เซวียฉิงถูกเขาบีบคอจนหายใจไม่ออก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก“อึก...พี่สาม ไว้ชีวิต...”ใบหน้าของนางเขียวคล้ำ ดูเหมือนว่าใกล้จะขาดใจเต็มทีสาวใช้คาดไม่ถึงว่าฮั่วจี๋จะกล้าลงมือหนักถึงเพียงนี้ ตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น“คุณชายฮั่วโปรดไว้ชีวิตด้วย คุณหนูของข้านิสัยเรียบง่ายบริสุทธิ์ ไม่ได้วางแผนก่อกวน”นางพูดตะกุกตะกัก“เป็นเจียงม่านผู้นั้นที่จากไปเอง ไม่เกี่ยวข้องกับคุณหนูของพวกเรา”ประโยคเดียวกลับทำให้เซวียฉิงเผยพิรุธฮั่วจี๋สะบัดเซวียฉิงออกไป เขาไม่ได้คิดจะบีบคอเซวียฉิงให้ตายจริง ๆ เพียงแต่อยากข่มขู่นายบ่าวทั้งสองคนเท่านั้น“แม่นางเจียงเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้า หากใครไปรบกวนนางอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”เขาไม่สนใจเซวียฉิงอีก พลิกตัวขึ้นไปบนรถม้า แล้วให้มู่หรงฉางเล่อรีบออกเดินทาง“พี่สาม!”เซวียฉิงส่ายหน้าแล้วไอบ้าไปแล้วบ้าไปแล้วจริง ๆ !ฮั่วจี๋รู้ว่าเจียงม่านเป็นหญิงคณิกาแล้ว กลับไม่หลีกเลี่ยง ยังจะตามไปอีก?เจียงม่านทำอะไรกับเขากันแน่?“คุณหนู ทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”สาวใช้เดินมาอยู่ข้างกายเซวียฉิง“พี่สามไม่ฟังข้า ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ แต่กับเจียงม่าน ข้ามีวิธี”เซว
“คนแปลกหน้า เจียงม่าน เหตุใดเจ้าถึงพูดออกมาได้ง่ายดายเช่นนี้?”เมื่อเห็นว่าเจียงม่านจะไป เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ดึงนางเข้ามา แล้วจูบลงไปที่ริมฝีปากของนางอย่างแรงเจียงม่านเบิกตากว้างนางอยากจะผลักฮั่วจี๋ออก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะจมดิ่งลงไป“ฟังข้า ข้าไม่สนใจฐานะของเจ้า และไม่สนใจอดีตของเจ้า ข้าสนใจเพียงคนที่อยู่ตรงหน้าข้า”ฮั่วจี๋โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนด้วยความทะนุถนอม“ท่านพ่อท่านแม่และพวกพี่ชายไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ คนเดียวที่เกี่ยวข้องกับข้าก็มีแค่เจ้า”เขาจะไม่มีวันลืมว่า เจียงม่านแบกเขาออกมาจากกองศพได้อย่างไรการกลายเป็นหญิงคณิกา ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางเต็มใจเขาเชื่อว่าด้วยนิสัยใจคอของนาง หากเลือกได้ นางไม่มีทางยอมตกเป็นของหอนางโลมอย่างแน่นอน“ฟังข้านะ กลับไปกับข้า ให้ข้าแต่งเจ้าเป็นภรรยา ปกป้องเจ้าไปตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่”ฮั่วจี๋ประคองใบหน้าของเจียงม่าน ในเวลานี้ เขามองเห็นหัวใจของตนเองอย่างชัดเจนเจียงม่านจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา “ทะ ท่านจะไม่เสียใจหรือ?”“มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง”เจียงม่านโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาในทันที กอดเอวที่แข็งแรงของเขาแน่น ให้นางได้เดิมพันอีกสักครั้งเถิด
มู่หรงฉางเล่อหันหลังกลับไป แล้วเตะคนที่อยู่ด้านหลังออกมา“โอ๊ย”บุรุษผู้นั้นล้มลงกับพื้น ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“คุณหนูโปรดไว้ชีวิตด้วย คุณหนูปล่อยข้าไปเถิด”กู้หว่านเยว่เห็นเขาถูกรังแกจนน่าสงสาร อีกทั้งยังเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม“คนผู้นี้คือ?”“พี่สะใภ้ เขาคือบุตรชายสุดที่รักของเฉิงทั่ว แม่ทัพผู้รักษาการเมืองซุ่ยโจว”มู่หรงฉางเล่อแสดงสีหน้าภาคภูมิใจ กู้หว่านเยว่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า เด็กสาวคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ ถึงกับจับบุตรชายของเฉิงทั่วมาได้“จริงหรือ?”“แน่นอนว่าจริง” มู่หรงฉางเล่อถูจมูก “พี่สะใภ้ ท่านอย่าได้ดูถูกข้า ข้ารู้จักเขา เขาชื่อเฉิงซิน”“เขาเป็นบุตรชายของเฉิงทั่วหรือ เหตุใดดูแล้ว ไม่เหมือนบุตรชายของแม่ทัพเลยสักนิด”ขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้ กลับเหมือนพวกไร้ประโยชน์เสียมากกว่า“นี่มีสาเหตุ ท่านฟังข้าอธิบาย”มู่หรงฉางเล่อเอียงศีรษะอธิบายที่แท้เฉิงซินผู้นี้เป็นบุตรชายสุดที่รักของเฉิงทั่ว ท่านแม่ทัพเฉิงมีบุตรชายเพียงคนเดียวหวังจะให้เขาสืบสกุล จึงทะนุถนอมราวกับแก้วตาดวงใจเมื่อเขาร้องว่าลำบาก ก็ไม่ให้เขาไปฝึกฝนในค่ายทหารเมื่อเขาร้องว่าเหนื่
บังเอิญว่าช่วงนี้เฉิงทั่วยุ่งอยู่กับการเตรียมบุกโจมตีเมืองเหยา จึงไม่มีเวลามาสนใจเฉิงซินเขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่า บุตรชายแอบหนีออกไปนานแล้วเฉิงทั่วยึดหลักการที่ว่ายิ่งเร็วก็ยิ่งดี จึงนำทหารไปโจมตีเมืองเหยาอย่างรวดเร็วเดิมทีเขาคิดว่า เมืองเหยาในตอนนี้น่าจะเหลือเพียงกลุ่มทหารชรา อ่อนแอ และทหารที่บาดเจ็บเขาไม่ต้องเปลืองแรง ก็สามารถยึดเมืองเหยาได้อย่างง่ายดายทว่าเมื่อบุกโจมตี เฉิงทั่วก็ตกตะลึงสิ่งที่ยิงลงมาจากบนกำแพงเมืองกลับไม่ใช่ธนู แต่เป็นปืนใหญ่ปืนใหญ่มีอานุภาพรุนแรง รัศมีทำลายล้างกว้างถึงสามสิบเมตรเมื่อปืนใหญ่หนึ่งลูกตกลงพื้น ทหารหลายสิบนายก็ถูกระเบิดกระเด็นขึ้นฟ้ายังไม่หมดแค่นี้เมืองเหยานี้ดูเหมือนจะรู้กระบวนทัพของพวกเขาล่วงหน้าแล้ว กดดันพวกเขาอย่างหนักหน่วง ตั้งแต่ข้างหน้าไปจนถึงข้างหลัง ไม่เหลือช่องว่างให้ตอบโต้แม้แต่น้อยแทบจะเป็นการบดขยี้ฝ่ายเดียวจริง ๆ “ถอยทัพ รีบถอยทัพ”เฉิงทั่วรู้ดีว่าการรบครั้งนี้ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ จึงรีบสั่งให้คนวิ่งหนีทว่ากู้หว่านเยว่เตรียมการไว้พร้อมแล้ว จะปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้อย่างไร?นางสั่งให้คนขุดคูยาวตามเส้นทางหลบหนีของ
เฉิงทั่วมองไปยังลูกธนูที่อยู่บนไหล่“กำลังรบของเมืองเหยาไม่อาจดูแคลนได้”เขากัดฟัน ดึงลูกธนูที่อยู่บนไหล่ออกมา ถือไว้ในมือแล้วพิจารณา“ลูกธนูนี้ ไม่เหมือนกับของในกองทัพเรา”ระยะยิง กลับไกลกว่าของคนทูเจวี๋ยเสียอีก“รีบห้ามเลือดให้ท่านแม่ทัพเร็วเข้า”รองแม่ทัพหันกลับไปหาหมอทหาร แต่กลับพบว่าหมอทหารถูกจับเป็นเชลยแล้ว พี่น้องที่หลบหนีออกมาได้เหลืออยู่ไม่มากเขาจึงทำได้เพียงลงมือด้วยตนเอง ทำแผลให้กับเฉิงทั่ว“เราสู้พวกเขาไม่ได้ ยอมจำนนเถอะ”เฉิงทั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาเป็นแม่ทัพเก่า ย่อมรู้ดีว่า เวลานี้หากต่อต้านไป ก็เป็นเพียงการดิ้นรนก่อนตายเท่านั้นยอมจำนนไม่ได้น่าอับอายพาชาวเมืองซุ่ยโจวไปสู่ความตาย นั่นถึงจะเรียกว่าน่าอับอาย“ท่านแม่ทัพ เราจะยอมจำนนจริง ๆ หรือ?”“จริง!”เฉิงทั่วพยักหน้าอย่างแรงสามวันต่อมา หนังสือยอมจำนนถูกส่งมาถึงกู้หว่านเยว่ผู้ที่มาส่งหนังสือยอมจำนนเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง สวมชุดเกราะ ท่าทางองอาจผึ่งผายอย่างยิ่ง“เจ้าคือเฉิงเหลียน?”กู้หว่านเยว่พลิกหนังสือยอมจำนนที่อยู่ในมือเฉิงทั่วมีลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายเฉิงซินยังอยู่ในมือของนาง“
กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังทั้งสองคนไม่ได้พบกันนาน เมื่อพูดคุยกันจบ ก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป โอบกอดกันและกันซูจิ่งสิงประคองใบหน้าของกู้หว่านเยว่ขึ้นมาจุมพิตความรู้สึกที่แปลกใหม่แต่ก็คุ้นเคยนั้น ทำให้นางตัวสั่นเล็กน้อยนางไม่อาจปฏิเสธได้ โอบเอวของบุรุษตอบจุมพิตอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น“น้องหญิง คิดถึงเจ้าเหลือเกิน”เขาจุมพิตที่ริมฝีปากของนาง พัวพันอยู่ที่ข้างหูของนาง ทำให้นางรู้สึกอ่อนระทวยไปทั้งตัวทั้งสองคนโอบกอดกันและกัน และค่อย ๆ เกิดความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม“เราออกไปกันให้หมดเถอะ”ชิงเหลียนยิ้มอย่างรู้ใจ ดึงหงเจาปิดประตูเรือนแล้วเดินออกไปบังเอิญพบกับฉู่เฟิงที่เดินมาพอดี“ชิงเหลียนไม่เจอกันนานเลยนะ ช่วงนี้เจ้าดูผิวคล้ำขึ้นแล้ว”ทันทีที่เปิดปากพูด ก็ทำให้ชิงเหลียนลงมือทุบตี“ปากสุนัขพูดจาดี ๆ ไม่ได้ ไม่รู้จักทักทายก็ไม่ต้องทัก”“โอ๊ย เจ็บ ๆ อย่าตี”ฉู่เฟิงกุมศีรษะร้องขอความเมตตา“แม่นาง ข้ามีธุระจะเข้าไปหาท่านอ๋อง โปรดปล่อยข้าไปเถิด”ชิงเหลียนหยุดมือ แค่นเสียงหัวเราะ“ตอนนี้ท่านอ๋องกับพระชายากำลังยุ่งอยู่ แนะนำให้เจ้ารออีกครึ่งชั่วยามค่อยเข้าไป”“ยุ่งอยู่หรือ?”อ้อ แม้ว่าฉู่
“เอ่อ!”กู้หว่านเยว่ลูบจมูก นี่นางกำลังหาเรื่องใส่ตัวใช่ไหม?“ท่านพี่ กงซุนฉิงตามมาหรือยังเจ้าคะ?”นางถามซูจิ่งสิงอย่างเงียบ ๆ หลังจากฝ่ายหลังพยักหน้ายืนยันแล้ว ก็ถอนหายใจโล่งอกกงซุนฉิงมาก็ดีแล้ว ถึงเวลานั้นทิ้งหลี่เหมียนหยางให้อยู่กับนางก็สิ้นเรื่อง“อย่าเพิ่งไปกวนพระชายา”ไป๋หลี่ชิงซีผลักหลี่เหมียนหยางออกไปข้าง ๆ แล้วมองไปที่กู้หว่านเยว่“ความจริงแล้วครั้งนี้ข้ายังมีเรื่องอื่นที่อยากขอร้องอีก”ดังคำกล่าวที่ว่าไม่มีเรื่องเดือดร้อนก็ไม่มาหาถ้าไม่มีกิจธุระอะไร ไป๋หลี่ชิงซีจะมอบหมายให้ใครนำของมาส่งให้ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองเลยจริง ๆ“เรื่องอะไร ท่านแค่พูดมาตามตรงก็พอ”กู้หว่านเยว่ให้ไป๋หลี่ชิงซีนั่งลงก่อน“อาจารย์ของข้ามีน้องชายอยู่คนหนึ่ง เขาถูกพิษ เดิมทีต้องการไปหาปรมาจารย์ที่เจดีย์หนิงกู่ แต่ได้ยินมาว่าปรมาจารย์แพทย์ออกไปค้นหายาพอดีรอเขากลับมา ก็ยังไม่รู้ว่าอีกกี่เดือน”ไป๋หลี่ชิงซีกะพริบตาหงส์อันเรียวยาว พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ดังนั้น ข้าจึงแบกหน้ามาหาท่าน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ในเมื่อเป็นอาเล็กของท่าน และท่านก็ได้จ่ายเงินค่าตรวจรักษาจำนวนมากไว้ล่วงหน้าแล้ว
หลี่เยว่กำลังปลอบโยนเจียงม่าน“อืม”เจียงม่านพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ผ่านมา นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับสถานะของตัวเองมาบัดนี้ได้รับการปกป้องและความรักจากฮั่วจี๋ ก็มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น ไม่เอาแต่ตกเป็นรองเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปนางหยิบกระดาษและพู่กันออกมา แล้วเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษสีแดง“พี่หญิง ท่านกำลังเขียนอะไรอยู่?”“เมื่อวานนี้แม่ทัพน้อยมอบกลอนให้ข้าวรรคหนึ่ง ให้ข้าต่อวรรคต่อไป เมื่อคืนข้าคิดอยู่นานก็คิดไม่ออก ตอนนี้เกิดความคิดขึ้นมาพอดี”เจียงม่านยกพู่กันขึ้นมา ตัวอักษรของนางสวยงามมาก เป็นแบบอักษรจานฮวาตัวคัดบรรจงหลี่เยว่แอบยิ้มอยู่ข้างหลัง ในที่สุดวันนี้นางก็รู้แล้วว่า อะไรคือคู่สามีภรรยากิ่งทองใบหยกที่รักใคร่และให้เกียรติกัน“เอาล่ะ ๆ ฮูหยินน้อยรีบสวมผ้าคลุมหน้าแดงเร็วเข้า เกี้ยวเจ้าสาวข้างนอกมารับท่านแล้ว”ใบหน้าของแม่สื่อเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เดินเข้ามาจากด้านนอกประตูอย่างรีบร้อน พลางเอ่ยปากเร่งรัด“ใช่แล้ว ๆ รีบสวมผ้าคลุมหน้าแดงเร็วเข้า จะพลาดฤกษ์มงคลไม่ได้นะ”หลี่เยว่หันหลังกลับไป แล้วหยิบผ้าคลุมหน้าแดงบนราวแขวนลงมา พลางคลุมลงบนศีรษะของเจียงม่านอย่างระมัดระว
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป