ฉันกุมหน้าอกของตัวเองแน่น หลังจากยืนอยู่ที่หน้ากระจกใสที่เห็นเกือบครึ่งตัวภายในห้องน้ำของโรงพยาบาล
จ้องใบหน้าที่แดงซ่านจากพิษรัญจวนแล้วได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ที่พลั้งเผลอทำเรื่องลามกกับเด็กคนนั้นไปถึงสองครั้ง
อสุจิสีขาวขุ่นเหนียวข้นติดที่หน้าท้องหลังจากสัมผัสอากาศได้ไม่นาน ฉันปลดชุดแซกออกแล้ววักน้ำมาล้างที่หน้าท้องของตัวเอง หลังจากที่ขาลกลับไปก็ปวดปัสสาวะมากจนต้องรีบตรงเข้ามาที่ห้องน้ำทันที
ให้ตายสิ ซับในเปียกหมดเลย สงสัยต้องใส่เปียกๆ อย่างนี้ไปทั้งวันซะแล้ว ฉันนึกบ่นอุบถึงคนตัวสูงในใจ ถึงแม้ว่าส่วนลึกจะชอบความรู้สึกแปลกใหม่เมื่อครู่กับน้องชายสมัยเด็กมากก็ตาม
ก่อนที่จะกลับไป ขาลถามว่าจะให้ทำอีกมั้ยถ้าครั้งหน้าเขาจะมาหาอีก ฉันจึงเผลอตอบไปตามแรงปรารถนาว่า ‘ได้สิ’
แน่นอนว่าหลังจากได้คำตอบที่พอใจ ขาลก็มีสายโทรเข้า เห็นลางๆ ว่าเป็นรูปผู้หญิงที่โทรมาจากหน้าเฟส หน้าตาดูเรียบร้อยน่ารักทีเดียว หลังจากนั้นคนตัวโตก็รีบร้อนออกไป
ถามว่าฉันรู้สึกยังไง?
ฉันไม่สนใจหรอกว่าขาลจะมีผู้หญิงซุกไว้อีกสักกี่คน เพราะความสัมพันธ์ที่ฉันต้องการมันเกี่ยวพันกับแค่เรื่องอย่างว่าอย่างเดียว
ถ้าขาลจะมีแฟน ขอแค่เขาบอกฉันก่อนก็พอ ฉันจะได้ไม่ต้องกลายไปเป็นมือที่สามของใคร
ฉันยืนมองรอยจ้ำและรอยจูบมากมายตามหน้าท้องและต้นคอ ตอนเช้าพยาบาลมัดถามว่าฉันโดนยุงกัดเหรอ หรือแพ้พิษแมลงอะไรที่ห้องรึเปล่า เพราะช่วงนี้ก็หน้าฝนด้วย ฉันที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าที่คอมีรอยจ้ำหนึ่งที่เลยได้แต่เออออไปด้วย
คิดแล้วก็ถอนหายใจหนักออกมา
อดที่จะลืมไม่ได้เลย ก็เด็กคนนั้นน่ะใช้ปากเก่งจะตายไป
กับไซส์ 60 ด้วย เหมือนว่าฉันจะเจอของหายากเข้าให้แล้วสินะ
แต่ฉันก็ไม่ใช่ว่าจะยึดติดแค่กับน้องขาลคนเดียวหรอก ถ้าเจอใครที่พร้อมจะเข้าใจฉันเหมือนกัน น้องขาลก็อาจจะเป็นแค่หนึ่งในทางเลือกที่ฉันมี
ฉันรูดซิปปิดชุดแซกอย่างเรียบร้อยก่อนที่จะสวมกาวน์ทับ เปิดประตูออกไปจากห้องน้ำ และปะทะเข้ากับคุณหมอท่านหนึ่ง ที่เรารู้จักกันดี
... ในฐานะแฟนเก่า
“สวัสดีครับหมอบะหมี่” เขาทักทาย ฉันเลยกรีดยิ้มเล็กน้อย ปั้นหน้าไปตามมารยาท
“เช่นกันค่ะหมอสอง”
ใช่ เขาชื่อ ‘ที่สอง’ เรียกได้ว่าเป็นแฟนเก่าที่ทำให้ฉันต้องกลายมาเป็นผู้หญิงช่างเลือกอย่างทุกวันนี้ ที่สองเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็คตั้งแต่เรียนมัธยม เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ ม.ต้น จนเข้าเรียนมหาลัยคณะแพทย์เหมือนกัน
ที่สองเคยจูบฉันจนตราตรึงใจ แต่สุดท้ายเราก็จบกันเพราะว่าเขาสนใจงานจนเขี่ยฉันทิ้ง แม้ว่าสุดท้ายเขาจะตามเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลคุณพ่อเพื่อง้อฉันก็ตาม
แต่ไม่ควรไปนึกถึงเขาหรอก ก็แค่หนึ่งในความทรงจำแย่ๆ ที่เข้ามาในชีวิต
ฉันคิดแบบนั้นพร้อมกับตั้งท่าจะเดินผ่านเขาไป แต่ยังไม่ทันที่จะเดินพ้นจากร่างสูงใหญ่ในชุดกาวน์สมส่วน ที่สองก็โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“คุณเปลี่ยนไปชอบเด็กแล้วเหรอ” ฉันหันกลับไปมอง ก่อนที่จะเห็นว่าเขาไม่ได้หันกลับมามองหน้า “จะให้เขาเข้ามาในห้องพัก คุณควรรู้ว่าที่นี่คือสถานที่แบบไหน”
เหอะ... ฉันแค่นหัวเราะในใจ
“เด็กคนนั้นเป็นน้องชายของหมี่ค่ะ อีกอย่างที่เขาเข้ามาได้เพราะพยาบาลมัดบอกทางพร้อมกับกุญแจ” ฉันอธิบายอย่างนุ่มนวลผิดกับสิ่งที่คิดในใจ แล้วเขาก็เหลือบมามอง “แต่นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเลย”
“... ผมรู้ แต่ผมแค่เป็นห่วงคุณ”
“ไม่จำเป็นค่ะหมอสอง หมี่ดูแลตัวเองได้” ฉันปัดความหวังดีของเขาทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย แน่นอนว่าฉันยังลืมที่สองไม่ได้ ฉันยังคิดถึงเขา แต่ในวันที่เขาเทฉันทิ้งเหมือนเวลาราดน้ำสกปรกลงพื้นในวันที่เขาประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิต มันก็ไม่มีความทรงจำดีๆ ระหว่างเราแล้ว
“...”
“เก็บความเป็นห่วงที่คุณมีให้แฟนเก่าอย่างหมี่ ไปมอบให้แฟนคนปัจจุบันของคุณเถอะค่ะ”
ฉันกล่าวไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์แล้วก้าวเดินจากไป
ทั้งๆ ที่ความจริงในใจ... ฉันเจ็บสุดๆ เลยที่ทำแบบนี้
[พาร์ท : ขาล]
“มาช้าจังอ่ะขาล”
ผมตีหน้าตายตอนที่ขับมอเตอร์ไซค์มาที่หน้าคอนโดที่ค่อนข้างเก่า เพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวยืนรออยู่ตรงนั้น เธอกับชุดนักศึกษาสวมทับเสื้อช็อปสีเลือดหมูกวาดขาขึ้นมาบนรถของผม มือเล็กโอบวงแขนกอดรอบเอวสอบของผมไว้แน่น
‘น้ำอิง’ เป็นเพื่อนตั้งแต่ช่วง ปวช. ปี 1 ของผม เธอเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ผมสนิทคนเดียวในกลุ่มที่เรียนช่างยนต์ แต่กลับมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างจากผู้หญิงส่วนน้อยที่เรียนในนั้น
บ้านเธอจน และเคยเป็นเด็กที่ถูกรังแกอย่างหนักมาก่อนจากเพื่อนร่วมรุ่น จนผมต้องออกเงินเก็บช่วยเธอในบางเดือน และเอาเข้ากลุ่มเราแบบงงๆ แต่มีข้อแม้ว่าเธอต้องยอมรับความห่ามในกลุ่มเราได้
ปัจจุบันน้ำอิงเป็นนางฟ้าในกลุ่มผม เพราะพอเอามาขัดสีแต่งตัวดีๆ ก็น่ารักดี แต่ผมไม่ได้มองมันเป็นมากกว่าเพื่อน ในขณะที่เพื่อนๆ ในกลุ่มมีแต่คนแอบชอบมัน
แต่ไม่รู้ทำไม ไอ้อิงถึงชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ และเลือกให้ผมเป็นคนมารับมาส่งนัก
“พอดีแวะไปที่โรงบาลมา” ผมตอบคำถามสั้นๆ ตอนที่ส่งหมวกกันน็อคให้มัน อิงรับไปแล้วก็ครางอ๋อ
“นายป่วยเหรอ เป็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่ได้เป็น”
“แล้วไปทำไมอ่ะ?” ผมเองก็ชะงักไปเมื่อมันถามแบบนั้น เพราะก็ไม่รู้จะใช้คำยังไงกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่หมี่เหมือนกัน จะเป็นผัวเมียก็ไม่ใช่ เป็นแฟนยิ่งไม่มีหวัง
“ไปหาคู่ขา” สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความสัมพันธ์แบบนี้ ทั้งที่ในใจอยากจะเป็นมากกว่านั้น
“นายมีคู่ขาด้วยเหรอ ที่มีแฟนคนล่าสุดก็ปีที่แล้ว นึกว่านายจะไม่มีอีกแล้ว” เสียงของเธอแกว่งเล็กน้อย เพราะถ้าพูดว่าคู่ขาขึ้นมา อิงก็คงพอรู้ว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ ซึ่งผมไม่ได้เล่าเรื่องพี่หมี่ให้เธอฟัง
“ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ” ผมย้อนกลับสั้นๆ
“เกี่ยวสิ เพราะเรากับนาย...”
“จูบแรกของเธอ ก็แค่เกมที่เพื่อนมันเล่นกัน แล้วเราก็เผอิญเมาทั้งคู่”
“...”
“อย่างที่เราบอกไป เราไม่ได้คิดอะไรกับเธอ” ผมย้ำประโยคที่เคยพูดกับน้ำอิงหลังจากที่วันนั้นเราเมาแล้วเล่นเกมเปิดขวด น้ำอิงเสียจูบแรกให้ผมอย่างร้อนแรงที่สุด เธอพยายามแสดงออกว่าเธอไม่เหมือนเดิมกับผมแล้ว แต่สำหรับผม มันก็แค่พลาดเพราะเมา “ไปมากกว่าเพื่อนในกลุ่ม”
หมอที่สองกัดฟันแน่น หุนหันพลันแล่นผุดลุกออกไปจากห้องพักแพทย์ทันทีอย่างเสียหน้า ฉันพ่นลมหายใจออกมาหลังจากที่เขากระแทกบานประตูปิดเสียงดัง ผ่อนปรนความเครียดทั้งหมดได้ในเพียงเสี้ยววินาที ค่อยๆ ก้าวเดินด้วยส้นสูงที่เพิ่งขยี้ยอดอกของหมอสองไปนั่งบนเก้าอี้เลื่อน นวดขมับของตัวเองอย่างเคร่งเครียดเมื่อกี้นี้มันอะไรกันฉันเพิ่งจะแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป และปรามาสหมอที่สองด้วยถ้อยคำหยาบคายในแบบที่ฉันไม่เคยพูดกับใครแต่มันกลับรู้สึกโล่งข้างในอย่างน่าประหลาดถ้าไม่ถืออคติจนเกินไป ในคราวที่น้องขาลมัดฉันไว้ก็เป็นอารมณ์แบบนี้ หัวมันโล่งปลอดโปร่ง รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่สะสมมานาน... รู้สึกดีจังฉันกระตุกยิ้มออกมา ค่อยๆ ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างแบบมีมาดเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงกลัวป๊าจะรู้ว่าฉันทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรเอาไว้ แต่ในเวลานี้ฉันไม่แคร์อีกแล้วฉันชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ชอบตัวเองที่เลือกจะจัดการกับปัญหาทุกอย่างด้วยความรุนแรงฉันผุดลุกขึ้น นี่เพิ่งจะข้ามวันที่ฉันเลิกกับน้องขาล เป็นข้ามวันที่รู้ตัวเองหลังจากที่น้องขาลหันหลังให้ มันจะพอเป็นไปได้มั้ย ถ้าฉันจะกลับไปหาเขา น้
“ผมจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่อีกแล้วว่ะ”“...”“เพราะผมรู้แล้ว... ว่าสำหรับพี่ ทำไปก็เท่านั้น” เขาสบถคำหยาบออกมาใส่หน้าฉัน “โคตรไร้ค่า ผมแม่งเป็นแค่ขยะสำหรับพี่ก็แค่นั้น”ฉันชะงักไป นิ่งอึ้งกับสิ่งที่น้องขาลพูด ในขณะที่เพิ่งสังเกตคราบเลือดที่ข้อศอกของคนตัวใหญ่ที่ก้มหน้าลงจนผมยาวๆ ปรกหน้า เขาผละมือออก ในขณะที่จะหันหลังให้ แต่ฉันกลับเลือกที่จะคว้าชายแขนเสื้อของเขาเอาไว้น้องขาลชะงักไป เขายืนหันแผ่นหลังกว้างให้ฉันอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่คิดที่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำหัวใจของฉันกระตุกวูบ ในขณะที่จะกลั้นใจพูดออกไป“หนูมีแผลนี่” เขาเหลือบมามองแค่เพียงหางตา ก่อนที่จะกระตุกแขนข้างที่เป็นแผลออกจากมือของฉันทันที“เพิ่งสังเกตเหรอ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เป็นตั้งนานแล้ว”“พี่...”“...”“ให้พี่ทำแผลให้มั้ย?”“ไม่จำเป็น” เขาปฏิเสธทันที เป็นคำปฏิเสธที่เย็นชาจนฉันตัวสั่น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลงเป็นฝ่ายโดนปฏิเสธ “กลับไปซะ”จนเขาหันกลับมา ออกปากไล่ฉันอย่างเย็นชา พร้อมกับโยนกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงคืนให้ฉันที่รับแทบไม่ทัน ฉันพยายามเงยหน้าขึ้นมองน้องขาล แต่กลับพบแต่ดวงตาที่ว่างเปล่า“พี่หมี่
ผมเบิกตากว้าง ดวงตาลุกโพลง แต่ไม่ได้กระโตกกระตากหรือออกมาจากตรงนั้นเหมือนว่าพี่หมี่จะไม่เห็นผม เธอก้าวเข้าไปนั่งข้างคนขับ ในขณะที่ไอ้เด็กที่ชื่อเหยี่ยวนั่นเป็นฝ่ายสังเกตเห็นผมก่อน เราจ้องหน้ากันในระยะห่างไม่ไกลนัก ผมจะเข้าไปกระชากมันออกมาตอนนี้เลยก็ยังได้ หากแต่ผมกำลังยั้งคิดอยู่จนมันแสยะยิ้มออกมา แววตาของไอ้เด็กนั่นไม่เหมือนครั้งแรกและหลายๆ ครั้งที่เจอกันมันกำลังประกาศ... ชัยชนะผมกำแฮนด์รถแน่นจนแทบแหลกคามือ ไอ้เวรนั่นเข้าไปในรถ นั่งในที่ที่เคยเป็นตำแหน่งของผม มันเคยเป็นผมเมื่อวานและหลายๆ วันที่ผ่านมาที่คอยไปรับไปส่งเธอที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้มันกลับกันหลังจากที่ผมถูกไล่กลับไป เธอก็เรียกมันมาที่นี่งั้นเหรอพี่หมี่เรียกมันมาค้างด้วย... ใช่รึเปล่าทั้งที่ยังไม่ได้เลิกกับกูด้วยซ้ำบรืน!ผมบิดรถจนเกิดเสียงดังสุดมือด้วยความโกรธ มันเดือดทะลุจนแทบหยุดความบ้าคลั่งในใจและความคิดที่ว่าอยากจะฆ่ามันให้ตายไม่ได้ยังไงก็ตาม วันนี้ผมต้องได้คำตอบไวกว่าที่คิด ผมเคลื่อนตัวรถออกไปด้วยความรวดเร็ว พุ่งตามรถซีวิคสีแดงเลือดหมูของพี่หมี่ไป แววตาที่คลุ้มคลั่งอยู่ภายใต้หมวกกันน็อคแบบปิดไม่มิดพี่หมี่ไม่เห็
BDSM คือเซ็กซ์ประเภทหนึ่ง ไม่ว่าจะมัด ตรึง ฟาดแรงๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเซ็กซ์ที่สนองกามารมณ์ของคนประเภทที่ชอบความรุนแรงมากกว่าปกติ หรือบางคนที่ชอบโดนทำรุนแรงใส่ผมจัดอยู่ในประเภท ‘ซาดิสต์’ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลองทำแบบนี้กับใคร ไม่มีใครยอมรับรสนิยมของผม และผมเองก็ไม่เคยยอมรับตัวเอง ที่ผ่านมาก็แค่ยังไม่ได้เจอใครที่ทำให้หัวใจสั่นเร้าจนอยากทำอะไรรุนแรงจนเธอบอบช้ำเท่านี้พี่หมี่เป็นผู้หญิงคนแรก ที่ผมเฝ้าฝันว่าสักวันจะได้ฟาดเธอแรงๆ แล้วมีเซ็กซ์ไปด้วย ประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่าเธอคือม้าของผมในชีวิตจริงผมใจดีกับเธอ ยอมตามใจเธอเหมือนหมาผู้ซื่อสัตย์ นั่นเพราะผมอยากทำ ผมอยากแสดงให้เธอเห็นและไว้ใจว่าผมจะรักเธอ ภักดีกับเธอแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ไม่เคยมีใครบอกว่าหมามันจะไม่กัด ถูกมั้ยแน่นอน ไม่มีอะไรหยุดยั้งความต้องการที่แสนซาดิสต์ของผมได้ วันนี้ผมพกเชือกขาวลูกเสือมาเพื่อมัดเธอไว้ แล้วบรรเลงบทเพลงตามที่ผมต้องการ สาดสีและละเลงรักบนร่างกายเธอผมก็แค่หึงไม่ชอบที่เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้เวรนั่น ไม่ชอบที่มันก้าวเข้ามาเรียนในรุ่นเดียวกัน ไม่ชอบที่จะรู้สึกลางๆ ว่าเหมือนตัวเองกำลังจะถูกเขี่ยทิ้งในอีกไม่
ฉันสั่นระริก ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอเอ่ยปากอ้อนวอนออกไปได้ยังไง ท่าทางที่น้องขาลเป็นวันนี้ในวันที่เรามีเซ็กซ์กันดูไม่ปกติ มันแปลกประหลาดมาก เขาเอาเชือกมามัดข้อมือฉัน จับไพล่หลัง พร้อมกับจัดท่าให้อยู่ในท่าหมอบคลานโดยไม่สามารถใช้มือค้ำยันได้ฉันไม่รู้ว่าเซ็กซ์แบบนี้คืออะไร ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ากลัว มันสั่นไปหมดข้อมือที่ถูกรัดแน่นพยายามบิดเพื่อตัดขาดพันธนาการ แต่ยิ่งดิ้นหนีกลับยิ่งรัดแน่น มือที่ถูกไพล่หลังอยู่ตึงแน่นจนรู้สึกชาแปลบๆ แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกทุกอย่าง ทุกสัมผัส มันชัดขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อปลายนิ้วสากตวัดผ่านกลีบดอกไม้ ฉันกลับรู้สึกได้ถึงความชื้นที่ล้นทะลักออกมาจากร่องสวาทแต่การถูกมัดแบบนี้มันไม่ปกติ สมองฉันทำงานหนักมากเพื่อที่จะปฏิเสธการกระทำนี้“ฮึก... ได้โปรด”แต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับสั่นพร่าจนรู้สึกได้ มันพ่นออกไปโดยไม่ทันได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ในหัวของฉันมันตีรวนกันหลายอย่างตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเรื่องพ่อหรือเรื่องที่สอง หรือแม้แต่น้องขาลที่มีท่าทางก้าวร้าวมากขึ้น แต่พอโดนมัด โดนทรมาน กลับรู้สึกหัวโล่ง ขาวโพลนอย่างน่าประหลาดภายในสมองร้องบอกตัวเองว่าน้องขาลคนนี้ไม่ใช
น้องขาลนิ่งไปทันที เขาเอียงคอไปมองโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของฉัน แววตาคมปลาบหันกลับมาสบตากับฉัน เย็นเยียบจนรู้สึกสั่นกลัวน้องขาลไม่เหมือนเดิมมาตั้งแต่เมื่อวาน และฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร“งั้นขอเช็คโทรศัพท์หน่อยสิครับพี่หมี่”ฉันเม้มริมฝีปาก ฉันแค่คิดนะ เหมือนว่าเขาจะไม่ไว้ใจฉันเลย ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าพอเริ่มคบกับน้องขาล เขาก็เปลี่ยนไปนิดๆ หน่อยๆ“จะเช็คทำไมคะ ไม่ไว้ใจพี่เหรอ” น้ำเสียงที่ถามกลับไปห้วนสั้นไม่ต่างกัน ไม่รู้ว่าจะมาชวนทะเลาะอะไรในตอนที่เพิ่งเจอเรื่องพวกนั้นมาด้วยนะ“ผมเช็คไม่ได้เหรอครับ ผมจะได้รู้ตัว” น้ำเสียงที่พ่นออกมามีแววประชดเจือปนเล็กน้อย แม้ว่าฉันจะไม่อยากจะเชื่อว่าน้องขาลจะออกปากประชดประชันได้ เพราะก่อนที่เราจะคบกันเขาเป็นสุนัขที่ดีมาโดยตลอด แต่พอตกปากรับคำขอคบเป็นแฟน ขาลเริ่มแสดงท่าทีเป็นใหญ่ขึ้นทีละน้อยและฉันก็... ไม่ค่อยชอบท่าทางถือดีนั่นเท่าไหร่“เช็คก็ได้ค่ะ เอาเลย” ฉันไม่ชอบเวลามีใครมางอแงในเวลาที่ฉันกำลังหัวเสีย เลยพยักเพยิดหน้าไปทางมือถือที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ น้องขาลสบตาฉันกลับ เขากัดริมฝีปาก กำหมัดแน่น แล้วเดินผ่านไหล่ฉันไปกดโทรศัพท์ดูด้วยร่างกำยำที่เกร็งเครี