เช้าวันต่อมาไป๋หรงก็ตื่นขึ้นด้วยความสดใส หัวใจเต็มไปด้วยพลังบวก พลังชีวิตเหมือนถูกเติมเต็มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอลุกขึ้นมาห้องจัดเตรียมบริเวณวาดภาพอย่างขยันขันแข็ง เมื่ออุปกรณ์วาดภาพมาจัดส่งเรียบร้อย เธอก็จะได้เริ่มวาดภาพด้วยความรู้สึกอิ่มเอม
ภาพในวันนี้เธอตั้งใจจะถ่ายทอดวิถีชีิวิตของตัวเอง สิ่งที่อยู่รอบ ๆ กายเธอในตอนนี้
ภาพแรก จึงเป็นภาพจากริมหน้าตาคอนโดที่เธออาศัยอยู่ มองทอดออกไป เห็นตึกมากมายถนนมีผู้คนเดินขวักไขว่ แต่นั้นก็ยังเป็นภาพที่ให้เห็นถึงความหวัง ความหมายในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
ทว่าภาพที่ 2 กลับเป็นริมหน้าต่างของตำหนักฮองเฮา ภาพกิ่งดอกไม้ริมหน้าต่าง ตะวันสอดส่อง ล้วนทำให้ระลึกถึงช่วงวันวานวัยแรกแย้มที่จิตใจยังคงสดใสเบ่งบาน
เธอวาดภาพเมืองอดีตในความทรงจำที่คล้ายเป็นเพียงภาพในจินตนาการกับภาพเมืองหลวงอี้จงสลับกันไป เมื่อเธอวาดรูปรถม้าของผู้สูงศักดิ์ เธอก็วาดรูปรถประจำทาง หญิงสาวระบายอารมณ์บรรยายบรรยากาศของชีวิตในช่วงอดีตกับปัจจุบันคล้ายระบายความรู้สึกเหงา อบอุ่น สะท้อนใจ ทุกอย่างล้วนสะท้อนลงไปในแผ่นกระดาษ
เวลาผ่านไปโดยที่ไป๋หรงเองก็ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งเสียงข้อความดังขึ้น
“ยอด 60,000 หยวน เตรียมของให้เรียบร้อยฉันกำลังจะเข้าไปเอา”
ไป๋หรงเปิดอ่านข้อความเฟยเฟย พลางอมยิ้มไป จากนั้นก็เข้าไปเตรียมกระเป๋าใส่กล่อง ใส่ถุงแล้วลงไปชั้นล่างรอเฟยเฟย เธอเองก็ร้อนใจอยากให้มีเงินวางอยู่ในบัญชีเห็นตัวเลขถึงจะอุ่นใจ
หลังจากส่งมอบกระเป๋าเสร็จ ไม่กี่ชั่วโมงต่อมายอดเงิน 60,000 หยวน ก็เข้าบัญชีไป๋หรง เธอยิ้มแย้มและรู้สึกผ่อนคลายทันที ในวันถัดมาภาพเริ่มมีแสงตะวัน อบอุ่นละมุนละไมประโลมจิตใจ
ผ่านไป 1 สัปดาห์ ไป๋หรงก็มีภาพวาดอยู่ในมือสิบกว่าภาพ แม้กระทั่งตัวเธอเองก็ยังตกใจ ได้เวลานำภาพวาดไปวางขายแล้ว
ณ ลานวัฒนธรรม
สถานที่แสดงและขายของเล็กๆ น้อยๆ ของผู้คน
สินค้าที่ขายในลานนี้จำเพาะต้องเป็นสินค้าทำมือ DIY งานสร้างสรรค์
หรือการแสดงที่แปลกใหม่สามารถหาดูได้จากที่นี่
ไป๋หรงมาจับจองพื้นที่ตั้งแต่ช่วงบ่าย พอแสงแดดเริ่มอ่อนตะวันเริ่มลับขอบฟ้าเธอก็เริ่มวางภาพวาดของตัวเองเธอไม่ได้มีอุปกรณ์จัดวางอะไรมากมาย เพียงแค่วางเรียงๆ กันเท่านั้น
ทว่า ภาพวาดของไป๋หรงได้รับความสนใจไม่น้อยส่วนใหญ่เป็น ร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟที่นำไปตกแต่งร้าน
“ภาพนี้เท่าไรคะ” สาวน้อยแววตาสดใสผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้น
