หลังจากค่ำคืนอันเป็นนิรันดร์ของทั้งสามคนจบลง ยามเช้าก็ได้มาถึง... ภายใต้ผ้าห่มบนเตียงสีขาวบริสุทธิ์ ทั้งสามคนที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ได้นอนกอดกันกลมโดยมีเด็กหนุ่มนามว่า กร คั่นกลาง แสงอาทิตย์อุ่นๆ ของฤดูร้อนลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบร่างของทั้งสาม แต่มีเพียงกรเท่านั้นที่ตื่นจากภวังค์เพราะมัน ทันทีที่ตื่น กรสัมผัสได้ถึงผิวกายอันแสนวิเศษ ที่แนบชิดกับเขาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากมีอาและเมอร์ลินที่กำลังนอนหลับสนิทเคียงเขาซ้ายขวา และใช้ร่างของกรแทนหมอนข้างนั่นเอง...ไม่ต้องมีคำบรรยาย...เมื่อคืนนี้เป็นคืนที่สุดยอดจริงๆเลย... ในหลายๆความหมายอาจจะเสียมารยาทกับพวกเธอไปหน่อย แต่ถ้าจะนับจากประสบการณ์ในลูป คงพูดไม่ได้ว่านี่เป็นครั้งแรกแต่ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณประสบการณ์พวกนั้นบ้างแหล่ะนะ... เลยทำให้นำได้อย่างดี สมเป็นลูกผู้ชายกับเขาหน่อย ในขณะที่คิดแบบนั้น มีอาและเมอร์ลินที่สัมผัสกายของกรได้ละเมอครางออกมาเบาๆ และขยับใบหน้าเข้ามาซุกที่อกของเขาแนบชิดกว่าเดิมดูจากการเคลื่อนของดวงอาทิตย์ ตอนนี้ก็เกือบ 9 โมงแล้ว... นี่พวกเราหลับยาวขนาดน
หลังจากที่พวกกรได้ฐานที่มั่นชั่วคราวเป็นห้องกับดัก กรก็เริ่มทำการสร้างชุดให้กับชาลอตในทันที จากนั้นก็สร้างโต๊ะวงกลมขึ้นด้วยเวทย์พฤกษา พร้อมกับเก้าอี้ไม้สี่ตัว เพื่อวางแผนการ นั่นเพราะต่อจากนี้ กรจะให้ชาลอตซ้อมต่อสู้และคุ้นชินกับคำสั่งให้ได้เร็วๆ นั่นเอง〝 โอ้! เหมาะมากเลย 〞〝 นั่นสินะ 〞 เมื่อชาลอตทำการเปลี่ยนชุดใหม่เสร็จสิ้นก็ได้ฤกษ์เปิดม่านโชว์ตัวโดยยืนเป็นโมเดลด้านหน้าพวกกรที่นั่งโต๊ะอยู่ให้ได้เชยชม และเหตุผลเดียวที่เมอร์ลินและกรชมออกมาอย่างออกนอกหน้าก็คือ... ความงดงามของสาวน้อย?ตรงหน้ากับชุดเกราะที่เธอใส่ มีความเข้ากันในระดับที่สามารถขโมยใจชายและทำให้หญิงสาวคุกขอขมา ให้กับความน่ารักนี้ได้เลย... ชุดใหม่ของชาลอตที่ถูกปรับแต่งโดยกรและดีไซน์โดยเมอร์ลิน ตอนนี้มันมีลักษณะเหมือนกับเกราะหนังผสมกับเกราะโลหะ แบบเปิดไหล่ โดยตัวหนังที่เป็นพื้นฐานของชุดถูกกรปรับแต่งให้สามารถป้องกันเวทย์ได้ทุกชนิดที่มีระดับต่ำกว่าเขา ส่วนตัวเกราะโลหะที่ติดไว้ตั้งแต่บริเวณหน้าอกถึงท้องน้อย และด้านหลังตั้งแต่บริเวณหลังคอไปจนถึงสะโพก โดยที่โลหะหน้าและหลังเป็นคนละตัว
หลังจากที่ชาลอตต่อสู้ครั้งแรก ก็ผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้ว... และอีกประมาณ 5 นาทีจะบ่ายโมงพวกเราพาเธอต่อสู้จนถึงชั้นที่ 5 เลยหล่ะ... แต่เลเวลเริ่มขึ้นยากมาก หลังจากเลเวล 50 หน่ะนะ..ถ้าใช้ตรรกะของเกม MMORPG ละก็... ยังไงการเก็บเวลจากมอนมันต้องช้ากว่าการทำเควสอยู่แล้วเพียงแต่ในเรื่องจริง การทำเควสมันไม่ได้ค่าประสบการณ์ซักหน่อย... ก็นี่หน่ะไม่ใช่เกมนี่นา! แค่คล้ายกันเท่านั้นเองเพราะงั้นของแบบนี้มันต้องใช้เวลาหล่ะนะ... แถมตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาสอบเลื่อนระดับแล้วด้วย วันนี้พอแค่นี้ดีกว่ามั้ง...แล้วสเตตัสของเธอก็น่าพอใจ(แบบโคตรๆ)แล้วด้วย... ถ้าถามว่าเป็นยังไงก็ตามนี้แหล่ะนะ ข้อมูลสเตตัส『ชาลอต ฟินเวล 』เพศ หญิง อายุ 18 เผ่าพันธุ์ โนวาฟ อาชีพ ช่างตีเหล็ก เลเวล 63ฉายา 〘ดวงตาวิเคราะห์(ซ่อน)〙《พลังโจมตี》 91,390 《พลังป้องกัน》 86,330《พลังเวทย์》 76,210 《ความต้านทานเวทย์》 61,030《ความว่องไว》 30,515 《พละกำลัง》 91,390น
〝 พวกเราไปก่อนนะกร! 〞〝 อย่าพลาดสอบตกคนเดียวในกลุ่มซะล่ะ! 〞〝 ฮะฮ่ะ! เข้าใจแล้วน่า 〞 มีอาและเมอร์ลินโบกมือให้กรและแยกไปตามสนามสอบของตัวเอง ส่วนสนามสอบของกรนั้นคือ สนามฝึกซ้อมชั้นใต้ดินของกิลด์ จึงไม่จำเป็นต้องไปไหน〝 ว่าแต่ แล้วชาลอตหล่ะ? 〞เพราะเหลืออยู่แค่สองคน กรเลยถามชาลอตออกมาแบบนั้น〝 ดิฉันจะติดตามนายท่านไปด้วยค่ะ! 〞 ชาลอตตอบกลับด้วยแววตาเป็นประกาย แฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น〝 งั้นเหรอ? 〞 กรถอนหายใจออกมาด้วยรอยยิ้ม ราวกับจะบอกว่า ช่วยไม่ได้ ก่อนจะตอบเธอไปแบบนั้น เพราะสนามสอบมันเป็นสนามฝึกซ้อม เลยทำให้มีอัฒจันทร์ไว้นั่งชมด้วย ชาลอตเลยตั้งใจจะตามไปให้กำลังใจเจ้านายเช่นกร แน่นอนว่าด้วยความเป็นห่วง แต่ที่จริงแล้วเธอกำลังสงสัยผลการสอบของกรมากกว่า...❖❖❖❖❖ ทันทีที่กรและชาลอตเดินตามบันไดมาพร้อมๆกับนักผจญภัยกลุ่มสอบเดียวกัน เพียงไม่ถึง 5 นาทีก็เดินทางมาถึงสนามฝึกซ้อมใต้ดิน... สนามฝึกซ้อมใต้ดินมีทั้งหมด 3 แห่งเรียงกันเป็นแนวเดียว โดยมีแหล่งกำเนิดแสงเป็นเพดานราวกับแสงจากสปอร์ตไลท์ และที่น่าตกใจก็คือ แต่ละสนาม มันมีขนาดพอๆ กับสนามฟุตบอลมาตรฐานเลยที
หลังจากที่กรได้ทำให้สนามฝึกซ้อมทั้งหมดเกิดความเสียหายเกินกว่าครึ่ง เหล่าพนักงานทุกคนก็พากันลงมาที่สนามฝึกซ้อมแห่งที่กรอยู่ในทันที และหากไม่ติดว่ากิลด์มาสเตอร์มีธุระอยู่เมืองอื่น เขาเองก็คงมาด้วยเช่นกัน...〝 ขอประทานโทษด้วยครับ!!! 〞กรโค้งคำนับให้กับพนักงานทุกคน รวมถึงนักผจญภัยทุกคนที่เข้ามามุงล้อมรอบตัวกร โดยมีชาลอตคำนับอยู่ด้านหลังของเขาไปพร้อมกันด้วย〝 ฮะฮ่ะ กะ โกหกใช่ไหมเนี่ย? นี่เธอเป็นคนทำงั้นเหรอ 〞เบลล่าหัวเราะออกมาแห้งๆ ด้วยความที่ยังตะลึงไม่หาย ทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่เธอก็ยังถามไปแบบนั้น ส่วนนึงก็เป็นเพราะเธอทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้จะเริ่มยังไงดีนั่นแหล่ะ〝 ครับ... ขอโทษด้วยจริงๆ 〞กรที่ยังคงโค้งคำนับ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา และยังคงตอบเบลล่าไปด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดและกระวนกระวายใจ พนักงานทุกคนรวมถึงเบลล่า... และนักผจญภัยทุกคนต่างก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อกรเอาแต่คำนับอยู่แบบนั้น แต่ก็ยังมีบางคนใจกล้าเข้าไปถามถึงความแข็งแกร่งและชื่นชมกร แต่กรก็ทำแค่อ้าปากพะงาบๆเพื่อเลี่ยงที่จะตอบเท่านั้น เพื่อรอให้สถานการณ์คลี่คลาย กรและเบลล่า เหล่าพนักงานและนักผจญภัยจึง
หลังจากนั้นพวกเรา 4 คน ก็เดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วก็ถามคุณเบลเรื่องการลงทะเบียน『กิลด์ปาร์ตี้』แล้วก็เหมือนเดิม เธอพาพวกเราเดินเข้าไปที่ห้องรับรองหลังเคาน์เตอร์เหมือนตอนที่มาสมัครเป็นนักผจญภัยไม่มีผิด แต่เป็นคนละห้องกับตอนนั้นหน่ะนะ〝 ว่าแต่ไม่คิดเลยแฮะ... ปกติคนเขาไม่ค่อยจะลงทะเบียนเจ้านี่กันหรอกนะ เพราะต่อให้สมัครไปแต่ถ้าไม่ดังพอจะมีคนส่งเควสให้มันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี〞 ในระหว่างที่นั่งกับโต๊ะตัวในสุด เบลล่าที่กำลังเตรียมเอกสารก็พูดแบบนั้นออกมา ให้พวกกรที่นั่งอยู่ตรงข้ามฟัง〝 แต่พวกผมดันกลายเป็นคนดังแล้วเนี่ยสิ 〞 กรพูดแบบนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย〝 ก็นั่นสิ... เธอนี่ช่างเลือกโอกาสจริงนะ 〞ไม่ใช่ว่าเพราะเป็นคนดัง เลยจะถือโอกาสเพิ่มรายได้หรอกครับคุณเบลกระผมแค่กังวลเรื่องเงื่อนไข ข้ออ้างการทำเควสของลูกจ้างหัวหมอต่างหาก〝 งั้นก็ทั้งสามคน เอาบัตรนักผจญภัยออกมาที 〞 ทันทีที่เบลล่าพูดจบ พวกกรก็นำบัตรให้กับเธอตามที่บอกในทันที〝 ว่าแต่... เธอ? 〞เบลล่าหันหน้าไปทางชาลอต แล้วถามออกมาแบบนั้น〝 ชาลอตค่ะ... ดิฉันไม่มีบัตรหรอกค่ะ ขอลงทะเบียนเป็น『ผู้ติดตาม』แทนก็แล้วกันนะคะ 〞 ชาลอตที่เข้าใจเจตนา
อือ....... เสียงครางของเด็กหนุ่มนามอุษณกรที่ยังคงหลับไหลไม่ได้สติ ดังขึ้นในตอนที่เช้าวันใหม่มาเยือน ราวกับจะเป็นสัญญาณบอกทางอ้อมว่า ยังไม่อยากลุกจากเตียงยังไงอย่างงั้น แม้ตามปกติแล้วร่างกายของกรจะไม่จำเป็นต้องนอนนานนัก ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพียงแต่ไม่ใช่ในกรณีที่ไม่ปกติของกรนี้... ว่ากันว่าการนอน เป็นกิจกรรมที่ร่างกายและสมองพักผ่อน รวมถึงการจัดระเบียบความทรงจำ ซึ่งสาเหตุหลักที่กรต้องนอนก็มาจากอย่างหลังนั่นเอง อย่างที่รู้กันว่า กรนั้นได้เคยเผชิญกับนรกบนดินของทศกัณฑ์ ที่เรียกว่าเป็นลูปนรกก็ไม่ปานนั่นเอง ทำให้กรต้องรับภาระข้อมูลจำนวนมหาศาลกว่าแสนปีเข้าไป หากร่างกายของเขายังคงปกติ สมองคงระเบิดเพราะรับภาระความตึงเครียดทางจิตใจไม่ไหวแน่นอน กรจึงต้องอาศัยการจัดระเบียบความทรงจำนี้เองในการผ่อนคลายความเครียดนั้นโดยไม่รู้ตัว แถมยังเป็นการหลับลึกจนแทบไม่ได้ยินเสียงหรือรู้สึกอะไรจากภายนอกอีกต่างหาก เว้นแต่จะตื่นขึ้นมาในตอนที่ถึงเวลากระทบแสงแดดพอดี นั่นทำให้กรในตอนนี้เป็นคนตื่นยากแบบสุดๆ แม้ก่อนหน้าจะโดนลูปนรกนั่นกรมักจะนอนแบบรู้สึกตัวถึงสภาพแวดล้อมร
เมื่ออยู่ต่อหน้าประตูห้องบอส ทุกคนต่างก็มีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันเลยคือ ใบหน้าทุกคนต่างก็มีความตะลึงแฝงอยู่〝 เฮ้ยๆ! โกหกใช่ไหมเนี่ย? 〞 แมซที่ตกตะลึงปนดีใจจนก้าวขาไม่ออก พูดแบบนั้นออกมาในทันที〝 เหลือเชื่อไปเลย... 〞 ร็อบเองก็ดีใจที่เห็นมันเช่นกัน รวมถึงเชนที่พูดอะไรไม่ออกเพราะกำลังคิดถึงเม็ดเงินที่จะได้รับเมื่อเจอห้องบอสใหม่นี้ แต่เสียงกระแอมของกรที่จงใจทำ ก็ได้ดึงพวกเขาจากฝันหวานกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้งจนได้〝 อะแฮ่ม! ก็รู้อยู่หรอกครับว่ามันน่าดีใจ... แต่ก่อนหน้านั้นเรามีเรื่องที่ต้องทำก่อนนะ! 〞 กรจงใจพูดแบบนั้นออกมาให้ดังเกินความจำเป็น ราวกับต้องการให้ทั้งชั้นในดันเจี้ยนได้ยินเสียงของเขา พอกรทำแบบนั้นมีอาและเมอร์ลินก็พยักหน้าให้ทีนึง นั่นเลยทำให้ชาลอตและพวกแมซงงเป็นไก่ตาแตก ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...〝 กระต่ายเนี่ยชอบซ่อนอยู่ในโพรงจริงนะ ว่ามั้ยเมอร์ลิน! 〞กรหันหลังให้ประตูห้องบอส และพูดแบบนั้นเสียงดังอีกครั้ง โดยจงใจส่งมันไปยังสุดขอบผนังที่อยู่ตรงข้าม〝 เอ๋ๆ? แต่ถ้าหมาป่าไปเจอโพรงเข้าเนี่ย กระต่ายจะไม่แย่เอาเหรอ? 〞 เมอร์ลินเองก็ตอบก
ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั
หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ
เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ
หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ
ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ
ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ
“ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่
————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้
————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า