“ท่านลุงหมอ พี่ข้าเป็นอะไรมากไหม อาการร้ายแรงหรือเปล่า”“ใจเย็นหน่อยสิ พวกเจ้าหน้าซีดยิ่งกว่าคนป่วยอีกนะ แต่ข้าก็พอเข้าใจอยู่ เจ้าหนุ่มนี่ไปหาข้าตั้งหลายครั้งแต่ข้าก็ไม่ว่างมาเสียที ถ้ารู้ก่อนอาจป้องกันได้นานแล้ว ช่วงนี้อากาศแปรปรวน ชาวบ้านป่วยไข้กันมาก แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่ข้าจะละเลยใครได้”ตาแก่นี่รีบ ๆ บอกมาสักที เขากำลังทดสอบความอดทนข้าอยู่หรือไง ตกลงเมียข้าเป็นอะไรกันแน่“เลิกจ้องข้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อสักที ข้าจะบอกเดี๋ยวนี้แล้ว” โต้วฝูหรงยกมือปรามก่อนที่หนุ่มน้อยทั้งสองจะต่อยเขาจริง ๆ เพราะทนไม่ไหว“นางอ่อนเพลียมาก คนทั่วไปทำงานหนักแบบนี้ก็เหนื่อยอยู่แล้ว แต่ไม่ถึงกับหน้ามืดล้มลงไปหรอก เพราะนางพักผ่อนไม่เพียงพอ กินอาหารไม่เป็นเวลา ตอนที่ทำงานก็คงชอบเคลื่อนไหวเร็ว ๆ ด้วย หลังจากนี้ก็ต้องระมัดระวังหน่อยเพราะนางกำลังมีครรภ์”“มีครรภ์หรือขอรับ”“ใช่ ตอนนี้อายุครรภ์สองเดือนได้แล้ว ต้องระวังมาก ๆ หน่อย เป็นท้องสาวท้องแรกเลยเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก ดูออกได้ยากว่านางตั้งครรภ์หรือไม่ข้าจะจัดยาบำรุงให้ ส่วนการติดตามอาการหลังจากนี้ไปจนถึงทำคลอดปรึกษาหมอตำแยด้วยจะดีกว่านะ”โต้ว
“ท่านพี่ สีหน้าท่านดูไม่ดีเลย พักหน่อยดีไหม” จางฟงเห็นสีหน้าพี่สาวซีดขาวแล้วรู้สึกใจคอไม่ดี“ข้าไหวอยู่ ไม่เป็นไรหรอก”“ไม่เป็นไรที่ไหนกันล่ะ วัวป่วยที่บ้านยายแก่ข้าง ๆ ยังสีหน้าดูดีกว่าพี่อีก”เจ้าเด็กคนนี้ เดี๋ยวเถอะ ถ้าไม่ติดว่าข้าล้างผักอยู่กะละมังได้ลอยไปหาเจ้าแน่!“ช่างเถอะ ๆ งานตอนนี้ใกล้เสร็จแล้ว ขอข้าทำให้เสร็จก่อนแล้วจะไปพักนะ”“ข้าคงจะเชื่อหรอก สามวันที่แล้วพี่ก็พูดแบบนี้ สองวันที่แล้วพี่ก็พูดแบบนี้ เมื่อวานก็ยังพูดประโยคนี้ ผลสุดท้ายก็ทำงานอยู่ตลอดไม่ได้พักเลย”นี่เจ้าเป็นพยาธิในท้องข้าหรือไง รู้ดีอะไรขนาดนั้น ข้ายังจำไม่ได้เลยว่าพูดไปด้วยความที่ยังมีงานอยู่ในมือ จางอวี๋จิงจึงไม่ได้สนใจต่อล้อต่อเถียงกับน้องชาย นางเอาแต่บอกปัดแล้วโหมงานอย่างหนักเพื่อให้มันเสร็จเร็ว ๆจางอวี๋จิงไม่ชอบทำงานแบบค้างคา แต่ละงานต้องเสร็จเป็นอย่าง ๆ ไป เป็นคนประเภทที่นายจ้างจะชอบมาก แต่ปัญหาก็คือนางจะไม่ยอมพักเลย เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียโดยเฉพาะในเวลาแบบนี้หรือข้าควรไปตามพี่เขยมาดุนางแทน แต่จะปล่อยนางไว้คนเดียวก็ไม่ได้อีก ข้ามีทางเลือกอะไรบ้างเนี่ยจางฟงไม่รู้จะทำอย่างไรได้นอกจากแย่งงานส่วนของนา
“ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ทำให้เจ้ากังวล ข้าคิดน้อยไป”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ หลังจากนี้พวกเราก็พยายามพูดคุยกันให้เยอะขึ้นเถอะนะ”ไป่จวิ้นยิ้มให้นางแล้วพยักหน้า เรื่องหนักอกหนักใจตลอดหลายวันมานี้คลี่คลายแล้ว ตอนเย็นพวกเขาแวะไปที่โรงหมอใกล้บ้านอีกครั้ง หากเขาไม่อยู่จริง ๆ ก็คงต้องเดินทางไปเขตอื่นที่อยู่ติดกันถึงเป็นเมืองใหญ่ก็ยังหาผู้ที่ร่ำเรียนวิชาแพทย์ได้น้อยนัก เทียบกับแว่นแคว้นใกล้เคียง แคว้นเล่อไม่มีเรื่องใดโดดเด่นเป็นพิเศษเลย พวกเขาแค่เอาชีวิตรอดไปในแต่ละวันก็เต็มกลืนแล้ว“ช่วงนี้อากาศเย็นจัดคนเลยป่วยไข้กันมาก แต่ข้าแจ้งท่านอาจารย์ไว้แล้ว ถ้าเขาไปดูคนไข้ของวันนี้หมดแล้วอาจจะพอมีเวลาแวะไปสกุลไป่ขอรับ”พวกเขามาอีกครั้งท่านหมอก็ยังไม่ว่าง ดีที่ฝากเรื่องไว้ตั้งแต่คราวก่อน ไป่จวิ้นขอบคุณลูกศิษย์คนนั้นและซื้อยาบำรุงกลับไปนิดหน่อย ออกจากหน้าร้านไปได้สามก้าวก็เดินย้อนกลับไปใหม่เพื่อซื้อยาลดไข้อีกจำนวนหนึ่ง ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย มียาติดบ้านไว้มากหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายทำไมแค่จะมาหาหมอถึงได้ยา
“ใครจะไล่นาง อย่ามาพูดจาซี้ซั้วนะ เจ้าไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน”หงเสวียนซู่ชักมีน้ำโห นางไม่อยู่ไม่กี่วันมีคนเอาบ้านนางไปพูดลับหลังอีกแล้วหรือไง“ไม่ใช่ว่าท่านแม่ตกลงกับนางไว้แบบนี้หรือขอรับ?” จากท่าทางของมารดาแล้วอาจเป็นเขาเองที่เข้าใจผิด“ไม่เคยพูดว่าจะไล่นางออกไปสักหน่อย นี่เจ้ากังวลไปเองหรอกหรือ ทำหน้าตาเคร่งเครียดเสียขนาดนั้นรอคุยกับแม่ก็นึกว่ามีเรื่องอะไรเสียอีก”ข้อตกลงที่เคยพูดไว้นั้นคือหากนางไม่มีบุตรในปีแรกหลังแต่งงาน จะไม่ได้เงินส่วนที่สาม หงเสวียนซู่ไม่เคยพูดเลยว่าจะไล่นางออกไป จางอวี๋จิงเป็นสะใภ้ที่ดีมากสำหรับนาง ต่อให้ต้องจ่ายมากกว่านี้ จางอวี๋จิงก็คงทำให้งอกเงยขึ้นได้ใหม่ กลับกันหากคนที่แต่งเข้ามาทำตัวไม่ดี ถึงมีเงื่อนไขแบบเดียวกับจางอวี๋จิง นางก็จะหาทางไล่ตะเพิดออกไปอยู่ดี“ตกลงเรื่องที่จะปรึกษาแม่คืออะไรกันแน่” เห็นบุตรชายเงียบไปนานนางจึงถามย้ำ“ข้าสงสัยว่านางอาจมีครรภ์ แต่นางไม่มีสัญญาณบอกเลย ถ้าข้าเข้าใจผิดไปเองกลัวจะทำให้นางกังวล” ไป่จว
ภาพจำของนาง คนกำลังจะเป็นแม่ถ้าไม่มีอาการอ่อนเพลีย แพ้ท้อง ก็ควรมีความเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกได้ชัดเจนบ้าง ถ้านางตั้งครรภ์จริงทำไมทุกสัดส่วนถึงได้มีเนื้อหนังเพิ่มขึ้นมาไม่ใช่แค่ช่วงท้องเล่า แต่เรื่องนี้ก็เป็นแค่ความคิดความเข้าใจของนางคนเดียว ชีวิตนี้นางไม่เคยมีเด็กอยู่ในท้องมาก่อน ท่านแม่ก็ไม่ได้เล่าอะไรให้นางฟังมาก เรื่องตอนท่านแม่ท้องน้องชาย นางก็จำไม่ได้แล้วตอนนี้ข้าร่างกายแข็งแรงดีทุกอย่างจนนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าตนจะท้องอยู่“ถ้าท่านพี่ว่าอย่างนั้นเราลองตรวจดูก็ได้เจ้าค่ะ”“อื้ม ๆ ถึงไม่ใช่ เจ้าก็ไม่ต้องคิดมากล่ะ”“เข้าใจแล้ว ท่านพี่ใจเย็นก่อนเถอะ ตื่นเต้นกว่าข้าเสียอีก ย้ำประโยคนี้มาสิบรอบได้แล้วกระมัง”“ขอโทษที ข้า…ข้าจะพยายามควบคุม” ไป่จวิ้นเหงื่อแตกพลั่ก อยากตีตัวเองจริง ๆทั้งที่ปากบอกนางว่าอย่ากดดัน แต่ตัวเขาแสดงออกอย่างคาดหวัง แล้วมันจะไม่กระทบกับความรู้สึกของนางได้อย่างไร“เอาละ ๆ ข้าเข้าใจเจตนาของท่านพี่แล้ว เช่นนั้นเราก็ให้ท่านหมอตรวจเถอะ แล้วอย่างไรดี จะรอ
แล้วฝันร้ายของจางอวี๋จิงก็เริ่มจากตรงนั้นน้ำกลายเป็นของที่ต้องแก่งแย่งกัน สวนของชาวบ้านเสียหาย ไร่นาไม่มีข้าว ผลผลิตทางการเกษตรขาดแคลนนำไปสู่ความอดอยาก เวลานั้นเมืองหลวงยังไม่ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของมัน กว่าจะลงมาจัดการก็ส่งผลกระทบไปมากแล้ว ใช้เวลาฟื้นตัวยาวนานกว่าช่วงโรคระบาดเสียอีกชาวบ้านที่ไร้หนทางปล้นฆ่ากันดิบเถื่อนยิ่งกว่าชุมโจร ดีที่จางอวี๋จิงได้ครอบครัวช่วยประคับประคอง ไม่ออกนอกลู่นอกทางไปไหน ไม่อย่างนั้นมือของนางคงไม่ได้ขาวสะอาดอย่างในตอนนี้ไป่จวิ้นจำได้ว่า ช่วงนั้นตนกับครอบครัวก็ลำบากเรื่องอาหารการกินอยู่หลายเดือน แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับเรื่องที่เกิดขึ้นบริเวณเมืองรอบนอกติดชายแดน“ที่ผ่านมาเจ้าลำบากมากจริง ๆ ““ถือว่าเป็นประสบการณ์เจ้าค่ะ” นางยิ้มตอบเรื่องเหล่านั้นคือประสบการณ์ที่หนักอึ้ง แต่เมื่อผ่านกาลเวลาแล้วมองย้อนกลับไปก็กลายเป็นความทรงจำที่มีคุณค่า“หลังจากนี้จะไม่มีเรื่องให้เจ้าต้องลำบากอดมื้อกินมื้ออีก วางใจเถอะ สกุลไป่จะดูแลเจ้าอย่างดี”ระหว่างที่กำลังแส