“3,000 หยวนค่ะ ทุกภาพขายราคาเดียวกันค่ะ" ไป๋หรงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงละมุน ใบหน้าเปื้อนยิ้มวันนี้เธอขายภาพได้หลายภาพอารมณ์จึงดียิ่งนัก
อี้เฟยหลิง เงยหน้าจากภาพวาด เมื่อเห็นคนขาย สวยหยาดเยิ้มให้อารมณ์หวานปนความเซ็กซี่ เธอเหม่อมองไปชั่วขณะ ทว่าก็ได้สติอย่างรวดเร็วเธอหลุบตาต่ำลงมองภาพอีกครั้งอย่างใคร่ครวญ ภาพภาพกิ่งดอกเหมย ปลิวไสวบนหลังคา ใต้ต้นดอกไม้มีดรุณีแรกแย้มสวมชุดโบราณยืนอยู่ มันให้อารมณ์คิดถึงวันวานความสดใส ยังอยู่ในใจคน
แต่ว่าภาพวาดชิ้นนี้ราคาถูกเกินไป อาจจะไม่เหมาะให้เป็นของขวัญท่านย่า ทว่าสิ่งของใดๆ คุณย่าล้วนมีหมดแล้ว วันนี้เธอเลยลองมาหาอะไรใหม่ๆ ที่นี่ ปกติของที่ขายที่นี่จะเป็นของเล็กๆน้อยๆ หลายอย่างก็ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าใดนัก ตอนแรกก็ไม่คิดจะมา แต่หลังจากตะเวนเดินไปทั่วเมืองเลยได้เสี่ยงมาเดินดู
เด็กสาวเงยหน้าขึ้น สายตาจ้องมองของไป๋หรงทำให้เธอรู้สึกเขินอาย
“เอ่อ พี่ช่วยแนะนำให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันจะซื้อภาพให้เป็นของขวัญญาติผู้ใหญ่”
อี้เฟยหลิงไม่ค่อยเข้าใจสื่อความหมายของงานวาดภาพเท่าไรนัก จึงลองขอคำปรึกษาดู
“ภาพทุกภาพ ล้วนสวยงามในแบบฉบับของมันค่ะ ดิฉันวาดเป็นภาพความรู้สึกอุ่นๆ นะคะ อาจจะมีบ้างให้ความรู้สึกห่วงหา คะนึงแต่เป็นความรู้สึกดีๆ ทั้งนั้นค่ะ คุณหนูชอบภาพไหนท่านก็น่าจะชอบค่ะ”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น ฉันขอภาพวิวสะพานลอยด้วยอีกภาพค่ะ”
“ยอดรวม 6,000 หยวนค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"
ไป๋หรงยิ้มแก้มปริดวงตาเปร่งประกายแวววาว จนอี้เฟยหลิงอยากจะเพิ่มราคาภาพวาดให้ เธออยากจะมองดวงตามีเสน่ห์ดวงนั้นต่อ
ไป๋หรงขายภาพวาดได้จนหมด ไม่เหลือ เธอเดินทางกลับบ้านด้วยความสุข วันนี้เธอขายภาพได้เงิน 50,000 หยวน เป็นรายได้ที่ดีพอสมควร ต่อไปเธอจะค่อยๆ เก็บเงินค่าหนี้คอนโดให้หมด จะได้ไม่ต้องกังวลอีก
ไม่ได้การเธอจะต้องไปวาดภาพเพิ่มก่อนนำมาขายอีก
ไป๋หรงไม่ได้คิดเลยว่า สไตล์การวาดภาพของเธอทำให้มูลค่าของรูปภาพมากมายกว่า 3,000 หยวนนัก ภายหลังจากนี้ภาพวาดของเธอกลับมีราคาสูงถึงภาพละหลายล้านหยวน
นายหญิงผู้เฒ่าตระกูลอี้
งานวันเกิดของนายหญิงผู้เฒ่าตระกูลอี้ครบ 60 ปี จึงเป็นการจัดงานวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ รวมถึงยังมีการเชื้อเชิญนักการเมืองและนักธุรกิจชั้นนำของประเทศ ทุกคนล้วนเป็นแขกกิตติมศักดิ์ ตระกูลจัดงานครั้งนี้นอกจากจะเป็นการให้ลูกหลานของตระกูลอี้ได้แสดงความกตัญญูยังเป็นการแสดงความยิ่งใหญ่ของตระกูลที่กำลังเติบโตเป็นเสืออีกตัวหนึ่งของประเทศ จึงไม่แปลกหากจะมีผู้ร่วมงานที่ต้องการความก้าวหน้าจะมางานนี้เพื่อพบปะผู้คน บรรยากาศในงานคลอเสียงบรรเลง เพลงเบาๆ แม้ผู้คนมากหน้าหลายตา ทว่ากลับรู้จักกันเกือบทั้งหมดแขกแต่ละท่านสามารถพูดคุยกับทุกคนได้อย่างสนิทชิดเชื้อ
ผู้ที่ได้รับเชิญมาล้วนแต่พยายามสรรหาของของเล่อค่าเพื่อมอบเป็นของขวัญ และที่เป็นจับตามองย่อมเป็นการมอบของขวัญของลูกหลาน
ตอนพิเศษ บุรุษเฉกเช่นนี้ ไป๋หรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสูงสุดและเป็นผู้นำตระกูลอี้ วันนี้เธอประชุมเพื่อกำหนดเกณฑ์การให้รางวัลพนักงานดีเด่น นอกจากโบนัสและการเลื่อนขั้นที่มีปกติแล้ว “ตกลง อูจิ้งเตรียมวันนำเสนอ” “ครับท่านไป๋หรง”ไป๋หรงได้นำวิธีการสร้างคนของตัวเองให้คนรักในองค์กร มาจากสมัยที่เธอเป็นฮองเฮา นั่นคือ มันต้องมีรางวัลสำหรับคนที่มีผลงานดีเด่นในแต่ละแผนก ทุกสายงานเริ่มตั้งแต่แม่บ้านจนถึงระดับผู้จัดการแต่จัดให้มาการประกวดผลงานประจำปีขึ้น ซึ่งข้อกำหนดกฎเกณฑ์มีไม่มากขอแค่ท่านประธานไป๋หรงพอใจก็คือได้รางวัล เธอก็ให้ความสำคัญตรงนี้มาก และจะต้องเป็นผู้ตัดสินเองเพื่อลดการมีเส้นสายและคำครหา เพราะมันคือรางวัลชอบอะไรก็คือให้อันนั้นแค่นั้น “เมียจ๋า พักก่อน พักก่อน” อี้เฟยหยางเดินมาพร้อมถาดใส่หม้อชา ในขณะที่พนักงานระดับสูงหลายคนกำลังอยู่ในห้องประชุม เขาไม่ได้สนใจสายตาคือการคำนับทักทายของใครเลย เดินตรงมาหาไป๋หรงเท่านั้น “สามีลองฝึกชงชา ตามที่เมียจ๋าสั่งแล้วนะจ้ะ ชิมดูสิว่าได้ไหม” ไป๋หรงยกจอกชาละเมียดจิบด้วยท
ตอนพิเศษ ค่ำคืนพิเศษไป๋หรงได้เข้าไปเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย และยังเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ปรึกษาด้านการควบคุมสื่อของรัฐ และมีธุรกิจที่ต้องดูแลช่วยอี้เฟยหยางทำให้แขกที่มาร่วมงานแต่งงานของพวกเขา มีมากมายหลากหลายอาชีพ แต่การต้อนรับแขกจะขาดตกบกพร่องไม่ได้เด็ดขาด กว่าจะต้อนรับแขกจนครบในงานแต่งก็ทำให้ไป๋หรงเหนื่อยสายตัวแทบขาด“เหนื่อยมากเลย ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้านอนเลยนะคะ”“ได้ยังไง วันนี้คุณสัญญาว่าจะให้ผมทั้งคืนนะ”อี้เฟยหยางรีบเข้ามาโอบกอดไป๋หรงทันที“พี่หยางหยาง ฉันเหนื่อยมากเลยฉันขอนอนนะคะ”เสียงหวานไป๋หรงออดอ้อนเธอรู้ว่า อย่างไรอี้เฟยหยางจะยอมเธอ“เรื่องนี้พี่ให้หรงเอ๋อร์ไม่ได้จริง ๆ มา ๆ พี่จะช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า”กลิ่นสุราจากอี้เฟยหยางส่งกลิ่นมากับน้ำเสียง ลมหายใจรวยรินรดต้นคอระหงของหญิงสาวทำให้เธอเริ่มรู้สึกวาบวิวไม่น้อย “ไม่เป็นไร ฉันจัดการเองได้ค่ะ” ไป๋หรงรีบเอ่ยขัดไม้มือของอี้เฟยหยางแม้จะเป็นแฟนกันมา 4-5 ปี นอกจากจูบแล้วอี้เฟยหยางก็ไม่เคยเกินเลยกับหญิงสาว วันนี้คืนแต่งงานของเขา เขาย่อมไม่ยอมปล่อยไป๋หรงไปแน่นอน“หรงเอ๋อร์ ที่รักของพี่” อี้เฟยหยางเองก็เมามายไม่ใ
ตอนที่ 77 เปิดตัว ภาพไป๋หรงเคียงคู่กับอี้เฟยหยางที่ต่างประเทศถูกเผยแพร่ออกมา หลายคนเริ่มตั้งข้อคำถามถึงความสัมพันธ์ เฟย เฟย ให้ข้อมูลกับสื่อว่า ไป๋หรงจะชี้แจงด้วยตนเองในช่วงเช้าอี้เฟยหยางไปส่งไป๋หรงไปทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ที่โรงพยาบาล รถหรูคันใหญ่จอดอยู่ตรงบริเวณด้านหลังของโรงพยาบาล“ไม่ต้องเข้าไปส่งหรอกค่ะ ฉันเข้าไปเองได้” “แล้วตอนเย็นจะผมมารับได้ไหม”“ทำให้เป็นปกติดีกว่านะคะ ฉันไม่อยากจะเก็บไว้เปรียบเทียบช่วงที่คุณเริ่มเบื่อแล้ว” อี้เฟยหยางชะงักเล็กน้อย แล้วยิ้มตอบ“ถ้าอย่างนั้น ถ้าผมว่างผมมารับนะคะ”“ค่ะ” เมื่ออี้เฟยหยางเดินกลับขึ้นไปบนรถ ซีซานก็เดินมาประกบหญิงสาวเดินเข้าไปยังโรงพยาบาล บรรยากาศของโรงพยาบาลยังเต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่ เป็นสถานที่ที่ทุกคนไม่รู้สึกยินดีที่จะมา แม้จะรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอกับไป๋หรงแต่ก็ไม่ได้เข้ามาวุ่นวายใด ๆ นักข่าวที่มารอทำข่าวก็มีมารยาท ไป๋หรงแจ้งว่าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ในเวลางาน พวกเขามาเพียงเก็บภาพถ่ายก็ออกไปในขณะนั้นที่สำนักงานใหญ่บริษัทตระกูลอี้ “ในเมื่อตกลงคบกันแล้วก็ชวนเธอมากินข้าวที่บ้านสิ” อี้เฟยหยางเงยหน
ตอนที่ 76 ขอบคุณที่ไม่ใส่ใจ...อดีต การที่อี้เฟยหยางเป็นหนุ่มเจ้าสำราญทำให้ชายหนุ่มสามารถคิดแผนท่องเที่ยวได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มดำไปกับบรรยากาศในเมืองหรือลิ้มลองอาหารที่แปลกใหม่หรือแม้กระทั้งแหล่งศูนย์รวมสินค้า แบรนด์เนมที่สาวๆ พลาดไม่ได้เด็ดขาด นับได้ว่าการเริ่มต้นของอี้เฟยหยางครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไม่มีอะไรผิดพลาดเหมือนเช่นเคย หลังจากที่ได้พักผ่อนมาหลายวันก็ได้เวลากลับไปลุยงานกันอีกครั้งขณะที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางออกจากโรงแรมไป๋หรงก็เอ่ยถามชายหนุ่ม “ไม่สบายหรือคะ” “เปล่าหรอกครับ ผมแค่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วนัก” ไป๋หรงยิ้มตอบ “ไว้โอกาสหน้า พวกเรามากันอีกนะคะ ฉันสนุกมากเลย” อี้เฟยหยางกุมมือของไป๋หรงขึ้นมา “สัญญานะครับ” “ค่ะสัญญา” เมื่อกลับมาถึงสนามบิน อี้เฟยหยางก็ส่งไป๋หรงกลับบ้านทันทีเพราะรู้ว่าการเดินทางมันเหนื่อยจำเป็นต้องรีบพักผ่อน ส่วนตัวเองรีบเดินทางกลับบริษัท“กลับมาแล้วหรือคะพี่ชาย” เมื่อไปถึงห้องทำงาน ยังไม่ทันได้นั่งก็ได้ยินเสียงน้องสาวสุดแสบดังขึ้น
ตอนที่ 75 แล้วต่อกัน ให้โอกาสตัวเองได้เดินต่อ อี้เฟยหยางไม่ได้รับรู้เรื่องราวระหว่างไป๋หรงกับตระกูลซ่งและตระกูลจ้าว เมื่อเห็นซ่งเฟยซูก็โค้งศรีษะกล่าวทักทายอีกฝ่ายด้วยไมตรี “ไม่แปลกใจเลยนะครับที่ได้เจอกันที่นี่” เสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนของชายหนุ่มดึงซ่งเฟยซูมีสติ เธอเสียอาการเพียงเล็กน้อยรีบปรับสีหน้าพูดตอบอีกฝ่าย “นั่นสิค่ะ อืม...คุณไป๋หรงฉันขอรบกวนเวลาสักครู่จะได้ไหมคะ” แม้จะรู้ตัวว่าตนเองผิดและอยู่ในจุดที่เสียเปรียบอีกฝ่าย แต่ว่าความจองหองที่ติดตัวทำให้ซ่งเฟยซูยังคงอวดดีอยู่ น้ำเสียงที่พูดยังดูไร้ความสำนึกผิดใด ๆไป๋หรงไม่ถือสา เธอหันไปขอตัวกับอี้เฟยหยางแล้วหันมาพูด“ค่ะ...เชิญคุณซ่งเฟยซูค่ะ” ภายในงานมีที่นั่งรับรองแขกอยู่หลายจุด ซ่งเฟยซูเลือกจุดที่ค่อนข้างห่างไกลผู้คน เห็นความนิ่งเงียบของไป๋หรงยิ่งทำให้ซ่งเฟยซูรู้สึกกระสับกระส่าย เมื่อนั่งลงจึงรีบพูดสิ่งที่อยู่ในใจซ่งเฟยซูยกชาดื่มเพื่อปกปิดอาการเธอหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าถามขึ้น “เธอไม่คิดจะกลับตระกูล” “ตรงที่ฉันอยู่ตอนนี้ไม่ดีตรงไหนคะ ฉันมีครอบครัวที่อบอุ่น มีคนที่รักข้างกาย”
ตอนที่ 74 ร้อนตัว อี้เฟยหยางตื่นมายืนรอไป๋หรงก่อนเวลานัดหมายเกือบชั่วโมง เขายืนนิ่งพิงกายอยู่หน้าประตูห้องของหญิงสาวใบหน้ายิ้มแย้มคล้ายคนโง่งม ชายหนุ่มปัดหน้าจอมือถือไปมา เมื่อก่อนเขาไม่เคยจะโพสลงเวยปั๋วส่วนตัวเองสักครั้ง หากจำไม่ผิดโพสเองล่าสุดจะเมื่อ 3 ปีที่แล้ว นอกนั้นจะเป็นของสื่อหรือเหล่าเซเลบแท็กมาเสียมากกว่า เพราะเรื่องราวเหล่านั้นล้วนไร้สาระสนุกสนานไปวัน ๆ ทว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เขาอยากจะโพสเก็บความทรงจำไว้ เขาจึงอยากจะขอไป๋หรงโพสข้อความประทับใจเก็บไว้ด้วยกันดวงตาของอี้เฟยหยางเป็นประกายวับวาว รอยยิ้มกดลึกลงกว่าเดิมแต่ว่า!!! สิ่งที่อยู่ในหน้าจอมือถือที่หน้าเวยปั๋วส่วนตัวของเขา ทำให้ดวงตาของชายหนุ่มกลายเป็นสีหม่นเบิกกว้างตกตะลึง อะไรกัน ทำไมมีโพสไร้สาระมากมายขนาดนี้กันเนี้ย เฮ้ย!! ไม่นะ ความฝันหวานฉ่ำพังทลายลงไม่มีสิ้นดี ในเวยปั๋วล้วนมีแต่ภาพอี้เฟยหยางโอบกอดคอลเคลียกับดาราหญิงมากหน้าหลายตาในงานเลี้ยงสังสรรค์แทบจะไม่ซ้ำสถานที่ บางชนแก้ว บางชนแก้ม แม้จะดูไม่วาบหวิวทว่าแต่ละรูปล้วนเต็มไปด้วยความผิดค่อนข้างร้ายแรงภาพเหล่า