LOGIN[พาร์ท : ขาล]
ผมมองภาพตรงหน้า พี่หมี่ที่เคยมีความมั่นใจในตัวเองตอนนี้กำลังตื่นกลัวกับขนาดของท่อนเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใต้บ็อกเซอร์ของผม และใช่ เธอจะกลัวก็ไม่แปลก เพราะขนาดของผมมันไม่ใช่เล่นๆ เลย
เวลามีเซ็กซ์กับแฟน ก็ต้องสั่งถุงยางไซส์พิเศษมาเก็บไว้ตลอด
ไซส์ 60 เนี่ย ไม่เคยได้ลองกับผู้หญิงที่ยังซิงเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเวลาสอดใส่เข้าไป มันจะตอดแค่ไหน เพราะขนาดแค่ของคนที่เคยมาก่อน ยังตอดรัดจนปวดแปลบซะขนาดนั้น
พอคิดได้แบบนั้นผมก็แลบลิ้นเลียเขี้ยวขาวของตัวเอง ความกระหายอยากในตัวพี่หมี่พุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้เอเนอร์จี้ของผมในเรื่องพรรค์นั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจริงๆ
ช่วยไม่ได้ อยากเกิดมาด้วยร่างกายเอ็กซ์ๆ นั่นทำไม
“ขะ ขาล แค่ถูได้มั้ย” ใบหน้าจิ้มลิ้มที่แดงซ่านกระซิบเสียงสั่นกับผมที่ทำท่าเหมือนจะชักลำโคนออกมาจากบ็อกเซอร์ ผมเงยหน้าขึ้นมองเธอนิดหน่อย รู้น่าว่าพี่อยาก แต่กลัวเหมือนกัน และผมก็ไม่ได้แคร์หรอก
“อยากให้ผมเอามันออกมามั้ย” ผมเอนกายลงไปกระซิบข้างริมฝีปากของหมอสาวในเรือนร่างที่ยั่วยวนจนน่าอันตรายต่อใจ เธอเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนที่จะพยักหน้ารับเบาๆ
“ยะ... อยากลองเห็นสักครั้งค่ะ”
“ไม่ต้องกลัวนะครับพี่หมี่ มันจะโคตรอ่อนโยนกับพี่” ผมเย้าชิดริมฝีปากที่เห่อบวม กดจูบเบาๆ จนกลีบปากที่ชื้นเล็กๆ ของเธอดูดริมฝีปากที่หยาบกร้านของผม ท้ายทอยสวยถูกฝ่ามือผมประคองไว้ ในขณะที่จะชักแก่นกายเปล่าๆ ที่มีแต่เนื้อเน้นๆ ถูไถที่ความเปียกแฉะผ่านซับในบางเบา
“อ๊ะ...” เสียงหวานครางออกมาอย่างใสซื่อ เหมือนกับว่านี่คือสัมผัสแปลกใหม่ที่เธอได้เจอเป็นครั้งแรก พี่หมี่ที่เคยเป็นพี่สาวที่อยู่เหนือกว่าผมตลอดมา บัดนี้กลายเป็นแค่ลูกแมวตัวน้อยๆ ที่กำลังลังเลที่จะชิมขนมชิ้นใหม่ที่ผมให้ลอง
หน้าอกอวบของเธอชิดกับแผ่นอกของผมผ่านสาบเสื้อ ผมกำเจ้าโลกของตัวเองเอาไว้ แล้วถูปลายหัวเห็ดสีชมพูหม่นกับร่องสวาทที่เปียกชื้น และเพื่อไม่ให้พี่หมี่ตื่นกลัวจนเกินไป ผมเลือกที่จะถูในขณะที่เธอยังใส่กางเกงในอยู่ แม้ว่าท่อนเอ็นของผมจะเรียกร้องร่องหลืบนุ่มๆ ภายในของเธอจนปวดร้าวแค่ไหนก็ตาม
ผมจะยังไม่สอดใส่เข้าไปหรอก จนกว่าพี่หมี่จะพร้อม แค่ได้ตอดเล็กตอดน้อยร่างกายที่เซ็กซี่และหวานล้ำขนาดนี้ไปวันๆ ก็พอ
เธอไม่อยากให้ผมล้ำเส้น ได้ ผมจะไม่ล้ำเข้าไป
จะทำทุกอย่างให้เธอค่อยๆ เข้ามาหาแล้วคลั่งผมเองอย่างช้าๆ
จะต้องมีวันที่เธอต้องการค_ยผมจนทนไม่ไหว
“อ๊า มะ... มันรู้สึกแปลกๆ จังน้องขาล” เธอกระซิบเสียงกระเส่าเมื่อผมถูไถมันอย่างแนบแน่น ร่างอรชรกระตุกหลายครั้ง ในขณะที่จะโอบรอบต้นคอของผมเอาไว้อย่างลืมตัว จิกปลายเล็บกับหลังคอของผมแล้วครูดลงมาจนรู้สึกแสบ
แต่ไม่รู้ทำไม เร้าใจชิบหาย
ลองคิดภาพเวลาที่เธอกระตุกอยู่ใต้ร่างตอนที่เราหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วกรีดเนื้อตรงแผ่นหลังผมจนเป็นรอยขีดข่วนด้วยปลายเล็บดูสิ
ถ้าถึงเวลานั้น ผมสาบานได้เลยว่าเนื้อตัวและหว่างขาของเธอจะเต็มไปด้วยรอยฟันของผม
ถึงผมจะชอบเธอ คลั่งเธอ และหลงใหลเธอมากแค่ไหน แต่กับเรื่องเซ็กซ์ ผมจะใช้พลังทั้งหมด เพื่อทำให้เธอหมดแรงพยศกับผมเลยทีเดียว
พี่หมี่จะไม่รอดไปจากเงื้อมมือของผมอย่างแน่นอน
“แฮ่ก” ผมหอบหายใจชิดกับกกหูขาวของเธอ ในขณะที่จะถูมันกับร่องเนื้อที่เต้นตุบๆ แรงขึ้น แรงขึ้นจนพี่หมี่แทบจะหายใจไม่ทันแรงส่งของผม หน้าอกมหึมาที่ขาวจัดกระเพื่อมไปมา ในขณะที่ผมจะก้มลงไปดูดจุกนมสีสดของเธออย่างหิวกระหาย ในขณะที่เอวจะรัวเข้ารัวออกถูไถกับผ้าบางที่ล้นปริไปด้วยกลีบเนื้อจนเธอแอ่นสะโพกขึ้นเด้งรับเอวผม
ภายในห้องพักแพทย์ที่เงียบสงบ ตอนนี้เต็มไปด้วยแรงหอบของเราทั้งคู่ ปลายเล็บสีแดงที่ทึ้งผมยาวๆ ของผม ในขณะที่เราจะจูบกัน แลกลิ้นรัวเร็วเพื่อไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งครางจนได้ยินออกไปด้านนอก
เราถูไถกัน และถูไถกันอยู่เป็นเวลานานท่ามกลางเหงื่อและเสียงหอบ ไอร้อนที่ระอุอยู่ระหว่างกายพวกเรา
จนในท้ายที่สุด ผมก็แตกใส่หน้าอกของเธอ ในขณะที่พี่หมี่เสร็จไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว
“แฮ่ก...” เธอหอบหายใจถี่ ในขณะที่ผมจะกดจูบลงที่หน้าผากมนอย่างหลงใหล ซึ่งพอผละออกไปก็เห็นว่าเป้าซับในของพี่หมี่เปียกชุ่ม เหมือนเธอจะฉี่ราดเพราะความเสียวสะท้าน “ยะ อย่ามองตรงนั้นสิ”
จนพอเธอสังเกตเห็นว่าผมเอาแต่จ้องไปที่กลีบอูมที่แหวกออกมาจากกางเกงในจนเห็นความอมชมพูเล็กน้อย คนตัวเล็กก็เลื่อนมือลงมาปิด ในขณะที่จะค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง แต่เพราะพื้นที่ที่เธอนอนและทำเรื่องลามกกับผมมันเป็นพื้นแข็ง เลยทำให้ร่างบางมีท่าทางปวดหลังจนต้องเอามือมาจับไว้
“ผมขอโทษนะ ผมควรเลือกสถานที่หน่อย” ผมตรงเข้าไปประคองเธออุ้มลงจากโต๊ะทำงาน พี่หมี่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ชั้นในกองอยู่เหนือหน้าอกเม้มริมฝีปากแน่น เธอเอามือมาจับตรงเป้ากางเกงไว้ตลอดเวลา ในขณะที่จะรัดกระดุมเสื้อกลับเข้าที่ “พี่โกรธผมมั้ย”
“... ไม่หรอกค่ะ” เธอสั่นหน้า แต่ก็หันหน้าหนีไม่ยอมหันกลับมามองผมตรงๆ “พี่เองก็เผลอตัวเหมือนกัน”
“แล้วพี่ชอบมั้ยครับ เมื่อกี้” ผมเดินเข้าไปชิดกับบั้นท้ายงามงอน เอื้อมฝ่ามือหนามากุมมือเธอแล้วประสานเข้าไป ก็แค่อยากถามเพื่อความแน่ใจ “ถ้าชอบ ครั้งหน้าที่ผมมาหาพี่ ผมทำอีกได้รึเปล่า”
เธอกัดปากแน่น ก่อนที่จะก้มหน้าลง
“อื้ม”
“...”
“ได้สิ”
“แฮ่ก... อย่าสิ”“แต่ผมไม่ไหว ทุกทีที่เห็นพี่เปลือย”น้ำเสียงแหบกร้าวของคนตัวสูงกว่าชิดท้ายทอย ฝ่ามือหนาหยาบกร้านกอบกุมทรวงอกมหึมาท่ามกลางฝักบัวขนาดใหญ่ที่น้ำสาดกระทบร่างกายของเราทั้งคู่ ฉันหอบหายใจ ทรงผมสั้นที่เปียกแนบลู่กับท้ายทอยขาว บั้นท้ายถูกขยำเหมือนอีกฝ่ายกำลังบีบลูกโป่งให้แตก มันเจ็บ แต่กลับรู้สึกดีช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาเช้าที่ฉันเหนียวตัวจนต้องเข้าไปชำระร่างกาย แต่คนตัวโตก็เกาะติดฉันไม่เคยห่าง เขาคลั่งฉัน และหลงใหลฉันจนอยากจะแทรกตัวอยู่กับทุกๆ กิจวัตรประจำวันของฉันซึ่งก็ไม่ได้รำคาญ ออกจะชอบด้วยซ้ำที่เขาสิโรราบต่อฉันแบบนี้เรามาอยู่ที่จอร์เจียได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว วันแรกที่มาที่นี่น้องขาลเบิกเงินจากคุณลุงมาสามหมื่นลารี และเราใช้ชีวิตอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ใจกลางเมืองหลวงทบิลิซิร่วมกันแค่สองต่อสองแน่นอนว่ามีเซ็กซ์กันทุกวัน บางครั้งก็ทั้งวันทั้งคืนด้วยซ้ำ“เธอไม่ได้ทำเรื่องลาออกที่วิทยาลัยใช่มั้ย” ฉันกระซิบในตอนที่นอนเกยตัวเปลือยเปล่าอยู่บนท่อนแขนหนาที่เต็มไปด้วยรอยสักที่ฉันหลงใหล หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเราก็นอนอ้อยอิ่งกันบนเตียง ฉันเขี่ยแผงอกเขา ส่วนน้องขาลก็วนนิ้วรอบลาดไหล่ของฉัน
“ลบคลิปนั่น ถือว่าพี่ขอได้มั้ย” ฉันถอนหายใจหนักหน่วง กัดริมฝีปากจนห้อเลือดเมื่อตัวเองจำใจต้องออกปากขอร้องเขา“... ก็ได้ครับ” เหยี่ยวยังคงฉีกยิ้มอยู่ เขาปล่อยโทรศัพท์เครื่องหรูลงกับพื้นจนแตกกระจาย เมมโมรี่การ์ดกระเด็นออกมาจากชิ้นส่วนของโทรศัพท์ และคนตัวสูงก็กระแทกส้นเท้าลงไปจนมันหักเป็นสองท่อน“ขอบคุณ”“ไม่ ผมไม่ต้องการ”“...”“ผัวพี่อยู่ในรถอัลพาร์ด จะทำอะไรก็รีบทำซะ”ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ก้มลงมองเมมโมรี่การ์ดที่แตกเป็นสองส่วน ยังมีสีหน้าไม่ไว้ใจตอนที่เดินเอี้ยวตัวหลบตัวสูงใหญ่ของเหยี่ยวไปทางรถครอบครัวคันโตปึง!!เสียงเซ็งแซ่ดังมาจากในตัวรถ ประตูรถถูกเปิดออกอย่างแรงด้วยส้นเท้าของใครสักคน การ์ดชุดดำที่ฉันเพิ่งเคยเห็นหน้าวันนี้กระเด็นออกมาจากตัวรถ คนที่กระโดดลงมาทั้งที่แขนข้างหนึ่งยังห้อยโตงเตงคือน้องขาล ฉันเบิกตากว้าง พอๆ กับที่ร่างหนาในสภาพสะบักสะบอมจะตรงเข้ามารวบขาฉันขึ้นอุ้มด้วยมือข้างเดียว“ไอ้ขาล! มึงจะทำอะไรวะ” เสียงเข้มของเหยี่ยวดังขึ้นด้านหลังโดยที่เจ้าของอ้อมแขนไม่ได้ให้ความสนใจ เขาใช้เท้าที่เปื้อนเลือดตรงหัวรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มถีบผู้ชายที่นั่งหน้ารถจนพลัดตกลงมา“นะ... น้องข
การกินข้าวเช้านั้นดำเนินไปอย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึง เมื่อป๊ามานั่งคุมฉันในห้องนอนด้วยตัวเอง และนั่งทอดสายตามองฉันในชุดเดรสสั้นและเสื้อกาวน์สีขาวเข้ากับชุดด้านใน พอบอกป๊าว่าวันนี้อยากกลับไปทำงาน ท่านไม่ได้ต่อว่าหรือห้ามปรามอย่างที่คิดไว้ แต่กลับมานั่งเฝ้าฉันด้วยตัวเอง“หวังว่าจะไม่แอบดอดไปหามันอีกนะ” ท่านเอ่ยขึ้นอย่างสงบเงียบเมื่อเห็นว่าฉันดูท่าทางปกติดี ไม่มีอาการคร่ำครวญมาหลายวันหลังจากที่ป๊าขังฉันไว้ในห้องนอน คิดว่าท่าทางนั้นอาจทำให้ท่านย่ามใจขึ้นมาบ้าง“อย่างที่ป๊าบอกเลยค่ะ... เด็กคนนั้นไม่มีดีอะไรเลย หมี่ไม่ได้จริงจังกับเขาหรอก” ฉันพูดด้วยท่าทางที่นิ่งกว่าทุกครั้ง แม้ว่าอัตราการเต้นของหัวใจจะค่อนข้างถี่จนน่ากลัว ฉันเป็นคนที่โกหกเก่ง แต่บางครั้งแรงกดดันของป๊าก็ทำให้ฉันประหม่า“ดีแล้ว มันไม่เหมาะสมกับหนูหรอก หนูเป็นแพทย์หญิงดีเด่น เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมยิ่งกว่าใคร ป๊าเลี้ยงดูหนูให้เติบโตมาอย่างงดงาม หนูควรเลือกผู้ชายได้ดีกว่านี้” ท่านฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจในท่าทางอันแสนเยือกเย็นของฉัน เหมือนกับว่าจะบังคับฉันได้เหมือนในวันวาน มือที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยเพราะป๊าเป็นคนที่ค่อนข้างดู
น้องขาลเงียบไป ภายใต้ความเงียบงัน ห้องที่ถูกเปิดให้สว่างเป็นสีเหลืองนวลอ่อนสะท้อนเสี้ยวหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของเขา“ผมยอมรับ... ว่าผมรักพี่” เขาโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่คาดเดาอารมณ์ได้ยาก แววตาคมหลบตาลงมองมือของตัวเองที่ยกขึ้นมา “ผมรักพี่มาก มากพอที่จะทำให้พี่รู้ว่าผมโคตรคลั่ง และหลงพี่มากแค่ไหน”“...”“พี่หมี่ เราจะหนีไปด้วยกัน” เขาหันกลับมาสบตาฉัน แววตาคมปลาบนั้นเต็มไปด้วยความแน่วแน่ มั่นคง เขาบอกฉันให้รู้ว่าในสายตาของน้องขาลมีเพียงแค่ฉันคนเดียวในนั้น “ถ้าที่นี่ไม่มีใครที่เข้าถึงเราได้ ก็ทำให้โลกนี้เหลือแค่เราสองคนก็พอ”ฉันคลี่ยิ้มออกมา ฝ่ามือหนากอบกุมฝ่ามือเล็กของฉันแนบแน่น น้องขาลฉีกยิ้มกลับ เขาเลื่อนฝ่ามือหนามาเล่นเส้นผมสั้นประบ่าสีชมพูอ่อนของฉัน สางมันเบาๆ อย่างทนุถนอม ผิดแผกกับเวลาที่เราอยู่ร่วมกันบนเตียงอย่างสิ้นเชิงเขามักจะรุนแรงจนทำให้คลั่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ทนุถนอมเหมือนฉันเป็นเจ้าหญิง“พี่สวยเหลือเกิน พี่หมี่” เขาชมเชย ราวกับว่านี่จะเป็นการให้กำลังใจกับชีวิตของฉันรวมทั้งเส้นผมที่จะไม่เหมือนเดิม เรามีปณิธานอันแรงกล้าที่จะหนีไปด้วยกันจากสถานที่ที่จำกัดตัวตนของเรา
[พาร์ท : ขาล]ผมลอบเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ของพี่หมี่ผ่านทางบ้านรกร้างข้างๆ ปีนต้นไม้อีกฝั่งขึ้นมาด้วยตัวคนเดียว กระโจนลงสู่ราวระเบียง สะเดาะกลอนประตูบานกระจก แล้วแทรกตัวเข้ามาในห้องนอนของเธอได้ยินเสียงราดฝักบัวกระทบเนื้อหนั่นในห้องน้ำในตัวห้อง ผมถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป แล้วก็พบกับภาพที่ไม่คุ้นตาพี่หมี่ในลุคผมสั้นประบ่า... เธอกำลังช่วยตัวเองในอ่างทันทีที่เห็นผมพี่หมี่ก็สะอื้นออกมา มันช่างน่ารักซะจนต้องเข้าไปกอดเอาไว้แน่นๆ และอุ้มเธอมาวางบนเตียงนอน เช็ดตัวให้ เป่าผมให้เป็นลำดับถัดไป โดยที่พยายามปัดความคิดเรื่องที่พี่หมี่พยายามยั่วยวนผม ทั้งที่สภาพเธอตอนนี้ผอมลงและอิดโรยเพราะไม่ได้กินข้าวมาเป็นอาทิตย์ผมเธอสั้นเหมือนถูกตัดและเล็มอีกทีจนเท่ากัน ผมพินิจลุคของเธอในวันนี้ที่แตกต่างออกไป ในขณะที่ร่างเปลือยเปล่าที่ขาวผ่องไปทั้งตัวนั่งเม้มริมฝีปากอยู่หน้ากระจก เหมือนเธอไม่ค่อยอยากมองตัวเองเท่าไหร่“เป็นอะไรไป” ผมถามตอนที่สางเส้นผมสีชมพูอ่อนของเธอ แล้วพี่หมี่ก็หันหน้าหนี“... ก็มันไม่สวย” เธอกัดริมฝีปากแน่น ตีความว่าตัวเองที่ถูกตัดผมออกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างแต่สำหรับผมเธอสวยมาก ไม่ว่าจะเป็นช
ฉันยืนจ้องหน้าป๊าอยู่หน้าประตูบ้านของน้องขาลท่านหรี่ตาลงมองสภาพของฉัน รวมถึงสภาพของร่างสูงกำยำที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยกัดและรอยจ้ำคงพอทำให้ป๊ารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคนท่านกำชับแว่นสายตาขึ้นเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงทั้งตัวของท่านที่สั่นเทิ้ม“ป๊า...!” ฉันเรียกชื่อท่าน จนมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ป๊าผลักฉันออกจากหน้าประตู เดินไปใกล้กับร่างสูงใหญ่ของน้องขาล ท่านกระซิบเสียงลอดไรฟันกับหูเขาโดยที่ฉันไม่ได้ยิน แต่สีหน้าของน้องขาลตึงเครียดขึ้นทันทีตอนที่พ่อของฉันผละออกมาหมับ“ติรานา มากับป๊า” เสียงทุ้มที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงของป๊าพร้อมกับแรงกระชากที่แขนจนเซทำให้ฉันต้องเดินไปตามแรงของท่านอย่างช่วยไม่ได้ เหลียวหลังไปมองภาพของหมายักษ์ของฉันที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างอาลัยอาวรณ์จนฉันถูกกระชากลากถูเข้ามาในบ้านหลังโตของป๊าที่อยู่กับแม่บ้านสามสี่คน ถึงได้รู้ว่าท่านเองถึงขนาดลงทุนเดินข้ามฟากมาที่บ้านของน้องขาล ถัดมาจากบ้านเราแค่สองซอยป๊าออกกำลังกายบ่อยก็จริง แต่ตั้งแต่ที่คุณลุงพ่อของน้องขาลกลับต่างประเทศในตอนที่เขาอายุสิบห้าปี ป๊าก็ไม่เคยเข้าไปย่างกร







