“หลังข้าออกจากคุก ก็ได้รับข่าวว่าเจียงอวิ๋นจิ่นถูกฝ่าบาทพระราชทานเป็นชายารองให้เจิ้นเป่ยอ๋อง ข้าไปสืบข่าวดู เรื่องนี้เป็นองค์หญิงเสนอฝ่าบาท”เฉินจื่อวั่งหางตาแดงเรื่อ “เป็นข้าที่ทำร้ายอวิ๋นจิ่น”เจียงอวิ๋นจิ่นเคราะห์ร้ายยิ่งนักกู้หว่านเยว่เข้าใจต้นสายปลายเหตุเรื่องนี้แล้ว คำถามที่ต้องการถามก็ถามไปทั้งหมดแล้ว“เฉินจื่อวั่ง ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ แต่ข้าต้องการให้เจ้ารับปากข้าหนึ่งเรื่อง”เฉินจื่อวั่งไม่ต่อต้าน พูดเสียงหนักแน่น “ขอเพียงอวิ๋นจิ่นอยู่ดีมีสุข ต่อให้พระชายาต้องการชีวิตของข้า ข้าก็ยินดี”กู้หว่านเยว่หัวเราะ “หากเจ้าตาย ก็คือศพทั้งเหม็นทั้งแข็ง ข้าจะเอาชีวิตเจ้าไปทำอันใดภายภาคหน้า ข้าต้องการให้เจ้าเป็นผู้อยู่ใต้อาณัติของข้า ทำงานให้ข้า”เฉินจื่อวั่งรีบพูด “ขอเพียงพระชายาไม่ให้ทำเรื่องผิดศีลธรรม ข้ายินดีฟังคำสั่งของพระชายา”“ดี”กู้หว่านเยว่โบกมือ “ชิงเหลียน เจ้าไปหาทาง ลักพาตัวเจียงอวิ๋นจิ่นมา”นางตั้งใจให้ทั้งสองได้กลับมาครองคู่กัน แต่ ก็ต้องดูท่าทีของเจียงอวิ๋นจิ่นด้วยภายในโรงเตี๊ยม โจวกงกงกำลังโมโหเดือดดาล“ข้าโมโหยิ่งนัก พวกเรายังไม่เคยอับอายเช่นนี้มาก่อนในชีว
“อวิ๋นจิ่น ขอโทษ ขอโทษ ข้ามาช้าไปแล้ว”“เป็นเจ้าจริงหรือ?”เสียงของเจียงอวิ๋นจิ่นอ่อนแอ กระอักเลือดอีกครั้ง“ข้าคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้พบเจ้าอีกแล้ว จื่อวั่ง ข้าเคยพูดไว้ ชาตินี้นอกจากเจ้าข้าก็ไม่แต่งกับผู้ใด ข้า ข้าทำได้แล้ว”“อวิ๋นจิ่น เจ้าโง่เหลือเกิน โง่เหลือเกิน”เฉินจื่อวั่งจับมือของนางไว้ หัวใจแทบแหลกสลาย “ข้าขอร้องเจ้า ขอร้องเจ้าให้มีชีวิตอยู่ ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอเดี๋ยวนี้”เฉินจื่อวั่งพูดไปก็อุ้มเจียงอวิ๋นจิ่นขึ้น ขอบตาแดงเรื่อสบมองกู้หว่านเยว่ “ท่านอ๋อง พระชายา สามารถเชิญหมอมาช่วยนางได้หรือไม่?”กู้หว่านเยว่เองก็คิดไม่ถึงเจียงอวิ๋นจิ่นจะอุปนิสัยรุนแรงเพียงนี้ หลังผ่านความตกตะลึง ก็รีบพูดว่า“อุ้มคนเข้าไปในห้อง ข้าเป็นหมอ ข้าสามารถช่วยนางได้”“ช้าก่อน นั่นคือห้องของข้า อุ้มไปที่ห้องด้านข้าง!”ปรมาจารย์แพทย์รีบตะโกนห้าม ภายในห้องของเขามีสมุนไพรมากมาย หากเข้าไปวุ่นวาย เขาต้องปวดใจตายเป็นแน่“ท่านเป็นหมอ ดียิ่งนัก”เฉินจื่อวั่งรีบอุ้มเจียงอวิ๋นจิ่นเข้าห้องด้านข้าง วางคนลงบนเตียง ก็หลีกทางให้กู้หว่านเยว่จับชีพจร“คือพิษดอกยี่โถ”กู้หว่านเยว่ดมกลิ่นขวดกระเบื้องเคลือบทีหนึ
นางส่ายหน้า “เจ้าไม่ต้องมาหาข้า ข้าถูกฝ่าบาทพระราชทานเป็นชายารองให้ท่านอ๋องแล้ว”นางกังวลซูจิ่งสิงจะตำหนิเฉินจื่อวั่ง รีบพูด “ท่านอ๋อง พระชายา พวกท่านจะตำหนิก็ตำหนิข้า ได้โปรดปล่อยเขาไปเถอะ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”กู้หว่านเยว่เห็นเสียงนางเจือคำวิงวอน ยกมุมปาก “แม่นางเจียง เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ มิสู้ฟังก่อนว่าเฉินจื่อวั่งจะพูดอะไร”เฉินจื่อวั่งมองเจียงอวิ๋นจิ่น ตอนนี้หัวใจแหลกสลายแล้ว“เหตุใดเจ้าโง่งมเพียงนั้น เหตุใดเจ้าต้องกินยาพิษฆ่าตัวตายด้วย?”เจียงอวิ๋นจิ่นคิดว่าแม้ซูจิ่งสิงไม่ให้นางเข้าจวน แต่อย่างไรนางก็เป็นคนที่ฝ่าบาทส่งมาหากมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับเฉินจื่อวั่ง ก็ยากจะรับประกันได้ว่าซูจิ่งสิงจะไม่โกรธ แล้วฆ่าเฉินจื่อวั่งโดยตรงดังนั้นนางขบเม้มกลีบปาก “เพราะเหตุใด ข้าเพียงแค่เข้าจวนอ๋องไม่ได้ รู้สึกกลัวภายในใจ ดังนั้นจึงกินยาพิษฆ่าตัวตาย ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า”“เจ้าพูดเหลวไหล” เฉินจื่อวั่งส่ายหน้า “ตั้งแต่เด็กขอเพียงเจ้าโกหกก็จะไม่กล้าสบตาข้า เจ้าสบตาข้าและบอกข้า เจ้าไม่อยากเข้าจวนอ๋องใช่หรือไม่?”น้ำตาของเจียงอวิ๋นจิ่น ไหลลงมาอย่างสุดระงับนางพูดอย่างสติแตก “เหตุใดเจ้าต้
“เพียงแต่ลงท้ายจะเลือกเยี่ยงไร ยังต้องดูพวกเจ้าทั้งสอง”การเลือกของเฉินจื่อวั่ง นางรู้แล้ว“แม่นางเจียง หากเจ้ายินดี ข้าสามารถทำให้เจ้าและเฉินจื่อวั่งสมปรารถนาได้”“ข้า...” ดวงตาเจียงอวิ๋นจิ่นทอประกาย ขณะต้องการพยักหน้า ก็นึกถึงอะไรขึ้นได้ รีบส่ายหน้า“ข้าไม่สามารถรับปากได้ ท่านแม่ข้ายังอยู่ในเมืองหลวง หากข้าไป ข่าวนี้ส่งไปถึงเมืองหลวง ท่านแม่ข้าก็ไม่มีชีวิตรอดแล้ว”ดังนั้นนางจึงเลือกกินยาพิษ ต่อให้ต้องตาย ก็ไม่กล้าหนี“อวิ๋นจิ่น...” พูดถึงเรื่องนี้ เฉินจื่อวั่งเงียบลงเฉกเช่นเดียวกันเขาไม่มีครอบครัว ไม่มีพันธนาการจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ทว่าเจียงอวิ๋นจิ่นไม่เหมือนกัน ตั้งแต่เด็กนางและมารดาดูแลกันและกัน ไฉนเลยจะสามารถใช้ชีวิตของมารดามาแลกความสุขได้?เจียงอวิ๋นจิ่นพูดอย่างจริงใจ “ท่านอ๋องพระชายา ข้ารู้ทั้งสองท่านรักกันด้วยใจจริง พวกท่านไม่สามารถฝืนทนต่อสิ่งที่ตนไม่ชอบได้ ข้าเองก็ไม่เคยคิดทำลายพวกท่าน”เจียงอวิ๋นจิ่นรู้ ฝ่าบาทส่งนางเข้าไป ไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องการส่งคนสอดแนมคนหนึ่งเข้าไปอยู่ข้างกายเจิ้นเป่ยอ๋อง ในขณะเดียวกันก็ทำลายความรักระหว่างซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่“หากท่
“ยังไม่นับว่าโง่เกินไปนัก สามารถเข้าใจต้นสายปลายเหตุภายในนี้ได้”กู้หว่านเยว่พูดยิ้มๆ “เพื่อความปลอดภัย เจ้ากินยาแกล้งตายนี้ลงไปแล้ว เจ้าจะไม่สามารถเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาได้เป็นเวลายาวนานสักระยะหนึ่ง”เจียงอวิ๋นจิ่นชะงักพลางพยักหน้าเบาๆ “เช่นนั้นทางฝั่งท่านแม่ข้า...”“ข้าจะส่งคนไปที่เมืองหลวง พาแม่ของเจ้ากลับมา ให้พวกเจ้าสองแม่ลูกได้อยู่กันพร้อมหน้า”เจียงอวิ๋นจิ่นได้ยินประโยคนี้แล้ว เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อในที่สุด ยังคิดว่าตนเองฟังบางอย่างพลาดไป นางคิดไม่ถึงว่า กู้หว่านเยว่จะช่วยนางถึงขั้นนี้“พระชายา ท่าน ท่านพูดจริงหรือ?”“ใช่แล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ว่ากันว่าช่วยคนแล้วก็ต้องช่วยจนถึงที่สุด ในเมื่อตัดสินใจช่วยคู่รักชะตาอาภัพแล้ว นั่นก็ต้องจัดการให้สมบูรณ์แบบ“ขอบคุณพระชายามาก!”เจียงอวิ๋นจิ่นรีบลุกขึ้นต้องการคุกเข่าให้นาง กู้หว่านเยว่ยิ้มตาหยีพูดว่า“ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าไม่มีความสามารถมากเพียงนั้น เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ท่านอ๋องเป็นผู้จัดการ”ซูจิ่งสิงเอือมระอา มุมปากยกขึ้นระบายยิ้มอ่อนโยน เดิมทีเขาไม่อยากช่วยสองคนนี้ คิดว่าน่ารำคาญแต่ในเมื่อน้องหญิงต้องการช่วย
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?!”โจวกงกงดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอน เกือบตกใจตาย“รอก่อน ข้าอาจยังไม่ตื่นจากฝัน วิธีการลืมตาผิดไป เจ้าพูดอีกรอบชายารองเจียงเป็นอะไรไป?” สาวใช้มีสีหน้าโศกเศร้า “พูดอีกรอบก็เหมือนเดิมเจ้าค่ะ ชายารองของพวกเราตายไปแล้ว”โจวกงกงไม่ได้สวมรองเท้า ก็วิ่งไปห้องด้านข้างแล้วครั้งนี้มาเจดีย์หนิงกู่มีสองหน้าที่สำคัญประการแรกคือถ่ายทอดพระราชโองการ คืนตำแหน่งเจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงประการที่สองคือส่งชายารองเจียง เข้าไปอยู่ภายในจวนของซูจิ่งสิงยิ่งไปกว่านั้นประการที่สองนี้ เป็นฝ่าบาทและองค์หญิงกำชับด้วยพระองค์เองบัดนี้ ชายารองคนนี้ถึงขั้นตายไปแล้ว?!โจวกงกงร้อนใจรีบมาห้องด้านข้าง หลังผ่านเข้าประตูก็มองเห็นเจียงอวิ๋นจิ่นนอนแข็งทื่อบนเตียง สาวใช้สองคนทางด้านข้างกำลังคุกเข่าตัวสั่นๆเขารีบวิ่งเข้าไปวางนิ้วใต้จมูกเจียงอวิ๋นจิ่น ไม่มีลมหายใจแล้ว“แย่แล้วๆ แย่แน่แล้ว คราวนี้ฝ่าบาทจะต้องบั่นคอข้าแน่”โจวกงกงคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เพียงคืนเดียวเจียงอวิ๋นจิ่นจะตายไปเช่นนี้“ตายแล้ว เหตุใดนางตายได้เล่า เมื่อวานนางยังมีชีวิตชีวาอยู่เลย!”โจวกงกงถีบสาวใช้สองคนนั้น “พวกเจ้าสองคนพูดออ
“ยามใดแล้ว ยังสมควรพูดไม่สมควรพูดอะไรอีก!รักษาชีวิตไว้สำคัญที่สุด รีบพูด”โจวกงกงโมโหหนัก บัดนี้ยังมีอะไรสำคัญยิ่งกว่าชีวิตด้วยหรือ?คนผู้นั้นเลียริมฝีปาก พูดอย่างกล้าหาญ “ชายารองตายไปแล้ว คนตายไม่สามารถฟื้นคืนได้ ต่อให้พวกเราทำทุกวิธีแล้ว ก็ไม่สามารถส่งชายารองคนที่สองเข้าจวนอ๋องได้”“ถ้อยคำนี้ไม่ต้องให้เจ้าพูด” ทุกคนที่นี่ล้วนรู้ทั้งหมด“แท้จริงแล้วต่อให้ชายารองเจียงยังมีชีวิตอยู่ อิงตามสถานการณ์เมื่อวานดูแล้ว ต้องการส่งนางเข้าจวนอ๋องกลับยากเสียยิ่งกว่ายาก”บ่าวรับใช้วิเคราะห์“ใครบ้างไม่รู้อุปนิสัยของเจิ้นเป่ยอ๋อง บัดนี้เขามีอำนาจตัดสินใจที่เจดีย์หนิงกู่แห่งนี้ ถึงตอนนั้นเขาโมโหฆ่าพวกเราทั้งหมด ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”โจวกงกงพยักหน้า อีกฝ่ายพูดมีเหตุผลจริง“ดังนั้นข้าเห็นว่าชายารองตายแล้ว อาจเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง”“ก่อนจากมามิใช่นำเงินทองมามากมายหรือ? มิสู้พวกเรานำเงินเหล่านี้มาแบ่งกัน แต่ละคนซ่อนตัวเปลี่ยนชื่อแซ่ ย่อมดีกว่าคอหลุดจากบ่ามากนัก”ในที่สุดบ่าวรับใช้ก็อาศัยความกล้าพูดเจตนาสุดท้ายออกมาจะว่าไป ทีแรกทุกคนล้วนคิดเรื่องนี้ไม่ถึง แต่ได้ฟังคำพูดวิเคราะห์นี้ของเข
“พระชายา ข้าขออยู่เฝ้านางที่นี่ได้หรือไม่?”เฉินจื่อวั่งได้คำนวณวันไว้ในใจแล้ว กู้หว่านเยว่จึงพยักหน้า“แล้วแต่เจ้า”ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่นางที่ต้องอยู่เฝ้าที่นี่ ยังมีเวลาอีกสองวันกว่าอีกฝ่ายจะฟื้น กู้หว่านเยว่จึงหมุนตัวและเดินจากไป“ข้าก็อยากอยู่ที่นี่ด้วย”ปรมาจารย์แพทย์โพล่งออกไป ทำให้เฉินจื่อวั่งอ้าปากตาค้าง “ผู้อาวุโส ท่านจะอยู่เฝ้าที่นี่ไปทำไม?”ที่เขาอยู่ที่นี่ เรียกว่าเป็นความผูกพัน เป็นห่วงคนรัก ไม่กล้าจากไปไหนปรมาจารย์แพทย์จะอยู่ที่นี่? ไม่ว่ายังไงก็แปลกปรมาจารย์แพทย์หยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นมาและกล่าวว่า “ข้าตั้งใจจะเฝ้าดูอาการคนที่กินยาแกล้งตายอย่างใกล้ชิด ดูว่าภายในสามวันนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นอย่างได้ชัดหรือไม่?”ก่อนจะถลึงตาใส่เฉินจื่อวั่งแวบหนึ่ง “ทำไม เจ้ามีปัญหาอะไร?” “ข้าน้อยไม่กล้า”เดิมทีเฉินจื่อวั่งนั้นมีข้อข้องใจ แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดอย่างฉับพลันหากปรมาจารย์แพทย์อยู่ที่นี่ด้วย แล้วอวิ๋นจิ่นเกิดเรื่องอะไรไม่คาดคิด ปรมาจารย์แพทย์จะได้ยื่นมือเข้ามาช่วยได้ในทันทีเขาต้องเปลี่ยนมาอ้อนวอนแทน“ข้าจะไปขนเก้าอี้เอนหลังเข้ามาให้ท่านได้นั่งพักสบาย ๆ นะขอ
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป