เข้าสู่ระบบวาสินีตัวแข็งทื่อสัมผัสถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขาที่เข้าปะทะแก้มของเธอ
หัวใจเต้นรัวก่อนจะสะดุ้งไหวจนลมหายใจสะดุดกับปลายจมูกที่กดลงบนแก้มนุ่มของตัวเอง
หน้าเห่อร้อนวาบจนขนลุกเกรียว หญิงสาวลืมตาโพลงขึ้นมาทันทีอย่างแตกตื่น
ก่อนจะนิ่งงันเมื่อสบสายตาสีฟ้าสวยของเขาที่เจือรอยร้าวราน
“คุณโอลิเวอร์...”
เธอเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว หัวใจคล้ายถูกโจมตีด้วยแววตาตัดพ้อของอีกฝ่ายจนสั่นคลอน และยิ่งสะเทือนไหวกว่าเดิมเมื่อได้ยินเขาพูดอีกว่า
“ใช่สิคุณไม่ได้ชอบผู้ชายนี่ ยิ่งผมแล้วคุณคงทั้งรังเกียจขยะแขยง คุณไม่เคยรักผม ไม่เคยรัก ไม่คิดจะรัก และไม่อยากให้ผมเข้าใกล้ใช่ไหมสิตา”
เขาเอ่ยเสียงขื่นมองเธอด้วยแววตาเจ็บช้ำ คลายอ้อมแขนที่กอดรัดออกก่อนจะพลิกตัวถอยห่างหันหลังให้ แล้วนอนนิ่งเงียบไปแบบนั้น
วาสินีหยัดกายลุกขึ้นนั่ง แม้จะหายอึดอัดจากวงแขนที่รัดรอบกาย แต่กลับวูบโหวงในใจเมื่ออ้อมแขนแกร่งได้พาความอบอุ่นไปจากกาย ดวงตาคู่สวยทอดมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่ม
คำพูดตัดพ้อของเขาทำให้เธอรู้สึกสงสารปนเห็นใจ สิตาภาทำร้ายโอลิเวอร์ไม่น้อย หลอกเขาให้รัก ใช้ความรักของเขาเป็นเครื่องมือ สุดท้ายก็ตัดรอนเขาให้เจ็บช้ำ
ตอนนี้เธอกำลังทำร้ายเขาซ้ำสองอีกใช่ไหม เขาถึงได้แสดงท่าทางเหมือนปวดร้าวแบบนั้น แค่เธอไม่ยอมให้เขากอดเพราะตื่นกลัวสัมผัสของเขา ทำให้คนใจน้อยคิดเลยเถิดไปไกล
คนอะไรตัวโตแต่ขี้ใจน้อยชะมัด...
“คุณโอลิเวอร์”
เธอลองเรียกเขาอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มยังนอนนิ่งไม่หันมาหา ทำท่าเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกของเธอ ท่าทางแบบนี้ช่างคล้ายกับเจ้าลูกชายเหลือเกิน น้องเอื้อยามถูกลงโทษหรือไม่พอใจอะไรจนงอนจัด มักจะชอบนอนหันหลังให้เธอ ไม่ยอมพูดไม่ยอมออกมาจากห้องจนกว่าเธอจะยอมไปง้อถึงจะยอมหายงอน
เด็กทำแบบนี้มันน่ารักน่าง้อ แต่ผู้ชายตัวโตๆ ทำท่าแบบนี้ เธอจะกล้าไปง้อเขายังไง วาสินีมองเขาแบบนั้นอยู่หลายนาที เมื่อเห็นว่าร่างหนาไม่ยอมหันมาสนใจก็คิดจะกลับห้อง อยากจะงอนก็ปล่อยให้งอนไปแบบนี้แหละ ดีเสียอีกเธอจะได้ปลอดภัยจากคนชอบเอาเปรียบ
“ฉันไม่ได้รังเกียจคุณนะคะ แต่ฉันแค่ไม่ชินกับการใกล้ชิดกันแบบนี้ ดึกแล้วฉันจะไปนอนกับลูก คุณก็นอนห้องนี้ไปนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
วาสินีขยับตัวเข้าไปหาคนที่นอนนิ่ง ชะโงกหน้าไปพูดใกล้ๆ ใบหูของเขาด้วยเกรงอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน ก่อนจะขยับกายเตรียมลุกออกจากเตียง แต่คนตัวโตกลับพลิกกายมาดึงร่างบางจนเซถลาล้มลงไปบนแผ่นอกหนา วงแขนแข็งแรงรัดรอบร่างบางอีกครั้ง ใบหน้าคมยื่นมาซบบนซอกคอหอมกรุ่นกระซิบข้างหูว่า
“ไม่รังเกียจผมใช่ไหม งั้นคืนนี้นอนกับผมที่นี่นะสิตา”
วาสินีเบิกตากว้างตกใจในนาทีแรกก่อนจะโมโหตัวเองที่เสียรู้คนเจ้าเล่ห์ เขาทำให้เธอเข้าใจว่าเขาน้อยใจ แต่ที่แท้มันคือแผนการเรียกร้องความสนใจของเขาต่างหาก !
“ปล่อยนะ เมื่อกี้คุณทำท่าเหมือนงอนฉัน คุณแกล้งใช่ไหม ฮึ คุณโอลิเวอร์” วาสินีต่อว่าเขาเสียงขุ่น ยกมือดันคางที่เกยบนไหล่มนออกห่าง เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาของคนเจ้าแผนการ
“คุณแคร์ผมใช่ไหมสิตา ถึงได้ไม่รีบออกไปทันทีที่ผมปล่อยคุณ”
เขายิ้มพราย เมื่อบททดสอบนั้นทำให้รู้ว่าหญิงสาวยังห่วงใยเขาอยู่ หากเธอรีบออกไปจากห้องในทันที เขาคงรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แต่เธอกลับอยู่รอและบอกเขาว่าไม่ได้รังเกียจ ความหวังริบหรี่โชนแสงขึ้นมาในหัวใจมืดมิด โอลิเวอร์พลิกกายทาบทับร่างนุ่ม จ้องมองใบหน้างดงามที่ตราตรึงในหัวใจเขาด้วยแววตาลึกซึ้ง
“ฉัน...”
วาสินีสบตาคู่นั้นแล้วปฏิเสธไม่ออก ใจหนึ่งอยากพูดให้เขาเจ็บปวดแก้แค้นที่ถูกเขาหลอก แต่อีกใจกลับค้านการกระทำนี้ เมื่อนึกถึงผลที่จะตามมา
“ฉันก็แค่... แค่ไม่อยากให้คุณโกรธฉัน” เธอเลือกตอบแบบนี้แทน
“ผมก็ไม่ได้โกรธคุณนี่ ”
โอลิเวอร์แสร้งตีหน้านิ่งกลบเกลื่อนอาการขบขัน เมื่อได้ยินหญิงสาวในอ้อมแขนตอบไม่เต็มเสียง คล้ายเจ้าตัวประหม่า สิตาภาในอดีตไม่เคยเขินอายจนหน้าแดงแบบนี้ ไม่เคยพูดไม่เต็มคำเหมือนคนขาดความมั่นใจมาก่อน ยิ่งกิริยาห่วงหาอาทรแบบนี้ยิ่งไม่เคยได้สัมผัส เวลาห้าปีเปลี่ยนสิตาภาให้กลายเป็นผู้หญิงที่น่ารักแบบนี้เชียวหรือ
ชายหนุ่มรู้สึกสะกิดใจขึ้นมา แต่เมื่อร่างน้อยในอ้อมกอดดิ้นยุกยิกผิวนุ่มๆ กลิ่นกายหอมๆ ก่อเร้าอารมณ์บางอย่างให้ประทุขึ้นในกาย จนเรื่องกังขามลายหายไปจากความคิด มีเพียงความปรารถนาถูกปลุกขึ้นมาแทนที่
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ ไหนคุณสัญญาว่าจะไม่รังแกฉันไงคะ เราตกลงกันแล้วนะคะ” วาสินีพยายามใช้ไม่นวมเข้าสู้
“ผมก็ไม่ได้ทำผิดสัญญานี่ คุณอนุญาตให้ผมกอดหอมคุณได้นะ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ลดใบหน้าลงมาจนเกือบชิด
วาสินียกมือขึ้นยันแผงอกหนาไว้ “ความจริงแล้วข้อตกลงของเรามีผลหลังการแต่งงาน ตอนนี้ไม่ถือว่าอยู่ในข้อตกลง คุณอย่าโมเมสิ”
เธอท้วงเสียงสั่น ลมหายใจเริ่มติดขัดอีกครั้งเมื่อเห็นริมฝีปากหยักสวยเคลื่อนมาใกล้
“ถ้าอย่างนั้นขอกูดไนท์คิสได้ไหม” คนเจ้าเล่ห์ต่อรอง
ศีรษะได้รูปส่ายไปมาปฏิเสธเร็วรี่ “ไม่ได้ ไม่เอา ฉันเป็นคนไทยไม่มีธรรมเนียมแบบนั้น อุ๊บ!”
คำปฏิเสธไม่ทันพ้นจากคอหมดทั้งประโยค วาสินีต้องต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อริมฝีปากของเขาทาบลงบนเรียวปากบดจุมพิตร้อนแรงจนตั้งตัวไม่ติด ดูดดึงความหวานล้ำจากริมฝีปากอิ่มที่ให้ความรู้สึกอ่อนหวานละม้ายลูกอมรสโปรด มือหนาสอดใต้ต้นคอขณะอาศัยช่วงจังหวะที่เธอเผยอปากดวยความตกใจสอดปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากนุ่มหวาน
วาสินีตกตะลึงชั่วครู่ก่อนจะถูกคนชำนาญการต้อนให้ติดกับดักเสน่หาด้วยจุมพิตกระชากวิญญาณ หลงลืมต่อต้านขัดขืนไปชั่วครู่ ถูกเขามอมเมาจนสติหล่นกระจาย เมื่อฝ่ามือหนาลูบไล้เคล้าคลึงทรวงนุ่มที่ถูกเขาแหวกชุดคลุมออกแล้วสอดมือเข้าไปสัมผัสความนุ่มหยุ่นภายในที่ไร้ปราการปกป้อง
โอลิเวอร์หรี่ตาขึ้นมองใบหน้างามที่กำลังหลุดความควบคุม แก้มนวลแดงซ่าน เสียงลมหายใจหอบถี่จนเกรงว่าจะขาดอากาศหายใจ ชายหนุ่มผละริมฝีปากออกจากการประกบปิดเปลี่ยนมาดูดดื่มกับริมฝีปากล่างอิ่มย้อยของเธออย่างหลงไหล ละเลียดชิมกลีบปากทั้งบนและล่างอย่างใจเย็น
ผ่อนปรนให้คนขาดประสบการณ์ได้มีโอกาสพาอ๊อกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้น ขณะเคลื่อนมือขยำเคล้าคลึงความนุ่มนิ่มราวกับก้อนแป้งขนมปังที่ผสมจนขึ้นฟู พร้อมให้นวดคลึงเตรียมเข้าเต้าอบ มือข้างหนึ่งปลดสายรัดช่วงเอวของชุดคลุมออก แหวกมันให้เปิดกว้างจนเห็นชุดนอนบางใส เขาผละจูบออกเงยหน้าขึ้นเพื่อจะมองร่างงามให้ชัดเจน
ชุดนอนของเธอมันช่างโปรงบางแสนเซ็กซี่จนแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ดวงตาสีฟ้าทอประกายวาววามเมื่อเห็นความงดงามของเรือนกายขาวผ่องกระจ่างตา ทรวงอวบผลิพุ่งชูชันเห็นรูปทรงกลมสวยคล้ายดอกบัวตูม เอวเล็กคอด หน้าท้องแบนเรียบไร้ไขมันส่วนเกิน
สายตาเลื่อนต่ำลงมาจนพบเนินสามเหลี่ยมอวบอูมไร้อาภรณ์ผืนน้อยหุ้มห่อเช่นเดียวกันช่วงบน เขาไม่รู้มาก่อนว่าเธอไม่ชอบนุ่งชั้นในเวลานอน ห้าปีไม่ทำให้รูปร่างของเธอเปลี่ยนไป
การมีเจ้าตัวน้อยก็ไม่ทำให้เธอเสียทรงจนอ้วนแผละแต่อย่างใด โอลิเวอร์กวาดสายตาสำรวจร่างงามอย่างหลงไหล
ใจหนุ่มเต้นแรงรัวด้วยความรู้สึกร้อนผ่าวที่กำลังแล่นไปทั่วร่าง ความเป็นชายปวดร้าวจนไม่อาจต้านความอหังการ์ได้
“ขอบคุณสำหรับความรักที่มอบให้สิตา”เธอฝืนยิ้มทั้งที่รู้สึกรวดร้าว หัวใจทำไมถึงเจ็บปวดแบบนี้ มันเร็วไปไหมกับการรู้สึกแบบนี้กับเขา หรือที่เคยได้ยินว่ารักไม่ต้องการเวลามันคือเรื่องจริง “ผมขอโทษ ขอโทษที่เคยทำร้ายคุณ” เขากล่าวคำที่อยากบอกเธอมานานหลายปีออกมาวาสินีพยักหน้าช้าๆ “มันผ่านไปแล้วค่ะ สิตาก็ทำผิดไว้กับคุณและครอบครัวของคุณมากมาย ถือว่าชดใช้ให้กันนะคะ” เธอยิ้มให้เขาโอลิเวอร์นิ่งงันกับคำตอบของเธอ ดวงตาคมมองใบหน้างามของเธอนิ่ง ในหัวนึกถึงเรื่องของสิตาภาในอดีต หญิงสาวเคยทำร้ายเขาและพี่ชายไว้ร้ายแรงนัก หลอกลวง ปั้นหน้า สร้างเรื่องโกหกสารพัด จนถึงขั้นยิงเอริกจนปางตายเธอก็ทำมาแล้ว หัวใจของเขาเจ็บปวดกับการกระทำของเธอจนแทบขาดใจตาย และกลั่นความรู้สึกเจ็บแค้นมาทำร้ายเธอในภายหลัง วูบแรกที่เจอเธอมันทั้งดีใจและปวดใจในคราเดียวกัน ทั้งรักทั้งแค้นแต่ก็ไม่อาจปล่อยเธอไป“เราจะเริ่มต้นกันใหม่นะ ให้โอกาสผมนะสินี”โอลิเวอร์ยิ้มให้เธอ ก่อนจะก้มลงมาประทับจุมพิตบนริมฝีปากอิ่มสีกุหลาบแล้วแทรกปลายลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหวานฉ่ำอย่างโหยหา เมื่อคืนเขาทนทรมานตัวเองนอนหันหลังให้เธอตลอดทั้งคืนไม่ใช่เพราะเขาโกร
หญิงสาวถอนความคิดออกจากภวังค์ แล้วรามือจากการคนเมื่อเห็นข้าวสุกจนได้ที่ โอลิเวอร์อาสาช่วยยกหม้อลงจากเตา เขาตามติดเป็นเงามานั่งข้างๆ ตอนเธอทำอาหารอย่างอื่น ทำตัวน่ารักสงบเสงี่ยมนั่งมองเธอทำนู่นนี่ด้วยความเพลิดเพลิน ไม่อาสาช่วยเพราะเธอเคยห้ามเขาไว้เมื่อวานเย็น เมื่อปรุงอาหารเสร็จก็ช่วยกันยกมาวางที่โต๊ะหน้ากระท่อมโอลิเวอร์ มองหญิงสาวช่วยคนข้าวต้มในถ้วยของเขาให้คลายร้อน เธอตักไข่เจียวใส่ให้เขา ก่อนจะส่งถ้วยที่ข้าวเริ่มเย็นให้“ค่อยๆ ทานนะคะ มันยังร้อน” วาสินีส่งข้าวต้มให้เขา ก่อนจะตักของตัวเองบ้าง“ของคุณก็ร้อน ระวังลวกปากนะ” เขาบอกอย่างห่วงใยวาสินียิ้มละมุน “ขอบคุณค่ะ” เธอตักข้าวต้มในถ้วยของตัวเองมาเป่าแรงๆ ก่อนจะเอาเข้าปาก“ไข่เจียวอร่อยดี แต่ยำกุ้งแห้งก็น่าอร่อย” เขายื่นมือไปหมายจะตัก แต่วาสินีจับมือเขาไว้ก่อน“เดี๋ยวสินีตักให้ค่ะ มันมีพริก ต้องเขี่ยออกก่อน” เธอใช้ช้อนเขี่ยพริกขี้หนูซอยไปวางข้างขอบจาน เลือกตักแต่กุ้งให้เขาแทน “เห็นเม็ดเล็กๆ แบบนี้เผ็ดจนปากพองเลยนะคะ ปกติถ้าสินีทำทานเองจะชอบตำให้ละเอียดเผ็ดถึงใจดี”โอลิเวอร์ยิ้มขอบคุณตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย รู้ส
พระอาทิตย์ทอแสงแรกแห่งวันสาดส่องผืนน้ำสีคราม สายลมอ่อนๆ พัดโชยหอบเอาไอทะเลเย็นฉ่ำกระจายไปทั่วบรรยากาศในยามเช้าบนเกาะดาวเคียงเดือนแสนสดชื่น ผืนป่าเขียวขจีอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ใบหญ้าดั่งมรกตกลางทะเล เหล่านกกาพากันออกหากินต่างโบยบินกระพือปีกส่งเสียงดังไปทั่วเกาะแห่งนี้ ในกระท่อมหลังน้อยอันเป็นที่พักของคู่แต่งงานใหม่ สองหนุ่มสาวนอนหันหลังให้กันมือสองข้างยังถูกพันธนาการด้วยปลอกข้อมือร้อยโซ่ทองเหลือง เป็นตรวนแห่งการพิสูจน์รักแท้ตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวเกาะล้อมรัก ให้คู่แต่งงานใหม่ได้เรียนรู้กันและกัน ทว่าแค่วันเดียวบ่าวสาวชาวเมืองก็พากันแตกคอนอนหันหลังให้กันเสียแล้วฝ่ายหญิงลืมตาตื่นขึ้นก่อนขยับลุกขึ้นนั่งมองคนที่นอนหลับตาหันหลังให้เธอ ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสงบอยู่ในห้วงนิทราดูละม้ายคล้ายลูกชายตัวน้อย ต่างจากยามตื่นที่มักทำให้คนถูกมองรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ มือบางยื่นไปแตะแก้มสากคายที่มีตอหนวดขึ้นเขียวครึ้มแผ่วเบา ใจคนมองอ่อนยวบลงด้วยความรู้สึกวูบไหว ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขานิ่งอยู่แบบนั้นขณะสมองคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ตั้งแต่แรกพบจวบจนถึงตอนนี้ เวลาแค่สองวันกลับเปลี่ยนชะชีวิตของเธอให้ตกอยู่ใต้เงื้อมมือของ
“หยุดพูดเลยนะ” เธอสะบัดเสียงใส่อย่างลืมตัว ก่อนจะลดเสียงลงเมื่อเห็นผู้ใหญ่สองคนหันมามอง “ฉันเกลียดผู้ชายอย่างคุณที่สุด ปากร้าย ปากเสีย ชอบใช่ไหมพูดจิกกัดคนอื่นเนี่ย”“เห้อ คนอะไร ไม่ยอมรับความจริงแล้วยังพาลเหมือนหมาบ้าอีก”โจนาธานหัวเราะหึหึ ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับคำด่าของเธอสักนิด เขาขยับเข้ามาใกล้คนขี้โมโหจงใจเบียดร่างหนากับร่างบางจนแทบจะเกยกัน“เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ลองคบกับผมดูไหมล่ะ ถ้าไม่รักไม่หลงผมในสามวัน ยินดีให้ถีบหัวส่งโดยไม่คิดค่าเสียหาย” “บ้า ! ฝันไปเถอะย่ะ ชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆ ฉันยังไม่แลตามองคุณ ไปศัลยกรรมให้หล่อเท่าพี่โอลิเวอร์แล้วหาเงินให้รวยๆ เท่าเขาก่อน แล้วค่อยมาเสนอตัวเป็นแฟนฉัน” เธอตอกกลับเขาแบบไม่ไว้หน้า“แหม ถึงผมจะไม่รวยเท่าเขา แต่ก็เลี้ยงดูคุณไม่ให้อดตายได้หรอกน่า” โจนาธานยังยิ้มได้ แม้จะโดนเปรียบเทียบแบบนั้น “และถึงผมจะไม่หล่อในสายตาคุณ แต่ผมเชื่อว่าผมทำให้คุณร้องครางใต้ร่างผมจนลืมผู้ชายคนนั้นได้ก็แล้วกัน”“คุณ! คุณมันไอ้ทุเรศ” มิเชลแทบกรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจเธอไม่น่าปล่อยให้เขามีโอกาสได้พูดจาร้ายกาจแบบนี้ นึกเจ็บใจตัวเองที่เสียท่าถูกเขามอมเมาด้วยเส
“ตอนนี้แยกไม่ได้ สักวันพอตาเอื้อโตรู้ความ คงเลือกอยู่กับเราเองค่ะ แกคงไม่อยู่กับแม่ที่เคยทำร้ายพ่อกับลุงของแกหรอก วันหนึ่งฉันจะบอกหลานเรื่องนี้” คุณอโณมาไม่ยอมแพ้“อย่าพูดเรื่องนี้กับหลานเด็ดขาด” คุณโรเบิร์ตเสียงเข้มขึ้น มองภรรยาด้วยแววตาคมดุ“ผมไม่อยากให้หลานของเรา รับรู้เรื่องไม่ดีในอดีตของพ่อแม่ ถ้าแกรู้ว่าตัวแกเกิดมาจากการข่มขืน คุณคิดดูว่ามันจะเป็นปมด้อยในใจแกแค่ไหน สิตาภาอาจจะเคยทำผิดจริง แต่โอลิเวอร์ก็ทำร้ายสิตาภาไม่น้อยกว่ากัน อย่ามองความผิดของคนอื่นเท่าภูเขาแล้วมองความผิดของลูกชายเราเท่าเม็ดฝุ่นสิคุณ”คุณโรเบิร์ตเตือนสติภรรยา ไม่ให้เอาอคติความเกลียดชังมารดาหลานชายมาสร้างรอยแผลเป็นในใจให้หลาน“คุณคิดเหรอว่าผู้หญิงลักเพศอย่างนั้นจะกลับใจได้ ฉันรู้นะว่าตาโอลิเวอร์คงไปบังคับหรือยื่นข้อเสนออะไรบางอย่างกับสิตา ไม่อย่างนั้นเลสเบี้ยนหรือจะยอมแต่งงานกับผู้ชาย” คุณอโณมาหาเรื่องมาโต้แย้งสามี“คุณจะตัดสินคนจากอดีตสิ ตอนนี้สิตาภาอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้” คุณโรเบิร์ตถอนหายใจ เหนื่อยหน่ายกับความอคติของภรรยา “ให้โอกาสสิตาภาบ้าง ถ้าไม่เห็นแก่ใครก็เห็นแก่หลานเราบ้าง อย่าปิดตาปิดใจไม่ยอมรับเพราะคว
“มิเชลมีงานค้างอยู่ค่ะ อยากรีบไปสะสาง” มิเชลหาเหตุผลมาอ้างเธอเกรงใจผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่อยากอยู่ต่อเพราะไม่ต้องการเผชิญหน้ากับโจนาธานอีก แค่ถูกเขารังแกจนแทบเสียเนื้อเสียตัวก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เธอไม่ชอบโกหกแต่ก็ไม่กล้าบอกความจริงเรื่องนี้ให้ใครรู้ ได้แต่หาทางหลบไปให้พ้นจากสถานการณ์อึดอัดนี้ก่อนคุณอโณมาส่ายหน้าไม่ยอม “ไม่เอาๆ ป้าไม่ให้หนูกลับ งานทางโน้นให้มาคัสดูแลก็ได้ อีกสองสามวันเอริกก็กลับแล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก ถ้าหนูยังไม่วางใจก็โทรสั่งงานมาคัสไว้สิ” ท่านหาทางออกให้“ป้าเขาไม่ค่อยแข็งแรง หนูช่วยเป็นเพื่อนป้าเขาหน่อยนะมิเชล ลุงเองก็ต้องช่วยป้าเขาดูแลเจ้าตัวเล็กนี่ด้วย”คุณโรเบิร์ตช่วยภรรยาเกลี้ยกล่อมมิเชลอีกแรง ท่านเห็นแววตาของหญิงสาวก็รู้ว่ามีความอึดอัดใจบางอย่างซ่อนอยู่ และรู้ดีว่าทำไมมิเชลถึงได้คิดอยากกลับ ผู้สูงวัยกว่าลอบยิ้มเมื่อนึกถึงภาพที่ท่านเห็นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนบางทีพรหมลิขิตกำลังเล่นกลกับมิเชลอยู่ คู่แท้ของเธอคงไม่ใช่โอลิเวอร์ลูกชายของท่านแต่เป็นชายหนุ่มเจ้าของเกาะแห่งนี้ก็ได้ ท่านจะขอเป็นกามเทพจับคู่สองหนุ่มสาวแข่งกับภรรยาดูสักหน คุณอโณมาอาจจะผิดหวังบ้างที่







