ตอนขัดขวางซูจิ่งสิง เจียงเฟิ่งรับการโจมตีต่อหน้าจากซูจิ่งสิงหลายครั้ง“เจ้ามานี่”กู้หว่านเยว่กวักมือเรียกเจียงเฟิ่งเจียงเฟิ่งรู้อุปนิสัยของนาง เดินเข้าไปอย่างว่าง่ายกู้หว่านเยว่ตรวจบาดแผลของเขาเล็กน้อยแล้วโยนยาหนึ่งขวดให้“นี่คือยารักษาอาการบาดเจ็บภายใน เจ้าต้องกินทุกวันสองวันนี้ไม่ต้องมา พักรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีก่อนเถอะ”ภายในสายตาเจียงเฟิ่งเผยความซาบซึ้งใจแวบหนึ่ง จากนั้นส่ายหน้า “ไม่ได้ ข้าต้องอยู่ปรนนิบัติข้างกายนายท่านขอรับ”ซูจิ่งสิงเป็นเช่นนี้ไปแล้ว เขาที่เป็นผู้อยู่ใต้อาณัติจะไปพักรักษาตัวได้เยี่ยงไร?วันนี้โชคดีมีเขาอยู่ หากเขาไม่อยู่ ซูจิ่งสิงอาจออกไปแล้ว ไม่รอกู้หว่านเยว่มา“เชื่อฟัง”กู้หว่านเยว่พูดเสียงเครียด“สองสามกระบวนท่านั้นของเจ้านายเจ้าไม่เบา หากไม่อยากเกิดโรคเรื้อรังก็พักรักษาดีๆ รอหายดีแล้วค่อยมาก็ยังไม่สาย”แต่ไหนแต่ไรมานางมีเมตตาต่อผู้อยู่ใต้อาณัติเสมอ“ส่วนทางฝั่งนี้ ให้ฉู่เฟิงเฝ้าเถอะ”“ขอรับ”เจียงเฟิ่งจนใจ ทำได้เพียงพยักหน้าตกลงแต่ภายในใจยังไม่อาจวางใจซูจิ่งสิง ผินมองเจ้านายที่กำลังนอนหลับใหลไม่ได้สติบนเตียงแวบหนึ่ง ถึงหันหลังไปรักษ
“ก็แค่ไม่รู้ท่านอ๋องจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ยามใด หากท่านอ๋องไม่ฟื้น เรื่องนี้ก็ไม่ใช่แผนระยะยาว”“เร็วๆ นี้”กู้หว่านเยว่สั่งให้คนไปตามหาผู้เฒ่าหวงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทางฝั่งนางก็มีวิธีแล้ว“ใช่แล้ว น้องสาวท่านเป็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่มองทางหลิวชวี่แล้วเอ่ยถามหนึ่งประโยคเอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าหลิวชวี่เผยรอยยิ้ม“อาศัยวาสนาของพระชายา น้องสาวดีขึ้นไม่น้อยแล้ว เช้าวันนี้ยังดื่มโจ๊กข้าวฟ่างได้ครึ่งชาม จิตใจดีกว่าก่อนหน้านี้มาก”กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีอาการป่วยของหลิวหว่านอี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่พบวิธีรักษาก็เท่านั้น บัดนี้พบวิธีแล้ว ย่อมต้องหายได้อย่างว่องไว“ทว่าคนตระกูลฟ่านน่าขยะแขยง ข้ากำลังวางแผนจะไปจัดการพวกเขาอยู่เชียว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ต้องจัดการชายชั่วให้ดีจริงๆ”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนแล้ว”หนานหยางอ๋องและหลิวชวี่มาเพื่อถามอาการของซูจิ่งสิง ได้รู้ว่าซูจิ่งสิงยังไม่ฟื้น แต่กู้หว่านเยว่กลับสุขุมถึงเพียงนี้ หัวใจตึงเครียดของทั้งคู่ก็วางใจลงครึ่งหนึ่ง รีบกลับออกไปขณะเดียวกัน ฉู่เฟิงวิ่งเข้ามาจากภายนอกด้วยความดีใจ“พระชายา ท่านดูว่าข้าพาใครมาแล้ว?”
ผู้เฒ่าหวงลูบเคราสีขาวเทา “หาแม่หนอนกู่ออกมา ย่อมสามารถนำออกมาได้อย่างปลอดภัย”สีหน้ากู้หว่านเยว่เคร่งขรึมดูท่าแล้วจะต้องง้างปากเค้นถามเจี่ยชิงอวิ๋นให้ได้“ต้องเร็วหน่อย หากไม่นำลูกหนอนกู่นี้ออกมาภายในสิบวัน คนจะพิการ กลายเป็นคนฟั่นเฟือน”ผู้เฒ่าหวงเอ่ยเตือนสิบวัน?นั่นก็เหลืออีกไม่กี่วันแล้วหัวใจกู้หว่านเยว่หนักอึ้ง ใบหน้ายังรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ “ผู้เฒ่าหวง รบกวนท่านช่วยข้าดูแลท่านพี่ด้วย ข้าจะหาแม่หนอนกู่ออกมาให้ได้ภายในสิบวันเจ้าค่ะ”นางอธิบายเข็มเงินบนตัวซูจิ่งสิง ไปจนถึงเรื่องเขาอาจคุ้มคลั่งหนึ่งรอบ “เจ้าเก็บเข็มเงินไปเถอะ”ผู้เฒ่าหวงเดินมาหยุดหน้าไม้กระถาง เด็ดออกมาหนึ่งใบ พูดยิ้มๆ“ข้าสามารถใช้ดนตรีบำบัด ทำให้เขาฟื้นคืนสติได้”“ขอบคุณผู้เฒ่าหวงมากเจ้าค่ะ!”สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ปัญหาอื่นไม่อาจล้มกู้หว่านเยว่ได้ แต่เรื่องศาสตร์ลี้ลับหนอนกู่ทำนองนี้ กู้หว่านเยว่คนยุคหลังนี้มีความรู้น้อยมากนางรีบดึงเข็มเงินออกจากตัวซูจิ่งสิงผู้เฒ่าหวงเลื่อนใบไม้เข้าใกล้ริมฝีปาก เป่าเบาๆเสียงขลุ่ยดังออกมา ซูจิ่งสิงมีสัญญาณฟื้นคืนสติอย่างว่องไว“ท่านพี่?”กู้หว่านเย
ครู่ต่อมากู้หว่านเยว่ผินมองซูจิ่งสิงอดีตฮ่องเต้มีทายาทน้อย หากพระชายาในองค์รัชทายาทสามารถคลอดพระนัดดาองค์โตให้รัชทายาทได้ นั่นตำแหน่งของตำหนักบูรพารัชทายาทก็มั่นคงยิ่งขึ้นแล้ว“ก็คือปีนั้น อดีตฮ่องเต้ค่อยๆ รู้สึกว่าอายุมากแล้ว ร่างกายไม่แข็งแรงอย่างใจคิดพระองค์มีพระประสงค์สละราชบัลลังก์ให้อดีตรัชทายาท อย่างไรเสียปีนั้นตำหนักบูรพารัชทายาทก็มั่นคงอย่างมาก”ผู้เฒ่าหวงโบกพัดปัดเป่ากู้หว่านเยว่จิกนิ้วคำนวณ ราชครูโจวน่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มตำหนักบูรพาองค์รัชทายาทกระมัง“หลังเกิดความคิดนี้แล้ว อดีตฮ่องเต้ก็ให้รัชทายาทเดินทางลงใต้ สร้างบารมีน่าเกรงขามวางแผนรอรัชทายาทเดินทางกลับจากใต้แล้วค่อยมอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้เขา”แต่ใครรู้เล่าว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันตอนเดินทางลงใต้เรือหลวงเผชิญหน้ากับโจรสลัด ไฟไหม้ อดีตรัชทายาทหนึ่งครอบครัวสามคนล้วนถูกสังหาร“ผู้เฒ่าหวง เหตุใดท่านจำเรื่องในปีนั้นได้กระจ่างชัดเจนถึงเพียงนี้เล่า?” กู้หว่านเยว่เอ่ยถามอย่างสงสัยผู้เฒ่าหวงหัวเราะ ทันใดนั้นกะพริบตาให้ซูจิ่งสิง“เพราะปีนั้นข้าเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มตำหนักบูรพารัชทายาท”บัดซบ!กู้หว่านเยว
บัดนี้นึกขึ้นได้ ผู้เฒ่าหวงบอกเขาไม่ผิดไปเลยสักเศษเสี้ยว หากเขากลับเมืองหลวงก็จะต้องเผชิญหน้ากับหายนะซูจิ่งสิงเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้นภายในมิติของกู้หว่านเยว่มาก่อนเจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงถูกเรียกตัวเข้าวังและถูกลงโทษข้อหากบฏ ประทานเหล้าพิษ ตายกลางทางระหว่างเนรเทศตอนอายุยี่สิบสองปีหากไม่ใช่กู้หว่านเยว่มาช่วยพลิกชะตาชีวิตเขา เช่นนั้นสิ่งที่บรรยายไว้ภายในต้นฉบับก็อาจเป็นจุดจบของเขาคำทำนายของผู้เฒ่าหวงเองก็ไม่ผิดหากเขากลับเมืองหลวงก็จะเกิดหายนะซูจิ่งสิงหายใจเข้าลึกๆ จับมือกู้หว่านเยว่เบาๆ“ข้าเข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่เองก็นึกหวาดกลัวขึ้นในภายหลัง หากนางไม่ทะลุมิติเข้ามา สามีของนางก็อาจตายอย่างอนาถเฉกเดียวกับต้นฉบับผู้เฒ่าหวงเห็นการกระทำของทั้งสองคน ลูบเคราพลางคลี่ยิ้มมีเลศนัย“ทว่าบัดนี้ข้าได้เห็นเจ้าแล้ว โหงวเฮ้งเจ้าไม่เหมือนในอดีตอีกต่อไป”บนตัวซูจิ่งสิงปกคลุมด้วยแสงทองชั้นหนึ่ง หนำซ้ำต้นกำเนิดของแสงทองนี้ยังมาจากกู้หว่านเยว่ทางด้านข้างผู้เฒ่าหวงสามารถมองออกได้ เป็นกู้หว่านเยว่พลิกชะตากรรมอันเลวร้ายของซูจิ่งสิงทว่าตกลงกู้หว่านเยว่มีโหงวเฮ้งเยี่ยงไร ผู้เฒ่าหวงกลับมองไ
จุมพิตบนหน้าผากซูจิ่งสิงเบาๆ ทีหนึ่ง“ข้าไปก่อนแล้ว ท่านพี่ ท่านพักผ่อนดีๆ”สุ้มเสียงนางนุ่มนวล คล้ายกำลังกล่อมเด็ก ทำเสียจนใบหน้าซูจิ่งสิงแดงเรื่อผู้เฒ่าหวงทางด้านข้างยื่นมือออกมาปิดตาของตน“ไอหยา ข้าว่าพวกเจ้าคนหนุ่มสาวไม่ระวังเอาเสียเลย จูบๆ หอมๆ ต่อหน้าผู้ชรา นี่จะให้ผู้ชราหงำเหงือก หนำซ้ำยังครองโสดคนหนึ่งทนไหวได้เยี่ยงไร?”คำพูดสัพยอกของผู้เฒ่าหวงทำให้ทั้งสองคนหัวเราะออกมาในทันใด กู้หว่านเยว่รีบหันหลังจากไปหลังออกไปแล้ว นางก็เรียกชิงเหลียนและหงเจาเข้ามาเพื่อทำตามแผนของซูจิ่งสิง“ฮูหยิน พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”หงเจาและชิงเหลียนฟังจบก็พยักหน้า รีบไปเตรียมการขณะเดียวกันเจี่ยชิงอวิ๋นถูกขังไว้ในห้องเก็บฟืนนางถูกกู้หว่านเยว่ป้อนยาพิษ บัดนี้กำลังรู้สึกเจ็บปวด โดนยาพิษทรมานไปไม่รู้กี่รอบแล้ว กำลังหมอบอยู่บนพื้นเจ็บปวดจนอยากตายยามกู้หว่านเยว่เข้ามา ทั้งตัวนางเปียกชื้น คล้ายเพิ่งขึ้นมาจากน้ำก็มิปานโลหิตไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด ภายในเล็บล้วนมีเลือดซึมเห็นกู้หว่านเยว่เข้ามา เจี่ยชิงอวิ๋นเงยหน้ามองนางอย่างโกรธแค้น“ซูจิ่งสิงตายแล้วกระมัง?”เพียงนางเอ่ยปากก็คือคำพูดหยาบคาย ก
“พวกเจ้าเป็นคนของพ่อบุญธรรมหรือ?”หากไม่ใช่คนของเจี่ยงฝูไฉ ย่อมไม่มีวันพูดว่า “ภารกิจสำเร็จแล้ว เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์” เช่นนี้คนชุดดำไม่ปฏิเสธ แต่ทุกการกระทำล้วนมุ่งหมายเอาชีวิตเจี่ยชิงอวิ๋นเกิดความสงสัย“พ่อบุญธรรมต้องการกำจัดข้า?”นี่เป็นไปไม่ได้ พ่อบุญธรรมลากนางออกจากกองศพของสกุลเจี่ย เลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่ เห็นนางเป็นลูกสาวก็มิปานเหตุใดจึงส่งคนมาฆ่านางกันเล่า?เจี่ยชิงอวิ๋นรู้สึกสับสนภายในใจอย่างมาก แต่สัญชาตญาณเอาตัวรอดทำให้นางเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของศัตรูนางถูกวางยาพิษ การเคลื่อนไหวจึงเชื่องช้ามือสังหารไม่ได้ฆ่านาง แต่ทำให้นางบาดเจ็บสาหัส“เข้ามา!”กู้หว่านเยว่ยกถ้วยชา ทุบลงบนพื้นนี่คือสัญญาณ องครักษ์เฝ้าหน้าประตูต่างกรูกันเข้ามาคนชุดดำเห็นสถานการณ์ผิดปกติ กระโดดออกจากหน้าต่าง “หนี” ไปแล้ว“ฮูหยิน ไหล่นางได้รับบาดเจ็บเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนแสร้งประคองเจี่ยชิงอวิ๋นขึ้น“พานางไปอยู่ที่ห้องอื่น”กู้หว่านเยว่พูดเสียงเรียบเฉย เปลือกตาเจี่ยชิงอวิ๋นยกขึ้นเบาๆ คล้ายยังไม่หมดสติไปเสียทีเดียวนางพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “ส่งกำลังทั้งหมดตามสืบมือสังหาร ห้ามมิให้ปล่อยพวกเขาหนี
หากไม่ระวังก็จะถูกเปิดโปง“หว่านเยว่”ซูจิ่งสิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้ทันเวลา ช่วยกู้หว่านเยว่กลบเกลื่อน “ทางฝั่งเจี่ยชิงอวิ๋นมีความคืบหน้าเยี่ยงไร?”“อ้อ คนได้รับบาดเจ็บหมดสติไป แต่ข้าให้นางกินยาแล้ว กลางคืนนางจะฟื้นขึ้นมา ถึงตอนนั้นค่อยทำตามแผนของพวกเรา”กู้หว่านเยว่เดินไปหยุดข้างกายซูจิ่งสิง จับมือเขาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ“ลำบากเจ้าแล้ว”ซูจิ่งสิงลูบเส้นผมนาง“คืนนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”“พวกเจ้าเด็กสองคนนี้วางแผนแสดงละครอีกแล้วกระมัง?”ผู้เฒ่าหวงขยับไปอยู่ทางด้านข้าง ดื่มน้ำชานั้นอีกหลายอึกอย่างไม่อาจทนไหวช่างเป็นของดีโดยแท้ เขาต้องดื่มมากหน่อยราตรีมาเยือนกู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงมาบนหลังคา ทั้งสองคนเปิดแผ่นกระเบื้องออก มองลงไปเบื้องล่างเจี่ยชิงอวิ๋นได้รับบาดเจ็บไม่เบาบัดนี้ยังนอนบนเตียง แต่ศีรษะนางเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโต เห็นได้ชัดว่ากำลังฝันร้าย นอนหลับไม่สนิท“ชู่ว์ มาแล้ว”กู้หว่านเยว่กระซิบเตือนข้างโสตซูจิ่งสิงเบาๆ สองสามีภรรยากลั้นหายใจในทันใด รอรับชมละครฉากสนุกเงียบๆเจี่ยชิงอวิ๋นกินน้ำแกงยาผสมบางอย่างเข้าไปเรียบร้อยแล้วก็ฝันร้ายอยู่ตลอดนางสะลึมสะลือ คิดว่า
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป