กู้หว่านเยว่ต้องการถามเรื่องนี้จากนางพอดีเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ตั้งใจฟังทันที“หนึ่งเดือนก่อน กงซุนจ่างเย่พาข้าไปส่งที่เมืองเหยียนสุ่ยอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่วัน จู่ ๆ ก็ได้รับข่าวลับจากหมู่บ้านโซว่หวางขอให้เขารีบกลับไปที่หมู่บ้านโซว่หวาง”หมิงจูจมดิ่งสู่ห้วงความทรงจำ“เพราะตอนที่ล้อมปราบสกุลฮั่ว เขาได้ช่วยเหลือเอาไว้เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจึงตัดสินใจเดินทางไปยังเขตซีเป่ยกับเขา กงซุนรีบร้อนมาก จึงเร่งเดินทางมาถึงเขตซีเป่ย”อาจเป็นเพราะรู้ว่าหมู่บ้านโซว่หวางเกิดเรื่อง กงซุนจ่างเย่จึงไม่ได้พาหมิงจูเข้าไปในเขตซีเป่ยพร้อมกับเขาแต่ให้หมิงจูรออยู่ที่เมืองชายแดนเล็ก ๆ ในเขตซีเป่ย ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยตามปกติ เขาก็จะมารับนางแล้วออกไปถ้าเป็นเรื่องใหญ่ ก็จะส่งจดหมายทางนกพิราบ ให้นางรีบจากไปทันที“ข้ารออยู่ที่เมืองเล็ก ๆ นั่นเป็นเวลาห้าวัน ก็ไม่ได้รับข่าวอะไรเลย” หมิงจูกล่าวต่อ“ข้าเดาว่ากงซุนน่าจะเจอเรื่องใหญ่ จึงปลอมตัวแล้วแอบเข้าไปในเขตซีเป่ย” พูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ สีหน้าของนางก็กลายเป็นดูเจ็บปวดอย่างมากน้ำตาคลอ “อาจเป็นเพราะสวรรค์คุ้มครอง ข้าบังเอิญเจอกงซุนที่บาดเจ็บสาหัส เขาเกือ
“ต้องไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้ทำแบบนี้อีกต่อไป”หนานหยางอ๋องดูตื่นเต้นเล็กน้อย“แบบนี้ จะทำให้โชคชะตาของแคว้นต้าฉีเสียหาย ประชาชนต้องเดือดร้อน”พูดจบ เขาก็รีบเงยหน้ามองซูจิ่งสิง ซูจิ่งสิงเข้าใจความหมายของหนานหยางอ๋องทันที“หว่านเยว่ พวกเราไปที่หมู่บ้านโซว่หวางกันเถอะ”กู้หว่านเยว่คิดคำนวณ เวลานี้การก่อสร้างในเจดีย์หนิงกู่เกือบจะเข้าที่เข้าทางแล้ว น้ำมันก๊าดก็ถูกขนส่งมาถึงแล้วถึงพวกเขาจะจากไป เจดีย์หนิงกู่ก็จะไม่ได้รับความเสียหายในเร็ว ๆ นี้หนานหยางอ๋องรีบเอ่ยขึ้น “ข้ามีลูกน้องเก่าจำนวนมาก พวกเขากำลังทยอยเดินทางมาที่นี่รอให้พวกเขามาถึง เจดีย์หนิงกู่ก็จะกลายเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง พวกเขาทุกคนจะปกป้องเจดีย์หนิงกู่”กู้หว่านเยว่สูดหายใจเข้าลึก ๆ วางใจได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว“ขอบพระทัยหนานหยางอ๋อง”หนานหยางอ๋องรู้สึกตื้นตันใจ รีบกล่าวขึ้น “พวกเจ้าเป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าคือนายของข้ายิ่งไปกว่านั้น การไปที่หมู่บ้านโซว่หวางครั้งนี้ ข้าก็จะสนับสนุนพวกเจ้า”หนานหยางอ๋องปรารถนาเพียงสิ่งเดียวคือ แคว้นต้าฉีเจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข“รอให้กงซุนจ่างเย่ฟ
ความคิดนี้อยู่ในใจเพียงชั่วครู่เท่านั้น ในเมื่อกู้หว่านเยว่แต่งงานมีสามีแล้ว ต่อให้อวิ๋นมู่ปรารถนาในใจมากแค่ไหน เขาก็จะยับยั้งชั่งใจเอาไว้“เฮ้อ เจ้านี่นะ ข้าควรจะหาภรรยาให้เจ้าตั้งแต่เนิ่น ๆ ”นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นมองทะลุความในใจของอวิ๋นมู่ จากนั้นส่ายหัวอย่างจนปัญญาเจ้าเด็กไม่เอาไหนนี่ เหตุใดถึงไม่รู้จักควบคุมหัวใจตัวเอง?“ลูกไม่ขออะไรมาก ขอแค่ให้นางปลอดภัยราบรื่น มีความสุข สุขภาพแข็งแรง”อวิ๋นมู่ดูสดใส รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความสุขนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นสีหน้าหม่นหมอง หากนายหญิงกู้ยังไม่แต่งงานหรือหย่าร้างแล้ว เขาคงจะสนับสนุนเต็มที่แต่เห็นได้ชัดว่านางและซูจิ่งสิงรักกันมาก“แย่แล้ว ๆ สายเลือดสกุลอวิ๋นของข้าคงไม่ได้สิ้นสุดตรงนี้หรอกนะ?” นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นคิดวางแผนในใจ ต้องหาภรรยาดี ๆ ให้กับอวิ๋นมู่ให้ได้ภายในห้อง กู้หว่านเยว่เปลี่ยนใจ “ท่านพี่ ข้าว่าจะให้คนสร้างถังเหล็กขึ้นมา เพื่อใส่น้ำมันก๊าด”เดิมทีนางคิดจะซื้อถังเหล็กจำนวนมาก แล้วโยนไปให้พวกชาวหู บอกทุกคนว่าซื้อถังเหล็กพวกนั้นมาจากชาวหูแต่พอคิดดูดี ๆ แบบนี้เหมือนปล่อยให้ชาวหูได้ประโยชน์มากเกินไปการสร้างเครื่องมือเหล็กไม่
จี้ฮั่นโม่หายใจถี่ “หนังสือเล่มนี้มาจากที่ใด?”“ใต้เท้าจี้แค่บอกว่าอยากจะรับงานนี้หรือไม่”ระหว่างทาง ทั้งสองคนได้พูดคุยเกี่ยวกับความสามารถของจี้ฮั่นโม่ ซูจิ่งสิงค่อนข้างเห็นด้วยดังนั้น กู้หว่านเยว่จึงกล้ามอบหมายเรื่องนี้ให้เขาในขณะเดียวกัน ก็เพราะกู้หว่านเยว่อยากจะขี้เกียจบ้าง ถ้าทำเองทุกอย่าง นางจะไม่เหนื่อยตายหรอกหรือยิ่งถึงช่วงหลัง ๆ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการลูกน้อง“อยาก ข้าอยากรับแน่นอน!”จี้ฮั่นโม่ก็มีความมุ่งมั่นเช่นกัน“แต่ว่า ภรรยาและลูกของข้า...”จี้ฮั่นโม่รู้สึกละอายใจเล็กน้อยตอนนี้เขาไม่มีเบี้ยหวัดแล้ว เงินที่พกมาตอนหลบหนีก็ใช้ไปจนเกือบหมดกู้หว่านเยว่มองเห็นถึงความลำบากของเขา จึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะจ่ายเงินเดือนให้ท่านถ้าท่านกังวลว่าภรรยาและลูกของท่านจะไม่มีใครดูแล ก็จ้างคนรับใช้ให้พวกเขา”“นี่ จริงหรือ?”จี้ฮั่นโม่ดีใจอย่างยิ่งสิ่งเดียวที่เขากังวลก็คือเรื่องนี้ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเช่นกัน เขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไป“เรื่องนี้ มอบหมายให้ข้า ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”ทั้งสองคนคุยกันเรื่องเงินเดือนอีกสักหน่อย กู้หว่านเย
“แม้แต่แขนของข้า ก็ถูกพวกเขาฟันขาดความแค้นอันใหญ่หลวงนี้ ข้าจะไม่มีวันลืม!”ดวงตาของมู่หรงอวี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ราวกับปีศาจที่ปีนขึ้นมาจากนรกหลังจากที่หนีออกมาจากภูเขาหิมะ เขาก็ไม่กล้าหยุดพักแม้แต่วินาทีเดียวหนีออกมาจากเจดีย์หนิงกู่เหมือนหมาจรจัด กลัวว่าจะถูกกู้หว่านเยว่ไล่ตามทันเมื่อนึกถึงการหลบซ่อนตัวตลอดในสองวันนี้ มู่หรงอวี้ก็รู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก“ท่านอ๋อง ต่อไปพวกเราจะทำอย่างไรดี?” ลูกน้องหลายคนมองด้วยความความเศร้าโศกพี่น้องมากมาย เหลือเพียงแค่พวกเขา“ไปที่หมู่บ้านโซว่หวาง”มู่หรงอวี้ยิ้มเยาะ “ข้าจะรอพวกเขาที่หมู่บ้านโซว่หวาง แล้วจัดการพวกเขาให้หมดในคราวเดียว!”คิดว่าตัดแขนเขาไปข้างหนึ่ง แล้วเขาจะเป็นง่อยแล้วหรือ?เขายังมีไพ่ตายใบสุดท้าย!มู่หรงอวี้พาลูกน้องขี่ม้าออกไป โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีคนชุดดำคนหนึ่งแอบสะกดรอยตามเขาอยู่ข้างหลัง“...”“กงซุนจ่างเย่ใกล้ฟื้นแล้ว”สองวันมานี้ กู้หว่านเยว่คอยสังเกตความเคลื่อนไหวอยู่ในหอแห่งโอสถมาตลอดหลังจากที่พบว่ากงซุนจ่างเย่ใกล้ฟื้นแล้ว ก็รีบย้ายเขากลับมาภายในห้องในขณะเดียวกัน ก็ดึงเข็มทั้งหมดออกจากตัวเขาด้วย
ความคิดของกู้หว่านเยว่ล่องลอยไปไกลนางสนใจนกวิเศษที่หนานหยางอ๋องพูดถึงมาก ในโลกนี้มีนกวิเศษอย่างนกหงส์เพลิงจริง ๆ หรือ? ถ้านกหงส์เพลิงมีอยู่จริง ใครได้มันไปก็คงสามารถบัญชาสรรพสัตว์ กลายเป็นราชาแห่งสรรพสัตว์จริง ๆ สินะ?กู้หว่านเยว่ตั้งสติ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นแค่ข่าวลือ ภารกิจหลักตอนนี้คือไปที่เขตซีเป่ยเพื่อขัดขวางแผนการของฮ่องเต้ชั่วกู้หว่านเยว่คำนวณวันเวลาครู่หนึ่ง ตอนนี้ผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องที่หมู่บ้านโซว่หวางยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร โอกาสรอดชีวิตของคนในหมู่บ้านโซว่หวางก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้นนางจึงเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ ข้าไม่คิดจะรออีกแล้ว คืนนี้กลับไปเก็บของ พรุ่งนี้ไปที่หมู่บ้านโซว่หวางกันเถอะ”“ให้ข้าไปด้วย” กงซุนจ่างเย่ขอร้อง “ข้าจะไม่เป็นภาระให้พวกท่าน”ตั้งแต่เด็กจนโต เขาเป็นลูกชายคนเล็กที่ได้รับความรักมากที่สุดในครอบครัวครั้งนี้ เขาจะเป็นผู้แบกรับความรุ่งเรืองและความตกต่ำของหมู่บ้านโซว่หวางเขาต้องกลับไปช่วยท่านพ่อและพวกพี่สาวด้วยตัวเอง“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“เจ้าเดินไม่ได้ แต่สามารถนั่งรถม้าได้ ถึงตอนนั้นพวกเราจะแยกกันไ
“เคลื่อนพลผู้พิทักษ์แห่งจันทรา มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านโซว่หวาง”ผู้พิทักษ์แห่งจันทราเป็นองครักษ์ลับที่ซูจิ่งสิงสร้างให้กู้หว่านเยว่เป็นการส่วนตัวออกเดินทางไปยังหมู่บ้านโซว่หวางครั้งนี้ เขาไม่อยากเห็นกู้หว่านเยว่ได้รับอันตรายใด ๆดังนั้นจึงตัดสินใจออกคำสั่งผู้พิทักษ์แห่งจันทราล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัย“นายท่านโปรดวางใจ พวกข้าจะคุ้มครองฮูหยินอย่างเต็มที่”คนสิบกว่าคนที่นำโดยชิงเหลียนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพหลังจากจัดเตรียมทุกอย่างแล้ว ซูจิ่งสิงก็กลับไปที่เตียง กอดกู้หว่านเยว่ไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะผล็อยหลับไปเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากทั้งสองรับประทานอาหารที่นางหยางทำให้เรียบร้อยแล้ว ก็ตัดสินใจออกเดินทางไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือทันทีเนื่องจากกงซุนจ่างเย่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมิ่งเหยียนก็เพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน ไม่ควรเร่งการเดินทางทั้งวันทั้งคืนดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจแบ่งกองกำลังออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มหนึ่งมีหมิงจูพร้อมด้วยกงซุนจ่างเย่และเมิ่งเหยียน โดยมีลั่วหยางคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ นั่งรถม้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออีกกลุ่มหนึ่ง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงออกเดินทางตามลำพัง เพื่อไปให้ถึงโ
“น้องหญิง พวกเราบินอยู่บนท้องฟ้า หากมีคนเห็นเข้า จะไม่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์ประหลาดหรือ”หลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว ซูจิ่งสิงก็ถามด้วยความกังวลกู้หว่านเยว่หัวเราะขึ้นมาทันที “อย่ากังวล พวกเรากำลังบินสูงมาก ผู้คนบนพื้นดินจะมองเห็นเพียงจุดสีดำเล็ก ๆ ลอยผ่านไป อีกอย่างเมื่อคืนนี้ข้าได้วางแผนเส้นทางไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”เส้นทางนี้จะไม่ผ่านเมือง แต่ตรงไปยังเขตภูเขาที่มีประชากรเบาบางโดยเฉพาะเช่นนี้จะขจัดความเป็นไปได้ที่จะถูกผู้คนสังเกตเห็นไปโดยปริยาย“แผนที่อยู่ตรงกลางระหว่างเรา ท่านลองเปิดมันดูสิ”ซูจิ่งสิงได้ยินเช่นนี้ก็หยิบแผนที่ขึ้นมา สังเกตดูสักครู่ก็พบว่า เส้นทางนี้ของกู้หว่านเยว่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบบ้านเรือนผู้คนเขาวางแผนที่ลง เมื่อมองลงไปก็เห็นภูเขาแม่น้ำและมหาสมุทรอยู่ใต้ฝ่าเท้า เพียงชั่วขณะหนึ่งภายในใจก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไร้ขอบเขต“น้องหญิง เจ้าสอนข้าขับเฮลิคอปเตอร์ได้ไหม? เวลาเจ้าเหนื่อย ข้าจะได้ทำแทนเจ้าได้”ซูจิ่งสิงไม่คุ้นเคยกับการนั่งที่นั่งผู้โดยสารโดยที่ไม่ทำอะไรเลย“ไม่ต้องรีบร้อน ต่อไปยังมีเวลาอีกมาก”ทั้งสองทำเหมือนไม่ม
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้