ทันทีที่ฉินเจียวเยี่ยนข้ามมิติมา ก็จัดการรวบหัวรวบหางท่านอ๋องเจ้าสำราญที่เป็นพระเอกธงแดงของละครสั้นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่นางกำลังเล่นละครอยู่ จะทำอย่างไรดี เพราะตัวละครที่นางข้ามมานั้น มันไม่ใช่นางเอก แต่เป็นนางร้ายที่โดนปักธงตายต่างหาก แถมยังเป็นธงตายจากท่านอ๋องที่นางกำลังนั่งคร่อมอยู่ด้วย เอาเถอะ ธงตายนั้นเป็นเรื่องของอนาคต แต่ซิกแพคแน่น ๆ ใต้ร่างนี้ เป็นเรื่องปัจจุบัน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง นางขอกินให้หนำใจก่อน เรื่องที่เหลือค่อยว่ากัน!? ..... เมื่อครู่ ใครเป็นคนพูด แม่นางตรงหน้าก็ไม่ได้ขยับปากแต่อย่างใด แต่เหตุใด ข้าจึงได้ยินเสียงเล่า? หรือว่า... นี่คือเสียงในใจของนาง?
Lihat lebih banyakกลิ่นหอมหวานฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง ควันสีขาวลอยอบอวลอยู่เหนือกระถางกำยานรูปสัตว์มงคลสีทองบนโต๊ะกลมอย่างดีในเรือนชุยจู ซึ่งเป็นเรือนรับรองแขกที่เงียบสงบท่ามกลางสวนไผ่ของจวนซ่านเต๋อโหว
“เฮือก!!”
ร่างหญิงสาวในชุดเสื้อในสีขาวพิสุทธิ์กำลังหอบหายใจถี่ ราวกับเพิ่งได้มีโอกาสหายใจ ทั่วร่างสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าหวานซีดเผือด ดวงตาจิ้งจอกเบิกกว้าง พลางกวาดสายตาสำรวจไปทั่วเรือน
ที่นี่ที่ไหน เมื่อกี้ เรากำลังจมน้ำในกองถ่ายละครไปนี่...
“โอ๊ย” มือเรียวยกขึ้นกุมขมับทั้งสองข้าง เจ็บปวดราวกับถูกค้อนหนักทุบตี
ภาพความทรงจำในอดีตหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ทำให้เธอเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้อย่างทันที
ตัวเธอในตอนนี้ คือ ฉินเจียวเยี่ยน คุณหนูรองแห่งจวนซ่านเต๋อโหว
ฉินเจียวเยี่ยน...
นี่มันนางร้ายในละครสั้นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เธอกำลังเล่นอยู่นี่น่า
แต่บทที่ตัวเธอเล่นนั้น เป็นบทนางเอกที่ชื่อว่า ฉินเยี่ยนฟาง ซึ่งเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหว
“เหอะ ถ้ารู้ว่า จะได้มาเกิดเป็นตัวละครที่มีชื่อเหมือนกับตัวเอง จะได้ชิงไปเปลี่ยนชื่อที่สำนักงานเสียก่อน” ฉินเจียวเยี่ยนพึมพำอย่างเสียดาย
เพราะการที่ได้เกิดมาเป็นนางเอกหรือนางร้ายนั้น ชะตากรรมในเรื่องย่อมต่างกันอย่างลิบลับ
นางเอกแสนดีที่มีแต่คนรุมล้อม พร้อมเอาอกเอาใจ มีอายุขัยยาวนานด้วยความรักที่มากล้นของพระเอก
ขณะที่นางร้ายเกิดมาก็มีแต่ความอิจฉาเต็มอก โง่เขลาเบาปัญญา ไร้ความสามารถ และคุณธรรม กลายเป็นที่นินทาของทุกคนในเมืองหลวง อีกทั้งยังจบชีวิตได้อย่างน่าอนาถอีกต่างหาก
“กลิ่นนี้ มัน...” จมูกโด่งฟุดฟิด เมื่อได้กลิ่นกำยานเหมยเซียงซาน
ฉินเจียวเยี่ยนรำพึงด้วยความตกใจ “กำยานปลุกกำหนัดนี่”
ฉินเจียวเยี่ยนเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ตัวเองนั้น กำลังนั่งคร่อมอยู่บนร่างของชายหนุ่ม บุรุษผู้มีเรือนร่างกำยำในชุดอาภรณ์สีดำสนิททั่วร่าง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายกำลังหลับสนิท ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
ผู้ชายคนนี้...
หญิงสาวหลับตานึกถึงเรื่องราวในละครอย่างเร่งด่วน เพื่อตามหาช่วงเวลาที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้
“นี่ เราข้ามมิติมาตั้งแต่ตอนต้นเรื่องเลยหรือ?”
ละครเรื่องนี้ เปิดฉากในงานวันเกิดของซ่านเต๋อโหว บิดาบังเกิดเกล้าของฉินเจียวเยี่ยน ซึ่งได้จัดงานเลี้ยงร่ำสุรา เชิญบรรดาขุนนางบุ๋นบู๊มามากมาย รวมถึงบรรดาท่านอ๋องต่าง ๆ ก็มาร่วมงาน เพื่อสร้างสายสัมพันธ์อันดีในสังคม
โดยเฉพาะ เซียวชิงเฟิง หรือ เฟิงอ๋อง ผู้เป็นพระเอกของเรื่องที่ฉินเจียวเยี่ยนเฝ้าตกหลุมรักมานาน เพราะเฟิงอ๋องเคยช่วยชีวิตนางไว้ในวัยเด็ก แม้ว่าจะเป็นความบังเอิญ แต่ฉินเจียวเยี่ยนก็ได้สลักความรู้สึกดีนั้นไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ว่า ในสายตาของทุกคนในเมืองหลวง เฟิงอ๋องจะเป็นเพียงท่านอ๋องเจ้าสำราญ ใช้ชีวิตสนุกสนานไปวัน ๆ แต่ด้วยรูปโฉมดุจหยก หล่อเหลาราวกับเทพบุตร ก็สามารถล่อลวงแม่นางทั่วทั้งเมืองหลวงให้หลงใหลคลั่งไคล้ได้ไม่ยาก
วันนี้ จึงเป็นโอกาสดี
ฉินเจียวเยี่ยนอาศัยฐานะเจ้าของจวน คิดแผนการวางยาฤทธิ์แรงลงในสุราของท่านอ๋อง ก่อนที่จะกล่อมบิดาให้ดูแลท่านอ๋อง โดยให้พามาพักที่เรือนชุยจูเสียก่อน เพื่อรักษาชื่อเสียงในฐานะเจ้าบ้านที่ดี
ก่อนที่ฉินเจียวเยี่ยนจะลอบเข้ามาในเรือนชุยจู จุดกำยานเหมยเซียงซานหรือผงเสน่ห์หอม แล้วปลดเปลื้องอาภรณ์ สร้างสถานการณ์ว่า นางถูกท่านอ๋องทำมิดีมิร้าย หวังบังคับให้ท่านอ๋องสู่ขอตนเป็นพระชายาเอก
หากแต่สิ่งที่ฉินเจียวเยี่ยนและทุกคนในเมืองหลวงไม่รู้ คือ เฟิงอ๋องเพียงแสร้งเป็นอ๋องเจ้าสำราญเท่านั้น
แท้จริง เซียวชิงเฟิงเป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ผู้ครอบครองกองทัพธงดำ ผู้เป็นตำนานไร้พ่ายของแคว้นต้าเซี่ยที่จะปรากฏตัวเฉพาะยามที่แคว้นกำลังมีภัยสงครามเท่านั้น
กำยานเพียงเท่านี้ หาได้มีผลต่อเขาไม่
หลังจากฉินเจียวเยี่ยน ซึ่งกำลังมึนเมาด้วยฤทธิ์กำยานได้ที่ เฟิงอ๋องก็ลุกขึ้นแต่งตัวแล้วเดินจากไป สั่งองครักษ์ลับให้โยนขอทานสองคนที่จับตัวได้ริมถนนให้เข้ามาในเรือนแทนที่ตน ก่อนจะสะบัดเสื้อคลุมจากไปอย่างไม่ไยดี
ขณะที่ชุนเถา สาวใช้คนสนิทของฉินเจียวเยี่ยนกำลังดำเนินการตามแผนการ โดยไปพาทุกคนในงานเลี้ยงมาที่เรือนชุยจู เพื่อเห็นสถานการณ์ดังกล่าว
จากที่นางจะได้เป็นพระชายาเอกของเฟิงอ๋อง แต่ต้องกลับกลายเป็นการสร้างความอัปยศให้แก่ตนเองและตระกูล
ส่วนต่อจากนั้น...
