกมาด้วยรอยยิ้ม “น้องชายของผมเองครับ” น้ำเสียงของเขาฉายแววภาคภูมิใจอยู่ในที“น้องชาย! ใช่คนที่สหายเล่าให้ฟังเมื่อครั้งก่อนหรือเปล่า อืมดูหน่วยก้านไม่เลวแต่ว่าทำไมถึง” คำพูดของเขาหยุดลงเมื่อสังเกตเห็นการเดินของหรูจื่อ“สวัสดีครับ ผมหรูจื่อและนี่ลูกสาวของผมอ้ายอ้าย” หรูจื่อหาได้รู้สึกถึงปมด้อยของตนถอดหมวกค้อมเอวลงทักทายเขาและแนะนำเจ้าตัวเล็กในกระเป๋

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่32 ของหายาก

    เสียงหวูดรถไฟดังกังวานไปทั่วสถานีเพื่อเตือนผู้คนให้เตรียมตัว “รถไฟมาแล้ว” เจียงหย่งเฉียงพูดขึ้นพลางกระชับกระเป๋าถือทำจากหนังสีน้ำตาลอ่อนในมือและเมื่อขบวนรถไฟสีเขียวเข้มที่มีเส้นคาดสีเหลืองจอดนิ่งอยู่บนราง ผู้โดยสารที่สวมเสื้อผ้าล้วนแล้วแต่เป็นสีเข้มแบบเรียบง่าย หรือไม่ก็เป็นชุดทหารตามความนิยมก็เริ่มทยอยกันเดินออกจากตู้ด้วยท่าทางไม่รีบไม่ร้อนเจ้าตัวเล็กในกระเป๋าเป้สะพายด้านหน้าของคนเป็นพ่อมองผู้คนในยุคนี้ที่หลายคนแบกกระสอบผ้าป่านขึ้นบ่าหรือไม่บางคนก็ถือกล่องไม้มัดด้วยเชือกป่านอย่างสนใจจนกระทั่งเธอได้เข้ามาด้านในขบวนรถไฟ ดวงตาของเด็กหญิงก็ไม่วายมองสำรวจทางนั้นทีทางนี้ทีด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกคำรบตัวม้านั่งโดยสารเป็นไม้แข็งเรียงกันสองฝั่ง บางส่วนมีเบาะหนังแบบเก่าซึ่งเริ่มลอกออกเนื่องจากผ่านการใช้งานหนักมาอย่างยาวนานพื้นที่ตรงกลางทางเดินค่อนข้างคับแคบจากการที่มีสิ่งของรวมถึงสัมภาระล้นออกจากการถูกวางกองไว้ใต้ที่นั่งหรือบนชั้นวางเหล็กเหนือหัว จึงทำให้ทุกสิ่งดูระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ เสียงพูดคุยของผู้คนที่มาอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมากดังจอแจแล

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่31 ขาทองคำ

    เป๋าเอ๋อร์ นายช่วยดูหน่อยสิว่าพ่ออยู่ที่ไหน ทำไมเย็นป่านนี้แล้วเขาถึงยังไม่กลับมาอีก เจ้าตัวเล็กที่กำลังชะเง้อคอยาวคล้ายยีราฟเข้าไปทุกทีอดเป็นกังวลไม่ได้จึงได้สื่อสารกับระบบคู่หูอย่างกังวลได้เลยครับ สิ้นคำของระบบเจ้าตัวพลันรับรู้ได้ทันทีว่าบิดาของเจ้านายอยู่ตรงไหนและกำลังทำอะไร‘พ่อ! คุณกำลังทำอะไรอยู่ครับ ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านอีก’ หรูจื่อค่อนข้างตกใจในเสียงที่ได้ยิน‘ท่านเทพเหรอ พอดีว่าผมกำลังดูเจ้าพืชต้นนี้อยู่เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนว่ามันคืออะไร แต่สหายจิงบอกว่ามันคือโสม แต่หล่อนก็ไม่มั่นใจพวกเราจึงได้แต่รั้ง ๆ รอ ๆ ว่าจะเอายังไงดี’‘มันคือโสมและอายุของมันไม่น้อยกว่าห้าสิบปีดังนั้นพ่อสามารถขุดมันขึ้นมาได้เลย แต่จะต้องระวังรากของมันหน่อยหากว่ารากมีความสมบูรณ์มากราคาเองก็จะดีตามมาด้วยเช่นกัน’เมื่อหรูจื่อได้ยินคำพูดยืนยันเช่นนี้ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่รอช้าเขาจึงนั่งยองและใช้มีดสั้นที่เหน็บเอวเอาไว้เริ่มทำการขุดดิน รอบ ๆ ต้นพืชชนิดนี้อย่างระมัดระวัง“พี่ชาย คุณทำอะไร” ฉางซูเหิงถามขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้“สหายจ

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่35 เปิดบัญชี

    “เงินนี่มันจะไม่มากเกินไปหรือครับ” หรูจื่อมองธนบัตรที่วางเป็นปึก ๆ ตรงหน้าถามออกมาด้วยความกังวล“ไม่มากหรอก น้องหรูรับไปเถอะอย่าได้เกรงใจ แต่ผมขอแนะนำให้สหายนำเงินไปฝากกับธนาคารของรัฐจะดีกว่าเงินมากแบบนี้พกไปไหนมาไหนด้วยย่อมไม่ปลอดภัย เอาอย่างนี้ก็แล้วกันผมจะให้เจียงเทาพาไป” เถากวางโถวพูดเองเออเองเสร็จสรรพ“ถ้าอย่างนั้น ผมต้องขอรบกวนท่านแล้ว” หรูจื่อเองก็เห็นด้วยแม้ว่าท่านเทพจะสามารถช่วยรักษาเงินจำนวนนี้เอาไว้ได้ก็จริง แต่ว่าต่อหน้าคนที่ไม่รู้การที่เขาจะรับน้ำใจแบบนี้ไว้ย่อมไม่เสียหายในขณะที่ผู้ใหญ่กำลังเจรจา เจ้าตัวเล็กอ้ายอ้ายที่ถูกคุณนายของบ้านอุ้มออกมายังอีกห้อง ในตอนนี้เธอกำลังกลายเป็นตุ๊กตาตัวน้อยโดยการที่คุณนายกับลูกสาวจับแต่งตัวกำลังอ้าปากหาวด้วยความเบื่อหน่าย“แม่คะ เจ้าตัวเล็กคงจะง่วง” เถาเหลียนฮวาพูดขึ้นหลังจากเธอได้รับการตรวจร่างกายและมาเล่นกับเด็กหญิง“นั่นสิ จะว่าไปเด็กคนนี้ไม่งอแงเหมือนเด็กคนอื่นเลยน่ารักเลี้ยงง่ายและบางครั้งก็ดูเหมือนว่าจะฟังพวกเรารู้เรื่องด้วย” หลินหงพูดขึ้นพลางอุ้มเจ้าตัวน้อยมากล่อมนอนหรูจื่อที่เดินตามเจ้

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่27 ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว

    “หากคุณได้รับยาต่อเนื่องอาการคงไม่ร้ายแรงเท่านี้ แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่ไม่สายจนเกินไป” หมอผู้อยู่ในชุดกราวน์สีขาวสวมหน้ากากอนามัยพูดขึ้นต้วนฉีเหวินไม่ได้ถูกจัดให้นอนในโรงพยาบาลเนื่องจากเตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ ดังนั้นหลังจากรับยาเขาจึงต้องกลับมาพักที่บ้านซึ่งเรื่องนี้ย่อมนำพาความยินดีมาให้สองสามีภรรยาไม่น้อยเป๋าเอ๋อร์ นายไม่มียารักษาเหรอ เจ้าตัวเล็กหรูฟู่ซิงถามขึ้นในระหว่างที่พวกเธอกำลังนั่งรถลากกลับบ้านต้วนมีครับ แต่ที่ให้เขามาหาหมอก็เพื่อที่ผมจะได้นำยาออกมาใส่ให้เขากินได้สะดวก เป็นยังไงความคิดของผมฉลาดมากเลยใช่ไหมล่ะ หากเจ้าตัวมีหางหรูฟู่ซิงคาดว่าหล่อนคงจะได้เห็นหางเล็ก ๆ ของเขากระดิกไปมานายยอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกเลยสหาย หรูฟู่ซิงไม่ทำให้เขาผิดหวังเธอกล่าวชมออกมาอย่างจริงใจเสียงหัวเราะอันเบิกบานของคนตัวเล็กทำให้นางเมิ่งกับหรูเฉินพลันเกิดความรู้สึกอารมณ์ดีตามรถลากทั้งสามคันกำลังเลี้ยวเข้าไปทางตรอกในทิศใต้ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าได้มีคนจับตามองด้วยแววตาวาววับ “รีบไปบอกหัวหน้า” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นคล้อยหล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status