Share

บทที่ 4

Auteur: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นภายในสมอง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจแทบแย่

“เจ้าเป็นใคร?”

“สวัสดีเจ้านาย ข้าเป็นผู้ดูแลระบบมิติ รับผิดชอบตอบปัญหาที่ท่านสงสัยโดยเฉพาะ”

มิติคือพลังวิเศษที่นางมีตั้งแต่ชาติก่อน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ดูแลระบบอันใด

“ก่อนนี้เจ้านายอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบ แต่อิงตามการกักตุนสินค้าเต็มพื้นที่ของท่านในวันนี้ มิติได้เปิดใช้งานผู้ดูแลระบบและอาคารทางการแพทย์ให้ท่านแล้ว”

กู้หว่านเยว่หลับตาลง เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติได้แล้ว ดังคาด ภายในพื้นที่กักตุนสินค้า นอกจากสิ่งของที่นางเก็บมา ก็มีอาคารทางการแพทย์เครื่องมือล้ำสมัยหลังหนึ่ง

ทว่า เหตุใดเป็นอาคารทางการแพทย์เล่า?

“ซูจิ่งสิงต้องการอาคารทางการแพทย์ เจ้าก็เปิดการใช้งานอาคารทางการแพทย์ ตกลงเจ้าของร่างคือข้าหรือซูจิ่งสิงกันแน่?”

กู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์อย่างมากในใจ

“...” ผู้ดูแลระบบแกล้งตายไปแล้ว

กู้หว่านเยว่ทำเพียงสำรวจการเปลี่ยนแปลงภายในมิติ นอกจากอาคารทางการแพทย์ นางยังพบหน้าจอคล้ายศูนย์ควบคุมทำนองนั้นเพิ่มขึ้นมาในระบบอย่างหนึ่ง ข้างบนเขียนการเปิดใช้งานอาคารใหม่หลากหลายแบบ

อาคารใหม่ที่จะเปิดลำดับถัดไป คือห้องครัวอาหารเลิศรส

นั่นก็หมายความว่า ขอเพียงนางพยายามกักตุนสินค้า ก็สามารถเปิดใช้งานห้องครัวอาหารเลิศรสได้แล้ว ไม่ต้องใส่อาหารเลิศรสเข้าไปด้วยตนเอง?

ให้ตายเถอะ ไม่ต้องสบายถึงเพียงนี้ก็ได้กระมัง!

กู้หว่านเยว่มีความสุขจนไม่สามารถหุบปากได้ ออกจากมิติแล้ว เห็นซูจิ่งสิงหมดสติไปอีกครั้ง ก็หยิบผงยาฆ่าเชื้อมาหนึ่งห่อ จากนั้นทาลงบนกล้ามท้องของเขา

ขณะเดียวกัน เสียงตะโกนเรียกสองสายก็ดังขึ้นห่างออกไปไม่ไกลนัก

“ท่านแม่!” “ท่านยาย!”

เพียงได้ยินเสียงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็รีบเงยหน้ามองออกไป ผู้มาเยือนก็คือบุตรีคนที่ห้าที่นางรักที่สุดซูหวู่อวิ๋นและบุตรีของนางหลี่ซือซือ

“หวู่อวิ๋นเอ๋ย เจ้ามาส่งพวกเราใช่หรือไม่?”

ฮูหยินผู้เฒ่าทอดสายตามองสัมภาระห่อใหญ่ข้างหลังนาง ครุ่นคิดในใจ มิได้เอ็นดูบุตรีคนนี้โดยเสียเปล่าดังคาด

ใครจะรู้ว่าซูหวู่อวิ๋นกลับร้องไห้ออกมาแล้ว “หลี่เปียวเขาไม่ใช่คน ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับจวนอ๋องแล้ว เขากลัวเดือดร้อนไปด้วย ถึงขั้นขอหย่าข้าแล้ว...”

ฮูหยินผู้เฒ่ายังดึงสติกลับมาไม่ได้ “มิใช่พูดว่าโทษไม่มีผลต่อลูกสาวออกเรือนแล้วหรือ?”

ซูหวู่อวิ๋นเช็ดน้ำตา “เขาเห็นข้าขวางหูขวางตาตั้งแต่แรกแล้ว รังเกียจข้าที่ไม่ให้กำเนิดลูกชาย อาศัยว่าสกุลซูของพวกเราเกิดเรื่องพอดี กังวลข้าตอแย ยังไปกราบทูลฝ่าบาทขอให้เนรเทศข้าไปพร้อมกับสกุลซูด้วย”

ฮูหยินผู้เฒ่าเกือบโมโหจนหมดสติ ชี้ทางจวนสกุลหลี่พลางสาปแช่ง

“ซือซือเล่า หลี่เปียวไม่เอาแม้แต่ลูกสาวของตนกระนั้นหรือ?”

ดรุณีน้อยอายุราวสิบห้าสิบหกปีทางด้านข้าง ก็คือหลี่ซือซือ

ขอบตานางแดงก่ำ “ท่านพ่อต้องการเพียงลูกชาย ไม่ต้องการลูกสาว ไล่ข้าออกมาแล้วเจ้าค่ะ”

ได้ยินว่าหลี่เปียวไร้เหตุผลถึงเพียงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธแทบตาย อยากถกแขนเสื้อบุกสกุลหลี่เสียให้ได้

ซูหวู่อวิ๋นและหลี่ซือซือกอดกันร้องไห้พักหนึ่ง จู่ๆ หลี่ซือซือก็หันมองทางเกวียนสีหน้ากังวล “เหตุใดญาติผู้พี่จิ่งถูกโบยจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”

สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเข้มขึ้น ไม่เปล่งวาจา

ซูหัวหลินกลับสบถด่าบ้านสามออกมาอย่างไม่คิดปิดบังต่อหน้าทุกคน “มิใช่เพราะเขาขายบ้านเมืองเพื่อความรุ่งโรจน์ ถูกฝ่าบาทสั่งโบยหรือ ล้วนต้องตำหนิเขา สกุลซูของพวกเราถูกเขาทำให้เดือดร้อนไปด้วย!”

หลี่ซือซือบีบนิ้วมือ “เรื่องนี้ ตำหนิญาติผู้พี่จิ่งไม่ได้เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นตำหนิใครได้เล่า?”

“ท่านยายและพวกท่านลุงอย่ารำคาญข้าเลย เมื่อครึ่งเดือนก่อน ข้าไปจุดธูปที่วัด ระหว่างทางบังเอิญพบนักพรตเต๋าท่านหนึ่ง

พูดว่าคุณหนูสกุลกู้มีดาวหายนะ จะนำพาภัยพิบัติมาสู่สกุลซูของพวกเรา

เมื่อนั้นข้ากลัวยิ่งนัก ทั้งยังได้เห็นฝ่าบาทพระราชทานสมรสก็ไม่กล้าพูด ใครจะรู้ ว่าจะกลายเป็นจริงเสียแล้ว...”

เพียงนางพูดถ้อยคำนี้ออกมา ทุกคนก็ล้วนหันมองทางกู้หว่านเยว่ สายตาพินิจพิเคราะห์อยู่บนตัวกู้หว่านเยว่ ต้องการหาหลักฐานว่านางคือดาวหายนะ

“เพราะเหตุนี้จวนโหวถึงต้องการตัดความสัมพันธ์กับนาง”

“ล้วนต้องตำหนินาง ที่ทำร้ายพวกเราแล้ว!”

เสียงสบถด่าของทุกคนในสกุลซูดังขึ้นมา สายตาจับจ้องกู้หว่านเยว่ อยากถลกหนังนางออกมาเสียให้ได้ โดยเฉพาะพวกฝ่ายชายอารมณ์วู่วามเหล่านั้น ยกกำปั้นเดินเข้าหากู้หว่านเยว่แล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่ห้าม กู้หว่านเยว่ตัดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว ระหว่างเดินทางเนรเทศก็ไม่ลงแรงเลยแม้แต่น้อย ถูกตีก็สมควรแล้ว!

เห็นว่าคนเหล่านั้นใกล้เดินมาถึงหน้ากู้หว่านเยว่แล้ว ซูจื่อชิงที่หลบอยู่ข้างหลังนางหยางพลันโผล่พรวดออกมา

“พวกเจ้าห้ามรังแกพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า!”

เขายังไม่ลืมยามพี่ใหญ่และท่านแม่ถูกเจียงเต๋อจื้อรังแก มีเพียงพี่สะใภ้ใหญ่ออกมาช่วยเหลือ

เป็นคนต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ พี่ใหญ่หมดสติยังไม่ฟื้น เขาต้องเป็นคนปกป้องพี่สะใภ้ใหญ่!

ซูหัวหลินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ซูจื่อชิงเจ้าหลีกไปที่ด้านข้าง พวกเราสกุลซูถูกนางทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ วันนี้จะต้องสั่งสอนนางให้ได้!”

“พวกเราสกุลซูถูกใส่ความ หาใช้ถูกพี่สะใภ้ใหญ่ทำร้ายไม่ ข้าไม่หลีก”

“ไม่หลีกก็จะตีเจ้าไปพร้อมกันเสียเลย”

ซูหัวหลินเองก็ไม่เกรงใจ ยื่นมือออกไปผลักซูจื่อชิงให้พ้นทาง กู้หว่านเยว่รีบถลันเข้าไปรับคน ขณะเดียวกันก็จับข้อมือของซูหัวหลิน หักแรงๆ

“ให้ตายเถอะ เจ็บจะตายอยู่แล้ว...”

ซูหัวหลินจับข้อมือที่ถูกหักพลางร้องไห้ตะโกนหามารดา นางเฉียนและลูกชายอีกสองคนรีบถลันขึ้นไป

“นางแพศยาหาญกล้าทำร้ายท่านพ่อ (สามี) ข้า เจ้าจะได้เห็นดี...”

มองเห็นคนกลุ่มนั้นของบ้านรองถลันขึ้นมา กู้หว่านเยว่กลับไม่ว้าวุ่น หนึ่งมือดึงซูจื่อชิงไปไว้ข้างหลัง หนึ่งมือจับคอเสื้อเหวี่ยงพวกเขาแรงๆ ล้มลงตรงหน้าหลี่ซือซือ

ถัดมาเดินเข้าไปตบหลี่ซือซือสองฉาด

“สร้างเรื่องเท็จมีความสุขมากกระมัง ถูกตบมีความสุขหรือไม่เล่า?”

หลี่ซือซือคนนี้มาทีหลัง สายตาจับจ้องซูจิ่งสิงอยู่ตลอด ดึงก็ดึงออกมาไม่ได้ คิดว่านางกู้หว่านเยว่เป็นคนโง่หรืออย่างไร?

ในต้นฉบับนิยาย หลี่ซือซือหลงรักซูจิ่งสิง แต่น่าเสียดายซูจิ่งสิงยังไม่ทันเดินทางก็พิษกำเริบตายไปแล้ว

ท้ายที่สุด นางแต่งงานกับบุตรสายตรงของบ้านใหญ่ซู ก็มิได้ทำให้เจ้าของร่างเดิมลำบาก บัดนี้เห็นว่าชะตาชีวิตของซูจิ่งสิงถูกเปลี่ยนแปลงแล้ว น่ากลัวว่าภายภาคหน้าต้องเกิดปัญหาเป็นแน่

แต่ คิดสร้างปัญหาบนตัวนางกู้หว่านเยว่? ฝันไปเถอะ

หลี่ซือซือถูกตบจนงุนงงแล้ว หลั่งน้ำตาดุจดอกสาลี่ต้องหยาดพิรุณ “นางบ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ เจ้าพูดเลื่อนเปื้อน ข้ามิได้...”

สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าดำทะมึน “นางกู้ เจ้าจะก่อกบฏหรือ!”

“ก่อกบฏ? ท่านนับเป็นอันใด ท่านเป็นฮ่องเต้หรือ ท่านเองก็คู่ควร?”

ปากของกู้หว่านเยว่นี้สามารถทำให้คนโมโหตายได้

อาศัยนางมีวรยุทธ์แข็งแกร่ง สกุลซูไม่กล้าขยับขึ้นมาแม้คนเดียว ทำได้เพียงสบถด่าสาปแช่งนางอยู่ไม่ไกล

ด่าก็ด่า อย่างไรเสียก็ไม่มีเนื้อชิ้นใดตกไป กู้หว่านเยว่ไม่สนใจ

ขณะเดียวกัน นักการในศาลาว่าการก็ตะโกน “นักโทษจัดเรียงแถวให้ดี เตรียมออกเดินทางแล้ว”

ได้ยินว่าใกล้จะออกเดินทางแล้ว เสียงร่ำไห้บนเนินเขาสิบลี้ยังมิอาจระงับไหว ไม่ว่าญาติที่มาส่งหรือนักโทษถูกเนรเทศล้วนร่ำไห้คร่ำครวญ

กาลข้างหน้ามิอาจคาดเดา ไม่มีวันกลับมาเมืองหลวงได้อีกแล้ว...

ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ ทุกคนถูกนักการในศาลาว่าการเร่งให้เดินทาง

บ้านสกุลซูเหล่านั้นเดินอยู่ข้างหลังสุด ปกติพวกเขาล้วนใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไร้กังวล บนเท้าเกิดตุ่มน้ำพองอย่างรวดเร็ว เจ็บปวดทุกย่างก้าว

“เดินมานานถึงเพียงนี้แล้ว ไม่พักผ่อนสักหน่อยหรือ อยากทำให้พวกเราเหนื่อยตายใช่หรือไม่?”

คนมากมายยังมิอาจแก้อุปนิสัยของขุนนางผู้สูงศักดิ์ เหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้วก็อ้าปากบ่นๆ ด่าๆ นางหลิวไม่ชอบออกกำลังกายร่างกายอ้วนท้วมอยู่บ้าง บัดนี้เหนื่อยมากแล้ว

ดวงตานางกลิ้งกลอก อุทานไอหยาเสียงหนึ่งก็ล้มลงแกล้งหมดสติบนพื้น

ทุกคนมีแบบอย่างก็เลียนแบบ คิดอยากล้มลงไปด้วย ใครรู้นักการในศาลาว่าการรีบหยิบแส้เข้าไปแล้วฟาดลงบนตัวนางหลิวทีหนึ่ง

“หมดสติแล้วหรือ? ข้าเชี่ยวชาญรักษาอาการหมดสติยิ่งนัก รีบลุกขึ้นมาแล้วเร่งเดินทาง หาไม่แล้วจะตีเจ้าให้ตาย!”

นางหลิวเจ็บจนร่ำไห้โอดครวญ กลิ้งบนพื้นขอความเมตตา นักการในศาลาว่าการกลับไม่ใจอ่อน นักโทษถูกเนรเทศตายกลางทางบ่อยครั้ง ขอเพียงไม่ตายทั้งหมดก็ไม่เป็นไร
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Commentaires (4)
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
ติดตามต่อ ๆๆๆๆ
goodnovel comment avatar
Dumpjea
เพิ่งเข้ามา ก็ก่อเรื่อง สร้างความแตกแยกซะแล้ว อยากได้ญาติผู้พี่ละสิ
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
ขอบคุณมากค่ะสนุกมาก
VOIR TOUS LES COMMENTAIRES

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1984

    แต่จี้เยว่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของสกุลซุน ไม่ได้รับความสำคัญมากเพียงพอ อีกทั้งยังไม่สามารถตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงได้นางหยางกวาดตามอง “ดูเด็กคนนี้น่ารักมากเพียงใด ข้าอายุปูนนี้แล้ว ว่างงานยิ่งนัก ชอบให้เด็กรายล้อมรอบกาย หากไม่สะดวกเลี้ยงดูในวัง ก็สามารถส่งมาที่จวนข้าได้”“เด็กคนนี้งดงามดุจหยก ขาวๆ นุ่มๆ มองดูแล้วเป็นคนมีวาสนาคนหนึ่ง กินอิ่มแล้วก็นอน นิสัยเองก็ดี ภายภาคหน้าจ้านจ้านโตแล้ว ก็ช่วยคลายเหงาให้จ้านจ้านได้”ซูจิ่งสิงไม่รับสนม วังหลังคล้ายไม่มีอยู่จริง กู้หว่านเยว่เองก็ไม่มีลูกในตอนนี้ภายในวังมีเพียงจ้านจ้านเป็นเด็กคนเดียว เหงาอยู่บ้างจริงๆมีเด็กคนอื่นอยู่เป็นเพื่อน ก็เป็นเรื่องดีสองสามคนปรึกษากันและตัดสิน ให้จี้เยว่อยู่ภายในวังก่อนอย่างน้อยทางฝั่งสกุลซุนนั้น ซูจิ่งสิงย่อมส่งคนไปแจ้งข่าว คาดว่าสกุลซุนเองก็ไม่มีวันคัดค้านขณะเดียวกันดรุณีน้อยนอนหลับฝันหวานภายในอ้อมกอดของชิงเหลียนยังไม่รู้เลยว่าบัดนี้ชะตาชีวิตของตนกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วนับตั้งแต่นี้ไป จะผูกติดกับองค์ชายน้อยที่มอบขนมให้ตนเองกินสองสามคนพูดคุยกันขณะรอ กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องที่ได้พบเห็นในที่ราบแห่งความโกลาหล

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1983

    ห้องเครื่องของวังหลวงทำอาหารเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว เหล่าญาติฝ่ายหญิงที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงภายในวังหลวงล้วนถูกกระจายออกไปแล้วชิงเหลียนมองกู้หว่านเยว่ที่ไม่ได้พบหน้านานมาก ตื่นเต้นจนน้ำตาไหล“ฮูหยิน นับว่ารอจนท่านกลับมาแล้ว”นางปาดน้ำตา พูดยิ้มๆ อย่างเก้อกระดาก “หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้อยู่ภายในวัง วันหน้าบ่าวจะพานางเข้ามาโขกศีรษะให้ท่านให้ได้เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้าง“เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้วหรือนี่”นางนึกถึงก่อนหน้านี้เตรียมสินเดิมให้เหล่าสาวใช้ รอได้พบหงซิ่ง จะต้องมอบสินเดิมให้นางชิงเหลียนพยักหน้ายิ้มๆ “พวกเขาสองสามีภรรยาเปิดร้านขายผ้าแห่งหนึ่งในเมืองหลวง การค้านับว่าไม่เลว ไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง”กู้หว่านเยว่นึกดีใจแทนพวกเขาภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ใช่แล้ว นี่เป็นลูกของใคร เหตุใดไปอยู่ในตำหนักบรรทมของจ้านจ้านได้?”จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่หลบใต้โต๊ะของจ้านจ้านขึ้นมาได้ ดวงตากลมโตดุจหยก กลับเป็นเด็กน่ารักคนหนึ่งชิงเหลียนรีบเล่าฐานะของเด็กหญิงให้กู้หว่านเยว่ฟัง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงชะงักไป เงียบ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1982

    “ร้องไห้ทำไม? โตเพียงนี้แล้วยังเสียน้ำตาอีก”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว สั่งสอนอย่างเข้มงวดภายในสายตานางหยางเจือประกายน้ำตา สบมองกู้หว่านเยว่ ทั้งยังหันมองซูจิ่งสิง“ตอนเจ้าไม่อยู่ จื่อชิงเด็กคนนี้สุขุมมากนัก”“มีเพียงได้เห็นพวกเจ้า เขาถึงตื่นเต้นมากถึงเพียงนี้”ซูจื่อชิงไม่ตื่นเต้นได้หรือ เขาทำงานหนักเพื่อพี่ใหญ่พี่สะใภ้ทุกวัน ดูแลบ้านเมืองงานยิ่งใหญ่นี้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด นอนดึกยิ่งกว่าสุนัข ตื่นเช้ายิ่งกว่าไก่ เหนื่อยแทบตาย“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว ฮือฮือๆ...” ซูจื่อชิงกอดขาทั้งคู่ ร้องไห้โฮ“รีบปล่อยเร็วเข้า อย่าทำให้ข้าขายหน้า”ซูจิ่งสิงสบถด่าเสียงเยียบเย็นทั้งคู่ทำความเคารพนางหยางพร้อมกัน “ท่านแม่ พวกเรากลับมาแล้ว ช่วงนี้ทำให้พวกท่านกังวลแล้ว”จ้านจ้านขาวขาวเนียนเนียน สุขภาพแข็งแรงร่าเริง นางหยางย่าคนนี้ใส่ใจไม่น้อย กู้หว่านเยว่รู้สึกซาบซึ้งอยู่ภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน พูดจาห่างเหินเพียงนี้ทำอันใด”นางหยางปาดน้ำตาที่หางตา มองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงอย่างชื่นชม“ขอเพียงพวกเจ้าสองคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย แม่ก็วางใจแล้ว”“ใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1981

    ในสายตาเจ้าเด็กบ้ามีเพียงมารดา ไม่มีบิดา!ซูจิ่งสิงอยากตีก้นเจ้าเด็กคนนี้สักที แต่เห็นใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของเขา ยังตัดสินใจปล่อยไปก่อนจ้านจ้านเงยหน้า เหลือบมองบิดาของเขาแวบหนึ่ง พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด “เสด็จพ่อ ท่านไม่ใช่พูดว่าจะพาเสด็จแม่กลับมาในสองเดือนหรือ?”เขากำหมัดแน่นถูกบิดาหลอกแล้ว!ตอนบิดาจากไปยังพูดว่าสองเดือนก็กลับมา เขาถึงดีใจพูดว่าอยากได้น้องสาวสักคน ขอให้พาน้องสาวกลับมาพร้อมกันใครรู้เล่าว่าบิดาไปครั้งนี้นานถึงหนึ่งปี!“เกิดความเปลี่ยนแปลง กลับมาช้าไปแล้ว”ซูจิ่งสิงลูบศีรษะเต็มไปด้วยเส้นผมของลูกชาย “แต่ครั้งนี้ข้าและแม่เจ้าได้รับมาไม่น้อย รอภายภาคหน้าค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟังดีหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ฟังออก ซูจิ่งสิงนี่คือต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของจ้านจ้านนางพยักหน้าให้ความร่วมมือ “ใช่แล้วจ้านจ้าน พวกเราผ่านป่าซิงโตวมาด้วย นั่นคือสถานที่กว้างใหญ่เท่าต้าฉีสองแห่งเลยทีเดียว”จ้านจ้านกระพริบตา เขาอ่านหนังสือมาไม่น้อย นึกถึงระยะห่างภายในสมองภายในหนังสือพูดว่าอาณาเขตเหนือใต้ของต้าฉีมีระยะห่างราวหนึ่งพันห้าร้อยลี้ ต้าฉีสองแห่ง นั่นไกลมากเหลือเกิน“ภายใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1980

    “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เขารู้จักจี้เยว่ สายตามองไปที่หน้าอกของนาง ก็เห็นคราบน้ำลายเต็มไปหมดจริง ๆ นางยังหลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขา ที่มุมปากก็ยังมีเศษขนมติดอยู่พอมองขึ้นไปบนโต๊ะ ขนมที่วางไว้เมื่อเช้าก็หายไปแล้วจริง ๆ เจ้าเด็กโง่คนนี้หลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเขาเพื่อแอบกินขนม! มุมปากของจ้านจ้านกระตุกจี้เยว่ดูสีหน้าคนไม่ออก ยังไม่รู้ตัวว่าทำให้องค์ชายน้อยโกรธแล้ว ยังคงจ้องมองดวงตาแดง ๆ ของเขาอย่างสงสัย“ท่านพี่ ท่านร้องไห้ทำไมหรือ? กินขนมสักคำก็จะไม่ร้องไห้แล้วนะ ขนมที่นี่อร่อยมาก เยว่เอ๋อร์ไม่เคยกินขนมที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”เจ้าแมวน้อยตะกละกินจนท้องกลม ก็พูดเยอะขึ้นแล้ว “ข้าไม่ได้ร้องไห้”จ้านจ้านกล่าวอย่างดุดัน“ถ้ากล้าพูดว่าข้าร้องไห้อีก ข้าจะต่อยเจ้า!”จี้เยว่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มองไปที่กำปั้นของจ้านจ้าน แล้วก็เบะปาก ดวงตาที่ดูโตเป็นพิเศษคู่นั้นก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาในทันที“ฮือ ๆ ๆ ...” นางถูกขู่จนร้องไห้จ้านจ้านตกตะลึง เขากลัวผู้หญิงร้องไห้ที่สุด จึงรีบเอามือปิดปากของจี้เยว่ แก้มของเด็กหญิงทั้งกลมทั้งนุ่ม แถมยังเด้งอีกด้วยเขาก็เผลอใช้แรงหยิกไปทีหนึ่งโดยไม่รู้ตั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1979

    ก็ไม่แปลกที่กู้หว่านเยว่จะลังเลตอนที่นางจากไปครั้งแรก ได้ให้สัญญากับซูจิ่งสิงไว้ว่าจะกลับมาภายในหนึ่งปีแต่ตอนนี้ ผ่านมาสองปีเต็มแล้วตอนนั้นจ้านจ้านยังเดินเตาะแตะ พูดได้แค่คำสองคำง่าย ๆ แต่ตอนนี้กลับขยับขาสั้น ๆ ของตนวิ่งได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็วหากไม่เอ่ยปากก็แล้วไป แต่หากเอ่ยปากพูดเมื่อใดก็สามารถทำให้คนโกรธจนแทบกระอักเลือดได้ดังนั้น ตอนแรกที่กู้หว่านเยว่เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งมา นางก็เพียงแค่รู้สึกตามสัญชาตญาณว่านั่นคือจ้านจ้านจนกระทั่งเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด นางถึงกล้าตัดสินจากท่าทางของเด็กคนนั้นได้ว่า นั่นคือจ้านจ้านลูกชายสุดที่รักของนาง!“เป็นลูกชายจริง ๆ ด้วย!” กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้าตื่นเต้นนางเร่งฝีเท้า เดินตรงไปยังทิศทางของจ้านจ้านซูจิ่งสิงเองก็จ้องมองเด็กคนนั้นไม่วางตา เขาจากไปช้ากว่ากู้หว่านเยว่เล็กน้อย ตอนนั้นจ้านจ้านก็สามารถพูดคุยกับเขาได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว“จ้านจ้าน!”ทั้งสองคนร้องเรียกออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ตั้งใจจะเข้าไปกอดลูกชายจ้านจ้านที่วิ่งมาได้ครึ่งทางพลันหยุดนิ่ง เขามองทั้งสองคน ก่อนจะเช็ดที่หางตาของตนเองอย่างแรงจากนั้น ก็หันหลังกลับแล้

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status