เย่จิ่งหานเลิกคิ้ว "ทำไม ข้าจะไปไหนต้องบอกเจ้าด้วยหรือ"นางผู้นี้ ช่วยเหลือนางแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณสักคำ ยังคิดจะไล่เขาไปอีก"ได้ที่ไหนกันเล่า เพียงแต่ท่านผู้มีอำนาจใหญ่โตมาอยู่ในสำนักบัณฑิตเช่นนี้ ดูสิ ทำพวกเขาตกใจกลัวกันหมด แล้วพวกเขาจะมีกะจิตกะใจเรียนได้อย่างไร ข้าช่วยท่านสร้างกุศลอยู่หรอกนะ"กู้ชูหน่วนชี้ไปยังเหล่านักเรียนที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่เต็มสำนักบัณฑิต สายตาแฝงไว้ด้วยความหยอกเย้าเซียวอวี่เชียนและคนอื่นๆ คิดว่าเทพสงครามไม่มีทางยอมกลับไปง่ายๆ แน่ คิดไม่ถึงว่าเย่จิ่งหานเพียงแค่โบกมือ ชิงเฟิงก็เข้าใจในทันที พลันเข็นรถเข็นออกไปจากสำนักบัณฑิตหลวงทิ้งไว้เพียงแค่ประโยคเรียบๆ ประโยคเดียว "หากคืนนี้ไม่กลับจวนอีก เจ้าคอยดูแล้วกันว่าสี่เท้าของเจ้า จะยังเก็บรักษาไว้ได้อยู่หรือไม่"เอ๊ะ...เทพสงครามกลับไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือเขามาที่นี่แค่เพื่อช่วยยัยขี้เหร่จริงๆ หรือย้อนนึกถึงท่าทีที่เทพสงครามมีต่อกู้ชูหน่วนหลายๆ ครั้ง เซียวอวี่เชียนเหมือนจะพอเข้าใจแล้วว่า บางทีเทพสงครามอาจจะไม่ได้พูดยากอย่างที่คิดส่วนกู้ชูหน่วนกลับกระตุกมุมปากเบาๆสี่เท้า ?ว่านางเป็นสุนัขเช่นนั้น
ผ่านไปแสนนาน ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนตะโกนออกมาก่อนว่าเพลงดี ถึงได้เรียกสติทุกคนกลับมาได้ทุกคนมองเยี่ยเฟิงด้วยความตกตะลึงไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึง เขารอบรู้ปรีชาก็พอว่า แต่ยังเล่นฉินได้ไพเราะถึงเพียงนี้อีกทุกคนในสำนักบัณฑิตต่างพากันกระซิบกระซาบ"ฝีมือการบรรเลงฉินของเยี่ยเฟิง หากเทียบกับอาจารย์ซ่างกวาน เรียกได้ว่าสูสีกันเลยทีเดียว""ก็ใช่น่ะสิ ข้าไม่เคยได้ยินผู้ใดบรรเลงฉินได้จับใจเช่นนี้มาก่อน ทำเอาใจข้าแตกเป็นเสี่ยงแล้ว เหตุใดเสียงฉินของเขาถึงได้เศร้าสลดเพียงนั้น""ข้าคิดว่าฝีมือฉินของคุณหนูสองกู้ดีมากแล้วเสียอีก ยามนี้พอเทียบกับเยี่ยเฟิง ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย น่าเสียดายที่การประลองศิลปะไม่มีการแข่งประลองฉิน ไม่เช่นนั้นเยี่ยเฟิงจะต้องชนะแน่"สีหน้าของกู้ชูอวิ๋นมืดดำนางเสียสิทธิ์ในการร่วมประลองศิลปะไป เดิมตั้งใจจะมีชื่อเสียงกระฉ่อนเมืองหลวงด้วยสิ่งนี้ คิดไม่ถึงว่ากลับถูกเยี่ยเฟิงเอาชนะเสียได้เขาก็แค่บัณฑิตยากจนผู้หนึ่ง เหตุใดจึงได้เล่นฉินได้ดีถึงเพียงนี้ที่ผ่านมา ไม่ว่านางจะยืนอยู่ที่ใดก็ล้วนแต่เจิดจรัสดึงดูดสายตาที่สุดเสมอ ยามนี้นางกลับถูกด้อยค่าลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าขืนเ
