ไม่นานนักทุกคนก็กางกระโจมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบางคนนำหมูป่าที่ล่าได้เมื่อตอนบ่ายมาจัดการ แล้วเริ่มย่างเนื้อต่อในไม่ช้า กลิ่นหอมของเนื้อย่างก็ลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณที่ตั้งค่ายกู้หว่านเยว่กังวลว่าคบเพลิงเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถป้องกันสัตว์ป่าได้ทั้งหมด จึงนำผงยาสำหรับขับไล่สัตว์ป่ามาโปรยไว้รอบ ๆ และแอบปล่อยจูเชวี่ยและเสี่ยวไป๋ออกมาจากมิติ ให้พวกมันคอยคุ้มกันอยู่ในความมืด“เท่านี้สัตว์ป่าก็คงไม่กล้ามารบกวนพวกเราอีก อย่างน้อยคืนนี้ก็คงได้นอนหลับสบายเสียที”กู้หว่านเยว่ตบมือเบา ๆ แล้วมุดเข้าไปในกระโจมแม้ว่าจะมีพลังพิเศษคอยช่วยทำให้ไม่เจ็บเท้า แต่การเดินทางมาทั้งวัน ก็ทำให้คนเหนื่อยล้ามากอยู่ดีหลังจากทานอาหารเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เข้าไปในกระโจม ตั้งใจจะพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำก่อนจะนอน นางเข้าไปในมิติเพื่อดูจ้านจ้านอีกครั้ง เด็กคนนี้ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กู้หว่านเยว่ตักน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาเล็กน้อย แล้วป้อนยาพร้อมกับน้ำให้จ้านจ้าน หลังจากสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง จึงออกมาจากมิติภายในกระโจม ซูจิ่งสิงกำลังทำเครื่องหมายลงบนแผนที่เขาทำเครื่องหมายเส้นทางทั้งหมดที่พวกเขาเดินผ่าน
กู้หว่านเยว่ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ บรรดาลูกผู้ชายในกลุ่มทหารรับจ้างช่างน่ารักกันจริง ๆ เป็นความน่ารักที่แตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิงเอ้อร์เจี่ยเสนอตัว พร้อมกับหยิบมีดขนาดใหญ่ที่ใช้ชำแหละหมูขึ้นมา “เยว่ฮูหยิน ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?”“ไม่ต้องหรอก”กู้หว่านเยว่หยิบกริชเล่มเล็กออกมา การเก็บเกี่ยวสมุนไพรนั้นมีเคล็ดลับเฉพาะตัว นางชอบลงมือเองมากกว่ากริชกรีดลงบนตัวงูยักษ์จนเกิดเป็นรอยแผล จากนั้นนางก็ลอกหนังงูออกมาอย่างคล่องแคล่ว ต่อด้วยการควักดีงูออกมาอย่างรวดเร็วทุกคนในกลุ่มทหารรับจ้างต่างจ้องมองอย่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง“งูยักษ์ตัวนี้ไม่มีพิษ เนื้อของมันสามารถนำมาตุ๋นน้ำแกงได้ น่าเสียดายที่ตอนออกมาไม่ได้แบกหม้อใบใหญ่มาด้วย”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเสียดาย ทำเอาคนในกลุ่มทหารรับจ้างตกใจจนต้องถอยหลังไปอีกสามก้าวโหด โหดมาก!เยว่ฮูหยินผู้นี้ดูภายนอกเป็นเพียงสตรีบอบบางคนหนึ่ง ไม่คิดว่าฝีมือการชำแหละงูจะคล่องแคล่วยิ่งกว่าการเชือดไก่เสียอีก ดูท่าแล้วคงเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่งคนหนึ่ง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดพี่ซูถึงได้เป็นคนเงียบขรึมและกลัวภรรยา!กู้หว่านเยว่หยิบถุงออกม
ลั่วซิงกุมหอกยาวในมือแน่นดูเหมือนว่างูยักษ์ตัวนี้จะไม่ได้สนใจหมูป่า แต่ตั้งใจจะโจมตีพวกเขาต่างหากวินาทีต่อมา งูยักษ์ก็อ้าปากกว้าง และฉกใส่อย่างรุนแรงหางอันใหญ่โตของมัน ก็ฟาดเข้าใส่กลุ่มทหารรับจ้างในเวลาเดียวกันกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่มองอยู่ด้านบน ถึงกับใจหายใจคว่ำแทนพวกเขา แต่ถึงแม้สถานการณ์จะอันตราย ทั้งสองก็ยังไม่มีความคิดที่จะยื่นมือเข้าช่วยกู้หว่านเยว่คิดว่า ครั้งนี้ลั่วซิงออกมาเพื่อสั่งสมประสบการณ์โดยเฉพาะ และนี่ก็เป็นโอกาสฝึกฝนที่ยอดเยี่ยมหากนางลงมือในตอนนี้ แม้จะสามารถปราบงูยักษ์ได้ แต่ความหมายของการออกมาฝึกฝนของลั่วซิงก็จะหมดไป“รอดูไปก่อน รอให้ถึงเวลาที่มีอันตรายถึงชีวิต แล้วค่อยลงมือ”กู้หว่านเยว่หยิบขลุ่ยควบคุมสัตว์ร้ายออกมาจากมิติของนาง นางสังเกตอย่างละเอียดแล้ว งูยักษ์ตัวนี้ไม่มีพิษซูจิ่งสิงพยักหน้า เขาก็คิดเช่นเดียวกับกู้หว่านเยว่“เดี๋ยวค่อยควักดีงูออกมา แล้วก็ลอกหนังของมัน งูยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ เอาไปทำยาได้ดีนัก” สองสามีภรรยาพูดคุยกันราวกับไม่มีใครอยู่รอบข้าง หลังจากลั่วซิงสงบสติอารมณ์ลงได้ เขาก็วางแผนรับมือในหัวอย่างรวดเร็ว“ส่งคนไปสามคนเป็นแนวหน้า
ลั่วซิงตะโกนเสียงดัง ล้วนเป็นทหารรับจ้างที่ถูกฝึกมาอย่างดี หมูป่าตัวหนึ่งจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาเมื่อได้ยินคำสั่งของหัวหน้า ทุกคนหลบไปอยู่ข้างทางอย่างเป็นระเบียบส่วนซูจิ่งสิงโอบเอวของกู้หว่านเยว่ พานางกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่ข้างๆตำแหน่งตรงนี้ดีมาก ไม่เพียงไม่มีอันตราย แถมยังสะดวกต่อสังเกตการณ์เบื้องล่างหลังจากกลุ่มทหารรับจ้างหลบไปอยู่ตามข้างทาง ก็มีคนดึงคันธนูขึ้นมายิงใส่หมูป่าอย่างรวดเร็วหมูป่าตัวนี้หนักราวสามสี่ร้อยชั่ง หนังหนาเนื้อแน่น ธนูทั่วไปยิงใส่ตัวมัน ไม่ต่างอะไรกับกันสะกิดกลุ่มทหารรับจ้างที่อยู่ซ้ายขวาเล็งไปที่ดวงตาของหมู่ป่า ยิงให้มันตาบอดก่อนหลังจากนั้นใช้หอกยาวแทงไปที่หมูป่าด้วยความร่วมมือของทุกคน หมูป่าตัวนี้ถูกสยบลงไปหมอบกับพื้นในพริบตา“หัวหน้า พวกเรามีอาหารมื้อเย็นแล้ว” สมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างกล่าวด้วยความดีใจเมื่อลั่วซิงเห็นหมูป่าถูกสยบ ก็ไม่ได้ลดความระมัดระวังลง แต่มองไปรอบๆ และเตือนทุกคน“ทุกคนระวังหน่อย จู่ๆ หมูป่าจะไม่คลั่งเอง มันต้องถูกบางอย่างกระตุ้นแน่นอน”สิ่งที่ลั่วซิงพูดนั้นถูกต้องโดยธรรมชาติหมูป่าชอบวิ่งชนโดยตรง แต่พวกมันไม่ช
“รับทราบ”ไม่นานนัก กลุ่มทหารรับจ้างก็จัดขบวนเป็นวงล้อมเล็กๆ โดยมีกู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิง และลั่วซิงเดินอยู่ตรงกลาง ส่วนทหารรับจ้างคนอื่นๆ กระจายอยู่ตามหน้าหลังซ้ายขวาข้อดีของการจัดขบวนเช่นนี้คือ ไม่ว่าด้านไหนมีอันตราย พวกเขาก็สามารถโต้ตอบได้ในทันที“ทุกคนตื่นตัวเข้าไว้ ป่าแห่งนี้มักมีสัตว์ร้ายปรากฏตัวเสมอ”ลั่วซิงพลางสั่งการ พลางสำรวจโดยรอบ กำลังค้นหาร่องรอยของหลู่ชู่คนทั้งกลุ่มเดินทางอย่างตื่นตัวตลอดช่วงเช้าแต่ที่น่าเสียดายคือ ตลอดช่วงเช้านี้ นอกจากจับกระต่ายกับไก่ป่าได้เป็นครั้งคราว พวกเขาก็ไม่พบอะไรอีกเลยเมื่อเห็นทุกคนเหนื่อยกันแล้ว ลั่วซิงก็หาสถานที่ที่ปลอดภัยให้ทุกคนพักผ่อนอยู่กับที่ จากนั้นก็ก่อไฟ นำกระต่ายกับไก่ป่าที่จับได้มาย่างเพื่อประทังความหิวแม้ตลอดช่วงเช้าไม่ได้อะไรเลย ลั่วซิงก็ไม่ได้ทำหน้าผิดหวัง เพราะเขาเตรียมใจไว้แล้วหลู่ชู่เป็นสัตว์ที่หายากมาก กลุ่มทหารรับจ้างของพวกเขา ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนในการค้นหาในป่าซิงโต้วหลังจากนั่งลง ลั่วซิงก็เริ่มหาเรื่องคุยกับกู้หว่านเยว่“พี่หญิงเยว่ เจอสมุนไพรที่พวกท่านต้องการหาหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายศีรษะระ
ทันทีที่กู้หว่านเยว่เข้ามาในมิติ เสี่ยวไป๋กับจูเชวี่ยตัวหนึ่งบินและตัวหนึ่งกระดึ๊บ เข้าไปถูขากางเกงของกู้หว่านเยว่อย่างห่วงใย“แจ้วๆ……”“ฟ่อๆ……”หนึ่งนกหนึ่งหนอนค่อยปลอบใจกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่ลูบหัวของพวกมันทีละตัว หลังจากปลอบเจ้าตัวน้อยทั้งสองเสร็จแล้ว ก็รีบเดินไปที่ข้างกายจ้านจ้าน“ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจ ดูเหมือนอย่างไรก็ต้องหาหญ้าอินหนิงเจอให้ได้แล้ว“ยังดี แม้ตอนนี้จ้านจ้านยังไม่ฟื้น แต่อาการไข้สูงของเขาหายไปแล้ว ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย”แต่ให้นอนต่อไปเช่นนี้ก็ไม่ใช่ทางแก้ ต้องรีบหาหญ้าอินหนิงให้เจอโดยเร็วเพื่อปลุกเขาตื่น“ลูกแม่ แม่ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้เท่าที่ควร หวังว่าเจ้าจะฟื้นเร็วๆ นะ”กู้หว่านเยว่พลางลูบหน้าผากของจ้านจ้าน ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดซูจิ่งสิงยื่นมือไปโอบกอดนาง “ไม่ต้องห่วง พวกเราจะต้องสามารถหาสมุนไพรเจอแน่นอน ถึงเวลาลูกก็จะฟื้นเอง”กู้หว่านเยว่รู้ว่าซูจิ่งสิงกำลังปลอบใจนาง ที่จริงนางก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถหาสมุนไพรเจอแน่นอน แต่ก็หวังว่าการเข้าป่าซิงโต้วครั้งนี้ จะไม่ทำให้นางผิดหวังทั้งสองไม่ได้นอนทั้งคืน และวันต่อ