Share

บทที่ 3

Aвтор: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“กบฏ ไม่ตายดี!”

“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”

ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...

ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดี

บัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้า

หันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”

นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”

นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้น

บ้านอื่นสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนปิดปากเงียบโดยพร้อมเพรียงกัน

นางหยางฟังไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดเรื่องใด แต่นางอ่านคำตำหนิและรังเกียจภายในสายตาของซูหัวหลินออก หดบ่าผอมบางไม่กล้าเปล่งเสียง ดึงลูกชายลูกสาวตัวน้อย ก้มหน้าออกแรงลากเกวียนอยู่ข้างหลัง

กู้หว่านเยว่อารมณ์ไม่ดีแล้ว “มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ก็โขกศีรษะตายไปเสียเลย ยามท่านอยู่ดีกินดีในจวนอ๋อง เหตุใดถึงไม่แม้แต่จะผายลมเล่า?”

ยามอ่านหนังสือก็รู้แล้วว่าสกุลซูไม่สามัคคีกัน คิดไม่ถึงเพียงถูกยึดทรัพย์ คนเหล่านี้ก็ไม่มีความอดทนหลงเหลือแล้ว

หวังจะประคับประคองช่วยเหลือกันกับคนเช่นนี้ระหว่างถูกเนรเทศ ยังมิสู้แตกหักไปเสียเลย

“เจ้าเจ้าเจ้า หลานสะใภ้ เหตุใดเจ้าพูดกับผู้อาวุโสเช่นนี้?”

ซูหัวหลินเห็นว่าบ้านสามไม่มีคน ถึงกล้าบ่นออกมา คิดไม่ถึงกู้หว่านเยว่ที่มีรูปร่างบอบบาง ถึงขั้นหาญกล้าทะเลาะกับเขา?

ยังอยากพูดอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าก็เคาะไม้เท้า โศกเศร้าเสียใจมาก “เงียบให้หมด ตกระกำลำบากแล้วครอบครัวก็ควรรวมใจเป็นหนึ่ง ใครยังทะเลาะกันข้าจะไม่ละเว้นแล้ว!”

บ้านมารดากู้หว่านเยว่คือจวนโหว นางยังมีประโยชน์

.......

ณ เนินเขาสิบลี้นอกเมือง

ภายใต้แสงตะวันแผดเผา คนหนึ่งกลุ่มเข็นเกวียนหนึ่งคันออกจากประตูเมืองอยู่ไกลๆ บ้างก็สวมชุดนักโทษ บ้างก็สวมเสื้อผ้าสกปรกมอมแมม สีหน้าด้านชา มีทั้งคนชราทั้งเด็ก คนกลุ่มนี้ก็คือสกุลซูทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ถูกเนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า

ที่แห่งนี้คือสถานที่ส่งตัวนักโทษถูกเนรเทศ มีญาติจำนวนมากมารวมกันอยู่ที่นี่เพื่อร่ำลา ในมือญาติล้วนถือห่อสัมภาระทั้งใหญ่ทั้งเล็ก หวังให้คนในครอบครัวดีขึ้นบ้างระหว่างเดินทาง

สำหรับเรื่องนี้นักการในศาลาว่าการยอมหลับตาข้างลืมตาข้าง

นักโทษที่ถูกเนรเทศล้วนเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวย แม้ถูกลงโทษทั้งตระกูล แต่มีญาติและสหายเดินทางมาหา พวกเขาสามารถอาศัยโอกาสนี้หาประโยชน์ให้ตนเองได้

สกุลซูเองก็มีญาติฝ่ายหญิงมาถึงไม่น้อยแล้ว

บ้านมารดาของบ้านใหญ่สกุลจิน และบ้านสี่สกุลหลิว ล้วนส่งอาหารและเสื้อผ้าบางส่วนมา

พี่ใหญ่บ้านมารดาของบ้านรองสกุลเฉียนยังเป็นขุนนางอยู่ในราชสำนัก แม้คนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ของที่ส่งมามากที่สุด สัมภาระราวๆ สี่ห้าห่อใหญ่ ไว้หน้านางเฉียนอย่างเพียงพอ แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็มองนางสูงขึ้นแวบหนึ่ง

มีเพียงบ้านสามโดดเดี่ยวอ้างว้าง ไม่มีใครมาเยี่ยมแม้แต่คนเดียว

“ฮึ นางหยางนั้นช่างเถอะ บิดามารดาพี่ชายนางล้วนตายทั้งหมดแล้ว แต่เกิดอันใดขึ้นกับหลานสะใภ้คนนี้ เป็นถึงคุณหนูจวนโหวเชียวนะ ถึงขั้นไม่มาบอกลาแม้แต่คนเดียว”

สายตาแต่ละคนล้วนตกลงบนตัวกู้หว่านเยว่ ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ขมวดคิ้ว

ทันใดนั้น นางจินเปิดปากตะโกนออกมา

“พวกเจ้าดู นั่นมิใช่รถม้าของจวนโหวหรือ?”

รถม้าของจวนโหวก็มาแล้ว นั่นต้องนำของมาไม่น้อยเป็นแน่ คิ้วของฮูหยินผู้เฒ่าคลายออกแล้ว

เพียงแต่รถม้าจอดอยู่ตรงหน้า คนบนรถม้ากลับไม่ทำแม้แต่ลงมา เพียงแหวกชายผ้าพูดอย่างเสแสร้ง

“หว่านเยว่เอ๋ย แต่งงานออกจากเรือนก็ต้องติดตามสามี บัดนี้เจ้าเป็นหญิงออกเรือนแล้ว ไม่เกี่ยวอันใดกับจวนโหวแม้แต่น้อย ข้าใจดีมีเมตตา เห็นแก่เจ้าที่เป็นบุตรีของท่านโหว นำของกินมาให้เล็กน้อย หวังว่าภายภาคหน้าเจ้าจะไม่กลับมาตอแย”

พูดจบ ยิ้มดูเบาทีหนึ่ง โยนหมั่นโถวสองสามลูกลงจากรถม้า

ทุกคนล้วนตะลึงงันอยู่กับที่ เห็นใจ เยาะหยัน สายตาหลากอารมณ์ล้วนตกลงบนตัวกู้หว่านเยว่

กู้หว่านเยว่เตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว สีหน้ากลับเรียบเฉยมาก นางจำได้ว่านี่ก็คืออนุที่คอยเป่าหูบิดาชั่ว ยิ้มเย็นทีหนึ่ง ทันใดนั้นเบี่ยงตัวขึ้นไปลากนางลงจากรถม้า

ถัดมาปลดปิ่นทอง กำไลหยก ต่างหูทับทิมออกจากตัวนางอย่างว่องไว...

ฝ่ายอนุร้องอุทานเสียงหลง “นางแพศยากู้หว่านเยว่ เจ้ากล้าแย่งของของข้าอย่างนั้นหรือ?!”

กู้หว่านเยว่ตบนางหนึ่งฉาด ตบจนนางเงียบเสียงลงไป

“อนุก็คือนางแพศยา เจ้าต่างหากเป็นนางแพศยา ของเหล่านี้ล้วนใช้สินเดิมของท่านแม่ข้าซื้อมา ข้าเพียงนำกลับมาก็เท่านั้นและกลับไปบอกท่านโหวของเจ้าด้วยว่า นับแต่นี้ไป ข้าและจวนโหวไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตัดขาดความสัมพันธ์ใช่หรือไม่ นางแทบทนรอไม่ไหวแล้ว!

เงินทองของมีค่าของจวนโหวล้วนอยู่ในมือนาง ใครมีชีวิตดีกว่ายังต้องรอดู

“เจ้าเจ้าเจ้า เจ้าเสียสติไปแล้ว!” อนุเห็นกู้หว่านเยว่กำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ แม้เป้าหมายสำเร็จแล้ว แต่กลับโมโหจนกระอักเลือด หนีตะลีตะลานจากไป

“หลานสะใภ้ สะใภ้ไม่มีไร้มารดาก็เท่ากับไร้ที่พึ่ง ภายภาคหน้าเจ้าก็ลำบากแล้วล่ะ” นางหลิวบ้านสี่พูดประชด

ยังหลงคิดว่าจวนโหวนำของกินมาให้เสียอีก ปรากฏว่า...ฮึ!

ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็มิอาจข่มตนได้แล้ว ถลึงตาใส่กู้หว่านเยว่แวบหนึ่ง

นางจินมีสีหน้ารู้สึกผิด หากมิใช่นางร้องตะโกนเสียงดัง ทุกคนก็คงไม่หันมาสนใจ นางพูดตะกุกตะกัก “หลานสะใภ้ ข้าขอโทษ...”

ยังไม่รอให้นางพูดจนจบ พี่ใหญ่ซูหัวหยางก็ถลึงตาใส่นางสีหน้าบึ้งตึงหนึ่งปราด “อย่าไปทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าที่นั่น รีบมาถือของ บ้านมารดาส่งของมาเพียงเท่านี้ แต่งกับเจ้าโดยเสียเปล่าจริงๆ”

นางจินฝืนส่งยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา หดบ่าเดินตามไป ซูหรานหร่านมองกู้หว่านเยว่อย่างเห็นใจแวบหนึ่ง แต่ไม่กล้าพูดปลอบ วิ่งเหยาะๆ ไปช่วยมารดาถือของ

ผิดกับนางหยางที่ถูมือแล้วถูมืออีก หยิบหมั่นโถวบนพื้นขึ้นมา มองนางอย่างระแวดระวัง “หว่านเยว่ อย่า อย่าเสียใจ...”

กู้หว่านเยว่รู้สึกอบอุ่นในใจ แม่สามีโง่สติไม่ดี จิตใจกลับดีมาก

“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร ข้าไปดูบาดแผลของท่านพี่ก่อนนะเจ้าคะ”

ซูจิ่งสิงเข้าวังถูกสั่งโบย ลงโทษโบยนี้มิได้ตีที่บั้นท้าย แต่ตีที่กระดูกสันหลังส่วนเอว ส่งผลให้พิการได้

ดังนั้นเขาขยับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงนอนบนกระดานไม้บนเกวียน

กู้หว่านเยว่เองก็คร้านจะเสแสร้ง หยิบยาจินชวงรักษาแผลออกมาหนึ่งขวด โรยลงบนบาดแผลของเขา

ซูจิ่งสิงลืมตาขึ้นมาในทันใด

แหม ชายคนนี้สัญชาตญาณแข็งแกร่งมากทีเดียว

“ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องกลัว ข้ามาเพื่อใส่ยาให้ท่าน”

ซูจิ่งสิงเห็นว่าเป็นนางก็วางใจแล้ว ถ้อยคำเมื่อครู่ของคนจวนโหว เขาเองก็ได้ยินแล้ว สายตาเผยแววรู้สึกผิด

“ขอโทษ ทำเจ้าเดือดร้อนแล้ว”

เดือดร้อน? ไม่จำเป็น จวนโหวอยากเตะนางออกมาตั้งแต่แรกแล้ว

ทว่าตอนนี้กู้หว่านเยว่ไม่อยากพูด นางตรวจอาการบาดเจ็บของซูจิ่งสิงอย่างตั้งใจ

แย่แล้ว บาดแผลนี้ร้ายแรงกว่าที่นางคิดไว้ กระดูกสันหลังส่วนเอวล้วนหักอย่างสมบูรณ์ ภายภาคหน้าไม่ต้องพูดเรื่องอย่างว่า แม้แต่ยืนก็ลำบาก...

ฮ่องเต้ชั่วคนนี้ นี่คือความสุขอีกครึ่งชีวิตของนางเชียวนะ บัดนี้หนีไปยังทันหรือไม่?

สายตาซูจิ่งสิงซับซ้อน “ข้ายังสามารถลุกขึ้นได้หรือไม่?”

สีหน้ากู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์ “พูดยาก”

หากมีอาคารทางการแพทย์ ก็สามารถรักษาได้

“ติ๊ง ระบบเชื่อมต่อกับเจ้าของร่างสำเร็จ ยินดีกับเจ้าของร่าง เปิดใช้งานอาคารทางการแพทย์ที่เพิ่งสร้างใหม่สำเร็จแล้ว”
Продолжить чтение
Scan code to download App
Комментарии (9)
goodnovel comment avatar
วีระวุฒิ ประจันบาน
น่าติดตามมาก
goodnovel comment avatar
อนงนารถ บุญทวี
ติดตามต่อคะ
goodnovel comment avatar
Charnyuth Techa
ขยายตัวอักษรให้หน่อยครับ อายุมากแล้วอ่านตัวเล็กลำบากครับ
ПРОСМОТР ВСЕХ КОММЕНТАРИЕВ

