หลังจากที่ห้องเสื้อซูซินเปิดทำการมาได้หนึ่งสัปดาห์และได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม ในที่สุด...สนามรบที่แท้จริงของเหล่าเด็ก ๆ ก็มาถึง เพราะวันนี้คือวันสอบปลายภาคเรียนครั้งแรกของพวกเขา
เช้าวันนั้น...บ้านพักในหมู่บ้านทหารทั้งสี่หลังของพรรคพวกพี่ใหญ่ต่างตื่นขึ้นมาด้วยความคึกคักเป็นพิเศษ บรรดาคุณแม่ต่างง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าที่บำรุงสมองและข้าวกล่องมื้อกลางวันที่เต็มไปด้วยความรักและความหวังเพื่อส่งลูก ๆ ของตนไปสู่สนามสอบ
ภายในบ้านพักของครอบครัวเกา กลิ่นหอมของโจ๊กข้าวสวยร้อน ๆ คลุ้งไปทั่วบ้าน หลิวซินบรรจงตักโจ๊กใส่ชามให้ลูก ๆ และสามี
ส่วนในกล่องข้าวของหานซูอวี้นั้น นอกจากจะมีหมูตุ๋นกับไข่พะโล้ที่เหมืนกับเสี่ยวเฟยแล้ว เธอยังผัดผักที่ลูกสาวชอบเป็นพิเศษใส่ไปให้ด้วยโดยไม่ลืมที่จะเขี่ยผักชีออก
&
และเมื่อพวกเขาเดินทางเข้าไปใกล้พื้นที่ประสบภัยมากขึ้นเรื่อย ๆ...ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ กำลังตื่นตระหนกกับภาพความเสียหายที่เห็นอยู่สองข้างทาง...เกาซูอวี้กลับหลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิ 'เทพซู! รายงานสถานการณ์ล่าสุด!' เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหัวของเธอทันที พร้อมกับภาพและข้อมูลที่ไหลบ่าเข้ามา 'รับทราบครับสหาย! จากการประมวลผลข้อมูลล่าสุด สถานการณ์ที่ภูเขาต้าซานอยู่ในภาวะวิกฤตระดับสีแดง!' 'หนึ่ง ผมตรวจพบผู้ป่วยที่มีอาการของไข้ไทฟอยด์มากกว่า 80 ราย! ทีมแพทย์ภาคสนามกำลังขาดแคลนยาปฏิชีวนะและสารน้ำเกลืออย่างรุนแรง!' เสียงของเทพซูเว้นจังหวะไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ 'สอง พบผู้ป่วยต้องสงสัย Necrotizing Fasciitis (
สภาพแวดล้อมรอบด้านของพวกเขาในตอนนี้นั้นเลวร้ายมากกว่าที่คิดไว้เป็นอย่างมาก พื้นดินที่พวกเขาเหยียบย่ำลงไปนั้นเต็มไปด้วยโคลนที่เหนียวหนึบและเย็นเฉียบจากการละลายของหิมะ มันทั้งลื่นและไม่มั่นคง ทุกย่างก้าวต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังอย่างสูงสุด ซากปรักหักพังของบ้านเรือน ต้นไม้ใหญ่ที่ถูกถอนรากถอนโคน และก้อนหินขนาดมหึมา ขวางทางพวกเขาอยู่เป็นระยะ อากาศที่หนาวเย็นนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอับชื้นของดินและไม้ที่เปียกน้ำ ท่ามกลางความสับสนและอันตรายนั้น เกาซูอวี้กลับเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นคงและไม่ลังเล 'สหาย! ไปทางซ้ายอีก 20 เมตร! ระวัง! พื้นดินตรงนั้นมีโพรงอยู่ข้างใต้ ไม่มั่นคง!' เสียงของเทพซูคอยนำทางอยู่ในหัว ของเธอ 'ทำไมทีอย่างนี้นายถึงบอกได้ล่ะ' แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องดี ทว่าเธอก็อดที่จะถามไม่ได้&n
หลังจากที่อาการของหวงเจิ้งหรงเริ่มทรงตัวจากยาปฏิหาริย์และอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของพยาบาลอาวุโสอย่างลู่เหยาแล้ว เกาซูอวี้ก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าแม้แต่วินาทีเดียว ภารกิจที่หนึ่ง...สำเร็จไปแล้วหนึ่งเปลาะ...แต่ภารกิจที่สอง...การตามหาพ่อของเธอนั้น...ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เด็กสาวรีบเดินออกมาด้านนอกโรงพยาบาลสนาม เธอเห็นภาพของถังเว่ยหมินกำลังจัดทีมค้นหาชุดใหม่พร้อมกับอุปกรณ์กู้ภัยครบมือเพื่อเตรียมจะกลับเข้าไปในพื้นที่ดินถล่มอีกครั้ง เกาซูอวี้ไม่รอช้า...เธอเดินตรงเข้าไปหาเขาทันที!และแน่นอนว่า...เพื่อน ๆ อีกสามคน...หวงจิง อู๋ถิง และถังเยว่ฉี...ก็รีบวิ่งตามหลังพี่ใหญ่ของพวกเขาไปอย่างไม่ลังเล "คุณลุงถังคะ...พวกเรา...ขอไปด้วยค่ะ" เกาซูอวี้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแสดงความจริงจัง&
เกาซูอวี้จึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปหยุดอยู่ด้านข้างทีมแพทย์ที่กำลังทำงานกันอย่างวุ่นวายเพื่อรอจังหวะที่เหมาะสม "คุณหมอซ่งคะ...ขอโทษที่รบกวนค่ะ" เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง ซ่งอวิ๋นเซิงหันมามองเธอ แววตาคมกริบคู่นั้นฉายแววแปลกใจระคนหงุดหงิดเล็กน้อย "มีอะไร? ตอนนี้เรากำลังยุ่งมาก" "หนูเข้าใจค่ะ" เธอพยักหน้ารับ ก่อนจะพูดออกมาในสิ่งที่ทีมแพทย์ทุกคนต้องแสดงความตกใจ "การให้สารน้ำเกลือปริมาณมากเพื่อป้องกันภาวะช็อกเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแล้วค่ะ แต่ว่า..." เธอหยุดเล็กน้อยเพื่อดึงความสนใจของเขา โดยที่ไม่รู้เลยว่าไม่เพียงแต่คุณหมอหนุ่มที่เป็นตัวแทนของคณะแพทย์อาสาเท่านั้นที่กำลังสนใจในสิ่งที่เธอพูด 
"เจอแล้ว! ผมเห็นท่านพันตรีแล้ว!" เสียงของทหารคนหนึ่งตะโกนขึ้น! เมื่อทีมกู้ภัยเปิดช่องได้สำเร็จและส่องไฟฉายเข้าไป...ภาพที่พวกเขาเห็นก็ทำให้ทุกคนถึงกับนิ่งอึ้งและสะเทือนใจไปพร้อม ๆ กัน ร่างของเกาเจี้ยนกั๋วนอนอยู่ใต้คานไม้ขนาดใหญ่ ขาส่วนล่างของเขาถูกคานไม้ทับจนผิดรูปอย่างน่ากลัว แต่ที่น่าสะเทือนใจมากกว่านั้นก็คือ...ในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของเขานั้น...กำลังโอบกอดร่างของหญิงชราคนหนึ่งเอาไว้แน่น...แม้ว่าเธอจะสิ้นลมหายใจไปแล้วก็ตาม... "อย่าเพิ่งขยับตัวเขา!" ซ่งอวิ๋นเซิงตะโกนสั่งทันที ก่อนที่เจ้าตัวกับเฉียนฮ่าวหรานจะรีบคลานเข้าไปในช่องว่างที่แคบและอันตรายนั้น "หมอเฉียน! เปิดเส้นเลือดให้ได้! เริ่มให้สารน้ำเกลือเดี๋ยวนี้!"&nb
ในเวลาเดียวกัน...ที่อีกทางด้านหนึ่งของโรงพยาบาลสนาม...หลังจากที่ทีมแพทย์ของซ่งอวิ๋นเซิงได้ให้การรักษาตามโปรโตคอลขั้นสูง[1]ที่เกาซูอวี้ได้แนะนำไป...ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น! สัญญาณชีพของพันตรีเกาเจี้ยนกั๋วเริ่มกลับมาคงที่ขึ้นอย่างช้า ๆ ภาวะไตวายเฉียบพลันและระดับโพแทสเซียมในเลือดที่อันตรายถึงชีวิตถูกควบคุมไว้ได้ด้วยแนวทางการรักษาจากอนาคต...เรียกได้ว่าตอนนี้เขาได้ถูกดึงกลับมาจากปากเหวของเทพเฮยไป๋อู่ฉาง[2]ได้สำเร็จแล้วหนึ่งก้าว ทว่า...แม้ปัญหาใหญ่เรื่องระบบภายในร่างกายจะเริ่มคลี่คลาย แต่ศัลยแพทย์กระดูกและข้ออัจฉริยะอย่างซ่งอวิ๋นเซิง กลับกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่น่าปวดหัวอย่างที่สุดในสายอาชีพของตัวเอง เขายืนมองสภาพขาข้างขวาของผู้พันเกาที่บวมเป่งและผิดรูปอย่างน่ากลัวด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด&n