พอเห็นว่าฉันอนุญาต เด็กน้อยตัวยักษ์ที่ยืนรออยู่ก็กดริมฝีปากลงมาท่ามกลางความเงียบภายในห้องพักของคุณหมอ ฉันจูบตอบกลับไปด้วยสัญชาตญาณ ทั้งตัวกระตุกยามเมื่อฝ่ามือแกร่งขย้ำก้อนหน้าอกนุ่มนิ่มที่เปลือยเปล่า
มือของฉันถูกยกขึ้นโอบรอบคอของน้องขาล และปล่อยให้ริมฝีปากและปลายลิ้นนำพาเราไปสู่ความหฤหรรษ์ที่ฉันไม่เคยได้สัมผัส จูบที่มากกว่าแตะปากนี่มันดีจริงๆ ดูดดื่ม ล่องลอย เหมือนจะได้แตะขอบสวรรค์อยู่ตลอดเวลา
แต่ก็ต้องอดชมไม่ได้เลยจริงๆ ว่าขาลจูบเก่งมาก ใช้ลิ้นเก่ง จนรู้สึกกลัวเลยถ้าเขาใช้ลิ้นแตะในจุดที่ไม่ควรจะแตะ เขาจะนำพามันไปสู่ความร้อนแรงแค่ไหน
จนปลายลิ้นร้อนนัวเนียไปมากับปลายลิ้นของฉัน ขาลเบี่ยงองศาใบหน้าไปด้านข้างเพื่อที่จะได้แทรกความเปียกแฉะเข้ามาในริมฝีปากของฉันได้ง่ายขึ้น ฉันหลับตาลง เลื่อนวงแขนไปโอบรอบคอของขาล ไม่สนว่าตอนนี้ตัวเองกำลังจะอยู่ในโรงพยาบาลของพ่อบังเกิดเกล้า ไม่สนว่าขาลจะไม่ล็อกประตู
อยากได้อีก อยากได้มากกว่านี้
จนขาลผละริมฝีปากออกมา เราสบตากันในความเงียบ ฝ่ามือหนาแตะเบาๆ ที่ข้างแก้ม และเขี่ยเส้นผมสีชมพูอ่อนที่ปรกหน้าจนดูยุ่งเหยิงออก
แววตาของขาลที่มองใบหน้าที่คิดว่าคงจะยั่วเขาอย่างถึงที่สุดดูมีแววแห่งความคลุ้มคลั่ง ราวกับสัตว์ป่าที่อยากฉีกฉันกินเป็นชิ้นๆ แต่จำต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน
อยากรู้จัง ว่าขาลจะบ้าคลั่งได้แค่ไหน
พอคิดได้แบบนั้นฉันก็ค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะเบาๆ ที่แผงอกผ่านสาบเสื้อของเขา ลากไล้ปลายนิ้วลงมาจนถึงชายเสื้อ
ขาลหลุบตาลงมองการกระทำทุกอย่างของฉัน ในขณะที่ฉันช้อนสายตามองปฏิกิริยาของเขา
อึก...
เขากลืนน้ำลายลงคอครั้งนึง และเสียงมันก็ดังจนได้ยินมาตรงนี้
ตื่นเต้นสินะ เด็กดี
“พี่บอกให้เราดูดนมพี่ ไม่ใช่จูบสักหน่อย” โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า เพราะถึงฉันจะเวอร์จิ้น แต่ก็รู้วิธีที่จะทำให้ผู้ชายที่คลั่งไคล้ฉันกลายเป็นเพียงลูกไก่ในอุ้งมืออยู่บ้าง “ตื่นเต้นงั้นเหรอ”
“ผมรู้สึกประหม่านิดหน่อย” แล้วคนตัวใหญ่ก็ตอบกลับมาตรงๆ เหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มกลัดมันที่ร้อนแรงเหมือนไฟโลกันต์ แต่ขาลก็ยังมีส่วนที่ยังเป็นขาลคนเดิม เขายังคงขี้อาย และต้องการเรียกร้องความสนใจจากพี่สาวผู้แสนใจดีอย่างฉัน “คืนนั้นผมก็เมามากเลยทำไปเพราะความคึกคะนอง แต่วันนี้มีสติ ก็เลยตื่นเต้น”
“หน้าอกพี่เป็นของขาลนะ” ฉันรั้งต้นคอหนาลงมากระซิบชิดข้างหูของเขา กลิ่นกายของชายหนุ่มที่หอมอ่อนๆ ไม่ว่าจะผสมไปด้วยกลิ่นบุหรี่หรือกลิ่นสบู่ของผู้ชาย มันก็เป็นเสน่ห์ที่เย้ายวนทั้งนั้น “พี่อนุญาต ขาลจะดูดแรง บีบแรงแค่ไหนก็ได้”
“...”
“พี่ชอบ... อ๊ะ”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ หมาน้อยตัวยักษ์ที่แสนน่ารักของฉันก็โถมลงมาหาทั้งตัวราวกับทนความต้องการไม่ไหว เคล้นคลึงหน้าอกของฉันด้วยสองมือหนัก หน้าอกอวบถูกเขากดจูบลงมาโดยเลือกที่จะวนลิ้นรอบยอดอกสีชมพูโดยเย้าแหย่ไม่แตะไปในจุดที่เสียวสะท้านที่สุด และนั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกสยิวจนต้องกัดริมฝีปากหันหน้าหนีความเปียกชื้นจนเย็นแปลบตรงเต้านม
ขาลดูดเม้มที่ทรวงอกของฉันจนรู้สึกแสบเล็กๆ แต่มันกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ฉันไม่ได้ห้ามที่ขาลจะทำรอยตีตราตัวเอง และตามใจเขามากขึ้นด้วยการเลื่อนมือมาขยุ้มผมของเขา กระตุกยางรัดผมจนผมยาวๆ ที่หยักศกเล็กๆ ของขาลตกลงมาปรกหน้า ชวนให้หนุ่มน้อยของฉันดูเซ็กซี่และดิบเถื่อนขึ้นไปอีกเท่าตัว
“อื้มมม ขาล รู้สึกดีจัง”
ฉันครางเสียงเบาหวิวเพื่อควบคุมไม่ให้ตัวเองครางครวญดังจนได้ยินไปถึงข้างนอก เมื่อร่างสูงไล้ปลายลิ้นตวัดรัวที่จุกนมสีอ่อนจนเปียกชุ่ม ยอดอกแข็งชูชันจนเขาต้องดูดลิ้มรสมันเหมือนกำลังดูดจูปาจุ๊บที่สมัยเด็กๆ เราชอบซื้อมากินด้วยกัน
แต่ตอนนี้ที่เขาดูดมันไม่ใช่ลูกกวาด แต่มันคือหน้าอกของฉันเอง
“อ๊า”
เสียงหวานของฉันเริ่มดังขึ้นอีกนิดอย่างเผลอตัว เมื่อขาลใช้ฟันเขี้ยวขบกัดเบาๆ ที่จุกนมจนรู้สึกว่าเลือดซิบเล็กๆ เขาร้อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในขณะที่จะยกเรียวขาทั้งสองข้างของฉันขึ้นเกี่ยวเอวสอบที่แข็งแกร่ง ถูไถความแข็งแรงใต้ผ้ายีนส์กับซับในลูกไม้ตัวบางที่ชื้นตรงกลางเป้าเป็นดวง
“ผมจะแค่ถู สัญญา”
เขากระซิบชิดหน้าอกของฉันที่สั่นเทิ้มจากแรงหอบ มือหนาขยำเต้าอกมหึมา พร้อมกับปลดซิปกางเกงยีนส์ลง เอนตัวฉันนอนลงบนโต๊ะจนศอกปัดป่ายไปที่คีย์บอร์ดจนพิมพ์ขึ้นไปในเอกสารผู้ป่วยมั่วซั่วไปหมด หากแต่ฉันไม่สนใจ ที่สนใจก็คือความผงาดตรงหน้าที่ถูกปลดปล่อยออกมาเท่านั้น
แม้ว่าขาลจะไม่ได้ถอดบ็อกเซอร์ที่บางแสนบางนั่นออก แต่ก็พอจะเห็นลำโคนได้ลางๆ ว่ามันใหญ่แค่ไหน
ฉันเริ่มหน้าซีดเล็กน้อย เพราะมันใหญ่มากๆ แบบมากๆ
“อะ ขาล เดี๋ยวก่อน” อยู่ดีๆ ความใสซื่อก็ทำงานแบบกะทันหัน ฉันอยากและรู้ว่าขาลก็อยาก แต่ขนาดของเขาที่ลำพองอยู่ภายใต้บ็อกเซอร์นั่น มันน่าสะพรึงมากๆ “... พี่กลัว”
“ยังไม่แข็งเต็มที่เลยครับ” เขาเองก็คงพอจะรู้ว่าฉันตื่นอะไร ก็เลยหรี่ตาลงมองลำของตัวเองพร้อมกับผงกหัวมาแค่นหัวเราะ แต่นั่นกลับทำให้ฉันตาโต
“ปะ... ปกติมันใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ” พอรู้สึกตัวได้ว่าเผลอแสดงความอ่อนประสบการณ์ออกไป ฉันก็เม้มริมฝีปากเปลี่ยนคำพูด “หมายถึงว่า... ของผู้ชายส่วนใหญ่”
“ปกติผมใส่ถุงยางไซส์ 60 ครับพี่หมี่”
และคำตอบเกี่ยวกับเจ้าสิ่งมหึมาที่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้าของขาล ก็แทบจะขุดเจาะความมั่นใจของฉันกับขนาดมาตรฐานของผู้ชายจนร่วงลงไปกองกับพื้น
ที่ได้ยินมา 52 คือขนาดมาตรฐานของชายไทย แค่นั้นก็ถือว่าน่ากลัวแล้ว
แล้ว 60 นี่มันจะใหญ่กี่เท่าจาก 52 ล่ะ?
หมอที่สองกัดฟันแน่น หุนหันพลันแล่นผุดลุกออกไปจากห้องพักแพทย์ทันทีอย่างเสียหน้า ฉันพ่นลมหายใจออกมาหลังจากที่เขากระแทกบานประตูปิดเสียงดัง ผ่อนปรนความเครียดทั้งหมดได้ในเพียงเสี้ยววินาที ค่อยๆ ก้าวเดินด้วยส้นสูงที่เพิ่งขยี้ยอดอกของหมอสองไปนั่งบนเก้าอี้เลื่อน นวดขมับของตัวเองอย่างเคร่งเครียดเมื่อกี้นี้มันอะไรกันฉันเพิ่งจะแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป และปรามาสหมอที่สองด้วยถ้อยคำหยาบคายในแบบที่ฉันไม่เคยพูดกับใครแต่มันกลับรู้สึกโล่งข้างในอย่างน่าประหลาดถ้าไม่ถืออคติจนเกินไป ในคราวที่น้องขาลมัดฉันไว้ก็เป็นอารมณ์แบบนี้ หัวมันโล่งปลอดโปร่ง รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่สะสมมานาน... รู้สึกดีจังฉันกระตุกยิ้มออกมา ค่อยๆ ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างแบบมีมาดเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงกลัวป๊าจะรู้ว่าฉันทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรเอาไว้ แต่ในเวลานี้ฉันไม่แคร์อีกแล้วฉันชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ชอบตัวเองที่เลือกจะจัดการกับปัญหาทุกอย่างด้วยความรุนแรงฉันผุดลุกขึ้น นี่เพิ่งจะข้ามวันที่ฉันเลิกกับน้องขาล เป็นข้ามวันที่รู้ตัวเองหลังจากที่น้องขาลหันหลังให้ มันจะพอเป็นไปได้มั้ย ถ้าฉันจะกลับไปหาเขา น้
“ผมจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่อีกแล้วว่ะ”“...”“เพราะผมรู้แล้ว... ว่าสำหรับพี่ ทำไปก็เท่านั้น” เขาสบถคำหยาบออกมาใส่หน้าฉัน “โคตรไร้ค่า ผมแม่งเป็นแค่ขยะสำหรับพี่ก็แค่นั้น”ฉันชะงักไป นิ่งอึ้งกับสิ่งที่น้องขาลพูด ในขณะที่เพิ่งสังเกตคราบเลือดที่ข้อศอกของคนตัวใหญ่ที่ก้มหน้าลงจนผมยาวๆ ปรกหน้า เขาผละมือออก ในขณะที่จะหันหลังให้ แต่ฉันกลับเลือกที่จะคว้าชายแขนเสื้อของเขาเอาไว้น้องขาลชะงักไป เขายืนหันแผ่นหลังกว้างให้ฉันอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่คิดที่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำหัวใจของฉันกระตุกวูบ ในขณะที่จะกลั้นใจพูดออกไป“หนูมีแผลนี่” เขาเหลือบมามองแค่เพียงหางตา ก่อนที่จะกระตุกแขนข้างที่เป็นแผลออกจากมือของฉันทันที“เพิ่งสังเกตเหรอ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เป็นตั้งนานแล้ว”“พี่...”“...”“ให้พี่ทำแผลให้มั้ย?”“ไม่จำเป็น” เขาปฏิเสธทันที เป็นคำปฏิเสธที่เย็นชาจนฉันตัวสั่น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลงเป็นฝ่ายโดนปฏิเสธ “กลับไปซะ”จนเขาหันกลับมา ออกปากไล่ฉันอย่างเย็นชา พร้อมกับโยนกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงคืนให้ฉันที่รับแทบไม่ทัน ฉันพยายามเงยหน้าขึ้นมองน้องขาล แต่กลับพบแต่ดวงตาที่ว่างเปล่า“พี่หมี่
ผมเบิกตากว้าง ดวงตาลุกโพลง แต่ไม่ได้กระโตกกระตากหรือออกมาจากตรงนั้นเหมือนว่าพี่หมี่จะไม่เห็นผม เธอก้าวเข้าไปนั่งข้างคนขับ ในขณะที่ไอ้เด็กที่ชื่อเหยี่ยวนั่นเป็นฝ่ายสังเกตเห็นผมก่อน เราจ้องหน้ากันในระยะห่างไม่ไกลนัก ผมจะเข้าไปกระชากมันออกมาตอนนี้เลยก็ยังได้ หากแต่ผมกำลังยั้งคิดอยู่จนมันแสยะยิ้มออกมา แววตาของไอ้เด็กนั่นไม่เหมือนครั้งแรกและหลายๆ ครั้งที่เจอกันมันกำลังประกาศ... ชัยชนะผมกำแฮนด์รถแน่นจนแทบแหลกคามือ ไอ้เวรนั่นเข้าไปในรถ นั่งในที่ที่เคยเป็นตำแหน่งของผม มันเคยเป็นผมเมื่อวานและหลายๆ วันที่ผ่านมาที่คอยไปรับไปส่งเธอที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้มันกลับกันหลังจากที่ผมถูกไล่กลับไป เธอก็เรียกมันมาที่นี่งั้นเหรอพี่หมี่เรียกมันมาค้างด้วย... ใช่รึเปล่าทั้งที่ยังไม่ได้เลิกกับกูด้วยซ้ำบรืน!ผมบิดรถจนเกิดเสียงดังสุดมือด้วยความโกรธ มันเดือดทะลุจนแทบหยุดความบ้าคลั่งในใจและความคิดที่ว่าอยากจะฆ่ามันให้ตายไม่ได้ยังไงก็ตาม วันนี้ผมต้องได้คำตอบไวกว่าที่คิด ผมเคลื่อนตัวรถออกไปด้วยความรวดเร็ว พุ่งตามรถซีวิคสีแดงเลือดหมูของพี่หมี่ไป แววตาที่คลุ้มคลั่งอยู่ภายใต้หมวกกันน็อคแบบปิดไม่มิดพี่หมี่ไม่เห็
BDSM คือเซ็กซ์ประเภทหนึ่ง ไม่ว่าจะมัด ตรึง ฟาดแรงๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเซ็กซ์ที่สนองกามารมณ์ของคนประเภทที่ชอบความรุนแรงมากกว่าปกติ หรือบางคนที่ชอบโดนทำรุนแรงใส่ผมจัดอยู่ในประเภท ‘ซาดิสต์’ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลองทำแบบนี้กับใคร ไม่มีใครยอมรับรสนิยมของผม และผมเองก็ไม่เคยยอมรับตัวเอง ที่ผ่านมาก็แค่ยังไม่ได้เจอใครที่ทำให้หัวใจสั่นเร้าจนอยากทำอะไรรุนแรงจนเธอบอบช้ำเท่านี้พี่หมี่เป็นผู้หญิงคนแรก ที่ผมเฝ้าฝันว่าสักวันจะได้ฟาดเธอแรงๆ แล้วมีเซ็กซ์ไปด้วย ประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่าเธอคือม้าของผมในชีวิตจริงผมใจดีกับเธอ ยอมตามใจเธอเหมือนหมาผู้ซื่อสัตย์ นั่นเพราะผมอยากทำ ผมอยากแสดงให้เธอเห็นและไว้ใจว่าผมจะรักเธอ ภักดีกับเธอแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ไม่เคยมีใครบอกว่าหมามันจะไม่กัด ถูกมั้ยแน่นอน ไม่มีอะไรหยุดยั้งความต้องการที่แสนซาดิสต์ของผมได้ วันนี้ผมพกเชือกขาวลูกเสือมาเพื่อมัดเธอไว้ แล้วบรรเลงบทเพลงตามที่ผมต้องการ สาดสีและละเลงรักบนร่างกายเธอผมก็แค่หึงไม่ชอบที่เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้เวรนั่น ไม่ชอบที่มันก้าวเข้ามาเรียนในรุ่นเดียวกัน ไม่ชอบที่จะรู้สึกลางๆ ว่าเหมือนตัวเองกำลังจะถูกเขี่ยทิ้งในอีกไม่
ฉันสั่นระริก ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอเอ่ยปากอ้อนวอนออกไปได้ยังไง ท่าทางที่น้องขาลเป็นวันนี้ในวันที่เรามีเซ็กซ์กันดูไม่ปกติ มันแปลกประหลาดมาก เขาเอาเชือกมามัดข้อมือฉัน จับไพล่หลัง พร้อมกับจัดท่าให้อยู่ในท่าหมอบคลานโดยไม่สามารถใช้มือค้ำยันได้ฉันไม่รู้ว่าเซ็กซ์แบบนี้คืออะไร ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ากลัว มันสั่นไปหมดข้อมือที่ถูกรัดแน่นพยายามบิดเพื่อตัดขาดพันธนาการ แต่ยิ่งดิ้นหนีกลับยิ่งรัดแน่น มือที่ถูกไพล่หลังอยู่ตึงแน่นจนรู้สึกชาแปลบๆ แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกทุกอย่าง ทุกสัมผัส มันชัดขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อปลายนิ้วสากตวัดผ่านกลีบดอกไม้ ฉันกลับรู้สึกได้ถึงความชื้นที่ล้นทะลักออกมาจากร่องสวาทแต่การถูกมัดแบบนี้มันไม่ปกติ สมองฉันทำงานหนักมากเพื่อที่จะปฏิเสธการกระทำนี้“ฮึก... ได้โปรด”แต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับสั่นพร่าจนรู้สึกได้ มันพ่นออกไปโดยไม่ทันได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ในหัวของฉันมันตีรวนกันหลายอย่างตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเรื่องพ่อหรือเรื่องที่สอง หรือแม้แต่น้องขาลที่มีท่าทางก้าวร้าวมากขึ้น แต่พอโดนมัด โดนทรมาน กลับรู้สึกหัวโล่ง ขาวโพลนอย่างน่าประหลาดภายในสมองร้องบอกตัวเองว่าน้องขาลคนนี้ไม่ใช
น้องขาลนิ่งไปทันที เขาเอียงคอไปมองโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของฉัน แววตาคมปลาบหันกลับมาสบตากับฉัน เย็นเยียบจนรู้สึกสั่นกลัวน้องขาลไม่เหมือนเดิมมาตั้งแต่เมื่อวาน และฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร“งั้นขอเช็คโทรศัพท์หน่อยสิครับพี่หมี่”ฉันเม้มริมฝีปาก ฉันแค่คิดนะ เหมือนว่าเขาจะไม่ไว้ใจฉันเลย ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าพอเริ่มคบกับน้องขาล เขาก็เปลี่ยนไปนิดๆ หน่อยๆ“จะเช็คทำไมคะ ไม่ไว้ใจพี่เหรอ” น้ำเสียงที่ถามกลับไปห้วนสั้นไม่ต่างกัน ไม่รู้ว่าจะมาชวนทะเลาะอะไรในตอนที่เพิ่งเจอเรื่องพวกนั้นมาด้วยนะ“ผมเช็คไม่ได้เหรอครับ ผมจะได้รู้ตัว” น้ำเสียงที่พ่นออกมามีแววประชดเจือปนเล็กน้อย แม้ว่าฉันจะไม่อยากจะเชื่อว่าน้องขาลจะออกปากประชดประชันได้ เพราะก่อนที่เราจะคบกันเขาเป็นสุนัขที่ดีมาโดยตลอด แต่พอตกปากรับคำขอคบเป็นแฟน ขาลเริ่มแสดงท่าทีเป็นใหญ่ขึ้นทีละน้อยและฉันก็... ไม่ค่อยชอบท่าทางถือดีนั่นเท่าไหร่“เช็คก็ได้ค่ะ เอาเลย” ฉันไม่ชอบเวลามีใครมางอแงในเวลาที่ฉันกำลังหัวเสีย เลยพยักเพยิดหน้าไปทางมือถือที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ น้องขาลสบตาฉันกลับ เขากัดริมฝีปาก กำหมัดแน่น แล้วเดินผ่านไหล่ฉันไปกดโทรศัพท์ดูด้วยร่างกำยำที่เกร็งเครี