LOGINเช่นนี้ก็สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของชายชุดสีเทา และไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะหลุดจากการควบคุม“เรียบร้อย”ขณะนี้ พวกนางอยู่ในที่ลับศัตรูอยู่ในที่แจ้ง ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดแล้ว“ไปเถอะ พวกเราไปกันก่อน”กู้หว่านเยว่มองดูรอบด้านแวบหนึ่ง ฟ้าใกล้มืดเต็มทีแล้ว พวกนาต้องกลับไปโรงเตี๊ยมเพื่อติดต่อกับองครักษ์เงา ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเรื่องวุ่นวายสองสามีภรรยาหารือกันเสร็จสรรพ แล้วรีบไปจากที่นี่“น่าแปลก” ชายชุดเทาในวัดร้างหันมอง หันไปมองจุดที่เมื่อครู่กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงอยู่กะทันหัน“เกาเถียนจวิน เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ?”ผู้ใต้บัญชารีบสอบถามดวงตาเกาเถียนจวินเจือด้วยความระวัง “เมื่อครู่ตอนพวกเจ้ากลับมามีผู้ใดติดตามมาหรือไม่?”“เปล่าขอรับ ตอนกลับมาพวกเราระวังตัวกันมากไม่มีใครสังเกตเห็น”เกาเถียนจวินขมวดคิ้ว คงเป็นเพราะเขาคิดมากเกินไปทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงกลับมาที่โรงเตี๊ยมอีกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นที่สังเกตของคนชุดดำ ทั้งสองคนจึงปลอมตัว ไปตามหาฉู่เฟิงกับชิงเหลียนชิงเหลียนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่จึงร้องไห้ด้วยความดีใจ“ฮูหยิน ดีเหลือเกิน ในที่ส
เมื่อเห็นพวกเขาจากไป กู้หว่านเยว่รีบดึงซูจิ่งสิงออกมาจากหลังก้อนหิน ทั้งสองกล่าวออกมาพร้อมกัน “ตามพวกเขาไป”สองสามีภรรยาคิดเห็นตรงกันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเขาสังเกตเห็น ซูจิ่งสิงโอบเอวของกู้หว่านเยว่ ตามอยู่ด้านหลังคนชุดดำกลุ่มนั้นไม่ไกลไม่ใกล้สามารถดูออกว่า คนชุดดำกลุ่มนี้ระแวดระวังตัวมาก ระหว่างที่เร่งเดินทางหันมองรอบด้านอยู่ตลอดเวลา กลัวจะถูกใครสังเกตเห็นยังดีที่วรยุทธ์ซูจิ่งสิงสูงส่ง วิชาตัวเบายิ่งอยู่เหนือคนพวกนี้หลายขุมไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ทั้งสองติดตามคนชุดดำกลุ่มนั้นมาถึงวัดร้างแห่งหนึ่งดูจากท่าทางคล่องแคล่วคุ้นเคยของพวกเขา พวกเขาไม่ได้เพิ่งมาวัดร้างเป็นครั้งแรกแน่นอน“ดูท่า พวกของคนชุดดำพวกนี้คงซ่อนตัวอยู่ภายในวัดร้างแน่นอน” กู้หว่านเยว่วิเคราะห์เสียงค่อยซูจิ่งสิงเอ่ยเสียงเบา “พวกเราซ่อนตัวก่อน อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น ดูก่อนว่าตกลงพวกเขามีฐานะใดกันแน่”กู้หว่านเยว่พยักหน้า เพื่อความปลอดภัย จึงเข้าไปซ่อนตัวในมิติพร้อมซูจิ่งสิงต่อมานางค่อยควบคุมมิติให้มาถึงนอกวัดร้าง เพื่อแอบฟังคนกลุ่มนี้คุยกันผ่านช่องรอยแยกของหน้าต่าง จะเห็นได้ว่าในวัดร้างยังมีคนชุดดำสิบก
เมื่อคิดได้ดังนั้น กู้หว่านเยว่กลอกตา หันหลังกระโดดลงหน้าผาโดยไม่ลังเลสักนิด“เจ้า” คนชุดดำหลายคนหน้าเปลี่ยนสี รีบก้าวไปข้างหน้า ยังไม่ทันได้ตั้งตัว จู่ ๆ ด้านหลังก็มีเงาสีดำปรากฏแล้วกระโดดหน้าผาตามลงไปหลังกู้หว่านเยว่กระโดดลงหน้าผา ถึงได้สังเกตว่าซูจิ่งสิงเองก็กระโดดตามลงมาด้วยนางที่ใจตกลงไปถึงตาตุ่ม ไม่มีเวลาให้คิดว่าซูจิ่งสิงมาถึงตั้งแต่เมื่อใด รีบโบกมือคว้าอีกฝ่ายให้เข้าไปในมิติพร้อมกันจนกระทั่งหลังจากทั้งสองเข้าไปอยู่ในมิติอย่างปลอดภัย กู้หว่านเยว่สงบสติอารมณ์ ถึงได้กล่าวอย่างดุร้ายกับซูจิ่งสิง“ท่านไม่อยากอยู่แล้วหรือ? หน้าผาที่สูงขนาดนั้นก็ยังจะกระโดดตามลงมา ถ้าเกิดข้าไม่เห็นท่านจะทำอย่างไร?”กู้หว่านเย่วไม่กล้าจินตนาการ ถ้าเกิดนางไม่เห็นซูจิ่งสิง ไม่ได้พาเขาเข้ามาในมิติพร้อมกัน ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรระหว่างที่ซูจิ่งสิงถูกกู้หว่านเยว่ด่าทอ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเขาคว้ามือของกู้หว่านเยว่ แล้วเอามาหอมอยู่ข้างปาก“เห็นเจ้ามีอันตราย ชั่วขณะนั้นไม่ได้คิดสิ่งใดมาก จึงกระโดดหน้าผาตามมาด้วย”ทว่าซูจิ่งสิงวรยุทธ์สูงส่ง ต่อให้กระโดดลงหน้าผาก็ไม่เป็นไร เขาสามารถใช้วิชาตัวเบาที่แข็ง
“ฮูหยิน!”สีหน้าชิงเหลียนเปลี่ยนไปมาก อยากจะยื่นหัวออกไป แต่ถูกกู้หว่านเยว่กดกลับไปกู้หว่านเยว่เอ่ยจริงจัง “อีกฝ่ายมาอย่างดุดัน เจ้าซ่อนตัวให้ดี อย่าออกมาตายส่งเดช”นางมองปราดเดียวก็รู้แล้ว คนปิดหน้าพวกนี้ แต่ละคนสีหน้ามีจิตสังหาร จงใจพุ่งเป้ามาที่นางอีกทั้งวรยุทธ์สูงส่ง จำนวนคนมากกว่า ชิงเหลียนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาชิงเหลียนทั้งตื้นตันและเป็นห่วง “แต่ว่า”“ไม่มีอะไรให้แต่มากขนาดนั้น หากเจ้าไม่อยากให้ข้าเสียสมาธิ ก็จงทำตามที่ข้าสั่ง” น้ำเสียงกู้หว่านเยว่จริงจังม้าคลุ้มคลั่งหนักกว่าเดิม กู้หว่านเยว่จับบังเหียนไว้แน่น ชิงเหลียนไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก กลัวจะทำให้ฮูหยินเสียสมาธิ จึงจับรถม้าที่ใกล้จะร่วงหล่นไว้แน่นตกลงพวกเขาคือใครกันแน่?บ่าวที่ติดตามมาถูกสังหารไปหมดแล้ว!“ฮี่!” เสียงร้องคำรามของม้ายิ่งดังขึ้น วิ่งเข้าไปในป่าอย่างบ้าคลั่งกู้หว่านเยว่ปวดใจ สะโพกของม้าถูกลูกธนูยิงใส่ มิน่าถึงได้ร้องโหยหวนขนาดนั้นเมื่อเห็นม้าวิ่งพุ่งชนอย่างไร้ทิศทางในป่า รถม้าด้านหลังแทบจะพังทลาย กู้หว่านเยว่หลบหลีกลูกธนูที่ยิงเข้าใส่ไปด้วย พลางนำขลุ่ยควบคุมสัตว์ร้ายออกมาเป่า หวังจะปลอบประโลมม
นางหันหลังจากไป ถังอี้กล่าวอย่างกังวล“คุณหนูใหญ่ เจ้าจะปล่อยหลอหย่งเฉิงจริงหรือ? เขาไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”กระทั่งถังอี้ยังรู้ หลอหย่งเฉิงเกลียดชังนางมาก หลออวิ๋นจะไม่รู้ได้อย่างไร“ตอนนั้น แม่ข้าพาข้ามาถึงเมืองสุ่ยโจว สุดท้ายนายท่านหลอตกหลุมรักแม่ข้าตั้งแต่แรกพบ ซ้ำยังพานางกลับมาที่จวน”“ฮูหยินหลอตรอมใจตาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเราจริง”หลออวิ๋นรู้แต่แรกแล้ว นายท่านหลอไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของนางในความทรงจำ ท่านแม่อยากจากไปหลายครั้ง แต่ล้วนถูกนายท่านหลอขัดขวางนายท่านหลอปักใจรักมารดา กระทั่งปฏิบัติต่อนางที่ไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ เหมือนลูกในไส้ ทำให้ละเลยฮูหยินหลอและหลอหย่งเฉิงที่แต่เดิมเป็นบุตรชายแท้ๆไม่ว่าเกิดขึ้นกับใคร จะสามารถทำเป็นทองไม่รู้ร้อนได้หรือ?“ไปเถอะ พวกเราไปจากสกุลหลอกัน” หลออวิ๋นหันหลังไปมองแวบหนึ่ง นางควรจากไปแต่แรกแล้วอีกด้านหนึ่ง กู้หว่านเยว่รีบนำบันทึกกลับไปที่โรงเตี๊ยม ตอนอยู่บนรถม้านางได้เปิดดูหนึ่งเล่มอย่างอดใจไม่ไหว เริ่มค้นหาเบาะแสของแคว้นอู๋วั่งแต่น่าเสียดาย สิ่งที่เขียนไว้ในบันทึกมีเพียงความทรงจำอันเจ็บปวดที่ฮูหยินชิงอยู่ในจวนสกุลหลอ มีเรื่องราวของแคว้นอู๋วั่
กู้หว่านเยว่ใจร้อนดั่งไฟ เจ้าหลอหย่งเฉิงผู้นี้เรื่องสำเร็จไม่เคยทำ เรื่องล้มเหลวมากเกินพอ ไม่เพียงใจแคบ ยังชอบสร้างความเดือดร้อน!“รีบไปหาที่ห้องเก็บฟืน!”กู้หว่านเยว่สั่งการอีกครั้ง ผู้ว่าการเซวียรีบพาคน กุลีกุจอไปที่ห้องครัวทันทีได้แต่หวังว่าสองวันนี้ทางห้องครัวจะไม่เผาบันทึกนั่นไปเสียก่อน!เขาประหม่าจนเหงื่อไหลรินลงมา!หลังจากผ่านไปสิบห้านาที ผู้ว่าการเซวียพาคนกลับมาอีกครั้ง บนใบหน้าที่เหี่ยวย่นเผยรอยยิ้ม “โชคดี โชคดี บันทึกถูกทิ้งไว้ตรงมุม ถูกรักษาเป็นอย่างดี!”หลออวิ๋นพ่นลมหายใจหนักหน่วง “ดีเหลือเกิน!”หากบันทึกหายไป นางคงไม่มีเหตุผลให้กู้หว่านเยว่ช่วยนางให้หลุดพ้นจากสกุลหลอผู้ว่าการเซวียนำบันทึกทั้งหมดใส่ลงในหีบ กู้หว่านเยว่โบกมือ สั่งให้คนเปิดหีบออก ด้านในมีบันทึกเล่มน้อยใหญ่กองเต็มไปหมด มีกระดาษหลายหน้าที่เริ่มเป็นสีเหลือง ดูแล้วเหมือนผ่านเวลามาหลายปีหลออวิ๋นเข้าไปเปิดดู จากนั้นรีบพยักหน้า “นี่เป็นบันทึกส่วนตัวของแม่ข้า ข้าจำลายมือนางได้”ดีเหลือเกิน บันทึกยังคงถูกเก็บไว้กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ว่าในบันทึกมีเรื่องราวของแคว้นอู๋วั่ง จึงไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป “ชิงเ




![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


