กู้หว่านเยว่รับใบรายการพลางก้มลงมอง นางดีใจมากแม่ทัพเฉียนผู้นี้ถนัดเรื่องการรับสินบนมากดูสิ ในทุกขั้นตอนเขารับสินบนไปเป็นก้อน“แม่ทัพเฉียน ท่านใจกล้ามาก”กู้หว่านเยว่เหน็บแนมเงียบ ๆคิดว่าเจ้านายตาบอด คำนวณเงินไม่เป็นหรืออย่างไร?“ท่านแม่ทัพ ท่าน ท่านหมายความว่าอย่างไร?”แม่ทัพเฉียนไม่เพียงละโมบ แต่ยังขี้ขลาดเป็นพิเศษอีกด้วย เมื่อถูกกู้หว่านเยว่ขู่ขวัญเช่นนี้ ขาของเขาก็อ่อนแรงก่อนจะรีบอธิบาย“แม่ทัพใหญ่มองทะลุปรุโปร่ง แต่ว่าข้ามีตรงไหนที่จัดการไม่ดีหรือ?”“ไม่ ๆ ท่านจัดการได้ดีทีเดียว”กู้หว่านเยว่กลั้นยิ้มไว้ทำให้แม่ทัพเฉียนตกใจมันไม่มีความหมายอะไร ปล่อยให้เขาดีใจไปพลาง ๆ สักสองวัน“ข้าไม่ได้มองคนผิดไป เช่นนั้นก็ทำตามแผนการของท่าน รีบไปจัดการเสีย”“ขอรับ!”แม่ทัพเฉียนดีใจเป็นที่สุด พยักหน้าด้วยความตื่นเต้นจะไม่ดีใจได้หรือ?จัดงานเลี้ยงครั้งนี้ เขาสามารถรับสินบนได้อย่างน้อย ๆ สองแสนตำลึงเงิน เผื่อไม่รู้ เงินเดือนข้าราชการของเขาในตอนนี้แค่หนึ่งพันตำลึงเท่านั้น“แม่ทัพใหญ่ไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องนี้เป็นอย่างดีแน่นอน”แม่ทัพเฉียนกระวีกระวาดออกไป ส่วนใหญ่อาจจะ
“ช้าก่อน พวกเจ้าอย่าเพิ่งไป”แม่ทัพเฉียนคว้าอนุคนหนึ่งในนั้นไว้ “เฉี่ยวเอ๋อร์ เจ้าบอกข้าหน่อยซิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผู้หญิงนอกบ้านอะไรกัน?”เฉี่ยวเอ๋อร์ปาดน้ำตา“นายท่าน ท่านยังเสแสร้งอยู่อีกหรือ”“ข้าเสแสร้งอะไร?”“หลายวันมานี้ท่านไม่ได้กลับมาเลย ตอนกลางคืนก็ไม่ได้ค้างที่จวน ทุกวันกลับมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ชัดเจนว่ามีผู้หญิงอยู่ข้างนอกแล้ว นายท่านมีคนที่โปรดปรานแล้วก็ไม่สนใจพวกข้าพี่น้องแล้ว ซ้ำยังทำให้ฮูหยินโกรธจนต้องเสียน้ำตาอีกด้วย”เฉี่ยวเอ๋อร์มีสีหน้าตัดพ้อ“นายท่าน ครั้งนี้ท่านทำผิดไปแล้ว”แม่ทัพเฉียนตีหน้าผาก “ผู้หญิงที่ไหนกัน ไม่มีเรื่องแบบนี้เสียหน่อย พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว”“แล้วทำไมนายท่านถึงต้องไปข้างนอกทุกวันด้วยเจ้าคะ?”เฉี่ยวเอ๋อร์ใคร่อยากรู้“ข้าจะไปคุยกับฮูหยินให้รู้เรื่อง”แม่ทัพเฉียนไม่รู้เลยว่าภายในบ้านปั่นป่วนเพราะเรื่องนี้ มิหนำซ้ำยังคิดว่าเขาเลี้ยงดูผู้หญิงอยู่ข้างนอกอีกเขารีบตามเฉียนฮูหยินมาจนทัน“ฮูหยิน เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน เรื่องราวไม่ได้เป็นแบบที่เจ้าคิด”เฉียนฮูหยินปาดน้ำตา“ท่านไม่ต้องมาโกหกข้า ข้าคาดเดาได้หมดแล้ว”“ไม่ได้โกหกจริง ๆ ม
แม่ทัพเฉียนอธิบายว่า “ฮูหยิน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่ออกไปลักขโมยใครแน่นอน ในค่ายทหารต้องการข้า”เฉียนฮูหยินกอดเงินไว้ไม่คิดอะไรอีกแล้ว“ท่านไปเถอะ ไปเถอะ ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน”แค่ทิ้งเงินไว้กับนางก็พออย่างอื่นจะพูดอย่างไรก็ได้“เฮ้อ”ฮูหยินพอมีเงินก็ไม่รู้จักใครแล้ว มันแท้จริงที่สุดแม่ทัพเฉียนไม่ถือสา รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยขึ้นที่มุมปาก ภูมิหลังครอบครัวของเขาไม่ดี ต้องขอบคุณการดูแลและประคับประคองของภรรยาถึงสามารถเดินมาอยู่ในตำแหน่งอย่างทุกวันนี้ได้การที่ภรรยาแต่งงานกับเขาถือว่าเป็นการแต่งกับระดับต่ำกว่า หลายปีมานี้ต้องลำบากยากเข็ญ ต้องดูแลความเป็นอยู่ภายในจวนสามารถทำให้นางดีอกดีใจได้ เขาก็พอใจมาก“ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อนล่ะ”หลังจากปลอบโยนเฉียนฮูหยินแล้ว แม่ทัพเฉียนยังต้องไปที่ค่ายทหาร จึงรีบพาผู้ใต้บังคับชาไปบนกำแพง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมองตามด้านหลังของแม่ทัพเฉียนไปด้วยสีหน้าเย้ยหยัน“นึกไม่ถึงว่า แม่ทัพเฉียนผู้นี้จะเป็นคนที่รู้คุณคนข้ายังคิดว่าเขาเป็นพวกทาสเฝ้าทรัพย์ งานเลี้ยงครั้งเดียวรับสินบนไปทั้งหมดสองแสนตำลึง”ผลปรากฏว่า ที่แท้ก็เพื่อให้ภรรยาของตัวเองพอใจมอง
ทั้งสองคนกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ทางนี้คนของกลุ่มก่อไฟทางด้านนั้นถูกข่มขู่จนหวาดกลัวมาก ไม่กล้าเข้ามาแอบฟังเลยกู้หว่านเยว่เห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขาแล้ว ก็หยิบผงยาซองหนึ่งออกมาจากมิติอย่างเงียบ ๆ แล้วเทลงในไหสุราโดยตรงที่นี่มีไหสุราทั้งหมดสิบกว่าไห ทุกไห กู้หว่านเยว่ได้เทผงยาลงไปทั้งหมดหลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางก็ดึงซูจิ่งสิงออกมา“เอาล่ะ ข้าได้ตรวจสอบอาหารรอบหนึ่งแล้วทั้งหมดไม่มีปัญหา คืนนี้พวกเจ้าก็นำอาหารเหล่านี้ขึ้นโต๊ะตามกำหนดก็แล้วกัน”“ทำอาหารมากมายเช่นนี้พวกเจ้าต้องเหน็ดเหนื่อย รอจบงานเลี้ยงนี้แล้ว ข้าจะสั่งให้แม่ทัพเฉียนตกรางวัลพวกเจ้าอย่างเต็มที่”“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”หลายคนนึกไม่ถึงว่ายังมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วย จึงคุกเข่าให้กู้หว่านเยว่ด้วยความตื่นเต้นกู้หว่านเยว่ไม่ได้อยู่ที่นี่นานนักหลังจากสั่งการไม่กี่คำ ก็ดึงซูจิ่งสิงออกไปม่านราตรีเยื้องกรายมาถึงทหารทั้งสามเหล่าทัพ รวมถึงทหารจากค่ายเฟิงไถ ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ในค่ายทหาร“แม่ทัพใหญ่ ส่วนใหญ่มากันพร้อมแล้ว ขอเพียงท่านสั่ง งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นทันที”แม่ทัพเฉียนเข้ามาด้วยสีหน้าอ่อนโยนกู้หว่านเยว่พ
“โครม!”“ปัง!”เสียงดังสนั่นดังเข้ามาจากทางประตูเมืองดุจอัสนียบาตรก็มิปาน ดังก้องอยู่ในหูของทุกคนทหารที่ไม่ได้ดื่มและดื่มเพียงเล็กน้อยภายในค่ายล้วนตกตะลึงเหม่อไป“เสียงอันใด?”“ใช่มังกรดินพลิกตัวหรือไม่?”มีคนเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง ในยุคสมัยโบราณเรียกแผ่นดินไหวว่ามังกรดิน หากมังกรดินพลิกตัว บ้านเรือนถล่ม แผ่นดินแยกตัว นั่นเป็นเรื่องร้ายแรงมากนักทุกคนหยุดดื่มสุรา หูตั้งตรงฟังดู“ไม่ใช่ ไม่ใช่มังกรพลิกตัว คล้ายดังมาจากประตูเมือง”จู่ๆ เสียงร้องขอความช่วยเหลือของหน่วยลาดตระเวนก็ดังขึ้น“แย่แล้วๆ มีคนโจมตีประตูเมืองแล้ว!”สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไป“จะต้องเป็นกองทัพเจดีย์หนิงกู่แน่!”“รีบตั้งสติเร็วเข้า กองทัพเจดีย์หนิงกู่มาโจมตีเมืองแล้ว!”พวกเขาผลักเก้าอี้และไปปลุกเหล่าทหารบนพื้น ทว่าทหารเหล่านั้นเมาจนตัวอ่อนปวกเปียก เละเทะดูไม่ได้ตั้งนานแล้ว เดิมทีก็ปลุกไม่ตื่น“จะทำเช่นไรดี?”แม่ทัพเฉียนวิ่งวุ่น ยังไม่ทันดื่มสุราเลยสักอึก ได้เห็นสถานการณ์นี้แล้วก็ตกตะลึงเหม่อไปเขาสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลอยู่รางๆเหตุใดบังเอิญถึงเพียงนี้?ทั้งๆ ที่พวกเขากำลังเลี้ยงฉลองสามเหล่าทัพ กอง
แม่ทัพเฉียนสบถด่าอย่างอารมณ์ไม่ดีดวงตากลับกลิ้งกลอกอย่างว่องไวไม่พูดไม่ได้ว่าเขาหวั่นไหวขึ้นมาแล้วหลิวเต๋อวั่งพูดได้ถูกต้อง ภาพรวมถูกกำหนดไว้แล้ว แม้ว่าโจวถิงเว่ยนำคนของกองกำลังพิทักษ์วังหลวงมาควบคุมทั้งเมืองหลวงเอาไว้ทว่ากองทัพเจดีย์หนิงกู่บุกโจมตีถึงประตูแล้ว ส่วนทหารของกองกำลังพิทักษ์วังหลวงส่วนใหญ่กลับล้มลงสถานการณ์ชัดเจนอย่างมากต่อให้เขาพาคนไปต่อต้าน แต่ก็หนีไม่พ้นความตาย“หลิวเต๋อวั่ง”แม่ทัพเฉียนขมวดคิ้ว“เจ้าพูดเหลวไหลไร้สาระ ต่อให้เจ้ายอมจำนน แต่เจ้าเคยเป็นขุนนางของฮ่องเต้ เขาซูจิ่งสิงจะยอมปล่อยเจ้าไปหรือ?”หลิวเต๋อวั่งรีบพูด “เจิ้นเป่ยอ๋องจิตใจกว้างขวาง มีผู้ใดในใต้หล้าที่เขาปล่อยไปไม่ได้?”เขาสบถเสียงเย็นทีหนึ่ง“แม่ทัพเฉียน ข้าขอพูดแต่เพียงเท่านี้ สรุปคือวันนี้ข้าไม่มีวันปล่อยให้พวกเจ้าไป”ทหารข้างกายแม่ทัพเฉียนคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงค่อย“จะทำเยี่ยงไรดีขอรับท่านแม่ทัพ?”แม้พูดว่าเบื้องหน้ามีคนเพียงหนึ่งร้อยกว่าคน ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งร้อยกว่าคนนี้ล้วนเป็นองครักษ์ เดิมทีก็ไม่ใช่กองทัพอย่างเป็นทางการแต่ท่ามกลางหนึ่งร้อยกว่าคนตรงหน้านี้คือขุนนางในราชสำนัก เขา
เดิมทีเฉียนฮูหยินก็กลายเป็นเศรษฐีตัวน้อย ปรากฏว่าเวลาเพียงชั่วพริบตาก็กลับมาเป็นเหมือนก่อนแล้วนางตกตะลึงเหม่อไป ไม่ว่าอย่างไรก็จะอยู่ภายในห้อง อยากหาเงินออกมาให้ได้ ไม่สามารถยอมรับความจริงเรื่องเงินหายไปได้อนุภรรยาคนอื่นได้ยินเสียงระเบิดภายนอกดังมากขึ้นเรื่อยๆ รีบลากเฉียนฮูหยินออกไป“ดมกลิ่นหอมของเงินก็พอแล้ว”กู้หว่านเยว่พูดออกมาหนึ่งประโยคและออกจากสกุลเฉียนนางเข้ามาภายในตรอกเล็กร้างผู้คนแห่งหนึ่ง โบกมือเรียกม้ากระต่ายแดงออกมา พลิกตัวขึ้นหลังม้าและควบทะยานไปทางประตูเมืองขณะเดียวกันซูจิ่งสิงและเกาเจี้ยนนำทัพแนวหน้ามาระเบิดประตูเมือง“บุก”เกาเจี้ยนตะโกนให้สัญญาณ “ไม่ฆ่าผู้ยอมจำนน ไม่ฆ่าผู้ยอมจำนน”“ผู้ต่อต้านฆ่าได้ไม่ละเว้น”ขณะเดียวกันเมืองหลวงกำลังตกอยู่ในความโกลาหลราษฎร์ภายในเมืองหลวงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่ประตูเมืองจึงหลบอยู่ในเรือนตัวสั่น ไม่กล้าออกมากลุ่มคนที่เหลืออยู่มองสถานการณ์ออกอย่างชัดเจน ตัดสินใจยอมจำนนต่อซูจิ่งสิงยังมีอีกหนึ่งกลุ่มแม้ว่าเห็นสถานการณ์แล้ว แต่พวกเขาจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ ยังไม่ยอมจำนนและกำลังต่อสู้กับกองทัพเจดีย์หนิงกู่“ฆ่าผู้ไม่ยอมจำนน
“พวกเราเป็นบ่าวปรนนิบัติข้างกายฝ่าบาท ล้วนเป็นคนที่ฝ่าบาทไว้ใจ รอเจิ้นเป่ยอ๋องขึ้นครองบัลลังก์แล้ว คนแรกที่จะฆ่าก็คือพวกเรา”นางกำนัลและขันทีสองสามคนกระซิบกระซาบกันด้วยใบหน้าว้าวุ่น“ไปๆ พวกเรารีบไปเถอะ”พวกเขาต่างพากันถือสัมภาระวิ่งออกไปทางประตูเมืองทว่าพวกเขายังไม่ทันออกจากวัง เสียงต่อสู้กันก็ดังขึ้นที่หน้าประตูวัง เป็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนำคนบุกฝ่าเข้ามา“แย่แล้ว พวกเราหนีออกไปไม่ได้แล้ว”.......“ก็ไม่รู้ว่าต่อสู้กันเป็นเช่นไรแล้ว อยากออกไปช่วยเหลือเกิน”มู่หรงฉางเล่อพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งนางมีอุปนิสัยมุทะลุมาตั้งแต่เด็ก ไม่คุ้นชินกับการนั่งรอข่าวอยู่ที่เรือนในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ลั่วยางยืนสงบนิ่งที่ฝั่งหนึ่ง นางมองแสงเปลวเพลิงลอยพวยพุ่งข้างนอกเรือน“พี่หญิงหว่านเยว่พูดว่าให้พวกเรารออยู่ในเรือน ห้ามมิให้ออกไปเดินส่งเดช เช่นนั้นพวกเราก็ฟังพี่หญิงหว่านเยว่เถอะ”“เหตุใดเจ้าสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้?”มู่หรงฉางเล่อมองนางอย่างแปลกใจลั่วยางหัวเราะ“เพราะข้าและพี่หญิงหว่านเยว่รู้จักกันมานานมาแล้ว ในอดีตข้าและนางยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอีกด้วย ข้ารู้ว่าไม่ว่ายามใดนางก็
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป