Share

บทที่ 3

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“กบฏ ไม่ตายดี!”

“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”

ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...

ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดี

บัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้า

หันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”

นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”

นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้น

บ้านอื่นสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนปิดปากเงียบโดยพร้อมเพรียงกัน

นางหยางฟังไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดเรื่องใด แต่นางอ่านคำตำหนิและรังเกียจภายในสายตาของซูหัวหลินออก หดบ่าผอมบางไม่กล้าเปล่งเสียง ดึงลูกชายลูกสาวตัวน้อย ก้มหน้าออกแรงลากเกวียนอยู่ข้างหลัง

กู้หว่านเยว่อารมณ์ไม่ดีแล้ว “มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ก็โขกศีรษะตายไปเสียเลย ยามท่านอยู่ดีกินดีในจวนอ๋อง เหตุใดถึงไม่แม้แต่จะผายลมเล่า?”

ยามอ่านหนังสือก็รู้แล้วว่าสกุลซูไม่สามัคคีกัน คิดไม่ถึงเพียงถูกยึดทรัพย์ คนเหล่านี้ก็ไม่มีความอดทนหลงเหลือแล้ว

หวังจะประคับประคองช่วยเหลือกันกับคนเช่นนี้ระหว่างถูกเนรเทศ ยังมิสู้แตกหักไปเสียเลย

“เจ้าเจ้าเจ้า หลานสะใภ้ เหตุใดเจ้าพูดกับผู้อาวุโสเช่นนี้?”

ซูหัวหลินเห็นว่าบ้านสามไม่มีคน ถึงกล้าบ่นออกมา คิดไม่ถึงกู้หว่านเยว่ที่มีรูปร่างบอบบาง ถึงขั้นหาญกล้าทะเลาะกับเขา?

ยังอยากพูดอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าก็เคาะไม้เท้า โศกเศร้าเสียใจมาก “เงียบให้หมด ตกระกำลำบากแล้วครอบครัวก็ควรรวมใจเป็นหนึ่ง ใครยังทะเลาะกันข้าจะไม่ละเว้นแล้ว!”

บ้านมารดากู้หว่านเยว่คือจวนโหว นางยังมีประโยชน์

.......

ณ เนินเขาสิบลี้นอกเมือง

ภายใต้แสงตะวันแผดเผา คนหนึ่งกลุ่มเข็นเกวียนหนึ่งคันออกจากประตูเมืองอยู่ไกลๆ บ้างก็สวมชุดนักโทษ บ้างก็สวมเสื้อผ้าสกปรกมอมแมม สีหน้าด้านชา มีทั้งคนชราทั้งเด็ก คนกลุ่มนี้ก็คือสกุลซูทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ถูกเนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า

ที่แห่งนี้คือสถานที่ส่งตัวนักโทษถูกเนรเทศ มีญาติจำนวนมากมารวมกันอยู่ที่นี่เพื่อร่ำลา ในมือญาติล้วนถือห่อสัมภาระทั้งใหญ่ทั้งเล็ก หวังให้คนในครอบครัวดีขึ้นบ้างระหว่างเดินทาง

สำหรับเรื่องนี้นักการในศาลาว่าการยอมหลับตาข้างลืมตาข้าง

นักโทษที่ถูกเนรเทศล้วนเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวย แม้ถูกลงโทษทั้งตระกูล แต่มีญาติและสหายเดินทางมาหา พวกเขาสามารถอาศัยโอกาสนี้หาประโยชน์ให้ตนเองได้

สกุลซูเองก็มีญาติฝ่ายหญิงมาถึงไม่น้อยแล้ว

บ้านมารดาของบ้านใหญ่สกุลจิน และบ้านสี่สกุลหลิว ล้วนส่งอาหารและเสื้อผ้าบางส่วนมา

พี่ใหญ่บ้านมารดาของบ้านรองสกุลเฉียนยังเป็นขุนนางอยู่ในราชสำนัก แม้คนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ของที่ส่งมามากที่สุด สัมภาระราวๆ สี่ห้าห่อใหญ่ ไว้หน้านางเฉียนอย่างเพียงพอ แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็มองนางสูงขึ้นแวบหนึ่ง

มีเพียงบ้านสามโดดเดี่ยวอ้างว้าง ไม่มีใครมาเยี่ยมแม้แต่คนเดียว

“ฮึ นางหยางนั้นช่างเถอะ บิดามารดาพี่ชายนางล้วนตายทั้งหมดแล้ว แต่เกิดอันใดขึ้นกับหลานสะใภ้คนนี้ เป็นถึงคุณหนูจวนโหวเชียวนะ ถึงขั้นไม่มาบอกลาแม้แต่คนเดียว”

สายตาแต่ละคนล้วนตกลงบนตัวกู้หว่านเยว่ ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ขมวดคิ้ว

ทันใดนั้น นางจินเปิดปากตะโกนออกมา

“พวกเจ้าดู นั่นมิใช่รถม้าของจวนโหวหรือ?”

รถม้าของจวนโหวก็มาแล้ว นั่นต้องนำของมาไม่น้อยเป็นแน่ คิ้วของฮูหยินผู้เฒ่าคลายออกแล้ว

เพียงแต่รถม้าจอดอยู่ตรงหน้า คนบนรถม้ากลับไม่ทำแม้แต่ลงมา เพียงแหวกชายผ้าพูดอย่างเสแสร้ง

“หว่านเยว่เอ๋ย แต่งงานออกจากเรือนก็ต้องติดตามสามี บัดนี้เจ้าเป็นหญิงออกเรือนแล้ว ไม่เกี่ยวอันใดกับจวนโหวแม้แต่น้อย ข้าใจดีมีเมตตา เห็นแก่เจ้าที่เป็นบุตรีของท่านโหว นำของกินมาให้เล็กน้อย หวังว่าภายภาคหน้าเจ้าจะไม่กลับมาตอแย”

พูดจบ ยิ้มดูเบาทีหนึ่ง โยนหมั่นโถวสองสามลูกลงจากรถม้า

ทุกคนล้วนตะลึงงันอยู่กับที่ เห็นใจ เยาะหยัน สายตาหลากอารมณ์ล้วนตกลงบนตัวกู้หว่านเยว่

กู้หว่านเยว่เตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว สีหน้ากลับเรียบเฉยมาก นางจำได้ว่านี่ก็คืออนุที่คอยเป่าหูบิดาชั่ว ยิ้มเย็นทีหนึ่ง ทันใดนั้นเบี่ยงตัวขึ้นไปลากนางลงจากรถม้า

ถัดมาปลดปิ่นทอง กำไลหยก ต่างหูทับทิมออกจากตัวนางอย่างว่องไว...

ฝ่ายอนุร้องอุทานเสียงหลง “นางแพศยากู้หว่านเยว่ เจ้ากล้าแย่งของของข้าอย่างนั้นหรือ?!”

กู้หว่านเยว่ตบนางหนึ่งฉาด ตบจนนางเงียบเสียงลงไป

“อนุก็คือนางแพศยา เจ้าต่างหากเป็นนางแพศยา ของเหล่านี้ล้วนใช้สินเดิมของท่านแม่ข้าซื้อมา ข้าเพียงนำกลับมาก็เท่านั้นและกลับไปบอกท่านโหวของเจ้าด้วยว่า นับแต่นี้ไป ข้าและจวนโหวไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตัดขาดความสัมพันธ์ใช่หรือไม่ นางแทบทนรอไม่ไหวแล้ว!

เงินทองของมีค่าของจวนโหวล้วนอยู่ในมือนาง ใครมีชีวิตดีกว่ายังต้องรอดู

“เจ้าเจ้าเจ้า เจ้าเสียสติไปแล้ว!” อนุเห็นกู้หว่านเยว่กำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ แม้เป้าหมายสำเร็จแล้ว แต่กลับโมโหจนกระอักเลือด หนีตะลีตะลานจากไป

“หลานสะใภ้ สะใภ้ไม่มีไร้มารดาก็เท่ากับไร้ที่พึ่ง ภายภาคหน้าเจ้าก็ลำบากแล้วล่ะ” นางหลิวบ้านสี่พูดประชด

ยังหลงคิดว่าจวนโหวนำของกินมาให้เสียอีก ปรากฏว่า...ฮึ!

ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็มิอาจข่มตนได้แล้ว ถลึงตาใส่กู้หว่านเยว่แวบหนึ่ง

นางจินมีสีหน้ารู้สึกผิด หากมิใช่นางร้องตะโกนเสียงดัง ทุกคนก็คงไม่หันมาสนใจ นางพูดตะกุกตะกัก “หลานสะใภ้ ข้าขอโทษ...”

ยังไม่รอให้นางพูดจนจบ พี่ใหญ่ซูหัวหยางก็ถลึงตาใส่นางสีหน้าบึ้งตึงหนึ่งปราด “อย่าไปทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าที่นั่น รีบมาถือของ บ้านมารดาส่งของมาเพียงเท่านี้ แต่งกับเจ้าโดยเสียเปล่าจริงๆ”

นางจินฝืนส่งยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา หดบ่าเดินตามไป ซูหรานหร่านมองกู้หว่านเยว่อย่างเห็นใจแวบหนึ่ง แต่ไม่กล้าพูดปลอบ วิ่งเหยาะๆ ไปช่วยมารดาถือของ

ผิดกับนางหยางที่ถูมือแล้วถูมืออีก หยิบหมั่นโถวบนพื้นขึ้นมา มองนางอย่างระแวดระวัง “หว่านเยว่ อย่า อย่าเสียใจ...”

กู้หว่านเยว่รู้สึกอบอุ่นในใจ แม่สามีโง่สติไม่ดี จิตใจกลับดีมาก

“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร ข้าไปดูบาดแผลของท่านพี่ก่อนนะเจ้าคะ”

ซูจิ่งสิงเข้าวังถูกสั่งโบย ลงโทษโบยนี้มิได้ตีที่บั้นท้าย แต่ตีที่กระดูกสันหลังส่วนเอว ส่งผลให้พิการได้

ดังนั้นเขาขยับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงนอนบนกระดานไม้บนเกวียน

กู้หว่านเยว่เองก็คร้านจะเสแสร้ง หยิบยาจินชวงรักษาแผลออกมาหนึ่งขวด โรยลงบนบาดแผลของเขา

ซูจิ่งสิงลืมตาขึ้นมาในทันใด

แหม ชายคนนี้สัญชาตญาณแข็งแกร่งมากทีเดียว

“ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องกลัว ข้ามาเพื่อใส่ยาให้ท่าน”

ซูจิ่งสิงเห็นว่าเป็นนางก็วางใจแล้ว ถ้อยคำเมื่อครู่ของคนจวนโหว เขาเองก็ได้ยินแล้ว สายตาเผยแววรู้สึกผิด

“ขอโทษ ทำเจ้าเดือดร้อนแล้ว”

เดือดร้อน? ไม่จำเป็น จวนโหวอยากเตะนางออกมาตั้งแต่แรกแล้ว

ทว่าตอนนี้กู้หว่านเยว่ไม่อยากพูด นางตรวจอาการบาดเจ็บของซูจิ่งสิงอย่างตั้งใจ

แย่แล้ว บาดแผลนี้ร้ายแรงกว่าที่นางคิดไว้ กระดูกสันหลังส่วนเอวล้วนหักอย่างสมบูรณ์ ภายภาคหน้าไม่ต้องพูดเรื่องอย่างว่า แม้แต่ยืนก็ลำบาก...

ฮ่องเต้ชั่วคนนี้ นี่คือความสุขอีกครึ่งชีวิตของนางเชียวนะ บัดนี้หนีไปยังทันหรือไม่?

สายตาซูจิ่งสิงซับซ้อน “ข้ายังสามารถลุกขึ้นได้หรือไม่?”

สีหน้ากู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์ “พูดยาก”

หากมีอาคารทางการแพทย์ ก็สามารถรักษาได้

“ติ๊ง ระบบเชื่อมต่อกับเจ้าของร่างสำเร็จ ยินดีกับเจ้าของร่าง เปิดใช้งานอาคารทางการแพทย์ที่เพิ่งสร้างใหม่สำเร็จแล้ว”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (9)
goodnovel comment avatar
วีระวุฒิ ประจันบาน
น่าติดตามมาก
goodnovel comment avatar
อนงนารถ บุญทวี
ติดตามต่อคะ
goodnovel comment avatar
Charnyuth Techa
ขยายตัวอักษรให้หน่อยครับ อายุมากแล้วอ่านตัวเล็กลำบากครับ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1984

    แต่จี้เยว่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของสกุลซุน ไม่ได้รับความสำคัญมากเพียงพอ อีกทั้งยังไม่สามารถตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงได้นางหยางกวาดตามอง “ดูเด็กคนนี้น่ารักมากเพียงใด ข้าอายุปูนนี้แล้ว ว่างงานยิ่งนัก ชอบให้เด็กรายล้อมรอบกาย หากไม่สะดวกเลี้ยงดูในวัง ก็สามารถส่งมาที่จวนข้าได้”“เด็กคนนี้งดงามดุจหยก ขาวๆ นุ่มๆ มองดูแล้วเป็นคนมีวาสนาคนหนึ่ง กินอิ่มแล้วก็นอน นิสัยเองก็ดี ภายภาคหน้าจ้านจ้านโตแล้ว ก็ช่วยคลายเหงาให้จ้านจ้านได้”ซูจิ่งสิงไม่รับสนม วังหลังคล้ายไม่มีอยู่จริง กู้หว่านเยว่เองก็ไม่มีลูกในตอนนี้ภายในวังมีเพียงจ้านจ้านเป็นเด็กคนเดียว เหงาอยู่บ้างจริงๆมีเด็กคนอื่นอยู่เป็นเพื่อน ก็เป็นเรื่องดีสองสามคนปรึกษากันและตัดสิน ให้จี้เยว่อยู่ภายในวังก่อนอย่างน้อยทางฝั่งสกุลซุนนั้น ซูจิ่งสิงย่อมส่งคนไปแจ้งข่าว คาดว่าสกุลซุนเองก็ไม่มีวันคัดค้านขณะเดียวกันดรุณีน้อยนอนหลับฝันหวานภายในอ้อมกอดของชิงเหลียนยังไม่รู้เลยว่าบัดนี้ชะตาชีวิตของตนกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วนับตั้งแต่นี้ไป จะผูกติดกับองค์ชายน้อยที่มอบขนมให้ตนเองกินสองสามคนพูดคุยกันขณะรอ กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องที่ได้พบเห็นในที่ราบแห่งความโกลาหล

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1983

    ห้องเครื่องของวังหลวงทำอาหารเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว เหล่าญาติฝ่ายหญิงที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงภายในวังหลวงล้วนถูกกระจายออกไปแล้วชิงเหลียนมองกู้หว่านเยว่ที่ไม่ได้พบหน้านานมาก ตื่นเต้นจนน้ำตาไหล“ฮูหยิน นับว่ารอจนท่านกลับมาแล้ว”นางปาดน้ำตา พูดยิ้มๆ อย่างเก้อกระดาก “หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้อยู่ภายในวัง วันหน้าบ่าวจะพานางเข้ามาโขกศีรษะให้ท่านให้ได้เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้าง“เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้วหรือนี่”นางนึกถึงก่อนหน้านี้เตรียมสินเดิมให้เหล่าสาวใช้ รอได้พบหงซิ่ง จะต้องมอบสินเดิมให้นางชิงเหลียนพยักหน้ายิ้มๆ “พวกเขาสองสามีภรรยาเปิดร้านขายผ้าแห่งหนึ่งในเมืองหลวง การค้านับว่าไม่เลว ไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง”กู้หว่านเยว่นึกดีใจแทนพวกเขาภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ใช่แล้ว นี่เป็นลูกของใคร เหตุใดไปอยู่ในตำหนักบรรทมของจ้านจ้านได้?”จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่หลบใต้โต๊ะของจ้านจ้านขึ้นมาได้ ดวงตากลมโตดุจหยก กลับเป็นเด็กน่ารักคนหนึ่งชิงเหลียนรีบเล่าฐานะของเด็กหญิงให้กู้หว่านเยว่ฟัง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงชะงักไป เงียบ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1982

    “ร้องไห้ทำไม? โตเพียงนี้แล้วยังเสียน้ำตาอีก”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว สั่งสอนอย่างเข้มงวดภายในสายตานางหยางเจือประกายน้ำตา สบมองกู้หว่านเยว่ ทั้งยังหันมองซูจิ่งสิง“ตอนเจ้าไม่อยู่ จื่อชิงเด็กคนนี้สุขุมมากนัก”“มีเพียงได้เห็นพวกเจ้า เขาถึงตื่นเต้นมากถึงเพียงนี้”ซูจื่อชิงไม่ตื่นเต้นได้หรือ เขาทำงานหนักเพื่อพี่ใหญ่พี่สะใภ้ทุกวัน ดูแลบ้านเมืองงานยิ่งใหญ่นี้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด นอนดึกยิ่งกว่าสุนัข ตื่นเช้ายิ่งกว่าไก่ เหนื่อยแทบตาย“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว ฮือฮือๆ...” ซูจื่อชิงกอดขาทั้งคู่ ร้องไห้โฮ“รีบปล่อยเร็วเข้า อย่าทำให้ข้าขายหน้า”ซูจิ่งสิงสบถด่าเสียงเยียบเย็นทั้งคู่ทำความเคารพนางหยางพร้อมกัน “ท่านแม่ พวกเรากลับมาแล้ว ช่วงนี้ทำให้พวกท่านกังวลแล้ว”จ้านจ้านขาวขาวเนียนเนียน สุขภาพแข็งแรงร่าเริง นางหยางย่าคนนี้ใส่ใจไม่น้อย กู้หว่านเยว่รู้สึกซาบซึ้งอยู่ภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน พูดจาห่างเหินเพียงนี้ทำอันใด”นางหยางปาดน้ำตาที่หางตา มองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงอย่างชื่นชม“ขอเพียงพวกเจ้าสองคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย แม่ก็วางใจแล้ว”“ใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1981

    ในสายตาเจ้าเด็กบ้ามีเพียงมารดา ไม่มีบิดา!ซูจิ่งสิงอยากตีก้นเจ้าเด็กคนนี้สักที แต่เห็นใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของเขา ยังตัดสินใจปล่อยไปก่อนจ้านจ้านเงยหน้า เหลือบมองบิดาของเขาแวบหนึ่ง พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด “เสด็จพ่อ ท่านไม่ใช่พูดว่าจะพาเสด็จแม่กลับมาในสองเดือนหรือ?”เขากำหมัดแน่นถูกบิดาหลอกแล้ว!ตอนบิดาจากไปยังพูดว่าสองเดือนก็กลับมา เขาถึงดีใจพูดว่าอยากได้น้องสาวสักคน ขอให้พาน้องสาวกลับมาพร้อมกันใครรู้เล่าว่าบิดาไปครั้งนี้นานถึงหนึ่งปี!“เกิดความเปลี่ยนแปลง กลับมาช้าไปแล้ว”ซูจิ่งสิงลูบศีรษะเต็มไปด้วยเส้นผมของลูกชาย “แต่ครั้งนี้ข้าและแม่เจ้าได้รับมาไม่น้อย รอภายภาคหน้าค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟังดีหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ฟังออก ซูจิ่งสิงนี่คือต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของจ้านจ้านนางพยักหน้าให้ความร่วมมือ “ใช่แล้วจ้านจ้าน พวกเราผ่านป่าซิงโตวมาด้วย นั่นคือสถานที่กว้างใหญ่เท่าต้าฉีสองแห่งเลยทีเดียว”จ้านจ้านกระพริบตา เขาอ่านหนังสือมาไม่น้อย นึกถึงระยะห่างภายในสมองภายในหนังสือพูดว่าอาณาเขตเหนือใต้ของต้าฉีมีระยะห่างราวหนึ่งพันห้าร้อยลี้ ต้าฉีสองแห่ง นั่นไกลมากเหลือเกิน“ภายใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1980

    “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เขารู้จักจี้เยว่ สายตามองไปที่หน้าอกของนาง ก็เห็นคราบน้ำลายเต็มไปหมดจริง ๆ นางยังหลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขา ที่มุมปากก็ยังมีเศษขนมติดอยู่พอมองขึ้นไปบนโต๊ะ ขนมที่วางไว้เมื่อเช้าก็หายไปแล้วจริง ๆ เจ้าเด็กโง่คนนี้หลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขาเพื่อแอบกินขนม! มุมปากของจ้านจ้านกระตุกจี้เยว่ดูสีหน้าคนไม่ออก ยังไม่รู้ตัวว่าทำให้องค์ชายน้อยโกรธแล้ว ยังคงจ้องมองดวงตาแดง ๆ ของเขาอย่างสงสัย“ท่านพี่ ท่านร้องไห้ทำไมหรือ? กินขนมสักคำก็จะไม่ร้องไห้แล้วนะ ขนมที่นี่อร่อยมาก เยว่เอ๋อร์ไม่เคยกินขนมที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”เจ้าแมวน้อยตะกละกินจนท้องกลม ก็พูดเยอะขึ้นแล้ว “ข้าไม่ได้ร้องไห้”จ้านจ้านกล่าวอย่างดุดัน“ถ้ากล้าพูดว่าข้าร้องไห้อีก ข้าจะต่อยเจ้า!”จี้เยว่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มองไปที่กำปั้นของจ้านจ้าน แล้วก็เบะปาก ดวงตาที่ดูโตเป็นพิเศษคู่นั้นก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาในทันที“ฮือ ๆ ๆ ...” นางถูกขู่จนร้องไห้จ้านจ้านตกตะลึง เขากลัวผู้หญิงร้องไห้ที่สุด จึงรีบเอามือปิดปากของจี้เยว่ แก้มของเด็กหญิงทั้งกลมทั้งนุ่ม แถมยังเด้งอีกด้วยเขาก็เผลอใช้แรงหยิกไปทีหนึ่งโดยไม่รู้ตั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1979

    ก็ไม่แปลกที่กู้หว่านเยว่จะลังเลตอนที่นางจากไปครั้งแรก ได้ให้สัญญากับซูจิ่งสิงไว้ว่าจะกลับมาภายในหนึ่งปีแต่ตอนนี้ ผ่านมาสองปีเต็มแล้วตอนนั้นจ้านจ้านยังเดินเตาะแตะ พูดได้แค่คำสองคำง่าย ๆ แต่ตอนนี้กลับขยับขาสั้น ๆ ของตนวิ่งได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วหากไม่เอ่ยปากก็แล้วไป แต่หากเอ่ยปากพูดเมื่อใดก็สามารถทำให้คนโกรธจนแทบกระอักเลือดได้ดังนั้น ตอนแรกที่กู้หว่านเยว่เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งมา นางก็เพียงแค่รู้สึกตามสัญชาตญาณว่านั่นคือจ้านจ้านจนกระทั่งเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด นางถึงกล้าตัดสินจากท่าทางของเด็กคนนั้นได้ว่า นั่นคือจ้านจ้านลูกชายสุดที่รักของนาง!“เป็นลูกชายจริง ๆ ด้วย!” กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้าตื่นเต้นนางเร่งฝีเท้า เดินตรงไปยังทิศทางของจ้านจ้านซูจิ่งสิงเองก็จ้องมองเด็กคนนั้นไม่วางตา เขาจากไปช้ากว่ากู้หว่านเยว่เล็กน้อย ตอนนั้นจ้านจ้านก็สามารถพูดคุยกับเขาได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว“จ้านจ้าน!”ทั้งสองคนร้องเรียกออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ตั้งใจจะเข้าไปกอดลูกชายจ้านจ้านที่วิ่งมาได้ครึ่งทางพลันหยุดนิ่ง เขามองทั้งสองคน ก่อนจะเช็ดที่หางตาของตนเองอย่างแรงจากนั้น ก็หันหลังกลับแล้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status