คุณหนูสามผู้มีสติปัญญาไม่สมประกอบ

คุณหนูสามผู้มีสติปัญญาไม่สมประกอบ

last updateLast Updated : 2025-12-19
By:  ต้นไม้แห้งUpdated just now
Language: Thai
goodnovel16goodnovel
9.8
31 ratings. 31 reviews
93Chapters
13.3Kviews
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ภาพฉายมาที่เมืองใหญ่ที่มีตึกระฟ้าจำนวนมากตั้งเบียดเสียดกันอย่างหนาแน่น แสงนีออนบาดตา เสียงแตรดังระงม กลิ่นดินปืนคละคลุ้งในอากาศเย็นเยียบของเครื่องปรับอากาศ เห็นเงาสะท้อนของตนเองในกระจก เป็นหญิงสาวในชุดดำขลับ เรือนผมสั้นกุด ดวงตาเย็นชาเฉียบคม ในมือถือปืนเก็บเสียงกระบอกยาว นักฆ่ามือหนึ่งโค้ดเนมไคเมร่า ก่อนที่ภาพจะฉายมาอีกที่หนึ่ง เรือนไม้โบราณที่อบอวลไปด้วยกลิ่นยาจางๆ สัมผัสอ่อนโยนของฝ่ามืออบอุ่นที่ลูบศีรษะ รอยยิ้มของสตรีงดงามผู้หนึ่งที่เรียกว่าท่านแม่ แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็เริ่มซีดจางลง กลายเป็นเสียงไอและใบหน้าที่ซูบตอบ ความทรงจำถัดมาคือความหิวโหยที่กัดกินลำไส้ ไอเย็นของพื้นไม้ที่นอนทับ เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเหล่าพี่น้องและบ่าวไพร่ที่ตราหน้าว่าปัญญาอ่อน ทุกภาพล้วนพร่าเลือนและชุ่มโชกไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจ “ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดหรอกเหรอ?” ภาพความทรงจำทั้งสองสายวิ่งเข้ามาปะทะกันอย่างรุนแรง เสียงระเบิดที่ปลิดชีวิตในโลกอนาคตดังประสานกับเสียงฟ้าร้องคำรามในอีกภพหนึ่ง แสงไฟจากปากกระบอกปืนสาดส่องทับซ้อนกับแสงตะเกียงน้ำมันที่ริบหรี่ ความเจ็บปวดจากการถูกทรยศหักหลังในชาติก่อน ผสมปนเปกับความรวดร้าวจากการถูกทอดทิ้งในชาตินี้

View More

Chapter 1

บทที่ ๑ แหลกสลาย

บนเตียงไม้แข็งกระด้างที่ปราศจากแม้แต่เบาะรองนอนนุ่มๆ ร่างของเด็กสาวในวัยสิบหกหนาว หยางจิ้งอวี่ นอนหายใจรวยรินอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบางที่ปะชุนจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม ใบหน้าของนางแดงก่ำเหมือนกับสีของชาด ลมหายใจแผ่วระรินราวจะขาดห้วงไปทุกขณะ พิษไข้ลุกลามรุนแรงจนร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม

ข้างเตียงนั้น หยางเสวี่ยอิง พี่สาวแท้ๆ ในวัยสิบแปดปี ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดเนื้อตัวของน้องสาวไม่หยุดหย่อน นางมีใบหน้าที่ซีดเผือดไม่ต่างกัน ริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุยฝีปากแห้งแตกเป็นขุย ดวงตาคู่สวยบัดนี้แดงก่ำและบวมช้ำจากการร่ำไห้มาตลอดทั้งคืน

“อาอวี่... อดทนไว้นะ... เจี่ยเจียจะไปขอร้องพวกเขาอีกครั้ง” นางกระซิบเสียงสั่นเครือ ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นยืน รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้ววิ่งออกจากเรือนไป

นางวิ่งตรงไปยังเรือนครัวหลัก ที่ซึ่งบ่าวรับใช้กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเย็นอันหอมกรุ่นสำหรับเจ้านายในเรือนใหญ่ กลิ่นหอมของเนื้อตุ๋นลอยมาปะทะจมูก ทำให้นางที่ท้องว่างมาทั้งวันรู้สึกปั่นป่วนจนแทบจะอาเจียน

“หวังหมัวมัว!” หยางเสวี่ยอิงเรียกหาแม่นมอาวุโสผู้กุมอำนาจในเรือนครัวเสียงดัง “ข้าขอร้องท่านอีกครั้ง ได้โปรดไปแจ้งฮูหยินผู้เฒ่าด้วยเถิดว่าอาการของอาอวี่ปางตายแล้ว หากยังไม่ได้หมอมารักษานางต้องตายแน่แล้ว!”

หวังหมัวมัวซึ่งกำลังสั่งการบ่าวไพร่หันมามองนางด้วยหางตา แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและสมเพช “คุณหนูใหญ่ นี่ท่านยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีกหรือเจ้าคะ ข้าก็บอกท่านไปแล้วอย่างไรเล่า ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากับคุณหนูใหญ่กำลังปรึกษาเรื่องการจัดงานเลี้ยงชมดอกเหมย ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้หรอก”

“แต่นี่ชีวิตคนทั้งคนนะ!” หยางเสวี่ยอิงตะโกนกลับไปอย่างเหลืออด น้ำตาไหลทะลักออกมาอย่างไม่อาจกลั้น “อาอวี่เป็นหลานสาวของท่านย่า เป็นบุตรีของท่านพ่อนะ!”

“หึ หลานสาวรึ? บุตรีรึ?” หวังหมัวมัวแค่นเสียงหัวเราะ “สตรีปัญญาอ่อนที่อยู่ไปก็มีแต่จะขายหน้าวงศ์ตระกูลน่ะหรือคือหลานสาว? ตั้งแต่ที่มารดาของพวกท่านสิ้นไป พวกท่านก็ไม่ต่างอะไรจากมะพลับนิ่ม ที่ไม่มีใครต้องการ เป็นเพียงคนที่ถูกลืมเลือน ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ?”

คำพูดของนางเฉือดเฉือนหัวใจของหยางเสวี่ยอิงได้อย่างเจ็บแสบ ประหนึ่งสัจธรรมอันโหดร้ายว่าคนจรชาเย็น โดยแท้ เมื่อมารดาผู้เป็นที่รักของบิดาสิ้นใจไป พวกนางสองพี่น้องก็ถูกผลักไสมาอยู่เรือนแห่งนี้ราวกับไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข

“ในเมื่อพวกท่านไม่ยอมช่วย ข้าก็จะไปขอความเมตตาจากท่านพ่อด้วยตนเอง!”

หยางเสวี่ยอิงตัดสินใจเด็ดเดี่ยว นางวิ่งฝ่าสายตาดูแคลนของบ่าวไพร่ ตรงไปยังเรือนใหญ่อันโอ่อ่าและอบอุ่นซึ่งเป็นที่พำนักของบิดา

โดยไม่คาดฝัน เมฆทะมึนที่ตั้งเค้ามานานก็โปรยปรายหยาดพิรุณลงมาอย่างมิทันตั้งตัว ถึงกระนั้นหยางเสวี่ยอิงกลับไม่สนใจ นางทิ้งตัวลงคุกเข่าบนพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบหน้าประตูเรือนใหญ่ของบิดา ปล่อยให้หยาดฝนช่วยชะล้างร่างกายที่บอบช้ำและหัวใจที่แหลกสลาย

“ท่านพ่อ! ได้โปรดเมตตาด้วยเถิดเจ้าค่ะ!” นางตะโกนก้อง ครั้นก้มศีรษะลงโขกกับพื้นจนหน้าผากแตกเป็นแผล “ท่านพ่อ! อาอวี่กำลังจะตายแล้ว! ขอเพียงท่านพ่อส่งคนไปตามท่านหมอมา นางอาจจะยังมีหวังนะเจ้าคะ! ท่านพ่อ!!!”

นางร่ำร้องอ้อนวอนอยู่เนิ่นนานจนเสียงแหบแห้ง มีเพียงเสียงวรุณที่ตกกระหน่ำ ความเงียบจากในเรือนนั้นไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด ในทางกลับกันความเฉยเมย หรือความไม่แยแสต่อความเป็นความตายของบุตรในไส้ต่างหากที่น่ากลัว

ท้ายที่สุดแล้ว เสียงทุ้มต่ำอันเย็นชาของหยางกั๋วกงก็ดังลอดออกมาจากบานประตูที่ปิดสนิทนั้น

“น่ารำคาญ! นางก็แค่แสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อเรียกร้องความสนใจ! อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ มีแต่จะนำความอัปยศมาสู่สกุลหยางไม่สิ้นสุด!”

หยางเสวี่ยอิงชะงักงัน หัวใจถูกบีบคั้นด้วยความผิดหวัง

“หากนางจะตาย ก็ปล่อยให้นางตายไปเถิด!!!!!”

นางทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง สะอื้นไห้จนไหล่ทั้งสองข้างสั่นสะท้าน โลกทั้งใบเหมือนพังทลาย

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น . . .

ร่างของหยางจิ้งอวี่ที่สั่นเทิ้มมาตลอดก็พลันสงบนิ่งลง ลมหายใจเฮือกสุดท้ายได้หลุดลอยออกจากริมฝีปากบางเบา สิ้นสุดแล้วซึ่งชีวิตอันน่าเวทนาของนาง

ทว่า ท่ามกลางความมืดมิดนั้น เปลือกตาที่ปิดสนิทของร่างที่ไร้วิญญาณไปแล้วก็พลันเบิกโพลงขึ้น

ดวงตาคู่นั้นไม่ได้ขุ่นมัวหรือเลื่อนลอยเช่นคนใกล้ตายเฉกเช่นที่ผ่านมา แต่กลับฉายแสงคมกล้า และแฝงไว้ด้วยจิตสังหารที่สามารถทำให้ผู้คนแข็งเป็นหินได้

โลกหลังความตายมันควรจะมืดมิด

และเงียบสงัดมิใช่หรือ?

หากแต่สิ่งที่จิ้งอวี่สัมผัสได้กลับไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นห้วงมิติอันสับสนอลหม่านที่เต็มไปด้วยแสงสีและเสียงกรีดร้องโหยหวน ภาพนับล้านฉายวาบผ่านไปมาราวกับคนชมบุปผาบนหลังม้า เร็วเกินกว่าจะจับใจความได้

ภาพฉายมาที่เมืองใหญ่ที่มีตึกระฟ้าจำนวนมากตั้งเบียดเสียดกันอย่างหนาแน่น แสงนีออนบาดตา เสียงแตรดังระงม กลิ่นดินปืนคละคลุ้งในอากาศเย็นเยียบของเครื่องปรับอากาศ นางเห็นเงาสะท้อนของตนเองในกระจก เป็นหญิงสาวในชุดดำขลับ เรือนผมสั้นกุด ดวงตาเย็นชาเฉียบคม ในมือถือปืนเก็บเสียงกระบอกยาว นางเป็นนักฆ่ามือหนึ่งโค้ดเนมไคเมร่า

ก่อนที่ภาพจะฉายมาอีกที่หนึ่ง เรือนไม้โบราณที่อบอวลไปด้วยกลิ่นยาจางๆ สัมผัสอ่อนโยนของฝ่ามืออบอุ่นที่ลูบศีรษะ รอยยิ้มของสตรีงดงามผู้หนึ่งที่นางเรียกว่าท่านแม่ แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็เริ่มซีดจางลง กลายเป็นเสียงไอและใบหน้าที่ซูบตอบ ความทรงจำถัดมาคือความหิวโหยที่กัดกินลำไส้ ไอเย็นของพื้นไม้ที่นอนทับ เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเหล่าพี่น้องและบ่าวไพร่ที่ตราหน้านางว่านางปัญญาอ่อน ทุกภาพล้วนพร่าเลือนและชุ่มโชกไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจ

“นี่คือที่ไหนกัน?” จิตของนักฆ่าสาวตั้งคำถาม “ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดหรอกเหรอ?”

ภาพความทรงจำทั้งสองสายเริ่มวิ่งเข้ามาปะทะกันอย่างรุนแรง เสียงระเบิดที่ปลิดชีวิตนางในโลกอนาคตดังประสานกับเสียงฟ้าร้องคำรามในอีกภพหนึ่ง แสงไฟจากปากกระบอกปืนสาดส่องทับซ้อนกับแสงตะเกียงน้ำมันที่ริบหรี่ ความเจ็บปวดจากการถูกทรยศหักหลังในชาติก่อน ผสมปนเปกับความรวดร้าวจากการถูกทอดทิ้งในชาตินี้

ท่ามกลางความสับสน จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของนักฆ่าสาวก็ได้มองเห็นแก่นแท้ของปัญหา นางเห็นดวงจิตอีกดวงหนึ่งที่อยู่ในห้วงสำนึกนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของแสงที่ริบหรี่และแตกสลาย ราวกับภาชนะดินเผาที่ร้าวรานจนไม่อาจประกอบคืนได้

นางก็เข้าใจได้ในทันที . . .

สาเหตุที่เจ้าของร่างเดิมสติปัญญาไม่สมประกอบ เป็นเพราะดวงจิตของนางไม่สมบูรณ์ ทั้งยังแตกสลายไปอีกส่วนหนึ่งตั้งแต่ที่มารดาสิ้นใจอย่างกะทันหัน ความบอบช้ำทางจิตใจนั้นรุนแรงเกินกว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ จะรับไหว ทำให้ดวงจิตของนางแหลกสลาย

และการมาถึงของนาง วิญญาณจากต่างโลกที่สมบูรณ์และแข็งแกร่ง ก็คือการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปนั้น

จิตวิญญาณของนักฆ่าสาวไม่ได้ขับไล่หรือกลืนกินดวงจิตเดิมอย่างไร้เยื่อใย แต่นางโอบล้อมเศษเสี้ยวที่น่าสงสารนั้นไว้ หลอมรวมมันเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับตนเอง ความทรงจำ ความเจ็บปวด ความรักความคิดถึงที่มีต่อมารดาของเจ้าของร่างเดิม บัดนี้ได้กลายเป็นของนางโดยสมบูรณ์

เมื่อจิตวิญญาณหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แล้ว พลังลึกลับสายหนึ่งก็พลันบังเกิดขึ้น มันโคจรไปทั่วร่างที่เคยอ่อนแอ เป็นกระแสเย็นสดชื่นที่ขับไล่ความร้อนระอุของพิษไข้ออกไปจนหมดสิ้น ภายในร่างกายที่เสียหายจากการเจ็บป่วยและการขาดสารอาหารมานานนับปี กำลังได้รับการซ่อมแซมฟื้นฟูอย่างรวดเร็วราวกับการสลัดร่างเก่าเปลี่ยนกระดูกใหม่

ทางด้านนอก หยางเสวี่ยอิงที่ร่างกายเปียกปอนและใจสลายได้เดินโซซัดโซเซกลับมาถึงเรือนที่เรียกได้ว่าแทบจะร้าง ก่อนที่นางจะทรุดกายนั่งลงข้างเตียง มองดูร่างที่สงบนิ่งของน้องสาวด้วยแววตาที่ว่างเปล่า

“อาอวี่... เจี่ยเจียขอโทษ... เจี่ยเจียช่วยเจ้าไม่ได้...” นางพึมพำเสียงแผ่วเบา น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วกลับมารินไหลอีกครั้ง แต่ครานี้มันไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ เป็นเพียงหยาดน้ำตาที่มาจากความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด

นางก้มลงกุมมือน้องสาวที่เริ่มจะเย็นชืดไว้ ซบใบหน้าลงบนฝ่ามือเล็กๆ นั้น เตรียมใจที่จะยอมรับความจริงอันโหดร้าย

แต่แล้ว . . .

ฝ่ามือที่ควรจะเย็นชืดลงเรื่อยๆ กลับค่อยๆ มีความอบอุ่นไหลเวียนกลับคืนมา ร่างกายที่เคยสั่นเทิ้มก็หยุดนิ่งสนิท และที่สำคัญ ใบหน้าที่เคยแดงก่ำจากพิษไข้ บัดนี้กลับค่อยๆ ซีดจางลงจนกลับเป็นปกติ

หยางเสวี่ยอิงเงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก และนั่นเป็นชั่วขณะที่นางได้สบตากับน้องสาวของตนเอง

เปลือกตาของหยางจิ้งอวี่เปิดขึ้นอย่างช้าๆ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

มันไม่ได้เลื่อนลอยหรือว่างเปล่าเช่นที่เคยเป็นมาตลอดสิบปี แต่มันกลับกระจ่างใสราวกับผืนน้ำในฤดูสารท เย็นชาเหมือนน้ำแข็งหมื่นปี และลุ่มลึกจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด โดยหากว่าแววตาเช่นนั้นไม่ควรจะปรากฏอยู่ในดวงตาของเด็กสาวปัญญาอ่อนผู้หนึ่งได้เลย

หยางเสวี่ยอิงตกตะลึงจนลืมหายใจ นางจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของน้องสาว ราวกับกำลังจ้องมองคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Ratings

10
90%(28)
9
0%(0)
8
3%(1)
7
0%(0)
6
6%(2)
5
0%(0)
4
0%(0)
3
0%(0)
2
0%(0)
1
0%(0)
9.8 / 10.0
31 ratings · 31 reviews
Write a review

reviewsMore

Mookda Bouabayone
Mookda Bouabayone
มีกี่ตอนจบค่ะ
2025-12-17 22:47:46
0
1
เทพประจักษ์ นาสมฝั
เทพประจักษ์ นาสมฝั
สนุกมากๆๆๆนางเอกฉลาดมาก
2025-12-17 17:46:56
0
1
หทัย พลศรีรังษ์
หทัย พลศรีรังษ์
ทำไมไม่ลงตอนเลียงลำดับ1-2 ไห้มันถูกต้องดีๆ ลงตอน2ก่อนแล้วมาลงตอน1 ทำเพื่อ??
2025-12-16 22:09:16
0
1
เทพประจักษ์ นาสมฝั
เทพประจักษ์ นาสมฝั
สนุกมากค่ะตามต่อไป
2025-12-16 00:23:39
0
0
AiGame Aigame
AiGame Aigame
มีทั้งหมดกี่ตอน
2025-12-14 15:18:42
0
1
93 Chapters
บทที่ ๒ ซ่อนคม
ความเงียบที่หนักอึ้งกดทับบรรยากาศภายในห้อง หยางเสวี่ยอิงยังคงนิ่งค้างอยู่ในท่านั้น ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองน้องสาวของตนเองราวกับเห็นภูตผีปีศาจ ความหวาดระแวงและความหวังตีรวนกันอยู่ในอกจนแทบคลั่ง“อา... อาอวี่?” นางเอ่ยเรียกด้วยเสียงที่สั่นเทาและแผ่วเบาราวกระซิบ พลางยื่นมือที่สั่นระริกไปหวังจะสัมผัสใบหน้าของน้องสาวเพื่อยืนยันจังหวะนั้นเองที่บ่าวคนสนิท ‘หลานจิง’ ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในเรือนหลังจากไปต้มโจ๊กข้าวฟ่างในครัวเล็กๆ หลังเรือน นางเพิ่งจะได้ยินเสียงร่ำไห้ของหยางเสวี่ยอิงที่กลับมาเมื่อครู่“คุณหนูใหญ่! เกิดเรื่องอะไรขึ้น... ว้าย!” หลานจิงร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นคุณหนูสามที่นอนซมมาหลายวัน บัดนี้กลับลืมตาตื่นขึ้นแล้ว นางทิ้งถ้วยโจ๊กในมือจนหล่นแตกกระจาย จากนั้นก็วิ่งโผเข้าไปคุกเข่าข้างเตียงด้วยความดีใจสุดขีด“คุณหนูสาม! ท่านฟื้นแล้ว! สวรรค์เมตตา! ท่านฟื้นแล้วจริงๆ!” น้ำตาแห่งความปีติยินดีไหลอาบแก้มของบ่าวผู้ภักดีเสียงร้องของหลานจิงดึงสติของหยางเสวี่ยอิงกลับมาได้ในที่สุด นางรีบคว้ามือของจิ้งอวี่มาแนบอก สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเลือดเนื้อที่ไหลเวียนอยู่จริงๆ “อาอวี่! เจ้าฟื้นแล้ว
last updateLast Updated : 2025-10-29
Read more
บทที่ ๓ ของขวัญชิ้นแรก
จวบจนรุ่งสาง แสงอรุณสาดส่องผ่านช่องโหว่ของหลังคา ปลุกให้สรรพสิ่งมีชีวิตตื่นขึ้นจากนิทรา หยางจิ้งอวี่ลืมตาขึ้นในความเงียบ ดวงตาของนางกระจ่างใสไร้ซึ่งร่องรอยของความง่วงงุน‘หรือว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นเพียงความฝัน?’นางครุ่นคิดในใจ แต่แล้วก็ต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งไป ความทรงจำเกี่ยวกับระบบแก้แค้นสุดเทพยังคงชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เองนางทดลองเรียกในใจอย่างเงียบๆ ‘ยังอยู่หรือไม่?’[อรุณสวัสดิ์โฮสต์ที่รัก! ระบบผู้ยิ่งใหญ่พร้อมรับใช้ท่านเสมอ!]เสียงที่ร่าเริงจนน่าขนลุกตอบกลับมาแทบจะในทันที ยืนยันว่าเรื่องประหลาดเมื่อคืนไม่ใช่จินตนาการของนางอย่างแน่นอนจิ้งอวี่ถอนหายใจเบาๆ พลางยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า สายตาของนางกวาดมองไปรอบกาย ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ร่างของคนสองคนที่นอนหลับอยู่ไม่ไกลแม้จะอยู่ในห้วงนิทรา แต่ร่างกายของคนทั้งสองก็ยังคงสั่นสะท้านเป็นพักๆ จากความหนาวเย็น ใบหน้าของพวกนางซูบตอบจนเห็นโหนกแก้มชัดเจน ผิวพรรณซีดเหลืองขาดเลือดฝาด ทุกครั้งที่หายใจเข้าออกจะมีเสียงไอแห้งๆ ดังตามมาเป็นระยะ เป็นสัญญาณของร่างกายที่อ่อนแอจากการขาดสารอาหารและตรากตรำทำงานหนักมานานหลายปี สภาพของพวก
last updateLast Updated : 2025-10-29
Read more
บทที่ ๔ สมบัติที่หลงลืม
หลังจากกอดปลอบกันจนหยางเสวี่ยอิงคลายความตื้นตันใจลงแล้ว บรรยากาศภายในเรือนก็พลันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหยางเสวี่ยอิงและหลานจิงที่ร่างกายกลับมาแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าราวกับคนละคน ช่วยกันทำความสะอาดปัดกวาดเรือนที่รกร้างอย่างขะมักเขม้น เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเป็นครั้งคราว เป็นเสียงที่ไม่ได้ยินในเรือนแห่งนี้มานานนับสิบปีหยางจิ้งอวี่มองภาพนั้นด้วยสายตาที่อ่อนโยนลงเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งทำเป็นอ่อนเพลียแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงเพื่อพักผ่อน แต่ในความเป็นจริง นางต้องการเวลาและสมาธิเพื่อทำความรู้จักกับผู้ช่วยคนใหม่ของนางให้มากขึ้น‘เจ้านั่น... ระบบ... ถึงเวลาที่ข้าต้องทำความเข้าใจเจ้าอย่างจริงจังเสียที’นางหลับตาลง รวบรวมสมาธิเพ่งไปยังห้วงความคิด และทันใดนั้นเอง ม่านแสงโปร่งใสคล้ายหน้าต่างบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในจิตของนาง มันคือหน้าต่างระบบที่นางเคยเห็นเพียงแวบเดียวคราวนี้นางมีเวลาสำรวจมันอย่างละเอียด บนหน้าต่างนั้นมีหมวดหมู่ต่างๆ แบ่งไว้อย่างชัดเจน[หมวดทักษะ] [หมวดความรู้] [หมวดวัตถุ]ด้วยความสงสัยจิ้งอวี่จึงลองเพ่งสมาธิไปที่หมวดทักษะก่อน รายการมากมายก็ปรากฏขึ้นมาเป็นแถวยาวเหยียด[วิชาตัวเบาขั้นต้น
last updateLast Updated : 2025-11-04
Read more
บทที่ ๕ ภารกิจของหลานจิง๑
ภายในห้องที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ของหยางเสวี่ยอิงที่ดังคลอเคล้ากับเสียงลมหวีดหวิวภายนอก แสงตะเกียงที่ริบหรี่สาดส่องลงบนวัตถุในกล่องไม้ สะท้อนประกายแวววาวจางๆ“คุณหนูใหญ่ ของล้ำค่าเช่นนี้...” หลานจิงพึมพำออกมาด้วยเสียงที่สั่นเทา ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง “ด้วยของเหล่านี้ พวกเรา… พวกเราไม่ต้องอดมื้อกินมื้ออีกต่อไปแล้วนะเจ้าคะ!”ทว่าหยางเสวี่ยอิงกลับไม่ได้ยินคำพูดของบ่าวคนสนิทเลยแม้แต่น้อย สองตาของนางจับจ้องอยู่ที่ของในกล่องราวกับต้องมนตร์สะกด นางค่อยๆ ยื่นมือที่สั่นเทาไปหยิบกำไลหยกขาวคู่หนึ่งขึ้นมา สัมผัสเย็นเยียบของเนื้อหยกทำให้ความทรงจำในอดีตพลันไหลบ่าเข้ามา“เจี่ยเจียจำได้” นางกล่าวเสียงเครือ “นี่เป็นกำไลที่ท่านแม่ชอบสวมที่สุด ยามที่ท่านแม่สอนเจี่ยเจียปักผ้า เสียงหยกกระทบกันเบาๆ ยังคงก้องอยู่ในหูของเจี่ยเจียอยู่เลย”นางวางกำไลลงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยิบตั๋วเงินไม่กี่ฉบับขึ้นมาดู น้ำตาก็รินไหลออกมาอีกครั้ง “ท่านแม่แอบเก็บเงินเหล่านี้ไว้ ท่านเคยบอกว่าเอาไปเป็นทุนรอนสำหรับวันออกเรือนของพวกเรา ท่านเตรียมทุกอย่างไว้ให้ แต่สุดท้าย...”คำพูดของนางขาดหายไปกลายเป็นเสียงสะอ
last updateLast Updated : 2025-11-05
Read more
บทที่ ๖ ภารกิจของหลานจริง๒
หลังจากที่หลานจิงรับปากอย่างแข็งขันว่าจะปฏิบัติภารกิจนี้ให้สำเร็จแล้ว นางก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกเดินทาง แต่หยางจิ้งอวี่กลับสังเกตเห็นว่าแม้แววตาของบ่าวผู้ภักดีจะเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น แต่ปลายนิ้วที่จิกอยู่ข้างลำตัวนั้นยังคงสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้“อาอวี่...” หยางเสวี่ยอิงซึ่งสังเกตเห็นเช่นกันกระซิบกับน้องสาวเบาๆ “หลานจิงยังดูหวาดกลัวอยู่เลย ให้นางไปคนเดียวจะดีหรือ? โรงรับจำนำไม่ใช่สถานที่สำหรับเด็กสาวตัวคนเดียวนะ”นั่นคือสิ่งที่จิ้งอวี่กังวลอยู่เช่นกัน เถ้าแก่โรงรับจำนำส่วนใหญ่มักมีสายตาที่แหลมคม พวกเขาสามารถมองเห็นความอ่อนแอและความลังเลของลูกค้าได้อย่างทะลุปรุโปร่ง หากหลานจิงแสดงพิรุธออกมาแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะถูกกดราคา หรือเลวร้ายกว่านั้นคือถูกจับจ้องจนกลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มโจรได้‘แค่ความกล้าหาญอย่างเดียวนั้นไม่พอ นางยังต้องการอาวุธทางปัญญา’ จิ้งอวี่ครุ่นคิดในใจ ก่อนจะหันไปพึ่งพาสิ่งที่นางมีอยู่‘ระบบ’ นางเรียกในใจ ‘ข้าต้องการทักษะที่ช่วยให้การขายของครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี’
last updateLast Updated : 2025-11-06
Read more
บทที่ ๗ เสบียงลับใต้หลังคา
ภายใต้แสงเทียนที่สลัว ตั๋วเงินมูลค่าห้าพันตำลึงนอนทอดกายนิ่งอยู่บนโตไม้เก่าๆ ความตื่นเต้นยินดีเมื่อครู่ค่อยๆ จางหายไป ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ในหัวใจของสตรีทั้งสามหยางเสวี่ยอิงมองตั๋วเงินนั้นสลับกับมองหน้าน้องสาวและบ่าวคนสนิท ในที่สุดนางก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “เงินมากมายขนาดนี้ เราจะเก็บไว้ที่ใดถึงจะปลอดภัย? เรือนของเราก็อย่างที่เห็น...”นางไม่ได้พูดต่อ แต่ความหมายนั้นชัดเจน . . .หยางจิ้งอวี่ซึ่งคาดการณ์เรื่องนี้ไว้อยู่แล้วเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น “เจี่ยเจียไม่ต้องกังวลไปเจ้าค่ะ เงินก้อนใหญ่นี้เราจะยังไม่แตะต้องมัน” นางพับตั๋วเงินอย่างระมัดระวังก่อนจะซ่อนมันไว้ในช่องลับใต้แผ่นกระดานที่เดิม “คืนนี้ เราจะฉลองกันก่อน”“ฉลองหรือเจ้าคะ?” หลานจิงถามตาแป๋ว“ใช่ ฉลอง” จิ้งอวี่ยืนยันพลางหยิบเศษเงินตำลึงหนึ่งที่นางแอบซ่อนไว้ตั้งแต่แรกออกมา “หลานจิง ข้ารบกวนเจ้าอีกสักครั้ง ช่วยไปที่ตลาดด้านหลังจวน ซื้อเนื้อย่างเป็ดพะโล้ ซาลาเปาไส้เนื้อ เอาเนื้อแพะย่างมาด้วยนะ” จิ้งอวี่กล่าว“เจ้าค่ะ!” หลานจิงอุทานอย่างมีความสุข ไม่รอช้าที่จะรับเงินแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วไม่นานนัก ก
last updateLast Updated : 2025-11-07
Read more
บทที่ ๘ เด็กกำพร้าข้างถนน
กาลเวลาล่วงเลยไปเกือบครึ่งเดือนพวกนางกินอาหารมื้อค่ำ บำรุงร่างกายที่เคยผ่ายผอมให้กลับมามีน้ำมีนวลอีกครั้ง นับเป็นกลยุทธ์เปิดทางลับลอบข้ามเฉินชาง๑ เปิดฉากหน้าให้ศัตรูตายใจ แต่แอบเสริมสร้างกำลังของตนเองอย่างลับๆความเปลี่ยนแปลงนี้แม้จะเล็กน้อย แต่ก็เริ่มปรากฏให้เห็น ผิวพรรณของพวกนางที่เคยซีดเหลือง บัดนี้กลับดูเปล่งปลั่งมีเลือดฝาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และความเปลี่ยนแปลงนี้เองที่ได้ไปสะดุดตาของผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญในบ่ายวันหนึ่ง“ดูสิว่าใครอยู่นี่… พี่สาม พี่ใหญ่ ไม่ได้พบกันเสียนาน สบายดีกันหรือไม่?”น้ำเสียงที่หวานใสดังขึ้นจากหน้าประตูเรือน คุณหนูสี่ ‘หยางเยว่ซิน’ ก้าวเข้ามาพร้อมกับบ่าวรับใช้คนสนิทของนาง นางอยู่ในอาภรณ์ผ้าไหมปักลายดอกหมู่ตานงดงาม เครื่องประดับบนศีรษะส่องประกายระยิบระยับ ขับเน้นให้สภาพอันน่าสมเพชของเรือนแห่งนี้ดูตกต่ำลงไปอีกหลายส่วน“นะ… น้องสี่” หยางเสวี่ยอิงรีบวางเศษผ้าในมือลง พลันดึงจิ้งอวี่ให้มาหลบอยู่ด้านหลังตนเองอย่างเป็นธรรมชาติ“เหตุใดต้องทำท่าทีราวกับข้าเป็นแม่เสือด้วยเล่า พี่ใหญ่” หยางเยว่ซินปรายตามองไปรอบๆ ห้องด้วยแววตารังเกียจ “ข้าก็แค่ได้ยินบ่าวไพร่ลือกัน
last updateLast Updated : 2025-11-08
Read more
บทที่ ๙ สร้างเครือข่าย
หลายวันต่อมา หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าความเปลี่ยนแปลงของพวกนางยังไม่เป็นที่ผิดสังเกต หยางจิ้งอวี่ก็ตัดสินใจเดินหมากตัวต่อไปบนกระดานนางใช้เวลาในช่วงเช้าตรู่เพื่อปลอมตัวอีกครั้งหนึ่ง วันนี้นางสวมบทบาทเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาที่ดูยากจนแต่สะอาดสะอ้าน นางบอกกับพี่สาวและหลานจิงว่าจะออกไปหาซื้อสมุนไพรราคาถูกนอกเมือง ก่อนจะลอบออกจากจวนไปอย่างเงียบเชียบจุดหมายของนางในวันนี้ยังคงเป็นย่านคนจนทางทิศตะวันออก ที่ที่กฎหมายของราชสำนักแทบจะไร้ความหมาย และผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดนางไม่ได้รีบร้อนเข้าไปทำความรู้จักกับกลุ่มเด็กกำพร้าที่หมายตาไว้ แต่กลับเลือกที่จะนั่งลงที่ร้านบะหมี่เล็กๆ ข้างทาง สั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชามที่รสชาติธรรมดาที่สุด แล้วค่อยๆ กินอย่างเชื่องช้า ขณะที่ดวงตาคมกริบคอยสังเกตการณ์กลุ่มเด็กที่นั่งจับเจ่าอยู่ตรงมุมกำแพงวัดร้างฝั่งตรงข้ามหัวโจกของกลุ่มยังคงเป็นเด็กชายคนเดิม ‘อาหมิง’ ที่นางได้ยินเด็กคนอื่นๆ เรียกขาน แม้ร่างกายจะผ่ายผอมราวกับกิ่งไม้ แต่แผ่นหลังของเขากลับตั้งตรงอยู่เสมอชายฉกรรจ์สามคนท่าทางเป็นนักเลงเจ้าถิ่นเดินอาดๆ เข้าไปหาพวกเด็กๆ คนพวกนั้นมีร่างกายใหญ่โตราวกับหมี แผ่ไ
last updateLast Updated : 2025-11-09
Read more
บทที่ ๑๐ มองการณ์ไกล – ๑
วันรุ่งขึ้นในยามเที่ยงตรง หยางจิ้งอวี่ในคราบของชายหนุ่มก็กลับไปยังตรอกวัดร้างตามสัญญา ภาพที่นางเห็นทำให้มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา เด็กกำพร้ากลุ่มนั้นไม่ได้นั่งจับเจ่าอย่างไร้ชีวิตชีวาอีกแล้ว แต่กลับยืนรอคอยนางอยู่ด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง ราวกับลูกสุนัขที่รอคอยเจ้าของกลับบ้าน อาหมิงเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาหา ท่าทีของเขาไม่ได้แข็งกร้าวและระแวดระวังเหมือนวันแรกๆ อีกแล้ว “พี่ชาย พวกเรารวบรวมข้อมูลมาได้แล้วขอรับ” จิ้งอวี่พยักหน้า “ว่ามาสิ” “ตั้งแต่ยามเว่ยจนถึงยามเซิน มีรถม้ามาจอดที่โรงเตี๊ยมจุ้ยเยว่ทั้งหมดสิบเจ็ดคัน” อาหมิงรายงานอย่างคล่องแคล่ว “ในจำนวนนั้น สิบสองคันเป็นรถม้าของตระกูลพ่อค้าทั่วไป อีกห้าคันมีตราสัญลักษณ์ของตระกูลขุนนาง ตระกูลหลี่สามคัน ตระกูลจางหนึ่งคัน และที่น่าสนใจที่สุดคือรถม้าของจวนติ้งกั๋วกงก็มาด้วยขอรับ!” เด็กหญิงตัวเล็กอีกคนรีบเสริมขึ้นมา “ข้า... ข้าได้ยินคนขับรถม้าของจวนติ้งกั๋วกงคุยกันเจ้าค่ะ เขาบอกว่าคุณชายใหญ่ของพวกเขากำลังจะหมั้นหมายกับคุณหนูใหญ่สกุลหลี่” “ดีมาก” นางกล่าวชมเชยอย่างจริงใจ “พวกเจ้าทำได้ดีเกินกว่าที่ข้าค
last updateLast Updated : 2025-11-10
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status