ตอนที่ 1
ยามอิ๋น (03.00 น. - 04.59 น.) หุบเขาหมื่นบุปผา
เงาร่างเล็กๆ สะพายถุงผ้าขนาดใหญ่เกือบเท่าตัว ค่อยๆ เปิดประตูเรือนของตนเองออกมาอย่างเงียบเชียบ เพื่อไม่ให้ผู้คนที่อยู่ภายในเรือนอื่นๆ ได้ยิน ดวงตากลมโตกว้างราวกับลูกกวางน้อย ค่อยๆ ใช้สายตาที่เฉียบแหลมของนางสอดส่องมองไปรอบๆ เพื่อตรวจสอบว่าจะมีคนตื่นขึ้นมาพบเห็นนางหรือไม่
เมื่อเห็นว่าทางสะดวกร่างเล็กป้อม ก็รีบหอบถุงผ้าสัมภาระของตนเองเผ่นที่ไปประตูทางออกทันที
แอ๊ดดด ตึงง
ร่างเล็กถอนหายใจเบาเมื่อปิดประตูจวนได้สนิท ตลอดหลายวันที่ผ่านมา นางมาสำรวจเส้นทางออกจากเรือนแล้วหลายครั้ง เมื่อคิดว่าวันนี้เป็นคืนเดือนดับ นางจึงใช้โอกาสนี้แอบออกมา
สกุลเนี่ย
เด็กสาวเงยหน้ามองป้ายด้านบนที่แขวนเอาไว้ที่ด้านหน้าประตูด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ตั้งแต่จำความได้ นางไม่เคยห่างจากที่นี่เลยสักครั้ง ครั้นเมื่อนึกได้ดังนั้น ดวงตาทั้งสองข้างของนางก็เอ่อนองไปด้วยน้ำตา
นางคุกเข่าลงที่พื้นพร้อมคำนับแบบเต็มพิธีสามครั้งก่อนกล่าวด้วยเสียงเบา
“ท่านแม่ เมื่อข้าได้พบหน้าท่านพ่อแล้ว ข้าจะรีบกลับมา” น้ำเสียงที่กล่าวออกมาจริงจังกว่าทุกครั้ง
เฉิงเข่อซิงใช้มือเล็กๆ ทั้งสองข้างของตนเองปาดน้ำตาที่ไหลนองเต็มใบหน้า ก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่และเดินจากที่ที่นางเรียกว่าบ้านไป ตามความต้องการของตนเอง
เพียงพ้นหลังเงาร่างของเด็กสาว ผู้คนที่อยู่ด้านหลังประตูบานนั้นก็ได้เดินออกมาจากเงามืดมองการจากไปของเด็กสาวด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย
“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ ว่าต้องการให้นางไปพบกับคนผู้นั้น?” ชายที่สวมชุดของเจ้าบ้านถามน้องสาวของตนเองที่อยู่ด้านข้าง
“ห้ามแล้วนางจะเชื่อฟังหรือ?ท่านเองก็เลี้ยงนางมากับมือ ยังไม่รู้นิสัยของนางอย่างนั้นหรือ?” มีแม่คนใดบ้างที่ไม่ห่วงใยบุตรสาว แต่เมื่อลูกสาวของนางต้องการเช่นนั้น นางจะทำอย่างไรได้
เนี่ยหงเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ เขารู้นิสัยนี้ของหลานสาวดีที่สุด นิสัยดื้อรั้นของนาง เป็นเพราะพวกเขาเลี้ยงดูตามใจนางจนเคยชิน
เป๊าะ
เนี่ยหงเฉินเพียงดีดนิ้วหนึ่งครั้ง เงาดำนับสิบก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังทันที
“ตามคุ้มครองนางอยู่ห่างๆ หากไม่อันตรายถึงชีวิตไม่ต้องเผยตัว ให้คนส่งข่าวไปถึงอาวุโสทั้งสี่ ว่าเฉิงเข่อซิงกำลังเดินทางไปที่แคว้นชางแล้ว”
“ขอรับ”
พรึ่บ
เพียงรับคำสั่ง เงาดำที่กำลังคุกเข่าอยู่เมื่อครู่ก็แยกย้ายตัวออกไปทันที หากภายนอกรู้เรื่องการเคลื่อนไหวนี้ ยุทธภพอาจแตกตื่นอย่างแน่นอน
…………….
ร่างเล็กๆ ค่อยๆ แบกถุงสัมภาระของตนเองลงมาตามเส้นทางลงจากภูเขา แต่มาได้เพียงครึ่งทาง นางก็รู้สึกว่า ของที่นางพกมานั้น หนักหนากว่าที่คิดเอาไว้
“อ่าา ว่าจะเดินทางพ้นจากเขตป่านี้ ข้าจะต้องหลังหักแน่ๆ เลย” ร่างเล็กๆ บ่นอุบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับนอนแผ่หลาอย่างหมดแรง
ตอนนี้หัวสมองเล็กๆ กำลังใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว นางคิดว่า การที่ตนเองเดินเท้ามาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว แต่ก็ยังไม่พ้นเขตหุบเขาหมื่นบุปผานี้ นั่นก็เป็นเพราะห่อสัมภาระที่นางพกมาด้วยอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างเล็กๆ จึงหันกลับไปมองห่อผ้าห่อใหญ่ที่ตนเองแบกมาด้วยพร้อมตัดสินใจว่า นางควรเอาของที่ไม่จำเป็นออกอีกสักหน่อย แม้ว่าก่อนหน้านี้ นางจะคิดมาดีแล้วว่าทุกอย่างที่อยู่ในห่อผ้าจะเป็นของที่จำเป็นแล้ว แต่นางก็ไม่สามารถแบกของห่อใหญ่ๆ นี้ไปตลอดทั้งเส้นทางได้ด้วยแน่
เฉิงเข่อซิงแกะห่อผ้าและหยิบของที่อยู่ด้านในออกมาพิจารณาดูทีละชิ้น
ลูกหนัง
นางพกลูกหนังมาด้วยเผื่อเอาไว้เล่นระหว่างทางแก้เบื่อ แต่ดูจากตอนนี้แล้ว นางเหนื่อยเกินไปที่จะอยากเล่นมันเสียแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉิงเข่อซิงจึงหยิบมันออกและวางไว้ที่ด้านข้าง
หุ่นกระบอก
ของชิ้นนี้เป็นของเล่นที่ท่านลุงจินซื้อมาให้ นางยังไม่ได้เล่นจึงหยิบติดมือมาด้วย
ลูกกวาด
อันนี้จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากนางเดินทางเหนื่อยๆ นางก็สามารถเอาลูกกวาดออกมาทานเล่นระหว่างทางได้
เฉิงเข่อซิงหยิบนู้นนั่นนี้ออกมายกใหญ่ จนในที่สุดนางก็เลือกที่จะทิ้งของเล่นทั้งหมดไว้ เสื้อผ้าบางส่วน ทำให้ในห่อผ้าตอนนี้นางเหลือชุดเอาไว้เปลี่ยนเพียงสองชุด ที่เหลือเป็นขนมและอาหารแห้งที่สามารถเก็บไว้ได้หลายวัน
แต่เมื่อหันกลับไปมองของเล่นทั้งหลายของตนเองที่กองอยู่ ความเสียดายก็ย่อมมีมากกว่า นางจึงหยิบของเล่นทั้งหมดไปซ่อนไว้ที่โพรงไม้ด้านหลัง และใช้ใบไม้ที่อยู่บริเวณนั้นกลบฝังพวกมันเอาไว้
“เรียบร้อย เพียงเท่านี้ก็ไม่มีใครมาขโมยของข้าแล้ว”
เฉิงเข่อซิงมองผลงานตนเองอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหยิบถุงสัมภาระที่เหลือแล้วเดินจากไปด้วยท่าทางอารมณ์ดี
พรึ่บ
องค์รักษ์เงาสองคนปรากฏตัวหลังจากร่างเล็กจากไป พร้อมมองไปที่ผลงานของคุณหนูตัวเองด้วยสายตายากจะคาดเดา ก่อนจะรีบเก็บของเล่นเหล่านั้นไป
ทุกคนในจวนต่างรู้กันดีว่า คุณหนูเสี่ยวซิงนั้นรักและห่วงของเล่นตนเองมากแค่ไหน หากของเล่นเหล่านี้บุบสลายหายไป ผู้คนในจวนได้เดือดร้อนแน่ๆ!!!
ในขณะที่พวกเขากำลังร้อนใจ แต่ร่างเล็กที่เดินลงจากภูเขามาไม่ได้รู้สึกร้อนใจเลยสักนิด นางเพียงเดินตามเส้นทางไปเรื่อยๆ หากเหนื่อยก็แค่หยุดพักและนั่งกินขนมที่ตนเองพกมาด้วย
แต่เดินมาเกือบทั้งวัน ก็ทำเอาขาป้อมๆ ของตนเองเริ่มล้ามากขึ้น ความเร็วในการเดินทางก็ช้าลงเป็นอย่างมาก
“เฮ้อ คิดว่าจะเดินเข้าเมืองได้ก่อนตะวันตกดินเสียอีก อย่างนี้ก็คงต้องนอนในป่าไปก่อนสินะ”
คืนนี้นางคงต้องพักแรมอยู่ที่นี่อย่างช่วยไม่ได้เสียแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้น ร่างเล็กๆ ก็เริ่มมองหาที่ทางที่ตนเองจะใช้นอนได้ในคืนนี้
ก่อนนางจะเลือกที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เฉิงเข่อซิงค่อยเดินหากิ่งไม้แห้งบริเวณนั้น มาใช้เป็นฟืนในการก่อไฟเพื่อไล่สัตว์และแมลง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางจะต้องนอนในป่าเขาเช่นนี้ เพราะตั้งแต่นางจำความได้ พวกท่านลุงและท่านน้าก็ต่างสอนนางให้ใช้ชีวิตรอดในป่าเช่นนี้แล้ว นางจึงไม่ได้กังวลมากนัก
ทันทีที่ร่างเล็กใช้หินไฟก่อไฟเสร็จ นางก็หยิบห่อขาวเล็กๆ ห่อหนึ่งออกมา จากนั้นก็สาดผงที่อยู่ด้านในไปใส่กองไฟที่ติดอยู่ เกิดเป็นควันสีฟ้าอ่อนกระจายไปทั่วบริเวณ ก่อนจะจางหายไป
สิ่งนี้คือผงไล่สัตว์ที่ท่านน้าฉีเย่าเป็นคนปรุงขึ้น เอาไว้ใช้ในยามเข้าป่าหาสมุนไพรเพื่อป้องกันสัตว์มีพิษและสัตว์ใหญ่ ไม่ให้เข้ามาใกล้บริเวณนี้
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ร่างเล็กๆ ที่เดินทางเหนื่อยมาทั้งวันก็ล้มตัวนอนทันที เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอ
ยามโฉ่ว (01.00 น. - 02.59 น.)
เสียงการเคลื่อนไหวบางอย่างกำลังมุ่งหน้ามาที่ร่างเล็กๆ ที่กำลังนอนอยู่ ทำให้เหล่าองครักษ์เงาทั้งหลายที่ถูกฝึกมา ตื่นตัวทันที
เงาดำกว่าสิบคนพุ่งตัวออกมาจากที่ต่างๆ พร้อมกับกระจายตัวรอบๆ ร่างเล็กเอาไว้พื่อระวังภัย
พรึบ!!
“ข้าเอง” น้ำเสียงนุ่มลึกมีมนต์เสน่ห์บางอย่างดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของอีกฝ่าย
ใบหน้าคมสันผิวขาวแม้แต่มีเพียงแสงไฟจากกองไฟเล็ก ก็สามารถเห็นได้ชัด เส้นผมสีเงินที่ปรากฏทำให้เหล่าเงาดำหลบถอยออกพร้อมทำความเคารพอีกฝ่าย
“คารวะ ท่านอาวุโส”
เนี่ยฉีเย่ายกมือขึ้นส่งสัญญาณให้พวกเขาถอยออกไป ส่วนตัวเขาเดินมายังร่างเล็กที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องใดๆ อยู่ เขาจ้องมองใบหน้าหลานสาว สายตาที่มักเย็นชาอยู่ตลอดเวลาพลันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างหาได้ยาก
“เจ้าเด็กดื้อ ตัวเท่านี้ก็หัดหนีออกจากบ้านเสียแล้ว”
แม้จะเป็นคำพูดที่ตำหนิอีกฝ่าย แต่น้ำเสียงที่ทุกคนได้ยินนั้น กลับรู้สึกว่าไม่ได้มีแววตำหนิเลยแม้แต่น้อย และคล้ายจะมีแววภาคภูมิใจเสียอีก
“อื้อ”
ร่างเล็กๆ ที่นอนนิ่งอยู่เมื่อครู่ อยู่ๆ ก็พลิกตัวไปมาคล้ายกับกำลังหนาว เนี่ยฉีเย่าที่เห็นดังนั้นจึงถอดชุดคลุมตัวนอกของตนเองออก พร้อมกับห่มไปที่ร่างเล็กๆ ของหลานสาว อีกมือคล้ายตบไปที่หลังเบาๆ เป็นจังหวะ ทำให้ร่างเล็กๆ ที่นอนขมวดคิ้วอยู่เมื่อครู่ เริ่มคลายออก พร้อมกับนอนหลับนิ่งอีกครั้ง
…………………………….
เนี่ยหงเฉิน (ผู้นำตระกูลเนี่ยคนปัจจุบัน ท่านลุงใหญ่ของเฉิงเข่อซิง)
เนี่ยหงเหยา/เยว่ซิน (มารดาของเฉิงเข่อซิง)
เนี่ยฉีเย่า
อาวุโสลำดับที่สามของสกุลเนี่ย เชี่ยวชาญด้านพิษ มีฉายาว่าอสรพิษแห่งหุบเขาหมื่นบุปผา
コメント