กู้ชูหน่วนแบ่งยาเป็นสองส่วน กินไปครึ่งเม็ด อีกครึ่งเม็ดบดเป็นผงแล้วทาบนใบหน้านางส่องกระจก เห็นตุ่มหนองบนใบหน้าของตนในกระจกค่อยๆ จางหายไปอย่างรวดเร็ว มองดูไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้นแล้ว ผิวก็ดูฉ่ำวาวขึ้นกว่าเดิมเพียงแต่รอยแผลเป็นน่ากลัวที่สลับทับกันราวกับเนินเขายังคงอยู่หากไม่กำจัดรอยแผลเป็นเหล่านี้ ใบหน้าของนางก็ยังคงอัปลักษณ์สุดจะมองเหมือนเดิม"เห็นทีต้องรีบคิดวิธีหาหญ้าตี้อวี้ให้เจอแล้ว"กู้ชูหน่วนผลักประตูห้องออกมาด้วยความหงุดหงิด แล้วสูดอากาศที่บริสุทธิ์เดิมทียังพอมีความหวังว่า ขาดตัวยาไปตัวเดียวอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ นางคงจะฝันหวานเกินไป"ยัยขี้เหร่ ในที่สุดก็หาเจ้าเจอ เจ้ามาแอบอยู่ตรงนี้ด้วยเหตุใด นี่ก็ใกล้จะยามจื่อแล้ว เจ้ายังไม่รีบกลับจวนหานอ๋องอีก หากเทพสงครามตัดขาเจ้าขึ้นมาจริงๆ จะทำเช่นไร"เขาจะกล้าตัดหรือเว้นเสียแต่ว่าเขาไม่ต้องการถอนพิษแล้วกู้ชูหน่วนบิดขี้เกียจ ก่อนจะพูดนิ่งๆ "ดึกขนาดนี้แล้วหรือ เจ้าบาดเจ็บ ทำไมยังไม่กลับไปพักผ่อนอีก""ไม่ใช่เพราะห่วงเจ้าหรืออย่างไร เจ้านี่เป็นสตรีที่ทำสิ่งใดก็ไม่ได้ความเอาเสียเลย"กู้ชูหน่วนกอดคอเข
เจ้าสำนักนอนจมกองเลือด ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเบิกกว้าง ราวกับค้นพบความลับสำคัญบางอย่าง ตายตาไม่หลับ ถูกใครบางคนปาดคอเงยขึ้นไปมองรอบๆ หอสมุดอีกครั้ง ไร้ซึ่งร่องรอยการต่อสู้โดยสิ้นเชิง หากทายไม่ผิด น่าจะถูกคนข้างกายที่ไว้ใจเป็นอย่างยิ่งหรือคนที่ไม่เคยระแวงสงสัยฆ่าอาจารย์หรงร้องคำราม "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ วันนี้ผู้ใดเฝ้ายามตอนดึกที่หอสมุด เจ้าสำนักวิทยายุทธล้ำเลิศถึงเพียงนั้น จะถูกคนปาดคอได้อย่างไร"บ่าวที่เฝ้ายามช่วงดึกขาอ่อน ตอบเสียงสั่น "เรียน...เรียนอาจารย์หรง หลังจากที่เจ้าสำนักมาถึงหอสมุด ก็บอกว่าตกดึกน้ำค้างลง ให้พวกเราไม่ต้องเฝ้ายาม กลับไปพักผ่อนได้เลย พวกเรา...พวกเราก็เลยกลับไป""เหลวไหล เจ้าสำนักให้พวกเจ้ากลับไป พวกเจ้าก็กลับเช่นนั้นหรือ พวกเจ้าไม่รู้จักเฝ้าจากไกลๆ หรืออย่างไร"เห็นอาจารย์หรงกำลังจะระเบิดอารมณ์ อาจารย์สวีจึงกล่าวเตือน "เจ้าสำนักใจดีมีเมตตา ที่ผ่านมาก็ให้บ่าวที่เฝ้ายามช่วงดึกกลับไปพักอยู่บ่อยๆ ใครจะคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ท่านก็อย่าโทษพวกเขานักเลย"หลังจากที่อาจารย์ซ่างกวานตรวจสอบศพของเจ้าสำนักจนทั่วแล้วรอบหนึ่ง จึงเอ่ยถามเสียงขรึม"เมื่อครู่เกิดเหตุอั
ณ ห้องควบคุมตัวเยี่ยเฟิงอยู่ในชุดเนื้อผ้าหยาบ หลังเหยียดตรง ยืนเงียบๆ อยู่ตรงกลางรอรับการพิจารณาคดีจากสำนักบัณฑิตหลวงใบหน้าของเขาซีดขาว ไม่รู้ว่าเพราะได้รับบาดเจ็บหรือเพราะป่วยอาจารย์หรงเอ่ยเสียงกร้าว "เยี่ยเฟิง เจ้าฆ่าเจ้าสำนักใช่หรือไม่"เยี่ยเฟิงดวงตาใสสว่าง ไม่จำเป็นต้องหยุดคิดก็ตอบออกมาทันที "ไม่ใช่""พยานก็อยู่ครบ เจ้ายังกล้าแก้ตัว" อาจารย์หรงโยนผ้าคาดผมเส้นหนึ่งลงตรงหน้าเยี่ยเฟิงเนื้อผ้าของผ้าคาดผมเส้นนั้นหยาบกระด้าง และเป็นเส้นที่เขาใช้บ่อยๆ ก่อนจะเข้ามาในสำนักบัณฑิตหลวงสำนักบัณฑิตหลวงที่กว้างใหญ่มีเพียงแค่เขาผู้เดียวที่ใช้ผ้าคาดผมอัตคัดเช่นนี้"วันนี้กู้ชูหน่วนดึงแขนเสื้อเจ้าขาด แล้วก็ดึงผ้าคาดผมของเจ้าขาดเป็นท่อน ตอนเจ้าไปเปลี่ยนชุด เจ้าก็เปลี่ยนผ้าคาดผมด้วย ตอนนั้นเจ้าใช้ผ้าคาดผมเส้นนี้พอดี"สายตาเฉยชาของเยี่ยเฟิงมองไปยังผ้าคาดผมที่คุ้นเคยบนพื้น ไม่ได้ปฏิเสธทุกคนต่างก็มองไปยังผ้าคาดผมบนศีรษะของเยี่ยเฟิง ผ้าคาดผมเส้นนั้นเรียบง่ายเหมือนกัน เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เส้นเดียวกับที่ใช้ตอนค่ำ"พูดมา เหตุใดเจ้าถึงได้ฆ่าเจ้าสำนัก" อาจารย์หรงเอ่ยถามอีกครั้งเยี่ยเ
"ข้าก็เชื่อเจ้า"สิ่งที่ยิ่งทำให้เยี่ยเฟิงตกตะลึงคือ ยามนี้ เซียวอวี่เชียนที่คอยตั้งตัวเป็นอริกับเขาก็ออกมาปกป้องเขาด้วย เขามีบาดแผลเต็มตัว มือข้างหนึ่งถูกพันด้วยผ้าพันแผลที่คล้องอยู่บนคอ ทว่ากลับส่งยิ้มมาให้เขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเชื่อใจ"เพราะเหตุใด...""เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกันอย่างไรเล่า"ทันทีที่ได้ยินคำว่าเพื่อน เยี่ยเฟิงก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ราวกับบางส่วนภายในจิตใจพังทลายเขาไม่มีเพื่อนตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่เคยมีเพื่อนเลยเขา...ไม่มีใครคบ...ทุกคนตรงหน้าในยามนี้ล้วนแต่พุ่งเป้ามาที่เขา พวกเขาไม่ต้องเข้ามาแปดเปื้อนด้วยก็ได้ดวงตาที่ปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็นของกู้ชูหน่วนกวาดไปยังผู้คนที่อยู่ตรงนั้น ริมฝีปากแดงเอื้อนเอ่ย "พวกเจ้าบอกว่าเยี่ยเฟิงเป็นคนฆ่า หากเขาฆ่าจริง เช่นนั้นเหตุใดถึงกลับมา"ทุกคนชะงักงันทันใดนั้นเองก็มีคนตอบ "ที่เขาเข้ามาในสำนักบัณฑิตจะต้องมีเป้าหมายแน่ ยามนี้เป้าหมายนั่นอาจยังไม่บรรลุง จึงกลับมาอีกครั้ง""อ่อ เช่นนั้นเขามีเป้าหมายใด" กู้ชูหน่วนเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความตักเตือนคนผู้นั้นอึกอักอยู่นาน กลับพูดไม่ออกสักคำอาจารย์หร
ทว่าเยี่ยเฟิงเพียงแค่ขมิบปากเบาๆ ก่อนจะฝืนยิ้มขมขื่น แล้วพูดออกมาประโยคเดียว "นึกขึ้นได้ว่าเจ้าสำนักต้องการพบข้า อาจมีเรื่องสำคัญ ข้าจึงย้อนกลับมา"ประโยคนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลยหากเขาคิดได้เช่นนี้จริง มีหรือที่ตอนนั้นจะออกไปทางหน้าต่างเขาไม่ออกทางประตูใหญ่ กลับปีนหน้าต่างออกไป นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตอนนั้นจะต้องมีเหตุสุดวิสัยอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่ ทำให้เขาไม่แม้แต่จะมีเวลาเดินออกทางประตูใหญ่"รบกวนตอบคำถามเมื่อครู่ด้วย เหตุใดเจ้าถึงไม่ออกทางประตูใหญ่ แต่กลับปีนหน้าต่าง" ผู้อาวุโสเอ่ยเซียวอวี่เชียนมองทุกคนด้วยความโกรธ พลางพูดอย่างมั่นใจ "เยี่ยเฟิง เจ้าบอกพวกเขาไป เหตุใดไม่ออกทางประตูใหญ่"เซียวอวี่เชียนคิดว่าเยี่ยเฟิงจะต้องรีบตอบอย่างทันควัน ทว่าสิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงความเงียบงันหัวใจของเขาเต้นระส่ำ ก่อนจะหันไปมองเยี่ยเฟิงที่กำลังนิ่งเงียบ "เจ้ากลัวดอกพิกุลร่วงหรือไร จะทำเอาข้าร้อนใจจะตายอยู่แล้ว เจ้ารีบบอกพวกเขาถึงเหตุผลที่เจ้าปีนหน้าต่างออกไปสิ""ไม่มีเหตุผล เพียงแค่ปีนหน้าต่างเร็วกว่า""……"ทุกคนหมดคำพูด นี่มันเหตุผลอะไรกันเขาคงคิดข้ออ้างไม่ออกแล้ว
ภายในจวนหานอ๋องเย่จิ่งหานนั่งอยู่บนรถเข็น ทอดมองไปยังดวงจันทร์สุกสกาวบนฟ้า ในมือกำลังหมุนแหวนหยกด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อยเจี้ยงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ กำลังรายงานไปเป็นเรื่องๆ"นายท่าน คุณหนูสามถูกไล่ล่าจากหลายฝ่าย ในนั้นรวมไปถึงฮ่องเต้ ไทเฮา และคนเผ่าหมอ ผู้ที่ออกมาช่วยคุณหนูสามคือคนของสำนักซิวหลัว"ชิงเฟิงตกใจ เย่จิ่งหานเองก็ประหลาดใจอยู่บ้าง"สำนักซิวหลัว ?""ขอรับ อีกทั้งประมุขชิงหนึ่งในเจ็ดประมุขใหญ่ภายใต้เจ้าสำนักซิวหลัวเป็นผู้ลงมือเอง พวกเขามีท่าทีนอบน้อมต่อคุณหนูสามยิ่งนัก ไม่เหมือนเพิ่งพบกันครั้งแรก แต่ดูคล้ายผู้ที่รู้จักกันมาหลายปี อีกทั้งประมุขชิงยังยกฝูกวงผู้ช่วยยอดมือฉกาจให้กับคุณหนูสามด้วย"ใบหน้าหล่อเหลาของเย่จิ่งหานเผยให้เห็นความสนใจภายในแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา รอยยิ้มที่คมดุจลับด้วยขวานปีศาจดูอ่อนโยนลงไปกว่าเดิมเย่จิ่งหานหัวเราะเบาๆน่าสนใจสำนักซิวหลัวไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจมาแต่ไหนแต่ไร หลายปีมานี้ก็ไม่เคยเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องในยุทธภพ คิดไม่ถึงว่าจะกลับเข้ามาเพราะกู้ชูหน่วนหากเขาจำไม่ผิด ฝูกวงคือองครักษ์ลับข้างกายของเจ้าสำนักซิวหลัวต่อให้ตำแหน่งของประมุขชิ
“เจ้าจงไปตายเสียเถิด” ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาดึงดาบออกมาอย่างแรง เลือดสีแดงสดของนายท่านหลันพุ่งทะลักไปทั่ว สาดกระเซ็นมาบนใบหน้าขาวซีดของเยี่ยเฟิง ทำให้สายตาของเขาเลือนลาง ทว่าวินานี้ เยี่ยเฟิงกลับเห็นชัดแจ้งกว่าผู้ใด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นคู่นั้นสะท้อนสีหน้าตกตะลึงของนายท่านหลัน “เจ้ากล้าฆ่าข้าเลยรึ...เจ้าคือผู้ที่ฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต เหตุใดถึงกล้าฆ่าข้าได้ เฮือก...” สิ่งที่ตอบแทนนายท่านหลันกลับมาคือการแทงด้วยกระบี่เข้าไปอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใยจากเยี่ยเฟิง นายท่านหลันถูกแทงติดกันสองครั้ง ร่างกายเจ็บปวดราวกับใจจะขาด แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่จ้องมองเยี่ยเฟิงด้วยความโกรธแค้น จากความรู้สึกเหลือเชื่อในตอนแรก กลายเป็นปวดร้าว ไปจนถึงโกรธเกลียด เยี่ยเฟิงแสยะหัวเราะเบาๆ “ข้าคือผู้ที่เจ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต ? เลี้ยงดูงั้นรึ เหอะ...เลี้ยงดูที่เจ้าหมายถึงคือทรมานข้าทุกวันทุกเวลา หน้าหนาวปล่อยให้ข้านอนเปลือยกาย หิวโหยอยู่บนพื้นหิมะ หน้าร้อนแขวนข้าไว้ใต้แสงอาทิตย์ไม่ให้กินดื่มเป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังลงโทษอย่างหน
นายท่านหลันที่เดิมก็กระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก เพราะการเข้ามามีส่วนร่วมของกู้ชูหน่วน ทำให้มีบาดแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผล "ฟึบ..." อาวุธลับของกู้ชูหน่วนเชื่องช้า ทว่าพุ่งออกมากลางอากาศแล้วความเร็วกับเพิ่มกะทันหัน พริบตาเดียวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อาวุธพุ่งเข้าที่หน้าอกของนายท่านหลัน ฝังลึกในร่างกาย เขาอยากจะตอบโต้ ทว่ากลับถูกต้อนจนจนมุม ไม่มีช่องว่างให้โจมตีกลับได้เลยแม้แต่น้อย ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายท่านหลันรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม หวังแค่ว่านายท่านหมู่ตานและคนอื่นๆ จะรีบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงต้องจบลงตรงนี้แล้ว กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยยิ่งร้อนรน ลำพังเพียงแค่เขาคนใดคนหนึ่งต่างก็ไม่อาจสังหารนายท่านหลันได้ ยามนี้วิทยายุทธของกู้ชูหน่วนแข็งแกร่งไม่พอ อี้เฉินเฟยทั้งเจ็บสาหัสและป่วยหนัก เว้นเสียแต่พวกเขาร่วมมือกัน แต่บาดแผลของอี้เฉินเฟยรุนแรงเกินไป อาจต้านทานไม่ไหวได้ทุกเมื่อ หากเขาทนไม่ไหว เช่นนั้นสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้จะพลิกผันทันที เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ราวกับกลองรบคำราม กึกก้องหนักแน่น ดาบที่พุ่งใส่นายท่านหล
ใบหูของกู้ชูหน่วนพลันกระดิก นางรับรู้ได้ถึงไอสังหารของนายท่านหลันแล้ว เพียงแต่ความเร็วของนางยังไม่เปลี่ยน ยังคงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดกระแทกใส่นายท่านเถาฮวา สองนายท่านแห่งกองธงร่วมมือกันโจมตี นางถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ไม่มีหนทางจะชนะได้เลย หากเป็นเช่นนี้ ไม่สู้จัดการไปทีละคน สังหารนายท่านเถาฮวาก่อน ค่อยหันไปจัดการนายท่านหลัน ขณะเดียวกัน นางเองก็เชื่อ เชื่อว่าอี้เฉินเฟยไม่มีทางปล่อยให้นางตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของนายท่านหลัน "เฮือก..." นายท่านเถาฮวาไม่มีที่ให้หลบได้อีก ถูกพลังจากฝ่ามือของกู้ชูหน่วนโจมตี ร่างกายราวกับว่าวที่สายขาด กระเด็ดกลับไป สุดท้ายชนเข้ากับหินก้อนโตอย่างแรง เลือดอาบหินก้อนนั้นจนชุ่ม ความเร็วของกู้ชูหน่วนยังไม่เปลี่ยน ถีบลูกเตะออกไปทำให้นายท่านเถาฮวาพลัดตกหน้าผาร่วงไปยังทะเลโลหิตด้านล่าง ความแข็งแกร่งของนางอยู่เพียงแค่ขั้นหนึ่งชั้นกลาง แต่พละกำลังที่นางระเบิดออกมากลับแกร่งกว่าขั้นสอง นายท่านเถาฮวาผู้น่าสงสารจึงต้องตายไปเพราะกู้ชูหน่วนที่วิทยายุทธด้อยกว่าเขามาก ขณะเดียวกัน กระบวนท่าไม้ตายของนายท่านหลันก็พุ่งเข้ามาถึง อี้เฉินเฟยยกมือขวาขึ้นมา
"ในเมื่อเจ้าพูดยากขนาดนี้ เช่นนั้นก็คงต้องทำลายแก้วมังกรทิ้งเสีย ถึงอย่างไรหากต้องตาย มีแก้วมังกรฝังไปด้วยกันก็ไม่เลว" กู้ชูหน่วนพูดพลางเล็งอาวุธลับไปที่ดอกกุหลาบอีกครั้ง นายท่านหลันหน้าถอดสีอย่างรุนแรง นางผู้นี้ไม่เคยทำอย่างที่คนปกติเขาทำกันเลย หากนางยิงแก้วมังกรบนดอกกุหลาบร่วงลงทะเลโลหิตจริง เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก แม้อี้เฉินเฟยจะรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่มีทางทำให้แก้วมังกรร่วงหล่นทะเลโลหิตไปจริงๆ แต่เห็นแล้วก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ดี "ผลไม้สีแดงเพลิงของที่นี่มีฤทธิ์ในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพียงแค่กินเข้าไปไม่กี่ลูก ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ซึ่งก็คือผลไม้ในมือเจ้าเมื่อครู่นั่นแหละ" "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผลไม้นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้" "กู้ชูหน่วน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าถามให้มากนัก" เขาจะบอกกู้ชูหน่วนได้อย่างไรว่า เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เพราะความหิว จึงเด็ดผลไม้มากิน คิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาแบบงงๆ กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้มมีเลศนัยให้เขา เช็ดผลไม้ในมือ ก่อนจะยื่นให้อี้เฉินเฟยพลางจ้องมองนายท่านหลันด้วยท่าทีระวังตั
ไม่ไกลออกไป มีเสียงอาวุธกระทบดังขึ้นมาไม่หยุด หลังจากนั้นก็มีเสียงหินแตกกระจายและระเบิดในที่สุด กู้ชูหน่วนถือผลไม้สีแดงเพลิงที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเอาไว้ในมือ พลางฟังเสียงความเคลื่อนไหวอย่างละเอียด "มีเสียงกางและหุบพัด ทั้งยังมีเสียงอาวุธลับกลีบดอกไม้อีกบางส่วน น่าหลันหลิงรั่วกำลังต่อสู้กับนายท่านหมู่ตานเผ่าหมอ น่าแปลก คนเผ่าหมอบาดเจ็บหนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ น่าหลันหลิงรั่วอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้" กู้ชูหน่วนพึมพำคนเดียว นางอยากไปดูด้วยตัวเอง ทว่าอี้เฉินเฟยยังอาการสาหัสขนาดนั้น หากฝืนประครองเขาไป มีแต่จะทำให้อาการเขาแย่กว่าเดิม แต่น่าหลันหลิงรั่วหากไม่ใช่เพราะช่วยนาง ก็คงไม่ต้องตกลงมายังที่แห่งนี้ แม้อี้เฉินเฟยจะบาดเจ็บสาหัสทั้งยังป่วยหนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฟังอะไรไม่ออกเลย สามารถใช้พลังกระแทกหินก้อนโตให้แตกได้เป็นก้อนๆ ต่อให้พละกำลังยังไม่ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด แต่เกรงว่าจะกลับมาถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว นายท่านหมู่ตานและนายท่านเถาฮวาล้อมโจมตีน่าหลันหลิงรั่ว กลัวแต่ว่าน่าหลันหลิงรั่วจะสู้พวกเขาไม่ไหว อี้เฉินเฟยเอ่ยอย่างเบาแรง "คนที่เจ้
กู้ชูหน่วนฟังด้วยความมึนงง ในเมื่อเกิดมาสูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยเช่นนั้น "เป็นหน้าที่แบบใดกันแน่" "หน้าที่ที่หนักมาก หนักอึ้งเสียจนหายใจไม่ออก" "เช่นนั้นตอนนี้นางอยู่ที่ใด" "ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ใดแล้ว แต่ข้าเชื่อ ว่าอีกไม่นานนางจะกลับมา แค่กแค่ก..." ไม่รู้เพราะพูดมากเกินไปหรือไม่ อี้เฉินเฟยไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง พลังชีวิตในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว กู้ชูหน่วนเริ่มร้อนใจ คำถามมากมายที่กระจุกอยู่ภายในใจไม่อาจถามได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่เอ่ยออกไป "ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย พักผ่อนเถอะ" "อาหน่วน...หากวันใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี" "ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านดูสิ ข้าพบแก้วมังกรเขียวแล้ว พวกท่านหาพบสี่ลูกแล้วไม่ใช่หรือ บวกกับลูกนี้ก็เป็นห้า ขอแค่หาเพิ่มอีกสองลูก อาการป่วยของท่านก็จะรักษาหายแล้ว" กู้ชูหน่วนหยิบแก้วมังกรขนาดเท่าไข่นกพิราบออกมา ดวงตาใสเป็นประกายฉายแววยิ้ม ดวงตาของอี้เฉินเฟยกำลังยิ้ม ทว่าในใจกลับขมขื่น แก้วมังกรลูกเดียว ต้องใช้ความพยายามของคนตั้งกี่รุ่น ถึงจะเจอเบาะแส หาง่ายเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่ แก้วมังกรลู
ก้นหลุมดำ ลมพัดจนพวกเขาวิงเวียนศีรษะ กลิ้งตุปัดตุเป๋ สุดท้ายก็ถูกทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง กู้ชูหน่วนเกือบจะเป็นลมสลบไป โชคดีที่พื้นอ่อนนุ่ม ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตายไปแล้ว ทันใดนั้น นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ทันทีที่ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าไม่ได้อยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม แต่ล้มลงบนร่างของชายหนุ่มผมขาวชุดขาวคนหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกบีบคั้นหัวใจ รีบประครองเขาขึ้นมา "พี่ใหญ่อี้เฟย ท่านตื่นขึ้นมาสิ..." กู้ชูหน่วนเอื้อมมือออกไป กลับสัมผัสโดนของเหนียวข้นบางอย่าง เมื่อจ้องมองดูดีๆ จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากเลือด มุมปากของอี้เฉินเฟยมีเลือดซึม บนร่างโดนหินมีคมบาดจนเป็นแผลทั้งตัว ชุดสีขาวดุจหิมะถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด พื้นที่มืดดำ ใบหน้าของเขาซีดขาว ไร้ซึ่งเลือดฝาด เพียงแต่บนใบหน้าที่อ่อนโยนยังคงคลี่ยิ้มปลอบโยน เอ่ยอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่เป็นไรก็พอ" กู้ชูหน่วนขอบตาแดงก่ำในชั่วพริบตา "ท่านมันโง่เสียจริง เหตุใดถึงดีกับข้าขนาดนี้ ข้ามีอะไรควรค่าให้ท่านช่วยเหลือด้วยชีวิตเช่นนี้" "เพราะ...เจ้าคือน้องสาวของข้า..." "ท่านเจ็บหนักมาก อย่าเพิ่งพูดเลย ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ" "ไม่...ไม่
มือของกู้ชูหน่วนกำอาวุธลับไว้แน่น มือข้างหนึ่งรวบรวมกำลังภายในทั้งร่างให้ขึ้นไปถึงขั้นสูงสุด พร้อมจะรับท่าไม้ตายของพวกเขาทุกเมื่อ น่าหลันหลิงรั่วเองก็ยืนอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วนในทันที พร้อมจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับนาง แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ท่าไม้ตายเหล่านั้นยังไม่ทันมาถึงตัวนาง ก็ถูกใครบางคนสลายไปเสียก่อน มีคนอีกกลุ่มอยู่ในสระโลหิต คนกลุ่มนั้นมีผ้าคลุมสีขาว แขนเสื้อปักตัวอักษร "อวี้" คนเหล่านี้มีทั้งวัยชราและหนุ่มสาว พละกำลังกำลังแข็งแกร่ง เผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอร่วมมือกันก็ยังไม่อาจทำให้พวกเขาเสียเปรียบได้ "เผ่าอวี้...หายสาบสูญไปหลายพันปี ในที่สุดพวกเจ้าก็โผล่มาแล้ว" คนเผ่าเทียนเฝินต่างก็ตกตะลึง จ้องมองไปที่พวกเขาอย่างไม่ประสงค์ดี บรรยากาศมาคุขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันมานาน ต่างก็เกิดอาการฉุนเฉียวกันอย่างแรง "ทุกชีวิตที่สูญเสียไปเป็นพันปี วันนี้ถึงเวลาสะสางกันแล้ว" ผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งของเผ่าอวี้กัดฟันกรอด เค้นออกมาหนึ่งประโยค ดวงตาของเขาแดงก่ำ อยากจะฆ่าคนเผ่าเทียนเฝินให้เกลี้ยงเสียเดี๋ยวนั้น กู้ชูหน่วนหันไปทางน่าหลันหลิงรั่ว "เผ่าอ
ผู้อาวุโสระดับสูงแข็งแกร่งนัก ผู้อาวุโสฮวาต้านไว้ไม่อยู่ ถูกโต้กลับจนเจ็บหนัก ทันทีที่พัดสีดำของน่าหลันหลิงรั่วพลิกกลับ อาวุธลับนับสิบออกมาพร้อมกัน ทว่าถูกผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่าเทียนเฝินต้านไว้จนกระเด็นออกไปหมด แม้แต่อาวุธลับของกู้ชูหน่วนก็กระเด็นออกไปพร้อมกัน “ฟิ้ว...” ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสระดับสูงเคลื่อนไหวเช่นไร แต่เขาไปถึงด้านบนเสาดอกบัวเรียบร้อยแล้ว เขาผลึกกำลังภายในไว้ในมือ สลายพลังคุ้มกันรอบเสาดอกบัว น่าหลันหลิงรั่วเห็นเช่นนั้น พัดในมือราวกับมีจิตวิญญาณ คนและพัดประสานเป็นหนึ่งเดียว พุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว "ปัง ปัง ปัง......" เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองคนต่อสู้กันไปหลายกระบวนท่า ท่วงท่าของพวกเขาเร็วเกินไป ทำให้กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าพวกเขาใช้กระบวนท่าอะไรบ้าง เห็นเพียงแค่ผู้อาวุโสระดับสูงกดน่าหลันหลิงรัวเสียอยู่หมัดอย่างรางๆ "ปัง......" หลังจากที่กระแทกฝ่ามือเข้าด้วยกัน ทั้งสองคนแยกออกจากกัน น่าหลันหลิงรั่วเจ็บหนัก เลือดไหลออกทางมุมปาก เขาเลียเลือดที่มุมปากด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ คิดจะบุกเข้าไปอีกครั้ง ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาเอาไว้ "ตาแก่วิทยายุทธแข็งแกร่งมาก ขืนฝืนบุ