ผู้อาวุโสโซว่หวางเคยกล่าวไว้ เพราะสกุลกงซุนนั้นมีนกหงส์เพลิง จึงสามารถสั่งสัตว์ร้ายได้ดูท่าทางนกหงส์เพลิงตัวนี้จะร้ายการจริง ๆกู้หว่านเยว่เล่นกับนกหงส์เพลิงครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดตำราควบคุมสัตว์ร้ายทุกหน้าของตำราควบคุมสัตว์ร้ายมีบทเพลงที่แตกต่างกัน ซึ่งบทเพลงเหล่านี้มีรูปแบบการสั่งสัตว์ที่แตกต่างกันกู้หว่านเยว่เปิดดูบทเพลงหนึ่งในนั้น เป็นบทเพลงที่สามารถควบคุมนักรบหมาป่าได้ จึงเรียนวิธีการเป่าหลังจากเป่าบทเพลงนี้แล้ว ร่างตัวของนางก็หลงใหลอยู่ในม่านบทเพลงนั้นไม่รู้ว่านานแค่ไหน กระทั่งกู้หว่านเยว่สามารถเป่าเพลงนี้ออกมาได้ครบถ้วนสมบูรณ์ นางถึงวางขลุ่ยลง“ท่านพี่” กู้หว่านเยว่ออกมาจาห้วงมิติ แวบแรกที่เห็นซูจิ่งสิงที่หลับตาเก็บแรง นางจึงเข้าไปเรียกเขาเบา ๆ ซูจิ่งสิงรีบลืมตาทันที “มีอะไรหรือ?”“ฝึกได้พอสมควรแล้ว เหลือแต่ทดสอบจริง”กู้หว่านเยว่นึกถึงนักรบหมาป่าที่อยู่ด้านล่างกำแพงเหล่านั้น และกล่าวว่า“วันนี้ข้าเหนื่อยมาก เราพักกันก่อนเถิด ไว้พรุ่งนี้วางแผนเสร็จก็ค่อยลองดู”“ก็ได้” ซูจิ่งสิงมองกู้หว่านเยว่ที่มีดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด“ตาแดงหมดแล้ว รีบพักผ่อนเถิด”กู้ห
เมิ่งเหยียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย“แน่นอนอยู่แล้ว”กงซุนซวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่เจียงเป็นคนของท่านพ่อข้า เจอกับพวกเราพี่น้องบ่อย ๆ ”นางเห็นเมิ่งเหยียนเกล้าผมแบบสตรีที่แต่งงานแล้ว จึงเอ่ยขึ้นด้วยความหวังดี “ท่านไปพักผ่อนเถอะ ที่นี่มีข้าอยู่ก็พอแล้ว”“...อืม”เมิ่งเหยียนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอได้ยินคำเรียกขานว่าเมิ่งฮูหยินนั่น ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ“เจ้าดูแลนางให้ดี ๆ ข้าออกไปก่อน”นางแทบจะหนีออกมาจากห้องนั้นเลยทีเดียว“แปลก เมิ่งฮูหยินเป็นอะไรไป?” กงซุนซวงไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเมิ่งเหยียนนักในความคิดของนาง เมิ่งเหยียนก็เหมือนกับลั่วยางและคนอื่น ๆ เป็นคนใจดีที่ช่วยส่งน้องเจ็ดกลับมา“พี่ใหญ่เจียง ท่านว่าท่านช่างโง่เง่าเสียจริง”กงซุนซวงมองเจียงหลินที่อยู่บนเตียง ดวงตาของนางแดงก่ำราวกับจะร้องไห้“วันนั้นท่านหนีไปได้แท้ ๆ แต่สุดท้ายกลับถูกพวกนั้นจับได้เพราะข้า”“พี่ใหญ่เจียง ข้ารู้ว่าในใจของท่านมีข้า ข้าก็...”กงซุนซวงบิดผ้าให้แห้งน้ำ แล้วเช็ดมือให้เจียงหลินต่อด้านนอกประตู เมิ่งเหยียนได้ยินประโยคสุดท้าย น
นางรับปากว่าจะมาช่วยคน แต่ไม่คิดว่าด้วยความบังเอิญ นางจะกลายเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของหมู่บ้านโซว่หวางและเมื่อมองดูจากสายตาของกงซุนเสว่และกงซุนฉิงที่ดูไม่เหมือนกับการเสแสร้ง พวกนางน่าจะยอมรับนางจริง ๆ “เรื่องนี้...”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด นางรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องวางแผนระยะยาว เพราะหมู่บ้านโซว่หวางไม่ได้เป็นของสกุลกงซุนเพียงคนเดียวไม่แน่ว่าคนอื่นอาจไม่ยอมรับยิ่งไปกว่านั้น หากได้เป็นเจ้าสำนักจริง ๆ ก็เท่ากับว่าต้องปกครองเขตซีเป่ยแล้ว“แค่ก ๆ”ในตอนนั้น คุณหนูใหญ่สกุลกงซุนที่นอนอยู่บนเตียงก็เอ่ยขึ้น“น้องสามกับน้องสี่พูดถูก แม่นางกู้ ท่านเป็นผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวงของสกุลกงซุนสิ่งอื่นข้าไม่รู้ แต่ในเมื่อท่านพ่อไว้ใจมอบนกหงส์เพลิงและขลุ่ยนี้ให้ท่าน ก็แสดงว่าเขายอมรับในความสามารถของท่านสกุลกงซุนของเราทำสิ่งต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา เมื่อพูดออกไปแล้วก็จะไม่คืนคำ”นางกล่าวขึ้นอย่างอ่อนแรง“ให้ท่านเป็นเจ้าสำนัก น่าจะเป็นความปรารถนาสุดท้ายของท่านพ่อ ตอนนี้ท่านพ่อจากไปแล้ว พวกเราในฐานะลูกย่อมต้องทำตามความต้องการของท่าน”ผู้อาวุโสโซว่หวางเสียชีวิตแล้ว คุณหนูใหญ่สกุลกงซุนเป็นผู้มีอำนาจต
“น้อมรับคำสั่ง!”ทุกคนต่างพากันคุกเข่าลงต่อกู้หว่านเยว่“ลุกขึ้นก่อน”กู้หว่านเยว่ถูปลายนิ้ว นางคิดว่าในเมื่อต้องลงมือ เช่นนั้นก็ต้องทำให้สำเร็จในครั้งเดียวเวลานี้ เขตซีเป่ยมีกลุ่มอิทธิพลมากมายทั้งคนของฮ่องเต้ชั่ว รวมถึงหญิงสาวลึกลับคนนั้นก็อยู่ที่นี่เช่นกันพวกเขาจะประมาทไม่ได้“บอกข้ามาว่าใครบ้างที่พวกเจ้าติดต่อได้ ทั้งคนรู้จักและลูกน้อง”กำลังของพวกเขาเพียงไม่กี่คนนั้นน้อยเกินไป“กงซุนหง คุณหนูใหญ่สกุลกงซุนรีบลุกขึ้นนั่ง“แม่นางกู้ เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ข้า”ตอนที่ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่ มีลูกน้องที่จงรักภักดีมากมาย“ข้าจะไปหาพวกเขา พวกเขาต้องฟังคำสั่งของข้าแน่”เพียงแต่ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนแอ เวียนหัวอย่างหนัก สมองมักจะไม่ปลอดโปร่ง“พี่ใหญ่ ตอนนี้ร่างกายของท่านอ่อนแอเกินไป”กงซุนเสว่ประคองกงซุนหงที่กำลังยืนโซเซ อีกฝ่ายเพิ่งถูกแก้คาถาหุ่นเชิด สติยังไม่กลับมาสมบูรณ์“ข้าไปเอง พี่ใหญ่ ท่านมีหนังสือสั่งการไม่ใช่หรือ เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะ”กงซุนเสว่มองไปรอบ ๆ ต้องยอมรับว่า ตอนนี้มีเพียงนางเท่านั้นที่ค่อนข้างแข็งแรงพี่น้องคนอื่น ๆ ก็มีทั้งคนที่บาดเจ็บ และคนที่ยั
“ท่านพ่อทำงานหนักมาตลอด ไม่เคยพูดจาโอ้อวด แต่ตอนนี้กลับต้องมาพบจุดจบแบบนี้”“ฮ่องเต้บอกจะฆ่าพวกเราก็ฆ่า” กงซุนหงก็เกลียดมากเช่นกัน“แม้แต่เหตุผลที่เหมาะสมก็ไม่มี กลับลงมือต่อหมู่บ้านโซว่หวางอย่างกะทันหัน”ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนางพี่น้องโชคดีมีบุญวาสนา ตอนนี้แต่ละคนก็คงถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว นางยังถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดอีก!“เขาไร้เมตตา พวกเราก็ไม่ต้องมีคุณธรรม ต่อให้เราไม่ก่อกบฏ คาดว่าฮ่องเต้ก็คงไม่ปล่อยเราไปแน่ สู้ลองเสี่ยงตายสักตั้ง เพื่อหาทางรอดให้ทุกคนดีกว่าทุกคนในสกุลกงซุน เวลานี้ก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน“ดี ข้าสบายใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ในเมื่อทุกคนมีความคิดที่จะต่อต้านฮ่องเต้ชั่ว เช่นนั้นนางก็ไม่รังเกียจที่จะรับคนเหล่านี้ไว้ใต้บังคับบัญชา“พี่สาวว่าอย่างไร ก็เป็นเช่นนั้น ข้าฟังพี่สาว”กงซุนซวงไม่มีความคิดเห็นอะไร“สามวันหลังจากนี้เริ่มลงมือ”กู้หว่านเยว่ได้วางแผนเบื้องต้นไว้แล้วอาศัยช่วงสามวันนี้ นางจะได้ฝึกฝนการควบคุมสัตว์ให้ดี ๆ สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ เวลานี้ มีอีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาในเขตซีเป่ยแล้ว“การลงมือของเสด็จพี่ ช่างรวดเร็วจริง ๆ ”มู่หรงอวี้จ้องมองนักร
“ข้าถามท่าน ข้างกายซูจิ่งสิงมีสตรีที่เก่งกาจคนหนึ่งอยู่ด้วยใช่หรือไม่?”เทียนอวี๋ยังคงติดค้างในใจนางแค่คิดว่านกหงส์เพลิงที่ตัวเองตามหามานาน กลับถูกหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่รู้จักชื่อแย่งไป หัวใจของนางก็เจ็บปวดเหลือเกิน“ท่านรู้ได้อย่างไร?”เมื่อพูดถึงกู้หว่านเยว่ มู่หรงอวี้ก็รู้สึกเกลียดจนแทบคลั่ง“ท่านรู้จักหรือ?”“ไม่ใช่แค่รู้จัก ข้าอยากจะดื่มเลือด กินเนื้อ ถลกหนัง และกระชากเส้นเอ็นของนางเสีย!”มู่หรงอวี้สั่นไปทั้งตัว“แขนข้างนี้ของข้า ก็เป็นนางสารเลวนั่นที่ตัด!”“แม่นางคงไม่ทราบกระมัง นางสารเลวนั่นคือภรรยาของซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่”มู่หรงอวี้แทบจะกัดฟันกรอดเมื่อพูดชื่อของกู้หว่านเยว่ เพราะเขาพลาดท่าให้กับกู้หว่านเยว่มากเกินไปแล้วจริง ๆ “กู้หว่านเยว่?”เทียนอวี๋แทบไม่อยากจะเชื่อ“นางเป็นภรรยาของซูจิ่งสิง”เรื่องนี้ คงจะยุ่งยากแล้ว“ใช่แล้ว เดิมทีข้ายังคิดว่าคนที่มีความสามารถเช่นนี้ควรชักชวนมาเข้าพวก แต่ในเมื่อนางเป็นภรรยาของซูจิ่งสิง ก็ไม่มีทางที่จะมายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเราได้”เมื่อพูดถึงฐานะของกู้หว่านเยว่ มู่หรงอวี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้เขาหวังอย่างยิ่งว่ากู้หว่านเยว่
“น้องหญิง ข้าอยากนอนกับเจ้า”หลังจากที่พูดจบ เขาก็มองกู้หว่านเยว่ด้วยความกังวลใจเล็กน้อยกลัวว่าจะเห็นสีหน้าปฏิเสธของนางกู้หว่านเยว่หน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้า “ได้ เรามาพักผ่อนด้วยกัน”ทั้งสองนอนด้วยกัน แม้จะเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้ว แต่ก็อดหน้าแดงไม่ได้ลมหายใจรดรินกันและกัน หากไม่ใช่เพราะเป็นห่วงลูกในท้อง คงจะเกิดเรื่องเลยเถิดกันไปแล้ว“นอนเถอะ”ซูจิ่งสิงจูบนางเบา ๆ แล้วอดทนไว้วันรุ่งขึ้น ก็ถึงวันที่นัดหมายในการลงมือกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงพาองครักษ์จันทราออกไปก่อน“พวกเจ้าที่บาดเจ็บก็พักฟื้นอยู่ในถ้ำเถอะ อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”กู้หว่านเยว่เอ่ยกำชับ“ส่วนคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ พอได้ยินสัญญาณก็ออกมาช่วยได้”นางโบกดอกไม้ไฟสีฟ้าในมือไปมา นี่คือสัญญาณการติดต่อของพวกเขาเมื่อนางจุดดอกไม้ไฟสีฟ้า ก็หมายความว่านางยึดหลินซีโข่วได้แล้ว“ได้ พวกข้าเข้าใจแล้ว”ทุกคนตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง ประหนึ่งว่าพวกเขายอมรับกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเป็นนายแล้ว“ท่านพี่ เราไปกันเถอะ”สามีภรรยาออกจากถ้ำ หลังจากออกมาแล้ว ก็ส่งองครักษ์จันทราออกไป“ไปที่หลินซีโข่ว”หลังจากที่พวกเขาบุก
“สุนัขหมาป่าที่อยู่ในกำมือ ควบคุมไม่ได้แล้ว!”สุนัขหมาป่าที่ถูกผูกเชือกไว้ เมื่อได้ยินเพลงควบคุมสัตว์ร้าย ต่างก็ส่งเสียงคำรามต่ำ พร้อมกับใช้สองขาตะกุยพื้น“สกุลกงซุนเชี่ยวชาญการฝึกสัตว์ร้าย สุนัขหมาป่าเหล่านี้ถูกพวกเขาฝึกฝนมาตั้งแต่เล็กจนโต เชื่อฟังคำสั่งเป็นที่สุด เหตุใดจู่ ๆ จึงคลุ้มคลั่งขึ้นมา?”เหล่าทหารต่างก็ตื่นตระหนก“เป็นเสียงขลุ่ยจากหอสังเกตการณ์!”ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง ในที่สุดก็พบความผิดปกติเสียงขลุ่ยที่ทรงพลังเข้าแทรกซึม ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนไปถึงจุดสูงสุด“อาว ๆ อาว ๆ อู...”สุนัขหมาป่าก็กระชากเชือกอย่างกะทันหัน พุ่งเข้ากัดทหารของฮ่องเต้ชั่ว“อ๊าก ช่วยด้วย!”สิ่งที่มีมากที่สุดในเขตซีเป่ยคืออะไร คือสรรพสัตว์อย่างไรเล่า!คนของฮ่องเต้ชั่วคิดไปเองว่าเมื่อขับไล่สกุลกงซุนออกไปได้ แล้วเข้ายึดครองหมู่บ้านโซว่หวาง ก็จะสามารถครอบครองสรรพสัตว์ที่พวกเขาฝึกฝนมาหลายปีได้ใช้สุนัขหมาป่าของสกุลกงซุนมาลาดตระเวน ใช้เหยี่ยวออกตามหาคนของสกุลกงซุนแต่ตอนนี้ ในที่สุดก็ได้เวลาเอาคืนแล้ว!สุนัขหมาป่าและม้าศึกในเมืองได้ยินเพลงควบคุมสัตว์ร้ายแล้ว ก็เริ่มคลั่ง ต่อต้าน เหวี่ยงทหารตกจากหลังม
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้