ฉินเจียวเยี่ยนสะบัดศีรษะอย่างแรง เพื่อควบคุมสติที่ค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อย ร่างกายทวีความร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามฤทธิ์ของกำยาน “ช่างเถอะ ๆ ช่างมันก่อน เดี๋ยวจะไม่ทันกาลเอา”
ฉินเจียวเยี่ยนเลิกระลึกถึงเนื้อหาในละครต่อจากนี้
นางต้องหาทางจัดการปัญหาที่กำลังนอนอยู่ใต้ตัวนางในตอนนี้เสียก่อน
ฉินเจียวเยี่ยน “...”“ทำไมเธอถึงมองฉันอย่างนั้นล่ะ?” หลี่ชิงหงย้อนถาม “ลองเธอมาเป็นสาวใช้ของนางเอกแบบฉันไหมล่ะ? ชีวิตสาวใช้ บทเจ้านายจะตีตาย ก็ตายได้ง่าย ๆ โดยไม่รู้ตัว ยิ่งถ้าได้รู้ว่า ในอนาคต ฉินเยี่ยนฟางจะได้เป็นฮองเฮาแล้วด้วย เป็นเธอ เธอจะไม่ทำหรือไง”“จ้า จ้า แม่คนเก่ง” ฉินเจียวเยี่ยนฝืนชม “เล่าต่อสิ”หลังจากนั้น หลี่ชิงหงจึงสังเกตฉินเจียวเยี่ยนเป็นพิเศษ เพราะช่วงเวลาหนึ่งปีที่เธออยู่ที่นี่ ทำให้ได้เห็นพฤติกรรมเลวร้าย เอาแต่ใจ โง่เขลา ไร้คุณธรรมอย่างสิ้นเชิงของคุณหนูรองแห่งจวนโหวคนนี้เมื่อย้อนคิดถึงวันที่ไปเดินชมเทศกาล ที่ฉินเจียวเยี่ยนมาชวนฉินเยี่ยนฟางไปเที่ยวงานอย่างเป็นมิตร ทุกอย่างก็ยิ่งทำให้หลี่ชิงหงมั่นใจว่า ฉินเจียวเยี่ยนคือคนที่ข้ามมิติมาดังนั้น หลี่ชิงหงจึงจัดการฉินเจียวเยี่ยนตามเนื้อหาของละคร เริ่มจากปล่อยข่าวลือ สร้างความเสียหายให้แก่ฉินเจียวเยี่ยน หวังใจให้เซียวชิงเฟิงยกเลิกการสู่ขอนี่ซะแต่กลับกลายเป็นว่า เซียวชิงเฟิงมาถึงจวน เพื่อยืนยันการสู่ขอ พร้อมผลการตรวจดวง
“เรื่องอะไรล่ะ?” หลี่ชิงหงถามเสียงเบา“เริ่มตั้งแต่ที่เธอข้ามมิติมาเลย”หลี่ชิงหงจึงได้เริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ต้น...หลี่ชิงหงที่กำลังนั่งดูพวกเธอถ่ายละครในฉากสุดท้ายที่ผู้กำกับกวงกำหนดไว้ เป็นฉากที่ฉินเจียวเยี่ยนกำลังผลัดตกน้ำตามบท เพียงเธอกะพริบตา เธอก็ลืมตามาเห็นเรือนฉางเอ๋อของฉินเยี่ยนฟางฉินเยี่ยนฟางที่กำลังนั่งปักผ้าอยู่บนเก้าอี้ในเรือนเอ่ยเรียกขึ้น ‘เสี่ยวหง’เมื่อเห็นว่า เธอยังไม่ขยับ ฉินเยี่ยนฟางจึงเอ่ยเรียกอีกครั้ง ‘เสี่ยวหง...’หลี่ชิงหงที่กำลังมึนงง กลับถูกเสี่ยวชิงตีไหล่เบา ๆ เป็นการเรียกสติ ‘คุณหนูเรียกแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่เข้าไปเล่า?’หลี่ชิงหงก้มหน้าเสื้อผ้าและผิวพรรณของตัวเอง จึงได้รับรู้ว่า ตัวตนตอนนี้ มันไม่ใช่ของเธอ ยิ่งเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในเรือน ได้เห็นเงาตัวเองบนกระจกก็ยิ่งรู้ได้อย่างชัดเจนว่า เธอได้ข้ามมิติมาเป็นสาวใช้ของฉินเยี่ยนฟางเสียแล้วสาเหตุที่เธอไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร ก็เป็นเพราะละครเรื่องนี้เองก็เป็นเรื่องของตัวเอกที่ข้ามมิติมาเช่นกัน นอกจา
