Share

บทที่ 2

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“ฝ่าบาทมีรับสั่ง เจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงคิดก่อกบฏ หลักฐานชัดเจน!”

“นับแต่นี้ไปปลดออกจากตำแหน่ง เป็นสามัญชน ยึดทรัพย์เนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า ผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”

ฮูหยินผู้เฒ่าทุบอกกระทืบเท้า “สกุลซูของข้าซื่อสัตย์ภักดี ไฉนเลยจะก่อกบฏได้?”

หัวหน้าหน่วยยึดทรัพย์เจียงเต๋อจื้อสบถเสียงเย็น “ฝ่าบาทมีพระกระแสรับสั่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง เจ้ากำลังกล่าวหาว่าฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยผิดพลาดงั้นหรือ?”

ทุกคนไม่กล้าโวยวายอีก กอดกันร่ำไห้โอดครวญ

ทหารหลวงหลั่งไหลเข้ามา ถีบเปิดประตูเรือน ทุบทำลายข้าวของทั่วทุกสารทิศคล้ายโจรก็มิปาน ไม่ว่าที่ผ่านมาเจ้ามีตำแหน่งสูงส่งเยี่ยงไร หากถูกลงโทษยึดทรัพย์ นั่นก็คือคนต่ำต้อย

มองภาพวุ่นวายภายในจวนอ๋อง ฮูหยินผู้เฒ่าคิดห้าม แต่กลับถูกเจียงเต๋อจื้อผลักล้มลงกับพื้น กระดูกของหญิงชราเกือบหัก

ถัดมา เจียงเต๋อจื้อหรี่ตามองทางญาติฝ่ายหญิงของจวนอ๋อง

“เพื่อป้องกันมิให้พวกเจ้านำทรัพย์สินส่วนตัวออกไป ญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องเปลื้องผ้าตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเพื่อตรวจสอบหนึ่งรอบ!”

“ไม่ได้!”

สีหน้าเหล่าญาติฝ่ายหญิงทั้งโกรธทั้งอาย

ฮูหยินผู้เฒ่าก่นด่าออกมา “เจียงเต๋อจื้อ เจ้าอย่าทำเกินเลยไปนัก ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็เกือบจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน”

“แต่พวกเจ้ากลับดูแคลนข้า”

เจียงเต๋อจื้อถูกจี้ใจดำ เขาเคยสู่ขอบุตรีของฮูหยินผู้เฒ่าซูหวู่อวิ๋น เพียงเพื่อปีนป่ายเกาะกิ่งสูงเฉกเช่นจวนอ๋องนี้ ใครจะรู้ว่าจวนอ๋องกลับปฏิเสธเขาแล้ว!

วันนี้เขามาเพื่อลบล้างความอับอายนี้

เจียงเต๋อจื้อขยับขึ้นไปจับบุตรีคนเล็กของบ้านใหญ่สกุลซูซูหรานหร่าน ต้องการถกชุดกระโปรงของนางลง

“อย่านะ! ท่านพ่อท่านแม่ท่านพี่ช่วยข้าด้วย...”

“ข้าจะสู้ตายกับพวกเจ้า!”

ฝ่ายชายของบ้านใหญ่ยกเก้าอี้ปรี่ถลาเข้าไป แต่กลับถูกทหารหลวงขวางไว้ ทำได้เพียงมองซูหร่านหรานถูกหยามเกียรติตาแดงก่ำ

ในช่วงเวลาสำคัญนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกมาและยื่นมือออกไป หักข้อมือเจียงเต๋อจื้อโดยตรง

“บัดซบ เจ้าเป็นใครกัน?” หน้าตานับว่างดงามมาก?

“ย่าของเจ้า ชายาเจิ้นเป่ยอ๋อง!”

กู้หว่านเยว่กำลังแทะน่องไก่หนึ่งชิ้น ท่าทางไม่เรียบร้อย เผยความโอหังอย่างเห็นได้ชัด “เจียงเต๋อจื้อ ฝ่าบาทให้เจ้ายึดทรัพย์ มิได้ให้เจ้าสร้างความอับอายให้ญาติของท่านอ๋อง หากเจ้าอาจหาญฝ่าฝืนราชโองการ ทุกคนในจวนอ๋องเราก็ขอพังพินาศไปพร้อมเจ้า!”

ซูหรานหร่านที่มีคราบน้ำตาเกลื่อนหน้ารีบยกแจกันดอกไม้ ยืนเคียงข้างกู้หว่านเยว่

คนของบ้านอื่น ๆ ก็ยกขึ้นมาด้วย คนของบ้านรองเชื่องช้าอยู่ครู่หนึ่ง มีเพียงครอบครัวของบ้านสี่แสร้งประคองฮูหยินผู้เฒ่า มิได้ลุกขึ้นยืนไปด้วยกัน

แต่นี่ก็เพียงพอให้เจียงเต๋อจื้อสั่นสะท้านแล้ว มองกู้หว่านเยว่อย่างขุ่นเคืองแวบหนึ่ง ระบายโทสะทั้งหมดลงบนตัวผู้อยู่ใต้อาณัติ

“ยังเหม่ออันใดอยู่อีก ไปยึดของให้หมด เหล็กแม้แผ่นเดียวก็อย่าให้เหลือ!”

สกุลซูทำกิจการมานับร้อยปี เงินทองของมีค่าในคลังต้องมีไม่น้อย จะได้อาศัยโอกาสนี้ตักตวงผลประโยชน์ให้ตนเอง

ส่วนกู้หว่านเยว่หรือ ก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว ระหว่างทางถูกเนรเทศยังมีวิธีจัดการนาง

เจียงเต๋อจื้อผลิยิ้ม รอสมบัติถูกยกมาวางตรงหน้า

แต่ใครรู้ ทหารหลวงที่มายึดทรัพย์เพิ่งเข้าเรือนได้ไม่นาน ก็ต้องวิ่งออกมาอย่างตกตะลึงรับมือไม่ทัน

“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว ไฟไหม้คลังแล้ว!”

“เปลวเพลิงใหญ่เกินไป พวกผู้น้อยไม่สามารถเข้าไปได้”

“นอกจากคลังเก็บของ เรือนทุกหลัง ห้องครัว ยุ้งฉางก็ล้วนไหม้ทั้งหมดแล้ว...”

“...”

“ไม่นะ สมบัติของข้า!” เจียงเต๋อจื้อเบิกตากว้างมองเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำ ผลักทุกคนออกพุ่งกระโจนเข้าไปอย่างมิอาจหักใจ ต้องการช่วงชิงสมบัติออกมาสักเล็กน้อย

ถูกเปลวเพลิงบังคับให้ถอยกลับ หนีตะลีตะลานออกมา

เห็นว่าไม่สามารถหาผลประโยชน์ได้แม้แต่น้อย เขาโมโหจนตัวสั่น ชาไปหมดทั้งตัว

ไม่รู้เลยว่านี่ก็คือฝีมือของกู้หว่านเยว่ เพราะนางกังวลว่าคนยึดทรัพย์ค้นหาเงินไม่พบ แล้วจะลงโทษซูจิ่งสิงข้อห้าโยกย้ายทรัพย์สิน จึงวางเพลิงเผาคลังจนมอดไหม้

“เหตุใดจู่ๆ ไฟก็ไหม้ พวกเจ้าตั้งใจวางเพลิงใช่หรือไม่!” เจียงเต๋อจื้อบันดาลโทสะใส่ทุกคนในจวนอ๋อง

ทุกคนตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม “ใต้เท้าปรักปรำแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเราไหนเลยจะมีเวลาไปวางเพลิง?”

เจียงเต๋อจื้อก็รู้ว่าพวกเขามิได้ทำ แต่เพราะไม่ได้แม้เหมาเดียว ทำให้เขาโมโหจนปวดแปลบไปหมดทุกส่วน

ขณะเดียวกัน เสียงตะโกนก็ดังขึ้นที่ภายนอกประตู “ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”

ซูจิ่งสิงสีหน้าซีดเผือด ถูกประคองลงจากม้า เพียงผ่านเข้าจวน ก็เกือบล้มลงกับพื้น

“ท่านอ๋อง ท่านกลับมาเสียที”

ทุกคนในจวนอ๋องล้วนหันมองเขา รีบถลันเข้าไปต้องการคำอธิบาย ถามไถ่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ไม่สนใจว่าเขาได้รับโทษถูกโบยจนใกล้ตายแล้ว

มีเพียงมารดาแท้ๆ สมองไม่ดีนางหยางและกู้หว่านเยว่ขยับขึ้นไปตรวจอาการของเขา โชคดีที่ก่อนหน้านี้กินยาถอนพิษ นับว่ารักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ขาทั้งสองข้างของเขานี้...

“ท่านอ๋อง ขาของท่านยังมีความรู้สึกอยู่หรือไม่?”

ซูจิ่งสิงสติเลือนราง เจ็บปวดจนพูดไม่ออกแม้คำเดียว

เพื่อมิให้ราษฎรของต้าฉีต้องลำบากเพราะสงคราม เขาเลือกกล้ำกลืนฝืนทน

แต่คิดไม่ถึง วิธีการของฮ่องเต้ร้ายกาจถึงเพียงนี้ ทีแรกสั่งโบยเขาหนึ่งร้อยไม้ ถัดมาสั่งกรอกสุราพิษให้เขา

คิดถึงถ้อยคำของกู้หว่านเยว่ในตอนเช้า หรือนางรู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะเกิดเรื่องใดขึ้น?

“ซูจิ่งสิงเจ้ามาถูกเวลายิ่งนัก ว่าเจ้าสั่งให้คนเผาจวนใช่หรือไม่?!”

เจียงเต๋อจื้อกำลังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ หยิบแส้ฟาดลงบนตัวซูจิ่งสิง คนเพิ่งถูกลงทัณฑ์มา ไหนเลยจะทนรับไหว ร่างกายกระตุกอย่างเจ็บปวด

นางหยางร้อนใจเข้าไปจับเขาไว้ “ไป เจ้าไป...”

ทว่าเจียงเต๋อจื้อจะยอมเลิกราได้อย่างไร เขาเห็นซูจิ่งสิงอยู่เหนือกว่าจนคุ้นชินแล้ว วันนี้เห็นเขาหมดอำนาจ ลำพองใจอยู่ภายในใจไม่รู้ตั้งเท่าใด ฟาดแส้แรงขึ้นเรื่อย ๆ

หยางซื่อเห็นลูกชายเจ็บปวดจนเหงื่อผุดทั่วทั้งสรรพางค์กาย เดินวนไปมาอยู่กับที่อย่างรับมือไม่ทัน ทันใดนั้นร่างกายหยุดชะงัก หันเข้าหาเจียงเต๋อจื้อแล้วคุกเข่าลงไป “ขอร้องท่าน อย่า อย่าตีอาจิ่ง เขาเจ็บ เขาเจ็บ...”

“ท่านแม่ ลุกขึ้น...”

ซูจิ่งสิงจับแขนนางหยาง แววตาเยียบเย็น แม้ว่าต้องกลายเป็นนักโทษ แต่ความน่าเกรงขามที่หลงเหลือจากสนามรบยังทำให้เจียงเต๋อจื้อกริ่งเกรงตกใจได้ดังเดิม

ไม่รอให้เจียงเต๋อจื้อไหวตัวทัน กู้หว่านเยว่ถลันขึ้นมาจากทางด้านข้าง จับคอเสื้อเหวี่ยงหมัดทีหนึ่ง ต่อยสันจมูกของเขาจนหัก

“โอ๊ย ช่วยด้วย!”

เจียงเต๋อจื้อร้องโอดครวญ พยายามดิ้นหนี คนบอบบางอ่อนแอเฉกเช่นกู้หว่านเยว่กลับมีแรงมากจนคนตกใจ หักแขนทั้งสองข้างของเขาอย่างแรง ต่อยจนฟันหน้าของเขาร่วงทั้งแถว

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้ารังแกคนของข้ากู้หว่านเยว่ ใครมอบความกล้าให้เจ้า!”

ต่อยเสร็จ รังเกียจมือตนเองสกปรก โยนเขาทิ้งทันที

กระแทกกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ถลันเข้ามาพอดี

“ท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้ว วังหลวงถูกปล้น ฝ่าบาทรับสั่งให้ท่านเข้าวังด่วน!”

หา?

คนยึดทรัพย์ถูกตีแสกหน้าแล้ว วังหลวงยังจะถูกปล้นทรัพย์สินอีกหรือ?

เจียงเต๋อจื้อโมโหจนกระอักเลือด รีบเดินทางเข้าวัง ก่อนจากไปยังพูดทิ้งท้ายไว้ให้กู้หว่านเยว่หนึ่งประโยค ไม่มีวันปล่อยให้นางอยู่อย่างเป็นสุข!

ส่วนพวกที่เหลือล้วนตกตะลึงเพราะวรยุทธ์ของกู้หว่านเยว่ กลืนน้ำลายแล้วก็กลืนน้ำลายอีก ขยับออกห่างจากนางเงียบๆ

เว้นเสียแต่ซูจิ่งสิง สายตายามสบมองนางเปี่ยมไปด้วยความซับซ้อน ครู่ถัดมาก็หมดสติไป

ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่ก็ร้องตะโกนเสียงดัง

“จัดเรียงแถวนับจำนวน เตรียมตัวออกเดินทาง”

ชายถูกเนรเทศล้วนต้องถูกตีตรวนที่คอ หญิงล่ามโซ่ที่ขาป้องกันการหลบหนี นักโทษทำผิดร้ายแรงยังต้องสักอักษรคำว่าทาสลงบนหน้า

สกุลซูเพียงถูกลดฐานะเป็นสามัญชน ไปเริ่มชีวิตใหม่ที่หนิงกู่ถ่า มิใช่นักโทษ ดังนั้นจึงไม่ต้องถูกลงทัณฑ์เหล่านี้

ถัดจากเสียงคร่ำครวญ ประตูบานใหญ่ถูกปิดป้ายผนึกไว้ แผ่นป้ายสีแดงอมทองร่วงหล่นลงพื้น จวนเจิ้นเป่ยอ๋องล่มสลายแล้ว

ทว่านี่ยังไม่พอ เพียงก้าวพ้นประตู ทุกคนก็ถูกราษฎรล้อมเอาไว้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (4)
goodnovel comment avatar
Kunticha
น่าอ่านสนุกดี
goodnovel comment avatar
Wiphawee
สนุกค่ะน่าติดตามขอบคุณมาก
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
สนุกมากค่ะขอบคุณที่เขียนนิยายให้อ่านสนุกสนุกแบบนี้ขอบคุณมากๆค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1844

    กู้หว่านเยว่เกือบหลุดหัวเราะขอร้องล่ะ ก่อนที่เจ้าจะใส่ร้าย ช่วยดูก่อนได้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้หญิงนะลวนลาม? พระสนมโจวก็อุตส่าห์คิดได้เนาะจะเล่นงานคนอื่น กลับย้อนเข้าตัวเองนางในฐานะนางสนม ถ้าหากข่าวโดนหมอลวนลามเผยแพร่ออกไป นางก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนเช่นกัน ก่อนจะพูดอะไรไม่คิดเลย“เจ้ายิ้มอะไร?” สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางขมวดคิ้วแน่น‘เผยหยวน’ คนนี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้ความตายอยู่ตรงหน้ายังสามารถยิ้มได้อีก“พระสนมโจวอยากพูดเหลวไหล ก็ต้องดูด้วยว่าตัวเองสามารถพูดคำพูดที่เหลวไหลออกมาได้หรือไม่?”กู้หว่านเยว่ขี้เกียจเถียงกับนาง จึงลุกขึ้นเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางพบว่าตัวเองพูดไม่ออก เสียงหายไปในพริบตาแล้ว“อืมๆๆ…” นางมองไปทางนางกำนัล นางกำนัลก็ทำหน้าตกใจ ชี้ไปที่คอของตัวเองเช่นกัน“พระสนมโจวโปรดระวังคำพูดด้วย ครั้งต่อไปไม่ใช่แค่พูดไม่ออกเช่นนี้แล้ว ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี อาจจะเอาชีวิตของพวกท่านก็ได้”กู้หว่านเยว่พูดจบก็เดินจากไปโดยตรงทิ้งพระสนมโจวที่ทำหน้าหวาดกลัวไว้คนเดียว“อืมๆๆ…”“อืมๆๆ!”พระสน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1843

    ฉีเยว่: นี่ข้าเป็นอะไร เหมือนกำลังโดนหลอกนางกำนัลเดินเข้ามากะทันหัน “องค์หญิง คุณชายชุยเข้าวังแล้วเพคะ”ดวงตาฉีเยว่เป็นประกาย และลืมเรื่องของพี่รองไปในพริบตาแล้ว“ชุยอวี้มาแล้ว? อยู่ไหน รีบพาข้าไปพบเขา!”นางยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่ได้เดินย้อนกลับไปทางเดิมแล้ว“คุณชายเผยโปรดรอสักครู่” มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลังกู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า หันกลับไปมอง พบว่าเป็นนางกำนัลแปลกหน้าคนหนึ่งนางเลิกคิ้ว “มีอะไร?”นางกำนัลเดินมาที่ตรงหน้ากู้หว่านเยว่ และคำนับด้วยท่าทีที่ยังถือว่าสุภาพ “คุณชายเผย ได้ยินมาว่าท่านเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาเผย คิดว่าท่านคงเชี่ยวชาญวิชาแพทย์เหมือนหมอเทวดาเผย ไม่ทราบว่าช่วยไปตรวจดูอาการพระสนมของพวกเราได้หรือไม่เจ้าคะ?”ภายในห้องอันอบอุ่น ผู้หญิงแต่งกายหรูหราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะ นางมีรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาน่ารักน่าเวทนา น่าจะเป็นพระสนมโจวกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยจะเทียบกับอาจารย์ได้อย่างไร ข้าน้อยยังเรียนวิชาแพทย์ของอาจารย์ได้ไม่ถึงครึ่งเลย”“ถ้าหากพระสนมไม่สบาย เหตุใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1842

    กู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่ได้โกรธองค์หญิงผู้ไร้เดียงสาท่านนี้“เชิญองค์หญิงหลบไปก่อน ข้าขอตรวจชีพจรให้องค์ชายรองก่อน” กู้หว่านเยว่วางกล่องยาลง ฉีเยว่พยักหน้า รีบหลบไปที่ด้านข้างกู้หว่านเยว่ยื่นมือออกไปจับชีพจรขององค์ชายรองสีหน้าเป่ยหมิงฉีอวี้ดูสับสน ลืมไปแล้วว่ากู้หว่านเยว่เป็นใครแม้แต่ฉีเยว่ที่อยู่ตรงหน้าก็เกือบจำไม่ได้“เหมือนองค์ชายรองจะถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างจริงจังก็ต้องถูกพิษอยู่แล้วและนางนี่แหละที่เป็นคนวางยาพิษเมื่อฉีเยว่ได้ยินก็ประหม่าทันที “พี่รองถูกพิษอะไร? อันตรายหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายศีรษะ “เท่าที่ดูจากสัญญาณชีพจร พิษนี่ไม่ได้ร้ายแรงมากนัก แค่ทำให้คนลืมเรื่องบางเรื่อง และไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย”ที่จริงเมื่อคืนนางสามารถฆ่าเป่ยหมิงฉีอวี้ทิ้งโดยตรงแต่คำนึงถึงเป่ยหมิงฉีอวี้ไม่ใช่คนเลว และมีส่วนร่วมในเรื่องของแคว้นโยวหลานน้อยมาก เป็นเพียงองค์ชายเจ้าสำราญคนหนึ่ง จึงไม่ได้ลงมือฆ่าเขา“ยังดีๆ” ฉีเยว่โล่งอกก่อน แต่หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้ว “แต่ลืมหลายสิ่งหลายอย่างเช่นนี้มันก็ผิดปกติอยู่นะ ตอนนี้พี่รองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นใคร คุณชายเผย ท่า

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1841

    กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดพระสนมโจวเป็นแค่นางสนมคนหนึ่ง ถ้าหากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนางจริงๆ สามารถสั่งให้ทำการสืบสวนอย่างละเอียด แต่ผู้คนในวังต่างก็พูดถึงเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง จะเห็นได้ว่าไม่อยากให้ตรวจสอบพระสนมโจวประกอบกับสิ่งต่างๆ ที่เห็นในห้องบรรทมของฮองเฮา และความรังเกียจในแววตาของเป่ยหมิงเต๋อเซิ่ง จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนกับที่เห็นไม่แน่ สามีที่ดีของฮองเฮา เป่ยหมิงเต๋อเซิ่งก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่ขาดไม่ได้เช่นกันแล้วหันมาดูกล้วยไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดีในสวน ก็อดรู้สึกถากถางไม่ได้“เป่ยหมิงโยวหลานรู้เรื่องนี้หรือไม่?”หมอเทวดาเผยส่ายหัว“เรื่องนี้เป็นความลับของพระราชวัง ข้าเองก็รู้ความจริงเพียงผิวเผิน จากการสืบหาความจริงหลายทาง”“แม้ฝ่าบาทเอาใจใส่ฮองเฮามาก ถึงขั้นมาขอร้องข้าเพราะเรื่องของฮองเฮา”“แต่มีเรื่องมากมายที่เขาไม่รู้”กู้หว่านเยว่หรี่ตาเป่ยหมิงโยวหลานนะเป่ยหมิงโยวหลาน ถ้าหากเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของข้ามีชีวิตที่สุขสบายในมือของเจ้า วันข้างหน้าข้าจะบอกความจริงกับเจ้า อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ต้องเป็นคนโง่ตลอดไป“พอแล้ว ท่านอย่ายุ่งกับเรื่องนี้มากนักเลย และ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1840

