กู้หว่านเยว่เกือบหลุดหัวเราะขอร้องล่ะ ก่อนที่เจ้าจะใส่ร้าย ช่วยดูก่อนได้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้หญิงนะลวนลาม? พระสนมโจวก็อุตส่าห์คิดได้เนาะจะเล่นงานคนอื่น กลับย้อนเข้าตัวเองนางในฐานะนางสนม ถ้าหากข่าวโดนหมอลวนลามเผยแพร่ออกไป นางก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนเช่นกัน ก่อนจะพูดอะไรไม่คิดเลย“เจ้ายิ้มอะไร?” สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางขมวดคิ้วแน่น‘เผยหยวน’ คนนี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้ความตายอยู่ตรงหน้ายังสามารถยิ้มได้อีก“พระสนมโจวอยากพูดเหลวไหล ก็ต้องดูด้วยว่าตัวเองสามารถพูดคำพูดที่เหลวไหลออกมาได้หรือไม่?”กู้หว่านเยว่ขี้เกียจเถียงกับนาง จึงลุกขึ้นเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางพบว่าตัวเองพูดไม่ออก เสียงหายไปในพริบตาแล้ว“อืมๆๆ…” นางมองไปทางนางกำนัล นางกำนัลก็ทำหน้าตกใจ ชี้ไปที่คอของตัวเองเช่นกัน“พระสนมโจวโปรดระวังคำพูดด้วย ครั้งต่อไปไม่ใช่แค่พูดไม่ออกเช่นนี้แล้ว ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี อาจจะเอาชีวิตของพวกท่านก็ได้”กู้หว่านเยว่พูดจบก็เดินจากไปโดยตรงทิ้งพระสนมโจวที่ทำหน้าหวาดกลัวไว้คนเดียว“อืมๆๆ…”“อืมๆๆ!”พระสน
ฉีเยว่: นี่ข้าเป็นอะไร เหมือนกำลังโดนหลอกนางกำนัลเดินเข้ามากะทันหัน “องค์หญิง คุณชายชุยเข้าวังแล้วเพคะ”ดวงตาฉีเยว่เป็นประกาย และลืมเรื่องของพี่รองไปในพริบตาแล้ว“ชุยอวี้มาแล้ว? อยู่ไหน รีบพาข้าไปพบเขา!”นางยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่ได้เดินย้อนกลับไปทางเดิมแล้ว“คุณชายเผยโปรดรอสักครู่” มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลังกู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า หันกลับไปมอง พบว่าเป็นนางกำนัลแปลกหน้าคนหนึ่งนางเลิกคิ้ว “มีอะไร?”นางกำนัลเดินมาที่ตรงหน้ากู้หว่านเยว่ และคำนับด้วยท่าทีที่ยังถือว่าสุภาพ “คุณชายเผย ได้ยินมาว่าท่านเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาเผย คิดว่าท่านคงเชี่ยวชาญวิชาแพทย์เหมือนหมอเทวดาเผย ไม่ทราบว่าช่วยไปตรวจดูอาการพระสนมของพวกเราได้หรือไม่เจ้าคะ?”ภายในห้องอันอบอุ่น ผู้หญิงแต่งกายหรูหราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะ นางมีรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาน่ารักน่าเวทนา น่าจะเป็นพระสนมโจวกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยจะเทียบกับอาจารย์ได้อย่างไร ข้าน้อยยังเรียนวิชาแพทย์ของอาจารย์ได้ไม่ถึงครึ่งเลย”“ถ้าหากพระสนมไม่สบาย เหตุใ
กู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่ได้โกรธองค์หญิงผู้ไร้เดียงสาท่านนี้“เชิญองค์หญิงหลบไปก่อน ข้าขอตรวจชีพจรให้องค์ชายรองก่อน” กู้หว่านเยว่วางกล่องยาลง ฉีเยว่พยักหน้า รีบหลบไปที่ด้านข้างกู้หว่านเยว่ยื่นมือออกไปจับชีพจรขององค์ชายรองสีหน้าเป่ยหมิงฉีอวี้ดูสับสน ลืมไปแล้วว่ากู้หว่านเยว่เป็นใครแม้แต่ฉีเยว่ที่อยู่ตรงหน้าก็เกือบจำไม่ได้“เหมือนองค์ชายรองจะถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างจริงจังก็ต้องถูกพิษอยู่แล้วและนางนี่แหละที่เป็นคนวางยาพิษเมื่อฉีเยว่ได้ยินก็ประหม่าทันที “พี่รองถูกพิษอะไร? อันตรายหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายศีรษะ “เท่าที่ดูจากสัญญาณชีพจร พิษนี่ไม่ได้ร้ายแรงมากนัก แค่ทำให้คนลืมเรื่องบางเรื่อง และไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย”ที่จริงเมื่อคืนนางสามารถฆ่าเป่ยหมิงฉีอวี้ทิ้งโดยตรงแต่คำนึงถึงเป่ยหมิงฉีอวี้ไม่ใช่คนเลว และมีส่วนร่วมในเรื่องของแคว้นโยวหลานน้อยมาก เป็นเพียงองค์ชายเจ้าสำราญคนหนึ่ง จึงไม่ได้ลงมือฆ่าเขา“ยังดีๆ” ฉีเยว่โล่งอกก่อน แต่หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้ว “แต่ลืมหลายสิ่งหลายอย่างเช่นนี้มันก็ผิดปกติอยู่นะ ตอนนี้พี่รองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นใคร คุณชายเผย ท่า
กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดพระสนมโจวเป็นแค่นางสนมคนหนึ่ง ถ้าหากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนางจริงๆ สามารถสั่งให้ทำการสืบสวนอย่างละเอียด แต่ผู้คนในวังต่างก็พูดถึงเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง จะเห็นได้ว่าไม่อยากให้ตรวจสอบพระสนมโจวประกอบกับสิ่งต่างๆ ที่เห็นในห้องบรรทมของฮองเฮา และความรังเกียจในแววตาของเป่ยหมิงเต๋อเซิ่ง จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่เห็นไม่แน่ สามีที่ดีของฮองเฮา เป่ยหมิงเต๋อเซิ่งก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่ขาดไม่ได้เช่นกันแล้วหันมาดูกล้วยไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดีในสวน ก็อดรู้สึกถากถางไม่ได้“เป่ยหมิงโยวหลานรู้เรื่องนี้หรือไม่?”หมอเทวดาเผยส่ายหัว“เรื่องนี้เป็นความลับของพระราชวัง ข้าเองก็รู้ความจริงเพียงผิวเผิน จากการสืบหาความจริงหลายทาง”“แม้ฝ่าบาทเอาใจใส่ฮองเฮามาก ถึงขั้นมาขอร้องข้าเพราะเรื่องของฮองเฮา”“แต่มีเรื่องมากมายที่เขาไม่รู้”กู้หว่านเยว่หรี่ตาเป่ยหมิงโยวหลานนะเป่ยหมิงโยวหลาน ถ้าหากเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้ามีชีวิตที่สุขสบายในมือของเจ้า วันข้างหน้าข้าจะบอกความจริงกับเจ้า อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ต้องเป็นคนโง่ตลอดไป“พอแล้ว ท่านอย่ายุ่งกับเรื่องนี้มากนักเลย และ
หมอเทวดาไอกระแอมหนึ่งเสียง “ไว้ข้าค่อยจ่ายยาช่วยปรับจิตใจให้สงบก็แล้วกันเขาต้องรีบเผ่นแนบก่อน ไม่อยากได้ยินความลับอะไรจากที่นี่กู้หว่านเยว่ดูเหตุการณ์ไม่นาน ก็นำแผ่นกระเบื้องกลับมาวางตามเดิมอย่างเบามือที่สุด จากนั้นก็ลงจากหลังคาอย่างเงียบเชียบที่สุดหลังจากกลับมายังเส้นทางปกติแล้ว ก็บังเอิญเจอกับนางกำนัลน้อยสองสามคนกำลังจับกลุ่มคุยกันพอดีกู้หว่านเยว่เดินออกมาจากดงดอกไม้ สร้างความตกใจให้พวกนางไม่น้อย“ใครกัน?”“ข้าคือลูกศิษย์ของหมอเทวดาเผย ออกมาชมแสงจันทร์ แต่กลับหลงทาง ไม่รู้ว่าพวกพี่สาวจะช่วยนำทางข้าได้หรือไม่” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างสุภาพและอ่อนโยนนางกำนัลเหล่านี้ต่างรู้จักหมอเทวดาเผย ครั้นได้ยินกู้หว่านเยว่บอกว่านางคือลูกศิษย์ของหมอเทวดาเผย ก็วางใจ“ที่แท้ก็ศิษย์เอกของหมอเทวดาเผยนี่เอง เป็นพวกเราเองที่มีตาหามีแววไม่”นางกำนัลหนึ่งในนั้นเอ่ยว่า “ข้ารู้ที่อยู่ของหมอเทวดาเผย เชิญคุณชายตามข้ามาเถอะ”“เช่นนั้นคงต้องรบกวนพี่สาวแล้วล่ะ”นางกำนัลทั้งสองคนเดินนำทาง กู้หว่านเยว่พูดคุยกับพวกเขาไปเรื่อยเปื่อย“ข้ามาแคว้นโยวหลานเป็นครั้งแรก ในแคว้นโยวหลานแห่งนี้มีดอกไม้มากมายจริง ๆ”
เพียงแต่ทันทีที่บุรุษวัยกลางคนเดินรุดหน้าเข้าไปถึง สตรีผู้นั้นก็ยกมือตบอย่างเต็มแรง“อย่าเข้ามา บอกว่าอย่างเข้ามา......”“อ๊าก!”เล็บมือของสตรีผู้นั้นยาวมาก บนหน้าของบุรุษจึงเกิดเป็นบาดแผลเลือดซิบเขาร้องโอดครวญเสี่ยงต่ำน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “ข้าให้พวกเจ้าตัดเล็บให้ราชินีแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงยังไว้ยาวเช่นนี้อยู่อีก?”“ฝ่าบาททรงระงับโทสะ”เหล่านางกำนัลต่างตัวสั่นงันงก พากันคุกเข่าลงพื้นเวลานี้ กู้หว่านเยว่ที่มองเหตุการณ์อยู่ด้านบนก็เข้าใจสถานะของคนเหล่านั้นในทันที ที่แท้สตรีที่กำลังคลุ้มคลั่งผู้นี้ก็คือราชินีแห่งแคว้นโยวหลาน ส่วนบุรุษที่ยืนอยู่ด้านข้างก็คือราชาแห่งแคว้นโยวหลาน“มิน่าล่ะ พวกเขาถึงไม่อยากให้หมอผีของแคว้นโยวหลาน แต่ไปตามหมอเทวดาจากข้างนอกมาแทน”กู้หว่านบ่นงึมงำเหมือนอาการป่วยนี้ ต่อให้อยู่ในยุคปัจจุบันก็ยังไม่มีวิธีการรักษาที่ดี นับประสาอะไรกับยุคโบราณที่การแพทย์ยังล้าหลังเช่นนี้คาดว่าหมอผีของแคว้นโยวหลานคงจะหมดหนทางกับอาการป่วยของราชินีแล้ว ภายใต้ความจนปัญญาของเขา คงทำได้แค่เรียกหมอเทวดาเผยที่เลื่องลือว่าเป็นหมอแห่งปาฏิหาริย์เข้ามาแทนกู้