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2258

    วันนี้เมื่อนึกขึ้นมาได้จึงรู้สึกว่าคนผู้นี้อาจเป็นคนเก่ง ดังนั้นจึงอาจหาญแนะนำใต้เท้าโจวพูดจบในคราวเดียว หน้าผากมีเหงื่อผุดซึมออกมาแล้ว จึงรีบใช้ชายแขนเสื้อเช็ด“ตอนนี้คนผู้นั้นอยู่ที่ใดหรือ?”ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถนี้หรือไม่ อย่างไรก็ต้องเรียกมาพบก่อนลองสอบถามดูก่อนเผื่อสามารถสร้างเรือรบที่ออกทำศึกสงครามได้ ก็ไม่ถือว่าสูญเสียคนมีความสามารถไปโดยเปล่าประโยชน์ ขณะเดียวกันก็คลี่คลายสถานการณ์คับขันได้ด้วยใต้เท้าโจวรีบกล่าว “คนผู้นี้มีนามว่าฟางเฉียน เป็นเถ้าแก่ทำการค้าเรียบชายฝั่ง ตอนนี้คาดว่าน่าจะยังอยู่ในลี่สุ่ยที่กระหม่อมเคยรับราชการพ่ะย่ะค่ะ”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เรื่องนี้จัดการไม่ยาก แค่ให้คนไปพาตัวอีกฝ่ายมาก็ได้แล้ว“ในเมื่อเจ้ารู้จักเถ้าแก่ฟางคนนี้ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ขอมอบให้เจ้าไปจัดการ ใต้เท้าโจว เราหวังว่าเจ้าจะออกเดินทางวันนี้ แล้วพาคนผู้นั้นกลับมาภายในเจ็ดวัน”ซูจิ่งสิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใต้เท้าโจวนึกไม่ถึงว่าซูจิ่งสิงจะเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของตัวเอง จึงดีใจโดยพลัน รีบคุกเข่าลง“ฝ่าบาทโปรดวางใจ กระหม่อมจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง จะนำคนผู้นั้นกลับมาอย่างปลอดภั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2257

    เรือรบที่ซูจื่อชิงนำผู้ใต้บัญชาสร้างขึ้น ซูจิ่งสิงดูมาแล้ว แต่กลับมีปัญหาต้าฉีไม่สันทัดเรื่องสร้างเรือรบ ยิ่งไม่เคยทำศึกบนทะเลมาก่อนเรือรบที่ซูจื่อชิงพาผู้ใต้บัญชาสร้างขึ้น แม้จะดูยิ่งใหญ่อลังการมาก อานุภาพดูรุนแรง แต่กลับมีข้อบกพร่องที่อันตรายถึงชีวิตนั่นคือมีทุกสิ่งมารวมกัน เป็นเรือสารพัดประโยชน์ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเลยอีกทั้งตัวเรือที่ออกแบบมีแกนกลางของเรือสูงเกินไป ทำให้ลงน้ำได้ไม่ลึก หากเจอลมพายุจะพลิกคว่ำได้ง่าย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ออกรบไม่ได้เด็ดขาดเหล่าขุนนางต่างไม่เข้าใจ “ฝ่าบาท เรือรบนี้มีสิ่งใดไม่ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ?”ซูจิ่งสิงอธิบาย “เราเคยเห็นเรือรบของแคว้นอู๋วั่ง เล็กกะทัดรัด ปราดเปรียวอย่างมาก หากเรือรบของเราปะทะกับเรือรบของพวกเขา เกรงว่าคงไม่มีทางชนะ”เมื่อได้ยินซูจิ่งสิงอธิบายเช่นนี้ ใจของพวกเขาจมดิ่งไปกว่าครึ่ง“ตามที่ฝ่าบาทอธิบาย หากเรือรบของพวกเราปะทะกับเรือของพวกเขา น่าจะไม่มีทางชนะจริงๆ”“ทหารของพวกเราไม่เคยทำศึกบนทะเลมาก่อน ส่วนเรื่องเรือรบก็ไม่มีความรู้เลยสักนิด ไม่ต่างจากคนตาบอดจุดตะเกียงข้ามคลอง”เดิมซูจื่อชิงเตรียมการพร้อมแล้ว แต่นึกไม่ถึงว

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2256

    ตอนเช้าเพิ่งตื่นมา พวกเขาสองคนก็รออยู่ด้านนอก เขากับกู้หว่านเยว่ยังไม่ได้กินอาหารเช้า“พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน” ซูจิ่งสิงเห็นคนทั้งสองมองหน้ากันไปมา มีตาหามีแววไม่ จึงทำหน้าเข้มแล้วไล่แขกซูจื่อชิงถึงได้รู้สึกตัว แล้วยิ้มอย่างเขินอาย “พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่ได้กินอาหารเช้าสินะ? ถ้าอย่างนั้นน้องขอตัวลาไปก่อน ไว้ตอนบ่ายค่อยกลับมา”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้างกันเห็นทั้งสองคนรีบจากไป จึงหันมองซูจิ่งสิงอย่างจนปัญญา“ดุเหลือเกิน”ซูจิ่งสิงกอดเอวกู้หว่านเยว่ ทำหน้าอาลัยอาวรณ์“ตอนนี้เรารู้แล้วว่าอะไรคือฮ่องเต้ไม่ว่าราชการตอนเช้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นนิ้วมือออกมาแตะปลายจมูกซูจิ่งสิง“ฮ่องเต้พูดอย่างนี้ อยากเป็นทรราชหรือเพคะ”ซูจิ่งสิงกระแอมหนึ่งเสียง สีหน้าเปลี่ยนเป็นขึงขังไม่น้อยเขาย่อมไม่เป็นทรราชก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง“ไปกินอาหารเช้าก่อน กินอาหารเช้าเสร็จแล้วข้าจะไปจัดการธุระ เจ้าพักอยู่ในตำหนักให้ดี”เมื่อนึกถึงฎีกาที่กองพะเนินเหมือนภูเขา ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วแน่นกู้หว่านเยว่พยักหน้า พอดีอาหารเช้าเป็นสิ่งที่นางชอบทั้งนั้น จึงกินอย่างเอร็ดอร่อยไปหนึ่งมื้อ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2255

    ซูจิ้งได้เห็นภาพนี้ ความกังวลในใจลดลงไม่น้อยเขากังวลมาตลอดว่าซูจื่อชิงจะไม่รู้จักแยกแยะ แต่ดูจากตอนนี้ ลูกชายรู้จักแยกแยะมากกว่าผู้ใดเมื่อการทารข้าวฉันท์ครอบครัวจบลง กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงกลับไปในวัง ทั้งสองคนเดินทางติดต่อกัน ยามวิการก็ไม่อยากจัดการเรื่องใดอีก จึงพักผ่อนโดยตรงหลังนอนหลับเต็มอิ่ม เช้าวันรุ่งขึ้น ซูจื่อชิงมารออยู่ข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ นอกจากนี้คนที่มาขอเข้าเฝ้ายังมีเว่ยเฉิง“องค์ชายน้อยล่ะ?”สายตาเว่ยเฉิงตัดพ้อ สอนได้แค่ไม่กี่วัน นักเรียนก็หายไปแล้วกู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วให้ทั้งสองคนนั่ง “จ้านจ้านยังไม่กลับมา ยังอยู่ที่ราบแห่งความโกลาหล”เว่ยเฉิงถอนหายใจ แล้วกุมขมับอย่างจนปัญญา “เอาเถอะ เอาเถอะ ขอให้ตอนที่องค์ชายน้อยกลับมาอย่าลืมสิ่งที่กระหม่อมเคยสอนก็พอ”กู้หว่านเยว่สีหน้าขึงขัง “รอให้ได้พบเขา ข้าจะบอกเขาแทนราชครู ว่าท่านคิดถึงเขา”ใบหน้าเว่ยเฉิงแดงเถือก “กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่เป็นห่วงว่าองค์ชายน้อยจะลืมทำการบ้าน แต่องค์ชายอายุยังน้อย ชอบเที่ยวเล่นก็เป็นเรื่องปกติ”เว่ยเฉิงไม่รู้เลย ที่จ้านจ้านยังอยู่ที่ราบแห่งความโกลาหลไม่ใช่เพื่อเที่

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2254

    เดิมทีซูจิ่นเอ๋อร์พูดเช่นนี้โดยไม่มีเจตนา ทว่ากลับตรงใจกู้หว่านเยว่พอดิบพอดีความคิดของกู้หว่านเยว่ตรงกับซูจิ่นเอ๋อร์ ในเมื่อทำลายกระปุกพิษและสังหารฮ่องเต้ชีไปแล้ว ตอนนี้ทั่วทั้งแคว้นอู๋วั่งวุ่นวายโกลาหลไปหมด ไม่สู้ฉวยโอกาสนี้จัดการแคว้นอู๋วั่งให้สิ้นซากเสีย“ที่จิ่นเอ๋อร์ว่ามาไม่ผิดเลยสักนิด ในเมื่อพวกเขาไม่มีคุณธรรม ไม่สู้พวกเราก็หาโอกาสบุกไปโจมตีพวกเขาเสีย”กู้หว่านเยว่หันมองซูจิ่งสิง สองสามีภรรยาหารือกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว“ก่อนพวกเราจะกลับมา ข้าได้เขียนจดหมายถึงเจ้าหนึ่งฉบับ โดยให้เหยี่ยวทองส่งมา เจ้าได้รับหรือไม่?”ซูจื่อชิงได้ยินดังนั้น จึงรีบพยักหน้า“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ จดหมายที่พวกท่านเขียนถึงข้า ข้าล้วนได้รับทั้งสิ้น อีกอย่างข้าได้สั่งการตามเนื้อหาในจดหมายแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาล้วนกำลังฝึกทหารเรือ”ซูจื่อชิงรีบกล่าว “ยังให้ผู้บัญชาการเรียบชายฝั่งเริ่มสร้างเรือรบ ตอนนี้น่าจะเสร็จไปพอสมควรแล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างพอใจ ตอนนี้ซูจื่อชิงทำงานได้น่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หนักแน่นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย เขาจึงรู้สึกวางใจ“ส่วนเรื่องรายละเอียด ชั่วขณะหนึ่งข้าก็อธิบาย

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2253

    ซูจิ่นเอ๋อร์ยิ้มอย่างดูแคลน “แม่สามีข้า...ตอนนี้นางยังเอาตัวไม่รอด จะมีเวลามาสนใจข้าได้อย่างไร”นางหยางยังไม่รู้สึกตัวซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนหัวข้อ ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกต่อไปนางไม่ใช่เด็กสาวที่จริงใจต่อผู้อื่นโดยไม่คิดจะป้องกันตัวแม้แต่น้อยเหมือนในอดีตแล้ว ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าฟู่ไม่อยากอยู่ร่วมกับนาง นางก็มีสารพัดวิธีทำให้อีกฝ่ายเจ็บใจ“ท่านแม่วางใจเถอะ บัดนี้พี่ใหญ่ของข้าเป็นฮ่องเต้ พี่รองเป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ตระกูลฝั่งมารดาคือจวนกั๋วกง ตัวข้าเองก็เป็นองค์หญิงใหญ่ ไม่มีใครรังแกข้าได้หรอก”เมื่อก่อนซูจิ่นเอ๋อร์ขี้เกรงใจมากเกินไปคิดแต่อยากจะอยู่ร่วมกันกับคนสกุลฟู่ให้ดี ไม่อยากใช้อำนาจข่มใคร ไม่เคยวางท่าขององค์หญิงใหญ่ กลับทำให้พวกเขานึกว่าตัวเองรังแกได้ง่าย ๆแต่ลืมไปว่าสันดานคนก็คือรังแกผู้อ่อนแอกว่า พวกเขานึกว่าซูจิ่นเอ๋อร์รังแกได้ง่าย ๆ จึงยิ่งได้คืบจะเอาศอกนางหยางจับมือซูจิ่นเอ๋อร์อย่างคนที่เคยผ่านโลกมาแล้ว กล่าวเตือน “อย่าทำจนน่าเกลียดเกินไป อย่างไรก็เป็นมารดาของสามีเจ้า เขาอยู่ตรงกลางก็ลำบากใจ ระวังจะกระทบความสัมพันธ์ของพวกเจ้า”ซูจิ่นเอ๋อร์ถอนหายใจเฮือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status