“จดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ข้าเขียน”เนี่ยชิงหลานอ่านจดหมายจบ ตกตะลึงเสียยิ่งกว่ากู้หว่านเยว่“แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยเขียนจดหมายเช่นนี้มาก่อน”“ข้ารู้เจ้าไม่ได้เขียน จดหมายฉบับนี้น่าจะเป็นเซี่ยเหอเขียน”กู้หว่านเยว่นำจดหมายลับที่องครักษ์เงามอบให้นาง ส่งให้เนี่ยชิงหลานอีกครั้ง“เจ้าดูด้วยตนเองเถอะ”นางเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยเหอคนนี้จะมีจิตใจล้ำลึกถึงเพียงนี้ ถึงขั้นสามารถทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้“เหตุใดนางทำกับข้าเช่นนี้ ที่แท้พวกพ่อค้ามนุษย์เหล่านั้นมิได้พบข้าโดยบังเอิญ พ่อค้ามนุษย์เหล่านั้นเป็นเซี่ยเหอหามาและพุ่งเป้ามาที่ข้าตั้งแรกแล้ว ตั้งใจลงมือกับข้า”เนี่ยชิงหลานคิดว่านี่เหนือจินตนาการเกินไปแล้ว ตลอดการเดินทางนี้เซี่ยเหอหาเรื่องไม่หยุด นางล้วนอดทนอดกลั้นนางคิดว่าอีกฝ่ายเพียงชอบโจมตีนาง คิดไม่ถึงเลยว่าจิตใจจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้“หากวันนี้ไม่ใช่พี่หญิงกู้ ท่านช่วยข้ากลับมา เช่นนั้นข้าก็คงถูกทำลายไปแล้ว”เนี่ยชิงหลานแทบไม่กล้าคิดต่อหรือว่า หากไม่ใช่เพราะนางเดินทางท่องยุทธภพมานานหลายปี รู้ว่าต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเปลี่ยนเป็นสตรีอ่อนแอคนหนึ่ง เผชิญหน้ากับสถานก
เขาปกป้องจนลำเอียง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดพูดว่ากู้หว่านเยว่แม้ประโยคเดียวมองเห็นเนี่ยชิงหลานหันหน้าดึงกระบี่ออกมา“เซี่ยเหอเล่า?”หลายวันมานี้นางได้รับความทุกข์มากมาย จะต้องคิดบัญชีกับเซี่ยเหอให้ชัดเจน“นาง...”เฉิงเซวียนร้อนตัวอยู่บ้าง ถึงขั้นลืมไปแล้วว่าหลายวันมานี้เนี่ยชิงหลานหายตัวไปอยู่ที่ใด“ชิงหลาน ตอนนี้นางไม่สบาย”เฉิงเซวียนเองก็ไม่รู้จะอธิบายเยี่ยงไร ตอนนี้เองสาวใช้ของเซี่ยเหอวิ่งอย่างเร่งรีบออกมา เห็นเนี่ยชิงหลานถึงขั้นกลับมาแล้ว ถูกทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด“คุณชายเฉิง คุณหนูนางฝันร้ายเจ้าค่ะ”สาวใช้กัดฟันพูดหนึ่งประโยค พยายามเมินข้ามเนี่ยชิงหลาน ไม่สบตากับนาง“ท่านสามารถไปดูนางได้หรือไม่”เฉิงเซวียนลังเล เนี่ยชิงหลานกลับเดินเข้าไปภายในลานบ้านแล้ว“ฝันร้าย ข้าว่านางทำเรื่องผิดศีลธรรมมามากกระมัง!”เดิมทีนางก็เป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง บุกเข้าห้องของเซี่ยเหออย่างมีโทสะ ถือกระบี่ชี้หน้านาง“แม่นางชิงหลาน?”เซี่ยเหอแสร้งอ่อนแอ ได้เห็นเนี่ยชิงหลานยังคิดว่าเข้าใจผิดไป ใบหน้าเผยสีหน้ารู้สึกผิดเช่นนี้ตกอยู่ในสายตาเนี่ยชิงหลาน ก็ยิ่งมั่นใจ ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือนางนางวางกระบี่
“อ๊า!” ร่างกายอ่อนแอของเซี่ยเหอล้มลงในอ้อมกอดของเฉิงเซวียน “เจ็บเหลือเกิน ข้าเจ็บมากเหลือเกิน พี่ใหญ่เฉิง ช่วยข้าด้วย”“เซี่ยเหอ ไม่เป็นไร ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ”เฉิงเซวียนตกตะลึงพรึงเพริดกอดเซี่ยเหอไว้“ญาติผู้น้อง ต่อให้เจ้าโมโหนาง เจ้าก็ไม่สามารถลงมือหนักกับนางเช่นนี้ได้คนที่ทำผิดคือข้า หากเจ้าจะฆ่าก็ควรฆ่าข้า”เขาคิดว่าเนี่ยชิงหลานอิจฉาริษยา ขาดสติไป นี่ถึงลงมือกับเซี่ยเหอ“คิกๆ หากท่านมีความสามารถก็ช่วยล้างแค้นแทนนางได้” เนี่ยชิงหลานมองเขาสีหน้าเย็นชาเฉิงเซวียนยังอยากพูดอะไร เซี่ยเหอกลับพูดอย่างหมดแรง“พี่ใหญ่เฉิง ข้าเจ็บเหลือเกิน ข้ากำลังจะตายใช่หรือไม่?”เลือดไหลออกจากอกของนาง กระบี่นี้ของเนี่ยชิงหลานกลับไม่เบา“ไม่มีวัน ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย”เฉิงเซวียนอุ้มคนออกไป เนี่ยชิงหลานมองเงาหลังของเขา หัวใจที่เคยลอยเคว้งตายไปในที่สุด“ชิงหลาน ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วเดินเข้าไป นางเห็นเรื่องนี้อยู่ในสายตา แม้ว่าเฉิงเซวียนจะดี กลับสามารถถูกผู้หญิงคนหนึ่งหลอกได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่คู่ครองที่ดี“พี่หญิงกู้”เนี่ยชิงหลานมีน้ำตาคลอหน่วย “แต่ไหนแต่ไรมาญาติผ
กู้หว่านเยว่คิดว่า หากพวกเขาปลอมตัวไป ก็สามารถสร้างฉากศัตรูอยู่ที่สว่างข้าอยู่ที่มืดได้ สะดวกต่อการเคลื่อนไหว“ได้”ซูจิ่งสิงหยิบจี้หยกที่ถังหว่านมอบให้ออกมา “พรุ่งนี้พวกเราสามารถไปที่บ้านสกุลถังสักเที่ยวหนึ่งก่อนได้ ค่อยให้สกุลถังปกปิด ส่งเข้าตลาดมืด”ทั้งสองปรึกษากันจบ กู้หว่านเยว่ก็เริ่มฝึกบทเพลงควบคุมสัตว์ร้ายไม่ได้ฝึกมาหลายวัน ทักษะของนางเริ่มถดถอยลงไปบ้างแล้ว“นายหญิง ท่านไม่ดูหน่อยหรือว่ามิติอัปเกรดสิ่งใดออกมา?”เสียงของระบบดังขึ้นอย่างกะทันหัน เจืออารมณ์กระตือรือร้น ทำเสียจนกู้หว่านเยว่แปลกใจ สองวันมานี้นางยุ่งจนเวียนหัว หลังระบบอัปเกรดแล้วก็ไม่มีเวลาเข้ามาดู“ฟังก์ชันที่อัปเกรดขึ้นมาคืออะไร?”กู้หว่านเยว่ยังแปลกใจมาก ฟังจากเสียงของระบบน่าจะเป็นของดี“ท่านรีบไปดูหน้าเรือนเล็กเถอะ”ระบบลอบพูดเร่ง กู้หว่านเยว่สร้างเรือนหลังเล็กแห่งหนึ่งบนพื้นหญ้า ยามนางเข้ามาในระบบ ก็พักผ่อนที่หน้าเรือนเล็กแห่งนั้น“จะไปเดี๋ยวนี้เลย”กู้หว่านเยว่เทเลพอร์ตมาที่หน้าเรือนเล็ก จูเชวี่ยและเสี่ยวไป๋กำลังนอนข้างน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ ดื่มน้ำแร่ศักดิ์อย่างเอร็ดอร่อย“พวกเจ้าสองตัวกระหายถึงเพี
กู้หว่านเยว่รู้สึกผิด อันที่จริงซูจิ่งสิงไม่ได้โกรธ ถูกนางปลอบโยนเช่นนี้ เพลิดเพลินยิ่งนัก“เหตุใดเจ้ารีบเรียกข้ามาเล่า?”กู้หว่านเยว่ถึงนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ รีบชี้เสี่ยวไป๋“ท่านจะต้องคิดไม่ถึงแน่ เมื่อครู่ข้าถึงขั้นเห็น เสี่ยวไป๋พ่นน้ำได้!”“พ่นน้ำ?”ซูจิงสิงเองก็แปลกใจอยู่บ้าง ย้อนคิดถึงหนังสือภาพที่ตนเคยเห็นมาก่อน“ไม่ใช่มีเพียงมังกรวารีที่สามารถพ่นน้ำได้หรือ เหตุใดเสี่ยวไป๋งูหลามยักษ์ตัวหนึ่งถึงพ่นน้ำได้เล่า?”กู้หว่านเยว่เกิดความคิดหนึ่งขึ้นภายในใจ รีบเดินเข้าไปหยุดต่อหน้าเสี่ยวไป๋ หลายวันมานี้เสี่ยวไป๋คุ้นเคยกับนางมาก ไม่โจมตีนางก่อนอีกนางมองศีรษะของเสี่ยวไป๋ ปรากฏว่ามองเห็นสิ่งที่คล้ายเขาสองอันจริงๆ กำลังเตรียมพร้อม และงอกออกมา“หรือว่าเสี่ยวไป๋ก็คือมังกรวารีตัวหนึ่ง บัดนี้มันยังอยู่ในวัยเด็ก?”กู้หว่านเยว่หยั่งเดาส่งเดช เพราะนางเองก็ไม่เคยเห็นมังกรวารีตัวจริงมาก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถเดาออกว่าตกลงเป็นความจริงหรือไม่“เสี่ยวไป๋คล้ายสนิทกับข้ามาก”ซูจิ่งสิงพบว่า หากเขามา เสี่ยวไป๋จะหมอบข้างเท้าเขาความสนิทสนมนี้คล้ายเสี่ยวจูเชวี่ยปฏิบัติต่อกู้หว่านเยว่ เสี่ยวไป๋คล
กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดเมื่อคืนเนี่ยชิงหลานไม่ได้กินอะไร ขณะคิดไปห้องครัวทำอาหารรสอ่อนสักเล็กน้อยก็มองเห็นหลี่หรงหรงมาเรียกนางไปกินข้าว“ฮูหยิน ข้าทำมื้อเช้ารสอ่อนไว้เล็กน้อย เจ้าเองก็มากินเถอะ”นางเช็ดมืออย่างเป็นธรรมชาติ ที่เอวยังผูกผ้ากันเปื้อน เห็นได้ชัดว่าเพิ่งออกจากห้องครัว“มีน้ำใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าให้นาง หลี่หรงหรงยิ้มขมปร่าพูดว่า“ยุ่งสักหน่อยก็ดี ไม่คิดเรื่องฟุ้งซ่านยิ่งไปกว่านั้นข้ารับปากว่าจะติดตามข้างกายเจ้าแล้ว ตราบใดที่ข้ายังเป็นคนของเจ้า ปรนนิบัติเจ้าก็เป็นเรื่องสมควรทำ”หลี่หรงหรงพูดไปก็มองทางซูจิ่งสิง “ท่านอ๋องเองก็มากินสักหน่อยเถอะ”“อืม”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างเย็นชานอกจากปฏิบัติต่อกู้หว่านเยว่แล้ว ยามอยู่ภายนอกแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มีท่าทางเย็นชาเช่นนี้ แม้ว่าหลี่หรงหรงติดตามพวกเขาได้ไม่กี่วัน แต่ก็มองเห็นจนคุ้นชินแล้ว“เช่นนั้นข้าออกไปก่อนล่ะ”หลี่หรงหรงพูดอย่างประหม่ากู้หว่านเยว่ให้คนเรียกเนี่ยชิงหลานมา เห็นได้ชัดว่านางร้องไห้มาก่อน ดวงตาบวมเปล่งคล้ายวอลนัท“พี่หญิงกู้ ให้ท่านเห็นเรื่องตลกแล้ว”เนี่ยชิงหลานเก้อกระดากอยู่บ้าง นางเองก็ไม่อยากร้อ
“ทุกท่านรีบนั่งเร็วเข้า เหตุใดจี้หยกของลูกสาวคนเล็กนี้อยู่ในมือของพวกท่านได้?”นายท่านถังให้คนรินชาให้พวกเขา ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจจี้หยกนี้เป็นสมบัติสืบทอดในตระกูลของพวกเขาสกุลถัง ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ถังหว่านไม่มีวันยอมยกให้ผู้อื่น เขากังวลลูกสาวจะเกิดปัญหาซูจิ่งสิงเห็นว่าเรื่องผ่านไปแล้ว ก็ไม่คิดปิดบังนายท่านถังและเล่าเรื่องเมื่อหลายวันก่อนหัวหน้าหมู่บ้านห้าถูกคนหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬลักพาตัวไป อธิบายออกมาหนึ่งรอบ“พวกเราช่วยหัวหน้าหมู่บ้านห้าออกมา เย่ฮูหยินทำเพื่อตอบแทนพวกเรา มอบจี้หยกนี้ให้ข้ามิหนำซ้ำยังพูดว่าหากมาถึงอินซาน มีเรื่องจำเป็น สามารถขอความช่วยเหลือจากเจ้าบ้านสกุลถังได้”แม้ว่าซูจิ่งสิงไว้เคราครึ้ม ปกปิดใบหน้าส่วนใหญ่เอาไว้ แต่นายท่านถังมองเห็นความจริงใจของดวงตาคู่นั้น ก็รู้ว่าเขาไม่ได้โกหก“เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ หว่านเอ๋อร์ถึงขั้นไม่บอกกล่าวครอบครัว”สกุลถังเองก็เคยได้ยินเรื่องหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬมาก่อน นั่นเป็นกลุ่มคนรับมือได้ยากยิ่ง พวกเขากลัวลูกสาวได้รับความลำบาก“เย่ฮูหยินพูดว่าทั้งสองท่านอายุมากแล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากทำให้ทั้งสองท่านตกใจ นี่ก็คื
“ไม่ทราบพวกเจ้ามีนามว่าอะไร?”ซูจิ่งสิงกล่าวอธิบาย “ข้าแซ่ซู ส่วนข้างกายของข้าคือภรรยาของข้า ด้านหลังคือผู้ติดตาม”ถังหมิงรุ่ยรีบยกมือคารวะ และกล่าวกับสองสามีภรรยาด้วยความตื่นเต้นว่า“ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยเหลือน้องสาวและพี่เขยของข้า บุญคุณชีวิตยากจะทดแทน หากมีอะไรที่พอจะให้สกุลถังช่วยได้ ขอแค่รับสั่งมา ไม่ต้องเกรงใจ”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มเล็กน้อย “บังเอิญยิ่งนัก ที่เรามาหาครั้งนี้ ก็เพื่อมาขอให้สกุลถังช่วยเหลือพอดี”ถังหมิงรุ่ยใคร่สงสัย ฮูหยินผู้เฒ่าถังรีบเข้ามาลากตัวของเขารุดขึ้นหน้า“คนเหล่านี้อยากเข้าร่วมงานประมูลของตลาดมืด คืนนี้เจ้าก็พาพวกเขาไปสิ”“ท่านแม่วางใจ ลูกเข้าใจแล้ว”เขากล่าวอย่างกระตือรือร้น “พวกท่านต่างเดินทางมาจากแดนไกล หนทางนี้คงทำให้พวกท่านเหน็ดเหนื่อยมิน้อย งานประมูลจะเริ่มในเวลากลางคืน ไม่สู้กลางวันพวกเจ้าพักผ่อนอยู่ในจวนก่อน ข้าจะให้คนเตรียมงานเลี้ยง คอยต้อนรับพวกเจ้าอย่างดี”ใคร ๆ ก็ดูออกว่าถังหมิงรุ่ยเป็นคนชอบต้อนรับแขกมากนายท่านถังและฮูหยินผู้เฒ่าถังพยักหน้าพร้อมกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“พูดถูก งานประมูลจะเริ่มงานในช่วงกลางคืน ไม่สู้พวกท่านพักผ่อนในจวนไป
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป