เข้าสู่ระบบเขาไม่ปล่อยให้ช่วงเวลาทองสูญเสียไปอย่างไร้ค่า ฝ่ามือหนาสอดมือผ่านชุดนอนบางใสจับชายกระโปรงยกลอยสูงขึ้นจนร่นมากองเหนืออกอวบ ฝ่ามือลูบโลมผิวเนียนนุ่มราวกับผ้าไหมเนื้อดี ร่างงามกระตุกเล็กน้อยบิดกายหนีเขาอย่างอ่อนระโหย ดวงตาคู่สวยหรี่มองเขาด้วยอาการที่คล้ายจะได้สติ
โอลิเวอร์จึงก้มลงไปปิดปากน้อยๆ ที่กำลังเผยอจะร้อง บดจุมพิตหนักหน่วงจนได้ยินเสียงครางแผ่วๆ ของเธอ นั่นทำให้เขามั่นใจว่าเธอตกอยู่ในภวังค์เสน่หาอีกครั้งจนกล้าผละริมฝีปากออกห่าง แล้วไล่แตะปลายลิ้นร้อนไปบนผิวนุ่มช่วงลำคอ ขบเม้มติ่งหูนิ่มของเธอจนสะดุ้งเฮือก
ก่อนจะลดใบหน้าลงซุกไซ้ลำคอขาวผ่อง แตะไล้ริมฝีปากลงไปตามลาดไหล่มนจนมาถึงทรวงอวบสองมือกอบกุมความนุ่มหยุ่นทั้งสองปทุมไว้ปลายยอดมณีสีชมพูยั่วยวนสายตาคนมองให้คอแห้งผาก ลิ้นร้อนแสนชุ่มฉ่ำตวัดไล้เลียริมฝีปากของตัวเองอย่างกระหาย
ครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสเธอมันเป็นไปตามอารมณ์โมโหโกรธา ผสมกับความคลั่งแค้นระอุร้อน จนไม่สนใจจะละเลียดชิมความหวาน นอกจากตักตวงและจงใจสร้างความปวดร้าวให้เธอหลาบจำ ครั้งนี้ชายหนุ่มอยู่ในสภาวะต่างกัน เขามีเพียงอารมณ์ปรารถนาไม่ได้เจือด้วยความโกรธแค้นเหมือนครั้งก่อน
ชายหนุ่มก้มลงไปหาทรวงอกพุ่งผลิชูชันล่อสายตานั้นโดยไม่รีรอ อ้าปากออกให้กว้างพอจะครอบลงบนปลายยอดทรวงสีหวาน ดูดกลืนสลับกับขบเม้มเม็ดมณีสีสวยดื่มกินรสชาติราวกับน้ำผึ้งป่าแสนหวานในเดือนห้า
ดื่มด่ำกับความรู้สึกสราญใจที่ผ่านเข้ามาในอารมณ์ผสานกับเพลิดเพลินกับเสียงครางแผ่วหวิวเสนาะโสต และร่างนุ่มเนียนที่บิดไปมาจากการถูกลูบไล้ด้วยสองมือ ร่างกายร้อนรุ่มไปด้วยพิษสวาทจนแทบทะลักทลาย
วาสินีเองถูกคนชำนาญเชิงปลุกปั่นจนแทบไร้สติ ร่างกายของเธอร้อนผ่าวไปหมด เธอกำลังจะขาดใจกับการทรมานที่ไม่รู้จุดจบ หญิงสาวหอบหายใจแรงครางครวญด้วยเสียงที่เจ้าตัวไม่คิดว่าเคยเปล่งเสียงนี้มาก่อนในชีวิต ดวงตาปรือปรอยลอยคว้าง
เมื่ออะไรบางอย่างกำลังหมุนวนในท้อง ความเสียวซ่านแล่นปราดไปทั่วร่างจากจุดกำเนิดบนยอดทรวงที่ถูกอุ้งปากร้อนผ่าวครอบครองอยู่ แขนเรียวกอดรัดร่างหนาอย่างลืมตัวปลายเล็บจิกทึ้งขูดข่วนแผ่นหลังจนเกิดรอยแดงๆ สติส่วนน้อยที่ยังไม่หลุดหายไป สั่งให้เจ้าตัวขัดขืน แต่ก็อ่อนเบาไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะทัดทานแรงเชี่ยวกรากของพิษเสน่หาอันโลดแรงไหว
“โอลิเวอร์... พอเถอะ... พอ” เธอพยายามเปล่งเสียงทัดทานเขา
ชายหนุ่มชะงักชั่วครู่ หยุดการกระทำอันแสนวาบหวามลง เมื่อสำนึกในใจร้องบอกว่าไม่ควรเดินหน้าไปไกลกว่านี้ แต่ความทรมานที่กำลังก่อตัวในกายทั้งเธอและเขายังไม่ได้รับการปลดปล่อยจะทำอย่างไร
“ไว้ใจผมนะ ผมจะหยุดเมื่อเราปลดปล่อย”
โอลิเวอร์มองใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาว ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตริมฝีปากอิ่มที่เจ่อเล็กน้อยอีกครั้ง ริมฝีปากของชายหนุ่มผละจุมพิตออกเมื่อร่างงามอ่อนระทวย เขาก้มลงครอบครองทรวงนุ่ม สองมือลูบไล้ผิวนุ่มเนียนไปทั่วร่าง คลึงเคล้าทรวงอวบเต็มกำมือป้อนส่งเข้าสู่อุ้งปากร้อนผ่าวที่กำลังดูดกลืนยอดทรวงสีหวานอย่างเมามัน
มืออีกข้างลูบผ่านเอวคอดไปคลึงขยำสะโพกตึงแน่น ขณะเสียดสีร่างกายของตนเองกับร่างนุ่มนิ่มเต็มอารมณ์ร้อน ริมฝีปากคายออกจากเม็ดมณีหวานล้ำ แตะปลายลิ้นร้อนไปบนผิวนุ่มไต่ดะไปตามหน้าท้องเนียนเรียบตรงไปยังเนินเขาที่มีดอกไม้งามส่งกลิ่นหอมยั่วยวนอารมณ์
เมื่อกลีบผกางามสัมผัสสายลมในฤดูร้อน แรงลมพัดโบกลูบโลมกลีบอ่อนบางให้สะบัดพลิ้ว ดอกไม้ก็เบ่งบานเกสรผลิน้ำหวานล่อหลอกภมรให้ลงไปดื่มกิน
วาสินีหมดเรี่ยวแรงต่อต้านได้แต่ทำใจยอมรับความสูญเสียที่มิอาจต่อต้านไหว กายสาวสั่นสะท้านเมื่อเขารุกหนัก จุมพิตของเขาทำให้เธอหัวหมุนยอมจำนนโดยไร้ทางขัดขืน ทุกสัมผัสของเขาทำให้เธอตกอยู่ในห้วงแห่งมนตราเสน่หา
หญิงสาวปิดเปลือกตาลงลอยคว้างในภวังค์แห่งความเสียวซ่าน จนหลงลืมสรรพสิ่งรอบกาย ลืมว่าเธอเป็นใคร ลืมว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอควรปล่อยกายปล่อยใจให้
ร่างกายของเธอถูกเขาควบคุมไปหมดทุกส่วน ไม่เป็นตัวของตัวเองโดยสิ้นเชิง วาสินีบิดตัวไปมาเมื่อความเสียวซ่านถึงจุดที่เกินทานทน เกลียวคลื่นแห่งความปรารถนาโหมกระหน่ำพัดพาความหฤหรรษ์สาดซัดร่างบางจนทรมานแทบขาดใจ
“กรี๊ดดด”
หญิงสาวหวีดร้องเมื่อเกลียวคลื่นได้เปลี่ยนเป็นพายุลูกใหญ่ซัดเธอจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ บนปลายขอบรุ้ง พร้อมกับเกร็งกระตุกร่าง ก่อนจะทอดกายอ่อนระทวยในนาทีสุขสม เมื่อถูกปลดปล่อยจากความทรมานอันแสนหวาน
พร้อมกับเสียงครางห้าวลึกที่ดังก้องพร้อมกันของชายหนุ่มที่ใช้นิ้วมือสำเร็จโทษตัวเองจนปลดปล่อยพร้อมๆ กัน ทั้งสองนิ่งเงียบหอบหายใจแรงในอ้อมแขนของกันและกัน จนลมหายใจกลับมาเป็นปกติ
“ปล่อย... ปล่อยฉันเถอะค่ะ”
วาสินีเอ่ยเสียงสั่นหวิว อับอายที่ถูกเขาล่วงเกินจนไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย
น่าอายนัก... น่าอายเหลือเกิน... เธอยอมให้เขาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้กับตัวเองได้อย่างไร
โอลิเวอร์แย้มริมฝีปากโชว์ไรฟันขาว มองคนขี้อายอย่างเอ็นดู นึกเข้าข้างตัวเองว่าบางทีเขาอาจทำให้เลสเบี้ยนยอมกลับใจได้ในสักวัน เมื่อครู่เขาทำให้เธอสุขสมได้เพียงแค่ปลายลิ้นสัมผัส ยังไม่ได้ใช้ทั้งหมดของความเป็นชายกับเธอก็ทำให้เธอครางครวญจนแทบสิ้นสติ
“ดึกแล้วคนสวย นอนกันเถอะ ผมสัญญาว่าจะขอแค่กอดคุณเท่านั้น หลับตาแล้วนอนนิ่งๆ พรุ่งนี้เรามีงานสำคัญนะ” พูดจบก็ค่อยๆ ทาบริมฝีปากบนเปลือกตาอย่างอ่อนโยน กอดรัดร่างนุ่มไว้แนบแน่น
วาสินีจำต้องปิดตาลงเมื่อริมฝีปากอุ่นเคลื่อนมาแตะดวงตาอีกข้างอย่างนุ่มนวล ยอมนอนนิ่งๆ ตามคำสั่งเขาเมื่อรู้ว่าคนตัวโตไม่มีทางปล่อยเธอจากอ้อมแขนอีกแน่ หากเธอขัดขืนมันอาจไม่จบแค่กอด ประสบการณ์ร้อนๆ เมื่อครู่บอกเธอให้รับรู้ว่า เธอไม่มีทางขัดขืนเขาได้หากเขาต้องการขึ้นมา...
เขาจะปล่อยเธอให้รอดไปอีกนานแค่ไหนกันหนอ หญิงสาวแอบนึกหวั่นถึงอนาคตที่มองไม่เห็น...
วาสินีตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเลยเวลาปกติมาร่วมชั่วโมงเพราะนอนดึกกว่าทุกคืน นาทีแรกที่หญิงสาวลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ร่วมเตียงกับโอลิเวอร์หญิงสาวกะพริบตาไปมาไล่ความง่วงงุนก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อสติคืนกลับมาครบถ้วน รีบผละห่างอย่างตกใจเมื่อพบว่าใบหน้าคมคายของเขาซบซุกอยู่บนอกข้างหนึ่งมืออีกข้างกุมทรวงนุ่มของเธอไว้
ฝ่ามือหนาวางทาบกอบกุมทรวงอวบไว้ในอุ้งมือแบบเต็มกำมือราวกับเป็นเจ้าของ ใบหน้างามเห่อร้อนขึ้นมาในทันที เมื่อความรู้สึกละอายเข้ามากระทบใจ
เธอปล่อยให้เขาทำอะไรๆ กับร่างกายเธอ แม้ไม่ถึงที่สุดแต่ก็ถูกเขาสัมผัสไปทั้งตัวราวกับคนไร้ยางอาย ถึงเขาจะคิดว่าเธอคือสิตาภาทว่าเธอรู้ดีว่าตัวเองกับเขาไม่เคยใกล้ชิดกันแบบนี้มาก่อน แต่ยังปล่อยให้เขาทำตามใจจนเกือบเลยเถิด ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกละอายใจตัวเอง
วาสินีดึงมือที่กอบกุมทรวงออกผลักศีรษะและร่างหนาหนักออกแรงๆ แต่คนตัวโตยังคงหลับลึกไม่ยอมปล่อยมือ
เสียงครางงึมงำในคออย่างรำคาญที่ถูกกวนใจแต่เช้าดังขึ้นเบาๆ ไม่นำพาว่าตัวเองกำลังกอดกายแนบซบกับร่างบางจนอีกฝ่ายแทบขยับไม่ได้ เขายังซุกซบถูไถใบหน้าบนความนุ่มหยุ่นจนเจ้าของขนลุกเกรียว
“ขอบคุณสำหรับความรักที่มอบให้สิตา”เธอฝืนยิ้มทั้งที่รู้สึกรวดร้าว หัวใจทำไมถึงเจ็บปวดแบบนี้ มันเร็วไปไหมกับการรู้สึกแบบนี้กับเขา หรือที่เคยได้ยินว่ารักไม่ต้องการเวลามันคือเรื่องจริง “ผมขอโทษ ขอโทษที่เคยทำร้ายคุณ” เขากล่าวคำที่อยากบอกเธอมานานหลายปีออกมาวาสินีพยักหน้าช้าๆ “มันผ่านไปแล้วค่ะ สิตาก็ทำผิดไว้กับคุณและครอบครัวของคุณมากมาย ถือว่าชดใช้ให้กันนะคะ” เธอยิ้มให้เขาโอลิเวอร์นิ่งงันกับคำตอบของเธอ ดวงตาคมมองใบหน้างามของเธอนิ่ง ในหัวนึกถึงเรื่องของสิตาภาในอดีต หญิงสาวเคยทำร้ายเขาและพี่ชายไว้ร้ายแรงนัก หลอกลวง ปั้นหน้า สร้างเรื่องโกหกสารพัด จนถึงขั้นยิงเอริกจนปางตายเธอก็ทำมาแล้ว หัวใจของเขาเจ็บปวดกับการกระทำของเธอจนแทบขาดใจตาย และกลั่นความรู้สึกเจ็บแค้นมาทำร้ายเธอในภายหลัง วูบแรกที่เจอเธอมันทั้งดีใจและปวดใจในคราเดียวกัน ทั้งรักทั้งแค้นแต่ก็ไม่อาจปล่อยเธอไป“เราจะเริ่มต้นกันใหม่นะ ให้โอกาสผมนะสินี”โอลิเวอร์ยิ้มให้เธอ ก่อนจะก้มลงมาประทับจุมพิตบนริมฝีปากอิ่มสีกุหลาบแล้วแทรกปลายลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหวานฉ่ำอย่างโหยหา เมื่อคืนเขาทนทรมานตัวเองนอนหันหลังให้เธอตลอดทั้งคืนไม่ใช่เพราะเขาโกร
หญิงสาวถอนความคิดออกจากภวังค์ แล้วรามือจากการคนเมื่อเห็นข้าวสุกจนได้ที่ โอลิเวอร์อาสาช่วยยกหม้อลงจากเตา เขาตามติดเป็นเงามานั่งข้างๆ ตอนเธอทำอาหารอย่างอื่น ทำตัวน่ารักสงบเสงี่ยมนั่งมองเธอทำนู่นนี่ด้วยความเพลิดเพลิน ไม่อาสาช่วยเพราะเธอเคยห้ามเขาไว้เมื่อวานเย็น เมื่อปรุงอาหารเสร็จก็ช่วยกันยกมาวางที่โต๊ะหน้ากระท่อมโอลิเวอร์ มองหญิงสาวช่วยคนข้าวต้มในถ้วยของเขาให้คลายร้อน เธอตักไข่เจียวใส่ให้เขา ก่อนจะส่งถ้วยที่ข้าวเริ่มเย็นให้“ค่อยๆ ทานนะคะ มันยังร้อน” วาสินีส่งข้าวต้มให้เขา ก่อนจะตักของตัวเองบ้าง“ของคุณก็ร้อน ระวังลวกปากนะ” เขาบอกอย่างห่วงใยวาสินียิ้มละมุน “ขอบคุณค่ะ” เธอตักข้าวต้มในถ้วยของตัวเองมาเป่าแรงๆ ก่อนจะเอาเข้าปาก“ไข่เจียวอร่อยดี แต่ยำกุ้งแห้งก็น่าอร่อย” เขายื่นมือไปหมายจะตัก แต่วาสินีจับมือเขาไว้ก่อน“เดี๋ยวสินีตักให้ค่ะ มันมีพริก ต้องเขี่ยออกก่อน” เธอใช้ช้อนเขี่ยพริกขี้หนูซอยไปวางข้างขอบจาน เลือกตักแต่กุ้งให้เขาแทน “เห็นเม็ดเล็กๆ แบบนี้เผ็ดจนปากพองเลยนะคะ ปกติถ้าสินีทำทานเองจะชอบตำให้ละเอียดเผ็ดถึงใจดี”โอลิเวอร์ยิ้มขอบคุณตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย รู้ส
พระอาทิตย์ทอแสงแรกแห่งวันสาดส่องผืนน้ำสีคราม สายลมอ่อนๆ พัดโชยหอบเอาไอทะเลเย็นฉ่ำกระจายไปทั่วบรรยากาศในยามเช้าบนเกาะดาวเคียงเดือนแสนสดชื่น ผืนป่าเขียวขจีอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ใบหญ้าดั่งมรกตกลางทะเล เหล่านกกาพากันออกหากินต่างโบยบินกระพือปีกส่งเสียงดังไปทั่วเกาะแห่งนี้ ในกระท่อมหลังน้อยอันเป็นที่พักของคู่แต่งงานใหม่ สองหนุ่มสาวนอนหันหลังให้กันมือสองข้างยังถูกพันธนาการด้วยปลอกข้อมือร้อยโซ่ทองเหลือง เป็นตรวนแห่งการพิสูจน์รักแท้ตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวเกาะล้อมรัก ให้คู่แต่งงานใหม่ได้เรียนรู้กันและกัน ทว่าแค่วันเดียวบ่าวสาวชาวเมืองก็พากันแตกคอนอนหันหลังให้กันเสียแล้วฝ่ายหญิงลืมตาตื่นขึ้นก่อนขยับลุกขึ้นนั่งมองคนที่นอนหลับตาหันหลังให้เธอ ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสงบอยู่ในห้วงนิทราดูละม้ายคล้ายลูกชายตัวน้อย ต่างจากยามตื่นที่มักทำให้คนถูกมองรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ มือบางยื่นไปแตะแก้มสากคายที่มีตอหนวดขึ้นเขียวครึ้มแผ่วเบา ใจคนมองอ่อนยวบลงด้วยความรู้สึกวูบไหว ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขานิ่งอยู่แบบนั้นขณะสมองคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ตั้งแต่แรกพบจวบจนถึงตอนนี้ เวลาแค่สองวันกลับเปลี่ยนชะชีวิตของเธอให้ตกอยู่ใต้เงื้อมมือของ
“หยุดพูดเลยนะ” เธอสะบัดเสียงใส่อย่างลืมตัว ก่อนจะลดเสียงลงเมื่อเห็นผู้ใหญ่สองคนหันมามอง “ฉันเกลียดผู้ชายอย่างคุณที่สุด ปากร้าย ปากเสีย ชอบใช่ไหมพูดจิกกัดคนอื่นเนี่ย”“เห้อ คนอะไร ไม่ยอมรับความจริงแล้วยังพาลเหมือนหมาบ้าอีก”โจนาธานหัวเราะหึหึ ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับคำด่าของเธอสักนิด เขาขยับเข้ามาใกล้คนขี้โมโหจงใจเบียดร่างหนากับร่างบางจนแทบจะเกยกัน“เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ลองคบกับผมดูไหมล่ะ ถ้าไม่รักไม่หลงผมในสามวัน ยินดีให้ถีบหัวส่งโดยไม่คิดค่าเสียหาย” “บ้า ! ฝันไปเถอะย่ะ ชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆ ฉันยังไม่แลตามองคุณ ไปศัลยกรรมให้หล่อเท่าพี่โอลิเวอร์แล้วหาเงินให้รวยๆ เท่าเขาก่อน แล้วค่อยมาเสนอตัวเป็นแฟนฉัน” เธอตอกกลับเขาแบบไม่ไว้หน้า“แหม ถึงผมจะไม่รวยเท่าเขา แต่ก็เลี้ยงดูคุณไม่ให้อดตายได้หรอกน่า” โจนาธานยังยิ้มได้ แม้จะโดนเปรียบเทียบแบบนั้น “และถึงผมจะไม่หล่อในสายตาคุณ แต่ผมเชื่อว่าผมทำให้คุณร้องครางใต้ร่างผมจนลืมผู้ชายคนนั้นได้ก็แล้วกัน”“คุณ! คุณมันไอ้ทุเรศ” มิเชลแทบกรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจเธอไม่น่าปล่อยให้เขามีโอกาสได้พูดจาร้ายกาจแบบนี้ นึกเจ็บใจตัวเองที่เสียท่าถูกเขามอมเมาด้วยเส
“ตอนนี้แยกไม่ได้ สักวันพอตาเอื้อโตรู้ความ คงเลือกอยู่กับเราเองค่ะ แกคงไม่อยู่กับแม่ที่เคยทำร้ายพ่อกับลุงของแกหรอก วันหนึ่งฉันจะบอกหลานเรื่องนี้” คุณอโณมาไม่ยอมแพ้“อย่าพูดเรื่องนี้กับหลานเด็ดขาด” คุณโรเบิร์ตเสียงเข้มขึ้น มองภรรยาด้วยแววตาคมดุ“ผมไม่อยากให้หลานของเรา รับรู้เรื่องไม่ดีในอดีตของพ่อแม่ ถ้าแกรู้ว่าตัวแกเกิดมาจากการข่มขืน คุณคิดดูว่ามันจะเป็นปมด้อยในใจแกแค่ไหน สิตาภาอาจจะเคยทำผิดจริง แต่โอลิเวอร์ก็ทำร้ายสิตาภาไม่น้อยกว่ากัน อย่ามองความผิดของคนอื่นเท่าภูเขาแล้วมองความผิดของลูกชายเราเท่าเม็ดฝุ่นสิคุณ”คุณโรเบิร์ตเตือนสติภรรยา ไม่ให้เอาอคติความเกลียดชังมารดาหลานชายมาสร้างรอยแผลเป็นในใจให้หลาน“คุณคิดเหรอว่าผู้หญิงลักเพศอย่างนั้นจะกลับใจได้ ฉันรู้นะว่าตาโอลิเวอร์คงไปบังคับหรือยื่นข้อเสนออะไรบางอย่างกับสิตา ไม่อย่างนั้นเลสเบี้ยนหรือจะยอมแต่งงานกับผู้ชาย” คุณอโณมาหาเรื่องมาโต้แย้งสามี“คุณจะตัดสินคนจากอดีตสิ ตอนนี้สิตาภาอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้” คุณโรเบิร์ตถอนหายใจ เหนื่อยหน่ายกับความอคติของภรรยา “ให้โอกาสสิตาภาบ้าง ถ้าไม่เห็นแก่ใครก็เห็นแก่หลานเราบ้าง อย่าปิดตาปิดใจไม่ยอมรับเพราะคว
“มิเชลมีงานค้างอยู่ค่ะ อยากรีบไปสะสาง” มิเชลหาเหตุผลมาอ้างเธอเกรงใจผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่อยากอยู่ต่อเพราะไม่ต้องการเผชิญหน้ากับโจนาธานอีก แค่ถูกเขารังแกจนแทบเสียเนื้อเสียตัวก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เธอไม่ชอบโกหกแต่ก็ไม่กล้าบอกความจริงเรื่องนี้ให้ใครรู้ ได้แต่หาทางหลบไปให้พ้นจากสถานการณ์อึดอัดนี้ก่อนคุณอโณมาส่ายหน้าไม่ยอม “ไม่เอาๆ ป้าไม่ให้หนูกลับ งานทางโน้นให้มาคัสดูแลก็ได้ อีกสองสามวันเอริกก็กลับแล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก ถ้าหนูยังไม่วางใจก็โทรสั่งงานมาคัสไว้สิ” ท่านหาทางออกให้“ป้าเขาไม่ค่อยแข็งแรง หนูช่วยเป็นเพื่อนป้าเขาหน่อยนะมิเชล ลุงเองก็ต้องช่วยป้าเขาดูแลเจ้าตัวเล็กนี่ด้วย”คุณโรเบิร์ตช่วยภรรยาเกลี้ยกล่อมมิเชลอีกแรง ท่านเห็นแววตาของหญิงสาวก็รู้ว่ามีความอึดอัดใจบางอย่างซ่อนอยู่ และรู้ดีว่าทำไมมิเชลถึงได้คิดอยากกลับ ผู้สูงวัยกว่าลอบยิ้มเมื่อนึกถึงภาพที่ท่านเห็นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนบางทีพรหมลิขิตกำลังเล่นกลกับมิเชลอยู่ คู่แท้ของเธอคงไม่ใช่โอลิเวอร์ลูกชายของท่านแต่เป็นชายหนุ่มเจ้าของเกาะแห่งนี้ก็ได้ ท่านจะขอเป็นกามเทพจับคู่สองหนุ่มสาวแข่งกับภรรยาดูสักหน คุณอโณมาอาจจะผิดหวังบ้างที่







