เงาไฟสีส้มกะพริบจากโคมไฟสนามลมแรงพัดเส้นสายไฟโยกไปมา เสียง ครืด...ครืด... เหมือนเสียงถอนหายใจของสถานที่ที่เต็มไปด้วยซากสงครามกลิ่นสนิม โลหิต และควันดินปืน ตลบอบอวลในอากาศ ขมคอ...เหมือนความทรงจำที่ไม่สามารถกลืนลงหรือคายทิ้งได้เรย์จิ คุโรซาวะ ยืนอยู่ท่ามกลางเศษกำแพงที่พรุนจากกระสุน แสงกะพริบของไฟสะท้อนลงบนใบหน้าเปื้อนเลือดและเหงื่อมือขวาถือปืน กระบอกยังอุ่นจากการยิงก่อนหน้า เสื้อเชิ้ตสีดำมีรอยเลือดกระจายเป็นวง — ไม่รู้ว่าเป็นของใคร และอาจไม่สำคัญอีกแล้วแววตาเขา...เยือกเย็น ไม่ใช่เพราะไร้อารมณ์แต่เพราะ ต้องทำในสิ่งที่ไม่ควรต้องทำมากที่สุดในชีวิตไม่ไกล ซันยืนพิงเสาเหล็กที่หักโค้ง ใบหน้าซีด แต่ยังยิ้ม ผ้าพันแผลแน่นรอบแขนขวา รอยแตกที่ริมฝีปากยังมีเลือดไหลซึม แต่ดวงตา...ยังเต็มไปด้วยประกายกร้าวที่ไม่ยอมตาย“มาถึงตรงนี้ได้เร็วกว่าที่คิดนะ...เรย์จิ”“คิดจะมาส่งเพื่อนเก่าไปนรกด้วยตัวเองเลยหรือไง?”น้ำเสียงแหบพร่า แต่เจือด้วยรอยล้อเลียนที่แหลมคมจนแทงทะลุทุกเกราะเรย์จิไม่ตอบเขาก้าวเข้ามาทีละก้าว ทีละก้าว ที่เหมือนพาอดีตทุกเสี้ยววินาทีเดินกลับเข้ามาภาพเพื่อนร่วมสนามฝึกภาพคนที่เคยหันหลัง
📍ด้านของซันหลังจากเหตุการณ์ล้อมศูนย์บัญชาการและการเผชิญหน้ากับเรย์จิที่โกดังร้าง ซันถูกปล่อยตัวกลับไป—ไม่ใช่เพราะเรย์จิอ่อนแอ แต่เพราะเขาตัดสินใจ ‘ให้ชีวิตกับความพ่ายแพ้’ มากกว่าความตายไม่กี่วันหลังจากนั้น...มีบางข่าวลือเล่าว่าเขาขึ้นเครื่องไปอิตาลีภายใต้ชื่อปลอม และกลับเข้าสู่วงการมาเฟียระดับนานาชาติ ในเงามืดไม่ได้ใช้ชื่อเดิมไม่ได้ประกาศตัวแต่ทุกเครือข่ายของมาเฟียในยุโรปเริ่มขยับอย่างเงียบ ๆ เหมือนเงาของใครบางคน...กลับมายืนอยู่หลังม่านอีกครั้งจนวันหนึ่ง...เงาก็หายไปไม่มีข่าวไม่มีสัญญาณไม่มีใครรู้ว่า ซันมีชีวิตอยู่ หรือหมดสิ้นจากโลกใบนี้ไปแล้ว“เรย์จิไม่ได้พูดถึงเขาอีกเลย…”แต่บางคืนที่ลมแรง...เขาจะยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงคฤหาสน์ สายตาจ้องไปที่เมืองไกล ๆ เหมือนรอคนที่ไม่มีวันกลับมาอีก🐕🐕🐕🐕🐕🐕ด้านมินาเอะเมื่อสงครามจบลง และคฤหาสน์กลับสู่ความสงบ มินาเอะเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในฐานะคนของตระกูลคุโรซาวะอย่างแท้จริงเธอเข้าคอร์สฝึกฝนกับ แม่ของเรย์จิ — หญิงผู้เป็นดั่งเงาหลังอาณาจักร ระเบียบเข้ม สายตาคม บทเรียนโหดแบบ ‘หากเจอศัตรู เธอจะรอดในหนึ่งวินาทีหรือไม่?’แต่แน่นอน...มินาเอะไม่
เสียงแจ้งเตือนดัง ติ๊ง! ขึ้นจากโทรศัพท์มือถือของฉันในช่วงดึกของคืนหนึ่ง…📱 [ขอแสดงความยินดี! คุณแมตช์กับคู่เดตของคุณแล้ว!]ห้ะ…?ฉันขมวดคิ้วมองหน้าจอด้วยความงุนงง ก่อนจะเบิกตากว้าง“เดี๋ยววว!! แอปเดตออนไลน์บ้าอะไรเนี่ย!?”“เซอร์ไพรส์!!”เสียงเพื่อนรักตัวดี ‘อัยย์’ ดังขึ้นจากข้างๆ พร้อมกับรอยยิ้มภูมิใจที่ทำให้ฉันอยากกระโดดงับหัวมัน!“แกทำอะไรฟะ!?” ฉันถามเสียงหลง มองมันอย่างไม่อยากเชื่อ“ก็สมัครแอปเดตออนไลน์ให้แกไง! ฉันเห็นแกไม่มีแฟนมานานละ ชีวิตมีแต่มังงะกับเกม! ถึงเวลาต้องออกไปเจอผู้ชายจริง ๆ บ้างแล้ววว~” อัยย์ยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ“ไอ้บ้าาา! แล้วใครอนุญาตให้แกใช้ชื่อฉันหาแฟนฟะ!?” ฉันแย่งมือถือมาดู แล้วก็ต้องช็อกอีกรอบเพราะ ‘คู่แมตช์’ ของฉัน…เป็นผู้ชายที่ใช้โปรไฟล์ ‘R’ ใส่สูทดำทั้งตัว หน้าตาหล่อโคตร แต่แผ่รังสีโคตรน่ากลัว! 😱“เฮ้ยๆ ทำไมไอ้นี่มันดูอันตรายๆ วะ…” ฉันเริ่มเหงื่อตก“แกดูหน้าเขาดิ! นี่มันพวกเจ้าพ่อมาเฟียหรือไง!?”“เฮ้ออ แกนี่ก็คิดมาก!” อัยย์กลอกตา“ผู้ชายที่ดูดาร์กๆ นี่แหละ มีเสน่ห์! ลองคุยหน่อยเหอะ ฉันแอบดูละ โปรไฟล์เขาโคตรสมบูรณ์แบบ!”“สมบูรณ์แบบบ้านแกดิ! ฉันไม่—”ต
“ดีเลย… เธอเป็นแฟนฉันแล้วนะ”เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายตรงหน้าทำให้ฉันแทบสำลักอากาศตัวเอง! เฮ้ยย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!? 😱💀ฉันยืนค้างไปสามวิ ก่อนจะกระชากมือออกจากเขาแทบไม่ทัน รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตไปทั้งแขน!“เดี๋ยวๆๆๆ! นายเป็นใครฟะ!? แล้วใครอนุญาตให้ฉันเป็นแฟนนายกัน!?”ชายหนุ่มตรงหน้ามองฉันด้วยสายตานิ่งสนิท ใบหน้าหล่อจัดแบบที่หาได้ยาก แต่ปัญหาคือ... เขาดูเหมือนฆาตกรต่อเนื่องมากกว่าผู้ชายที่มาหาแฟนในแอปเดต!จมูกโด่งคมสันรับกับใบหน้าคมคาย ริมฝีปากได้รูปที่เม้มเล็กน้อยทำให้เขาดูสุขุมและเย็นชา ส่วนดวงตาสีดำสนิทของเขาก็เต็มไปด้วยออร่าที่น่าขนลุกสุดขีด เหมือนเป็นดวงตาของสัตว์นักล่าที่กำลังจับจ้องเหยื่อของมันอยู่“เรย์จิ คุโรซาวะ” เขาตอบเสียงเรียบ ดวงตายังคงจับจ้องฉันราวกับต้องการจารึกทุกปฏิกิริยาของฉันไว้ในหัว“คนที่แมตช์กับเธอ”“ก็แค่แมตช์กันไม่ใช่เรอะ!?” ฉันเบิกตากว้าง“นี่มันเดตแรกนะเว้ย! อยู่ดีๆ มาประกาศว่าเป็นแฟนกันได้ไง!?”“ก็แค่ขั้นตอนให้มันสั้นลง” เรย์จิพูดหน้าตาย ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ออกให้ฉัน“นั่งสิ”ไม่! ฉันไม่อยากนั่ง! ฉันอยากกลับบ้าน!! 😱“คือแบบ…” ฉันถอยหลังไปก้าวนึง ใจเต้นโค
ฉันจ้องตาไอ้มาเฟียหน้าหล่อที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงหน้าอย่างหวาดระแวงสุดชีวิต…“สรุปคือฉันต้องเป็นแฟนนาย… แค่เพราะหมาของนายติดฉัน!?”“อืม”เรย์จิ… นายแม่งตอบง่ายไปไหมฟะ!? 😱💀“ไม่เอาโว้ยยย!!” ฉันลุกพรวดขึ้นทันที“ฉันไม่อยากเป็นแฟนมาเฟีย! ฉันแค่อยากกลับบ้านไปเล่นเกม!!”“นั่งลง”“ไม่!!”หมับ!เฮ้ยยย! อิบ้านี่มันดึงแขนฉันให้นั่งลงไปอีกแล้ว!!“เธอกล้าปฏิเสธฉันต่อหน้าแบบนี้ตลอดเลยนะ” เขาพูดเสียงเรียบ สายตาคมกริบเหมือนจะกรีดวิญญาณฉันเป็นชิ้นๆ ได้“เธอรู้ไหมว่าไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับฉันมาก่อน”แล้วฉันต้องภูมิใจรึไงฟะ!? 😱“แต่ก็ดี” เรย์จิพยักหน้าเบาๆ“ฉันชอบ”ชอบพ่อง!!ฉันอยากจะกรีดร้องลั่นร้าน! ทำไมหมอนี่ถึงเป็นคนที่ตรรกะพังขนาดนี้วะ!? 😵💫💀“ฟังนะ…” ฉันพยายามสูดลมหายใจเข้า อธิบายให้คนตรงหน้าฟังอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ถึงแม้ฉันอยากจะฟาดหน้าหล่อๆ นั่นสักทีมากกว่าก็ตาม!)“นายเป็นมาเฟีย ฉันเป็นแค่เด็กเนิร์ดที่วันๆ นั่งเล่นเกมกับอ่านมังงะ ฉันไม่มีทางใช้ชีวิตร่วมกับนายได้แน่ๆ เข้าใจไหม!?”เรย์จิเท้าคางมองฉัน ราวกับกำลังวิเคราะห์ข้อมูลอะไรบางอย่างอยู่“ทำไมจะไม่ได้?”“ก็นายยิงปืนเป็น ฟันด
หลังจากที่ฉัน ‘ยอม’ ให้มีลูกน้องมาเฟียตามอารักขาแทนการถูกจับไปอยู่คฤหาสน์ของเรย์จิ ฉันก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง……แต่ฉันคิดผิด!!!! 😱💀วันรุ่งขึ้นฉันก้าวเท้าเข้าไปใน มหาวิทยาลัยไทระ อินโนเวชั่น (TIU) ตามปกติด้วยหัวใจที่ยังไม่ฟื้นตัวจากเหตุการณ์เมื่อคืนแต่สิ่งที่ไม่ปกติคือ—ฉันมีผู้ชายตัวโตใส่สูทดำสองคนเดินตามมาด้วย!!!! 😱💥“......”“......”ทั้งมหา’ ลัยเงียบกริบไปสามวินาที ก่อนที่เสียงซุบซิบจะเริ่มดังขึ้นราวกับไฟลามทุ่ง!!!“เห้ยๆๆๆ ดูนั่นดิ!?”“นั่นมันมินาเอะนี่!? ทำไมมีบอดี้การ์ดเดินตามวะ!?”“อย่าบอกนะว่าที่บ้านเป็นมาเฟีย!!?”ม่ายยย!!! พวกแกเข้าใจผิดแล้วววว!!! 😱😭ฉันพยายามเดินก้มหน้าก้มตา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่พูดตรงๆ เลยว่า—มันเป็นไปไม่ได้! 😵💫ขนาดฉันแค่ขยับตัว นักศึกษาคนอื่นยังเหลือบมองด้วยสายตาตื่นเต้นสุดขีด ราวกับฉันเป็นซูเปอร์สตาร์ หรือไม่ก็นักโทษที่เพิ่งแหกคุกมา!“เฮ้ยๆๆ บอดี้การ์ดสองคนนั่นโคตรโหดอะ ดูดิ!”“แม่งหล่อแบบหล่อดุๆ ด้วย! แต่แบบนี้แสดงว่า…มินาเอะซังเป็นลูกสาวมาเฟียจริง ๆ เหรอวะ!?”ลูกสาวมาเฟียพ่องงง!!! 😱💀🔥ฉันแทบอยากจะวิ่งหนีออกจากมหา’ ลัยไปซ่อนตัวอยู่ใต้กองดิน
หลังจากที่ฉันโดน แฟน (?) มาเฟียสุดโหด โทรมาเช็กสถานะว่าอยู่ถึงมหาวิทยาลัยอย่างปลอดภัยแล้ว (ซึ่งให้ตายเถอะ! มันให้ฟีลเหมือนฉันกำลังโดนเช็ก GPS เลยเว้ย!!!)ฉันก็นั่งเครียดกับชีวิตตัวเองอยู่พักใหญ่…แต่เหมือนฟ้าจะไม่ปรานี…เพราะแค่ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง—“ขออนุญาตครับ คุณมินาเอะ”เสียงเข้ม ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันกับอัยย์หันไปมองพร้อมกัน ก่อนจะพบกับ…“เห้ยย!! หมอนี่เป็นใครวะ!?” อัยย์กระซิบถามทันที น้ำเสียงตื่นเต้น เพราะเขาหล่อตรงสเปคเธอเลยผู้ชายตรงหน้าหล่อมาก! สูงโปร่ง ใส่สูทสุดเนี้ยบ กลิ่นน้ำหอมผู้ดีแบบมาเฟียไฮคลาสโชยมาจางๆ แถมใส่แว่นแบบหนุ่มนักธุรกิจที่มีเบื้องหลังเป็นนักฆ่า (?) 😨💀แต่ฉันจำเขาได้ทันที…“คิน!” ฉันเบิกตากว้าง ‘เพื่อนสนิทของเรย์จิ!’ใช่แล้ว! นี่คือ ‘คินทัต ศักดารณรงค์’ มือขวาของมาเฟียโคตรโหดที่เป็นแฟนฉัน!!!“หืม? ดูเหมือนเธอจะจำฉันได้เร็วดีนะ” คินยกมุมปากขึ้นนิดๆ…บอกตามตรง ฉันเริ่มไม่ไว้ใจรอยยิ้มแบบนั้นของเขาเลยว่ะ!! 😨“แล้วนายมาทำอะไรที่นี่!?” ฉันถามเสียงระแวง ถอยหลังไปครึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ (ถึงจะรู้ว่าหนีไปก็ไม่มีประโยชน์ก็เถอะ!!)คินไม่ได้ตอบทันที แต่ล้วงมือเข้าไปในก
หลังจากที่ฉัน ‘เผลอพูดอะไรไปโดยไม่คิดให้ดี’ …ฉันก็ได้ลากอัยย์ เพื่อนรักของฉันเข้าสู่โลกมาเฟียไปด้วยแบบเต็มตัว—และไม่มีปุ่มย้อนกลับ! 😵💥“โอ๊ยยย! ฉันไม่น่าไปเสนอหน้าเลยจริงๆ!!!”เสียงบ่นโอดครวญของอัยย์ดังขึ้นขณะที่เธอลากฉันเดินออกจากมหาวิทยาลัยด้วยใบหน้ามู่ทู่ราวกับคนเพิ่งสูญเสียอิสรภาพในชีวิตไป“นี่ฉันต้องไปงานเลี้ยงของมาเฟียจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย!!??”“แกก็เล่นไปท้าทายคินเองอ่ะ!” ฉันแอบขำ“แล้วแกดันไปเป็น 'คู่ควง' ของเขาอีก ฮ่าๆๆ”“ไม่ต้องขำเลยนะยะ!!” อัยย์แยกเขี้ยวใส่ฉัน ดวงตาลุกเป็นไฟ“ฉันไม่เต็มใจซะหน่อย!!”“แต่ฉันเต็มใจนะ”เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง…และมันทำให้อัยย์กับฉัน สะดุ้งเฮือก!!! 😱💥“เฮ้ย! นายนี่ย่องเงียบเป็นแมวรึไง!?” อัยย์หันไปแว้ดใส่ทันที สีหน้าตกใจปนหงุดหงิดสุดขีดฉันเองก็แทบพ่นวิญญาณออกจากร่าง! เห้ยๆๆๆ! นี่หมอนี่เดินตามเรามาตลอดทางเลยเรอะ!? 😨💀คินยืนอยู่ตรงนั้น ยิ้มบางๆ อย่างใจเย็น“หืม? เธอเป็นคนไม่ระวังตัวเองมากกว่านะ”คินยักไหล่อย่างสบายๆ สองมือซุกกระเป๋ากางเกง สูทสีดำเนี้ยบของเขาดูเข้ากันอย่างประหลาดกับบรรยากาศ แต่สิ่งที่น่าขนลุกที่สุดคือ… หมอนี่ไม่มีเสียงฝี
📍ด้านของซันหลังจากเหตุการณ์ล้อมศูนย์บัญชาการและการเผชิญหน้ากับเรย์จิที่โกดังร้าง ซันถูกปล่อยตัวกลับไป—ไม่ใช่เพราะเรย์จิอ่อนแอ แต่เพราะเขาตัดสินใจ ‘ให้ชีวิตกับความพ่ายแพ้’ มากกว่าความตายไม่กี่วันหลังจากนั้น...มีบางข่าวลือเล่าว่าเขาขึ้นเครื่องไปอิตาลีภายใต้ชื่อปลอม และกลับเข้าสู่วงการมาเฟียระดับนานาชาติ ในเงามืดไม่ได้ใช้ชื่อเดิมไม่ได้ประกาศตัวแต่ทุกเครือข่ายของมาเฟียในยุโรปเริ่มขยับอย่างเงียบ ๆ เหมือนเงาของใครบางคน...กลับมายืนอยู่หลังม่านอีกครั้งจนวันหนึ่ง...เงาก็หายไปไม่มีข่าวไม่มีสัญญาณไม่มีใครรู้ว่า ซันมีชีวิตอยู่ หรือหมดสิ้นจากโลกใบนี้ไปแล้ว“เรย์จิไม่ได้พูดถึงเขาอีกเลย…”แต่บางคืนที่ลมแรง...เขาจะยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงคฤหาสน์ สายตาจ้องไปที่เมืองไกล ๆ เหมือนรอคนที่ไม่มีวันกลับมาอีก🐕🐕🐕🐕🐕🐕ด้านมินาเอะเมื่อสงครามจบลง และคฤหาสน์กลับสู่ความสงบ มินาเอะเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในฐานะคนของตระกูลคุโรซาวะอย่างแท้จริงเธอเข้าคอร์สฝึกฝนกับ แม่ของเรย์จิ — หญิงผู้เป็นดั่งเงาหลังอาณาจักร ระเบียบเข้ม สายตาคม บทเรียนโหดแบบ ‘หากเจอศัตรู เธอจะรอดในหนึ่งวินาทีหรือไม่?’แต่แน่นอน...มินาเอะไม่
เงาไฟสีส้มกะพริบจากโคมไฟสนามลมแรงพัดเส้นสายไฟโยกไปมา เสียง ครืด...ครืด... เหมือนเสียงถอนหายใจของสถานที่ที่เต็มไปด้วยซากสงครามกลิ่นสนิม โลหิต และควันดินปืน ตลบอบอวลในอากาศ ขมคอ...เหมือนความทรงจำที่ไม่สามารถกลืนลงหรือคายทิ้งได้เรย์จิ คุโรซาวะ ยืนอยู่ท่ามกลางเศษกำแพงที่พรุนจากกระสุน แสงกะพริบของไฟสะท้อนลงบนใบหน้าเปื้อนเลือดและเหงื่อมือขวาถือปืน กระบอกยังอุ่นจากการยิงก่อนหน้า เสื้อเชิ้ตสีดำมีรอยเลือดกระจายเป็นวง — ไม่รู้ว่าเป็นของใคร และอาจไม่สำคัญอีกแล้วแววตาเขา...เยือกเย็น ไม่ใช่เพราะไร้อารมณ์แต่เพราะ ต้องทำในสิ่งที่ไม่ควรต้องทำมากที่สุดในชีวิตไม่ไกล ซันยืนพิงเสาเหล็กที่หักโค้ง ใบหน้าซีด แต่ยังยิ้ม ผ้าพันแผลแน่นรอบแขนขวา รอยแตกที่ริมฝีปากยังมีเลือดไหลซึม แต่ดวงตา...ยังเต็มไปด้วยประกายกร้าวที่ไม่ยอมตาย“มาถึงตรงนี้ได้เร็วกว่าที่คิดนะ...เรย์จิ”“คิดจะมาส่งเพื่อนเก่าไปนรกด้วยตัวเองเลยหรือไง?”น้ำเสียงแหบพร่า แต่เจือด้วยรอยล้อเลียนที่แหลมคมจนแทงทะลุทุกเกราะเรย์จิไม่ตอบเขาก้าวเข้ามาทีละก้าว ทีละก้าว ที่เหมือนพาอดีตทุกเสี้ยววินาทีเดินกลับเข้ามาภาพเพื่อนร่วมสนามฝึกภาพคนที่เคยหันหลัง
📍เวลา 06:02 น. — บริเวณโกดังหมายเลข 14, เขตท่าเรือร้างลมทะเลพัดกรูเข้ามาทางหน้าต่างเก่าเสียงคลื่นกระทบท่าเรือดังต่ำ ๆ คล้ายเสียงลมหายใจสุดท้ายของเมืองร้าง บนชั้นสองของโกดัง — ไม่มีใครอยู่ ยกเว้นเขาซันยืนพิงราวเหล็ก ฝ่ามือแตะหน้าต่างที่แตกเป็นรอย มองลงไปเบื้องล่าง — ลูกน้องกว่า 40 คนของเขา กำลังแทรกตัวเข้าตำแหน่งรอบเมืองอย่างเงียบเชียบ ราวกับ "ล้อมศูนย์บัญชาการไว้ในความเงียบ"เป้าหมายของเขา:ไม่ใช่ฆ่า ไม่ใช่เผา แต่คือ “ถล่มศูนย์กลาง” ให้ระบบคุโรซาวะล่มทั้งองค์กร — เหมือนการผลักโดมิโนตัวแรกให้พังตามเป็นเส้น“เริ่มเคลื่อนกำลังได้”เสียงของซันดังขึ้นผ่านวิทยุสื่อสาร น้ำเสียงสั้น หนัก และเด็ดขาด ทันใดนั้น...เงาเคลื่อนไหวของทีมซัน ก็ขยับพรึ่บพร้อมกันทั่วแผนแต่ในขณะเดียวกัน...📍ภายในห้องบัญชาการ – คฤหาสน์คุโรซาวะมินาเอะ ยืนอยู่หน้าหน้าจอหลัก ภาพแผนผังแสดงรูปแบบล้อมรอบของซันแบบชัดเจน —เส้นสีแดงกะพริบรายล้อมศูนย์กลางหลายคนอาจมองว่าเธอกำลังตกอยู่ในวงล้อม แต่แววตาของเธอ...กลับเยือกเย็น และคมเหมือนใบมีด“กับดักล้อมนอก...”“แต่ลืมว่าข้างใน...กำลังรออยู่”เธอแตะปลายนิ้วลงบนแท็บเล็ตเบา ๆ เส
📍ภายในห้องบัญชาการ – เวลา 05:16 น.แสงไฟบนเพดานสลัวลงอัตโนมัติเพื่อไม่รบกวนการทำงานของหน้าจอหลักจอมอนิเตอร์เรียงรายเต็มฝาผนังแสดงข้อมูลแบบ real-time ทั้งจากเส้นทางการขนส่ง โกดัง สัญญาณไวรัส และโค้ดที่เพิ่งถูกเจาะเสียงไซเรนเบา ๆ ยังดังเป็นคลื่นพื้นหลัง กดอารมณ์ในห้องให้ตึงเครียดทันใดนั้น—เสียงมือถือของเรย์จิดังขึ้น หน้าจอแสดง ‘สายตรงจากคิน’พร้อมรหัสภายในพิเศษ เขารับทันทีโดยไม่ต้องพูดคำทัก และเสียงจากปลายสายก็ดังขึ้นทันทีตามสไตล์เจ้าตัว“ได้ตัวแล้ว”“และหมอนั่นพูดทุกอย่างที่เราต้องรู้”เสียงห้าวต่ำของคินฟังนิ่ง แต่จริงจัง“ซันรู้ว่าเราวางกับดัก...แต่มันกำลังจะใช้กับดักนั่น ‘ล้อมพวกเราทั้งหมด’ แทน”ปลายนิ้วของเรย์จิเกร็งแน่นกับขอบโต๊ะไม้ เสียงเขาลดต่ำลงโดยอัตโนมัติ ราวกับแรงดึงดูดของคำที่ได้ยินกำลังหนักขึ้นเรื่อย ๆ“หมอนั่นมันคิดจะล่อเราหลงทิศ…”“แล้วปิดเกมในครั้งเดียว?”...แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยความคิดใด ๆ ต่อไปเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง — ชัดเจน มั่นใจ แต่ทุ้มนุ่มแบบคนที่คิดเสร็จนานแล้ว แค่รอให้คนอื่นทันมินาเอะยืนพิงโต๊ะ มือหนึ่งถือแท็บเล็ต อีกมือไขว้หลัง ใบหน้าเรียบเฉย
ห้องเก็บของหลังคฤหาสน์ – 04:36 น.ไฟเพดานดวงเล็ก ๆ ห้อยจากสายไฟเก่าๆ แสงสีเหลืองส้มอ่อนส่องลงตรงจุดเดียวกลางห้อง — บนร่างของชายคนหนึ่งที่ถูกมัดแน่นกับเก้าอี้เหล็กเสียงหยดน้ำจากท่อแตก “แหมะ…แหมะ…”หยดลงบนพื้นซีเมนต์ทุกสิบวินาที กลายเป็นนาฬิกานับถอยหลังในห้องที่เงียบจนน่ากลัวมิซากิ — หัวหน้าทีม IT ของคุโรซาวะที่เคยได้รับความไว้วางใจสูงสุด กำลังนั่งนิ่งกลางแสงเหงื่อไหลลงข้างแก้มแม้ในห้องที่เย็นจัด มือทั้งสองข้างถูกมัดแน่นที่ด้านหลังของเก้าอี้ บนร่างกายมีรอยฟกช้ำ ที่เริ่มปรากฎขึ้นบนต้นแขนและข้างลำคอจากการดิ้นรนก่อนหน้านี้เสียงฝีเท้า...ใกล้เข้ามา ไม่รีบร้อน ไม่หนัก แต่ทุกก้าวดังชัดเหมือนฝังลงในกระดูกคินเดินเข้าสู่แสงไฟ ชุดยังคงเป็นเสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาใส่ประชุม แต่แขนเสื้อถูกพับขึ้น เผยท่อนแขนเต็มแน่นของนักล่าสายตาเขานิ่ง เงียบ และไม่มีแม้แต่วี่แววของความโกรธ“สวัสดี...มิซากิ”เสียงของคินราบเรียบ แต่ชัดเจนเกินกว่าจะเป็นคำทักทายเขาหย่อนตัวนั่งลงช้า ๆ บนเก้าอี้ตรงข้าม“คิน…ฉัน...ฟะ...ฟังฉันอธิบาย—”ผัวะ!!กำปั้นชกเข้าที่แก้มขวา ไม่แรง แต่เร็ว และ ‘แม่นยำ’ จนใบหน้าของมิซากิสะบัดไปเองตา
ภายในรถหุ้มเกราะสีดำสนิทไฟในรถเปิดเพียงแสงสลัว แผงหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ฉายแผนผังคฤหาสน์คุโรซาวะแบบ 3 มิติบนจอโปร่งใส — แสดงระบบห้องต่าง ๆ เสมือนของจริง ทั้งสายไฟหลัก กล้องวงจรปิด เซิร์ฟเวอร์ ระบบจ่ายพลังงาน และจุดเชื่อมต่อทั้งหมดเสียงฝนกระทบหลังคาโลหะเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ราวกับเสียงนาฬิกาที่นับถอยหลังสู่หายนะ ในอากาศ มีกลิ่นของน้ำมัน ดินปืน และเหงื่อเย็น ๆ ของคนที่อยู่ในสนามรบกลิ่นทั้งหมดผสมกันจนกลายเป็น ‘กลิ่นเฉพาะของสงคราม’ซันนั่งสงบนิ่งอยู่เบาะหลังเสื้อโค้ทสีดำยาวดูหนักอึ้งไปด้วยไอเย็น เขาไม่พูดอะไรในตอนแรก แต่แววตา...เฉียบคม เยือกเย็น และเต็มไปด้วยบางอย่างที่น่ากลัวกว่าอารมณ์โกรธ—คือ ความตั้งใจเบื้องหน้าของเขาแผนผังคฤหาสน์ฉายอยู่บนโต๊ะกลางรถ จุดสีแดง 7 จุดกะพริบอยู่ชัดเจนแต่ละจุด คือ ‘เส้นเลือด’ ที่หล่อเลี้ยงระบบหลักของคุโรซาวะเซิร์ฟเวอร์หลัก ฐานสื่อสาร ระบบพลังงาน ช่องทางข้อมูลลับ โกดังสินค้า บัญชีดำพันธมิตร และ...ห้องบัญชาการ“วันนี้ เราจะไม่ลอบฆ่า”ซันพูดเสียงต่ำ แต่ทุกคำหนักแน่นเหมือนค้อนทุบพื้นหิน“แต่จะเจาะเลือด...ให้มันไหลทั้งระบบ”เขาหยิบเข็มกลัดสีทองขนาดเล็กจากกล่อง
กลางดึก...แสงไฟสลัวสีอำพันจากโคมไฟเพดานกระจายตัวลงบนโต๊ะไม้ยาวกลางห้องผนังห้องทำงานชั้นบนสุดของคฤหาสน์คุโรซาวะถูกปกคลุมด้วยแผนที่ขนาดใหญ่ ข้อมูลจุดต่าง ๆ ถูกไฮไลต์ด้วยสีแดงที่กะพริบเป็นจังหวะเหมือนจังหวะหัวใจของสงครามที่กำลังใกล้เข้ามามินาเอะลากเก้าอี้มานั่งลงตรงโต๊ะด้านข้างเธอสวมเสื้อฮู้ดโอเวอร์ไซซ์สีเทาเข้ม แขนเสื้อยาวเกินข้อมือ เธอพับมันขึ้นครั้งเดียวแล้วไม่สนใจอีก ไทกะ หมาชิบะอินุตัวแสบของเธอ นอนเงียบ ๆ อยู่ข้างตัว ดวงตาสีอำพันของมันจ้องจอแผนที่ด้วยความสงบแต่ตื่นตัวเสียงเรย์จิดังขึ้นเบา ๆ คล้ายจะห้าม“เธอไม่ได้ต้องเข้ามาในห้องวางแผนนี้ก็ได้”แต่มินาเอะเพียงยิ้มบาง ๆ พลางเปิดโน้ตบุ๊กของตัวเองขึ้นมาวางข้างแผนที่หลักแสงจากหน้าจอฉายขึ้นใบหน้าเธอ ทำให้ดวงตากลมที่เคยขี้เล่นบัดนี้ฉายแววเยือกเย็นของคนที่อยู่ใน ‘โหมดคำนวณเต็มรูปแบบ’“ไม่ได้สิ…นายลืมเหรอว่า ฉันน่ะ ‘เล่นเกมอ่านนิสัยบอส’ เป็นงานอดิเรกเลยนะ”เธอตอบขณะพิมพ์รัวบนคีย์บอร์ด ข้อมูลจำนวนมหาศาลไหลผ่านหน้าจอ: เส้นทางรถขนของกลางเมือง กล้องวงจรปิด แหล่งข่าวท้องถิ่น แม้แต่กระแสในโซเชียลแบบที่ไม่มีใครมองว่าสำคัญ — แต่เธอกลับมองเห็น
ยามค่ำในเมืองไฟนีออนหลากสีสันกะพริบพร่าอยู่ตามทางเดินริมถนน บรรยากาศครึกครื้นด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และเสียงรองเท้ากระทบพื้นยางมะตอย แต่เบื้องหลังความคึกคักนั้น กลับมีเงามืดแผ่ซ่านอย่างเงียบงัน ราวกับพญางูยักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในหญ้า รอเวลาตวัดเหยื่ออย่างเย็นชาภายในคาเฟ่หรูใจกลางเมืองที่ประดับด้วยโคมไฟวินเทจสีอุ่น ๆ บรรยากาศในร้านยังคงสงบมินาเอะนั่งพิงพนักเก้าอี้ไม้สีเข้มตรงมุมหน้าต่าง โต๊ะที่เธอนั่งประดับด้วยแจกันแก้วใส ซึ่งภายในมีดอกคามิเลียสีขาวชูช่อโดดเด่น แสงไฟลอดผ่านหน้าต่างทาบลงบนปลายผมของเธอเป็นประกายเธอนั่งจิบโกโก้อุ่น ๆ มืออีกข้างเล่นเกมมือถือด้วยท่าทีสบาย ๆ ไทกะ หมาชิบะอินุอ้วนกลมของเธอ นอนพาดตักอยู่เงียบ ๆ หางกระดิกเบา ๆ ไปตามจังหวะเพลงบรรเลงในร้าน“ก็แค่วันธรรมดา...” มินาเอะพึมพำเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มมุมปากอ่อน ๆ“เรย์จิกับคินกำลังประชุมแก๊งอยู่ ไอ้คินก็สั่งย้ำว่าห้ามฉันออกนอกเส้นทาง แต่...แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก”เธอพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก ขณะที่ไม่รู้เลยว่า — สายตาคมคู่หนึ่ง จ้องมองเธอจากเงามืดมานานแล้วอีกฟากของถนนซันยืนพิงเสาไฟฟ้าในชุดโค้ทยาวสีดำ มือกอดอก ท่าทางผ่อนคล
“คิน…” เธอครางเรียกอย่างเหนื่อยอ่อน แต่อีกใจก็เต้นระทึกไม่หยุดเขาไม่ตอบอะไร เพียงแต่อุ้มร่างเธอวางลงบนโต๊ะ แม้จะไม่แรงมาก แต่ก็แรงพอให้เธอเผลอครางเบาๆ“โต๊ะนี่…จะมีแต่กลิ่นของเธอจากนี้ไป”เขาพึมพำเสียงพร่า ก่อนจะโน้มตัวลงมากัดเบา ๆ ที่ลำคอของเธอ ทิ้งรอยจาง ๆ ไว้เป็นหลักฐานจากนั้น คินจับสะโพกเธอยกขึ้น จนสะโพกอัยย์พาดอยู่บนขอบโต๊ะ ปล่อยขาทั้งสองข้างห้อยลงลู่ข้างตัวอย่างไม่มีทางปกปิดเขาโน้มใบหน้าลงต่ำ ไล้ปลายลิ้นผ่านต้นขาด้านในอย่างจงใจ ยั่วเย้าให้เธอสั่นสะท้าน ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปด้านในกายเธออย่างรวดเร็วและลึก“อื้อออ...!”อัยย์สะดุ้งร้อง มือจิกขอบโต๊ะแน่น เสียงหอบหายใจดังสั่นสะท้อนกับแผ่นไม้แข็ง เขายิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็กดตัวเข้ามา ครอบครองเธออย่างเต็มที่ในจังหวะเดียว — ลึกจนเธอแทบขาดใจเสียงกระแทกดังพั่บ ๆ ๆ ขณะที่โต๊ะทั้งตัวโยกคลอนตามแรงเขา คินจับเอวเธอแน่น แล้วอัดสะโพกเข้ามาไม่หยุด ด้วยจังหวะที่เร็วและรุนแรงจนเสียงเนื้อกระทบกันดังก้องห้อง“อัยย์... เสียงที่โต๊ะมันดัง...ฉันชอบ”เขากระซิบเสียงต่ำ ขยับกระแทกแรงขึ้นจนเสียงโต๊ะดังเอี๊ยดอ๊าดตามทุกครั้งที่เข้าลึก“อ๊ะ...อึก...คิ