ซวยแล้ว...เป็นใครไม่เป็น ดันมาเป็นยัยฉินเจียวเยี่ยน หลี่ชิงหงนึกในใจเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นช่างแต่งหน้าชั้นแนวหน้าที่มีอายุน้อยที่สุด ทำให้หลี่ชิงหงมีความหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก ด้วยคิวจองแต่งหน้ากับเธอในงานต่าง ๆ นั้นยาวเป็นหางว่าวแต่เพราะเธอดันติดหนี้บุญคุณที่ผู้กำกับกวงเคยให้ความช่วยเหลือในการผลักดันเธอ เมื่อครั้งที่หลี่ชิงหงยังเป็นช่างแต่งหน้ามือใหม่จนก้าวกระโดดเป็นช่างแต่งหน้าแนวหน้า มีชื่อเสียงโด่งดังแต่ใครจะไปเชื่อว่า วันหนึ่ง ชีวิตของหลี่ชิงหงและผู้กำกับกวงกลับสวนทางกันในวันที่หลี่ชิงหงได้เติบโตและเฉิดฉายในวงการช่างแต่งหน้า ผู้กำกับกวงกลับถูกแย่งบทละครสำคัญ ๆ ไป อีกทั้งยังมีผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรงที่มาพร้อมเทคนิคการถ่ายทำแบบใหม่ ๆ ไม่นานก็ไม่มีใครเอ่ยถึงผู้กำกับกวงอีกเลยแต่เพราะความรักในอาชีพตรงหน้า ผู้กำกับกวงจึงเลือกมาทำละครสั้นในแพลตฟอร์มออนไลน์แทน แม้จะไม่ได้โด่งดัง แต่ก็พอประกอบอาชีพหาเงินเลี้ยงชีวิตได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้น ในละครบางเรื่อง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เขาจึงได้ติดต่อหลี่ชิงหงอีกครั้งหลี่ชิงหงจึงต้องมารับหน้าท
นางกำนัลยกมือขึ้นกอดอก ก้มหน้ามองอย่างดูแคลน “เธอก็พูดไปเรื่อย พวกเราต่างก็มาจากยุคสมัยใหม่เหมือนกัน เรื่องฆ่าคนอะไรนั่น ใครจะทำใจได้ง่ายขนาดนั้น”ฉินเจียวเยี่ยน “แล้วเธอจับฉันมาเพราะอะไรกันแน่”อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ “...”“เอางี้นะ ในฐานะที่เราทั้งคู่ก็หลุดเข้ามาในนิยายเรื่องนี้ เรามาคุยกันแบบเปิดอกเลยได้ไหม?” ฉินเจียวเยี่ยนเอ่ยขึ้น “เรามาหาทางที่พวกเราทั้งคู่จะมีชีวิตที่ดีด้วยกันดีไหม?”นางกำนัลนิ่งไปอย่างใช้ความคิด ก่อนจะพยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน “ก็ได้ ฉันเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”“งั้นคำถามแรก เธอคือใคร?”นางกำนัลไม่ตอบ แต่ล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วหยิบกระดาษเช็ดเครื่องสำอางออกมาเช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้าฉินเจียวเยี่ยนเบิกตากว้าง “นี่ เธอมีกระดาษเช็ดเครื่องสำอางด้วยเหรอ?”“ก็มีน่ะสิ” คำพูดดังขึ้น แม้ว่า นางกำนัลจะยังเช็ดหน้าไม่เสร็จ ปล่อยให้ฉินเจียวเยี่ยนรอคอยอย่างอดทน จนกระทั่งใบหน้านั้นสะอาดหมดจด“เสี
นางกำนัลเสียงสั่นเครือ ก่อนที่เซียวชิงเฟิงจะได้พูดอะไร นางก็รีบเอ่ยต่อทันที “แต่หม่อมฉันเข้าไปดูในห้องแล้ว ว่าที่พระชายาปลอดภัยดีเพคะ เพียงแต่ตกใจเล็กน้อย พระนางจึงให้หม่อมฉันรีบมาทูลท่านอ๋องเพคะ”เซียวชิงเฟิงเผลอบีบจอกเหล้ากระเบื้องในมือแตกในทันที แล้วรีบผุดลุกขึ้นยืน ทำให้ขุนนางหลายคนมองมาอย่างสนใจ “เสด็จพ่อ กระหม่อมรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย ขอไปพักด้านนอกสักครู่นะพ่ะย่ะค่ะ”“ไปเถิด” ฮ่องเต้เจิ้นหลงโบกพระหัตถ์อนุญาตเซียวชิงเฟิงทำความเคารพ แล้วรีบสาวเท้าออกไปทันที “พาข้าไป”จะให้ผู้ใดรู้ว่า มีคนร้ายลอบเข้าห้องพักของว่าที่พระชายาไม่ได้โดยเด็ดขาด เนื่องจากข่าวลือของฉินเจียวเยี่ยนในคราก่อน ก็สร้างความขุ่นเคืองให้แก่เสด็จพ่อเป็นอย่างมากแล้วเดิมที ว่าที่พระชายาของพระราชโอรสองค์โปรดก็มีชื่อเสียงในเมืองหลวงที่ไม่ดีนัก หากยังสร้างความวุ่นวายในงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์อีก ก็มีโอกาสที่จะโดนยกเลิกพระราชโองการพระราชทานสมรสได้ใบหน้าของเซียวชิงเฟิงเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก สองมือกำแน่น ใจยังคงกัง
เซียวชิงเฟิงยกจอกเหล้าขึ้นสูง เป็นสัญญาณขอชนจอกร่วมกับอีกฝ่าย ฉินเจียวเยี่ยนรีบยกจอกชาของตัวเองขึ้นมาในระดับเดียวกัน ทั้งสองต่างขยับมือชนแก้วกันกลางอากาศเบา ๆ แล้วยกดื่ม ส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้แก่กัน สร้างความอิจฉาให้แก่บางคนที่ลอบมองอยู่“ฮ่องเต้เสด็จ!!” เสียงขันทีตะโกนขึ้น ทำให้บรรยากาศในงานกลับเป็นเคร่งขรึม ทุกคนในห้องโถงลุกขึ้นถวายความเคารพในระหว่างที่ฮ่องเต้ และฮองเฮาเสด็จผ่าน ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงสรรเสริญฮ่องเต้เจิ้นหลงประทับลงบนบัลลังก์มังกร ยกพระหัตถ์อนุญาตให้ทุกคนนั่งลง บรรดาขุนนาง ข้าราชบริพาร และตัวแทนจากแคว้นต่าง ๆ ทยอยกล่าวคำถวายพระพรและของขวัญแด่ฮ่องเต้ตลอดงาน พระพักตร์ของฮ่องเต้เจิ้นหลงจะมีรอยสรวลอยู่เสมอ พอพระทัยกับงานในคืนนี้เป็นอย่างมาก หลังจากร่วมเสวยพระกระยาหาร จึงได้เริ่มพระราชทานรางวัลแก่ผู้ที่มีความดีความชอบ“ท่านหญิงเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” เสี่ยวหงเอ่ยถามฉินเยี่ยนฟางเบา ๆ เมื่อเห็นอาการมึนเมาฉินเยี่ยนฟางนวดขมับตัวเองเบา ๆ “สงสัยข้าจะเริ่มเมาเสียแล้ว”“เช่นนั้น ข้าจะพาท่านออ
Komen