    หมอเทวดาไอกระแอมหนึ่งเสียง “ไว้ข้าค่อยจ่ายยาช่วยปรับจิตใจให้สงบก็แล้วกันเขาต้องรีบเผ่นแนบก่อน ไม่อยากได้ยินความลับอะไรจากที่นี่กู้หว่านเยว่ดูเหตุการณ์ไม่นาน ก็นำแผ่นกระเบื้องกลับมาวางตามเดิมอย่างเบามือที่สุด จากนั้นก็ลงจากหลังคาอย่างเงียบเชียบที่สุดหลังจากกลับมายังเส้นทางปกติแล้ว ก็บังเอิญเจอกับนางกำนัลน้อยสองสามคนกำลังจับกลุ่มคุยกันพอดีกู้หว่านเยว่เดินออกมาจากดงดอกไม้ สร้างความตกใจให้พวกนางไม่น้อย“ใครกัน?”“ข้าคือลูกศิษย์ของหมอเทวดาเผย ออกมาชมแสงจันทร์ แต่กลับหลงทาง ไม่รู้ว่าพวกพี่สาวจะช่วยนำทางข้าได้หรือไม่” กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างสุภาพและอ่อนโยนนางกำนัลเหล่านี้ต่างรู้จักหมอเทวดาเผย ครั้นได้ยินกู้หว่านเยว่บอกว่านางคือลูกศิษย์ของหมอเทวดาเผย ก็วางใจ“ที่แท้ก็ศิษย์เอกของหมอเทวดาเผยนี่เอง เป็นพวกเราเองที่มีตาหามีแววไม่”นางกำนัลหนึ่งในนั้นเอ่ยว่า “ข้ารู้ที่อยู่ของหมอเทวดาเผย เชิญคุณชายตามข้ามาเถอะ”“เช่นนั้นคงต้องรบกวนพี่สาวแล้วล่ะ”นางกำนัลทั้งสองคนเดินนำทาง กู้หว่านเยว่พูดคุยกับพวกเขาไปเรื่อยเปื่อย“ข้ามาแคว้นโยวหลานเป็นครั้งแรก ในแคว้นโยวหลานแห่งนี้มีดอกไม้มากมายจริง ๆ”

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1839

    เพียงแต่ทันทีที่บุรุษวัยกลางคนเดินรุดหน้าเข้าไปถึง สตรีผู้นั้นก็ยกมือตบอย่างเต็มแรง“อย่าเข้ามา บอกว่าอย่างเข้ามา......”“อ๊าก!”เล็บมือของสตรีผู้นั้นยาวมาก บนหน้าของบุรุษจึงเกิดเป็นบาดแผลเลือดซิบเขาร้องโอดครวญเสี่ยงต่ำน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “ข้าให้พวกเจ้าตัดเล็บให้ราชินีแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงยังไว้ยาวเช่นนี้อยู่อีก?”“ฝ่าบาททรงระงับโทสะ”เหล่านางกำนัลต่างตัวสั่นงันงก พากันคุกเข่าลงพื้นเวลานี้ กู้หว่านเยว่ที่มองเหตุการณ์อยู่ด้านบนก็เข้าใจสถานะของคนเหล่านั้นในทันที ที่แท้สตรีที่กำลังคลุ้มคลั่งผู้นี้ก็คือราชินีแห่งแคว้นโยวหลาน ส่วนบุรุษที่ยืนอยู่ด้านข้างก็คือราชาแห่งแคว้นโยวหลาน“มิน่าล่ะ พวกเขาถึงไม่อยากให้หมอผีของแคว้นโยวหลาน แต่ไปตามหมอเทวดาจากข้างนอกมาแทน”กู้หว่านบ่นงึมงำเหมือนอาการป่วยนี้ ต่อให้อยู่ในยุคปัจจุบันก็ยังไม่มีวิธีการรักษาที่ดี นับประสาอะไรกับยุคโบราณที่การแพทย์ยังล้าหลังเช่นนี้คาดว่าหมอผีของแคว้นโยวหลานคงจะหมดหนทางกับอาการป่วยของราชินีแล้ว ภายใต้ความจนปัญญาของเขา คงทำได้แค่เรียกหมอเทวดาเผยที่เลื่องลือว่าเป็นหมอแห่งปาฏิหาริย์เข้ามาแทนกู้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status