ซาตานผลาญรัก เรื่องในที่ 2 ในซีรี่ส์เสน่หาเริงไฟ ต่อจากอาญาจอมมาร โอลิเวอร์ เมดิสัน คือทายาทคนรองของตระกูลเมดิสัน ในอดีตเพราะความรักทำให้เขากลายเป็นคนโง่ จนถูกหญิงสาวนามว่าสิตาภาหลอกใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายพี่ชายและพี่สะใภ้ บทเรียนครั้งนั้นทำให้เทพบุตรแสนดีกลายร่างเป็นซาตานไร้หัวใจ ห้าปีผ่านไปเขาได้พบผู้หญิงที่เคยทำร้ายหัวใจเขาอีกครั้ง ความรักที่เคยคิดว่าจางหายไปจากใจ แท้จริงแล้ว มันไม่เคยเหือดหายไปตามกาลเวลา เมื่อเจอเธออีกครั้ง เขาจึงขอทวงคืนหัวใจตัวเองและทายาทของเขาที่ติดท้องเธอไป เธอทำให้เขาเจ็บ เธอต้องชดใช้ความผิดนี้ !
View MoreBagian 1
“Mas, aku pinjam hapemu, ya!” teriakku pada Mas Zaki saat dia baru saja masuk kamar mandi.
“Ya!” Jeritan itu membuatku segera menyambar ponsel milik Mas Zaki yang tergeletak begitu saja di atas nakas. Kebetulan, ponselku baru saja mati sebab habis daya. Sementara aku, masih ingin melanjutkan menonton video-video tutorial make up di YouTube.
Saat aku sedang memainkan ponsel Mas Zaki, tiba-tiba sebuah pesan masuk ke W******p-nya. Terlihat di jendela notifikasi bahwa Ibun, mertuaku, yang mengirimi pesan. Penasaran, aku langsung membuka pesan tersebut. Betapa tercengangnya diriku saat membaca pesan itu.
[Zak, tolong transferin Ibun dua juta. Sekarang.]
Napasku seketika memburu. Dua juta? Banyak sekali? Padahal, setahuku awal bulan kemarin saat gajian, Mas Zaki sudah mengirimkan jatah bulanan pada Ibun sebanyak satu setengah juta. Dan yang membuatku makin tambah deg-degan adalah history chat dari Ibun bersih. Pesan ini adalah pesan pertama yang diterima oleh Mas Zaki dari mamanya yang tinggal hanya sejauh 40 kilometer saja dari sini.
“Kenapa pesan-pesannya pada dihapus? Apa … Ibun memang sering minta uang?” gumamku pada diri sendiri. Adakah hal yang selama ini Mas Zaki sembunyikan dariku? Namun, kurasa mustahil. Setahun menikah, sepertinya kami sudah saling terbuka. Hanya saja, aku memang jarang membaca chat-chat di ponsel suamiku. Saat pinjam ponsel, aku hanya menggunakannya untuk buka YouTube atau berswa foto untuk diunggah ke Instagramku.
Agak gugup, kuberanikan diri untuk membalas pesan tersebut. Rasa-rasanya, Mas Zaki pasti tak akan marah apabila kusahut Ibun lewat chat. Daripada membuat wanita itu menunggu, kan?
[Buat apa, Bun?]
Pesan itu langsung centang dua biru. Aku tentu saja terperangah. Cepat sekali respon Ibun, pikirku. Berbeda apabila aku yang mengirim pesan. Kalau tidak dibalas sejam kemudian, keseringannya besok hari. Sekali lagi, aku merasa bahwa semua ini janggal. Apakah ada yang kulewatkan dari Mas Zaki maupun keluarganya dalam setahun belakangan?
[Lho, kamu kok, lancang? Tumben sekali nanya-nanya buat apa segala?]
Ulu hatiku ngilu. Mertua yang kunilai pendiam dan tak banyak tingkah itu ternyata begini sifat aslinya saat berhadapan langsung dengan Mas Zaki. Tak kuduga …. Apakah selama ini aku memang sedang menonton sandiwara?
[Maaf, Bun. Uang di ATM soalnya sudah tipis.]
Jawabanku tentu akan membuat Ibun marah. Namun, aku lebih tersulut emosi lagi sebab bagiku uang dua juta itu bukanlah hal yang kecil! Gaji Mas Zaki hanya empat juta. Semua kebutuhan bukan hanya dia yang 100% menopang, tetapi aku juga ikut membantu. Usaha berjualan masker organik dan jamu tradisional yang kupasarkan secara online menghasilkan rupiah yang lumayan. Meski tak menentu per bulannya, setidaknya masih bisa untuk beli token listrik dan bayar wifi. Sekarang, saat tengah bulan begini, Ibun malah seenaknya minta dua juta tanpa tahu alasannya untuk apa. Keterlaluan kalau menurutku.
[Dasar anak durhaka! Pasti ini hasutan istrimu, kan? Jangan menyesal kalau rumah tangga kalian bakal hancur karena kepelitan yang sudah kamu buat!]
Kepalaku seketika pening. Pandangan mata ini mendadak kabur. Hipotensi menyebabkan aku mudah oleng, apalagi jika dalam kondisi syok. Ya Allah, Ibun … kupikir beliau lembut dan penyayang. Apalagi jika kami menginap di sana. Jangankan mengomel, membunuh semut pun dia enggan. Apakah ini sisi gelapnya yang tak pernah kutahu?
Buru-buru kukeluarkan jendela pesan itu. Aku beralih ke status W* dari kontak yang tersimpan di ponsel suamiku. Feelingku kuat mengatakan, bahwa pastinya ada kejutan lain di sana.
Benar saja. Ibun baru saja mengirimkan status dua detik lalu. Aku terkejut bukan main sebab Ibu selama ini tak pernah terlihat memasang status di W******p-ku. Jangan-jangan … selama ini aku disembunyikan dari melihat statusnya?
[Ya sudah, nggak apa-apa! Lihat saja nanti. Kalau sudah pisah, pasti akan balik ke orangtua juga. Semoga Allah menghukum kalian!]
“Ven, kenapa bengong begitu?” Suara bass milik Mas Zaki yang tengah menggosok kepala basahnya dengan handuk putih menggema memenuhi telinga. Membuatku sontak makin terhenyak.
“Kok, kamu kaya orang syok gitu?” Mas Zaki menatapku aneh. Pria yang mengenakan handuk warna merah yang menutupi bagian auratnya itu lalu menyambar ponselnya dari pangkuanku.
“Kenapa, sih?” tanyanya lagi dengan suara yang penasaran. Lelaki bertubuh tinggi dengan kulit sawo matang dan brewok tipis itu kemudian duduk di sampingku. Bahkan, untuk sekadar menarik napas pun aku sulit sekali saking takutnya.
“Ibun? Astaga? Apa yang kamu balas ke Ibun, Ven? Kenapa bahasamu seperti ini?!” Suara Mas Zaki menggelegar. Membuatku serasa ingin terkena serangan jantung saja supaya tak harus menjawab pertanyaannya.
Setahun kami menikah, sore inilah kulihat mata suamiku membeliak besar. Mukanya langsung berubah merah. Terlebih suaranya yang mencelat seperti suara halilintar. Mas, Ibun … apakah kalian selama ini hanya bersandiwara di depanku?
“ลูก... ลูกมองเราอยู่” วาสินีบอกเสียงสั่น เมินหน้าหลบสายตาของเขาอย่างอับอาย“เราออกไปหาลูกกันเถอะ ผมจะพาคุณไปหาพี่เอริกกับไอรีนด้วย” โอลิเวอร์ถอนหายใจแรงๆ ไล่อารมณ์คุคลั่งในกายทิ้ง เขาต้องบ้าแน่ๆ หากอยู่สองต่อสองกับเธอแบบนี้“ไปสิคะ คุณปล่อยฉันก่อนได้ไหมคะ”วาสินีดึงมือออกจากต้นคอเขาขยับตัวถอยห่าง แล้วเดินก้มหน้างุดๆ ออกมาก่อน เจ้าตัวน้อยยืนยิ้มเผล่รออยู่หน้าสนามหญ้า หลังจากแอบมองพ่อแม่หวานแหววกันจนพอใจ“น้องเอื้อ... หิวข้าวไหมลูก”วาสินีแกล้งถามกลบเกลื่อนความเขินอาย เธอเผลอตัวหลงเคลิ้มไปกับพ่อของน้องเอื้อได้อย่างไร หากไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของลูก เธอคงเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ น่าขายหน้าจริงๆ“ไม่หิวครับ”เด็กชายส่ายหน้า แกมองแก้มแดงๆ ของผู้เป็นแม่อย่างชอบใจ เมื่อกี้พ่อหอมแก้มแม่แรงมาก เสียงดังฟอดๆ แม่คงหายงอนพ่อเล้วเลยจุ๊บพ่อแบบนั้นแต่ทำไมแม่กับพ่อจุ๊บปากกันนานจัง ไม่เหมือนตอนที่แม่จุ๊บปากของแก แม่จุ๊บเร็วๆ แล้วเอาปากออก แต่กับพ่อจุ๊บกันนานมาก สงสัยจะคิดถึงกันเลยจุ๊บน้าน นาน คนเป็นลูกคิดตามประสาเด็ก“มาน้องเอื้อ พ่อจะพาไปหาคุณลุงกับคุณอานะครับ”โอลิเวอร์ตามมาหาสองแม่ลูก เขายกร่างเล็กของ
“ก็ได้ พ่อคนฉลาด” ...ฉลาดจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร วาสินีสะบัดเสียงเข้าใส่ “ฉันจะแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ฉันมีข้อตกลงบางอย่างกับคุณ”คิ้วดกหนาเลิกขึ้นสูง ดวงตาสีฟ้าสดจ้องหน้าคนพูดอย่างระแวง “ข้อเสนออะไร ถ้ามันไม่เกินความสามารถและไม่ทำให้ผมเดือดร้อน ผมอาจรับปากคุณ”“มันไม่เกินความสามารถของคุณแน่”วาสินีเริ่มทนความเจ้าอำนาจของเขาไม่ได้ ไหนสิตาภาเคยบอกว่าโอลิเวอร์แสนดี ยกย่องเธออย่างกับเจ้าหญิง ยอมให้จูงจมูกง่ายอย่างไรล่ะ ตอนนี้ผู้ชายที่สิตาภาเคยหลอกใช้เป็นเครื่องมือกลับทำท่าน่ากลัวจนไม่อยากเข้าใกล้ “ว่ามา ข้อตกลงที่คุณต้องการมีอะไรบ้าง” โอลิเวอร์กอดอก ตั้งท่ารับฟังเต็มที่ “เราจะแต่งงานกันแต่ในนามเท่านั้น ห้ามคุณล่วงเกินฉันแบบสามีภรรยาทั่วไป เอ่อ... ฉันหมายถึงห้ามคุณนอนกับฉัน” วาสินีกลั้นใจพูดออกไป ใบหน้างามแดงเรื่อเมื่อต้องเอ่ยปากพูดถึงเรื่องลึกซึ้งแบบนี้ “ผมเข้าใจ คุณเป็นเลสเบี้ยนไม่ชอบนอนกับผู้ชายอยู่แล้วนี่ ผมไม่ฝืนใจคุณหรอก เราจะอยู่ด้วยกันในฐานะพ่อแม่ของน้องเอื้อเท่านั้น เรื่องบนเตียงผมจะไม่ยุ่งกับคุณ”โอลิเวอร์พยักหน้ายอมรับ เขาเข้าใจว่
“พ่อใส่ชื่อพ่อของเจ้าเอื้อว่า โอลิเวอร์ เมดิสันไปแล้ว อย่าบอกสิตาให้รู้นะ ไม่อย่างนั้นมันจะอาละวาดพ่อ มันเกลียดผู้ชายคนนั้นมาก แต่เจ้าเอื้อควรได้รับสิทธิ์ตามชาติกำเนิดของแก ไอ้คนเป็นพ่อของมันต้องชดใช้ให้ลูกชายที่มันทำให้เกิดมา” นายชาญชัยลงชื่อบิดาในใบเกิดของหลานชายตามจริง ด้วยหวังในทรัพย์มหาศาลของตระกูลเมดิสัน ซึ่งจะต้องต้องเป็นของหลานชายในอนาคต โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังสร้างปัญหาให้วาสินีด้านสิทธิ์ในการเลี้ยงดูน้องเอื้อ“เวลาแม่งอนถ้าจะให้หาย พ่อต้องกอดแม่แน่นๆ แล้วก็หอมแก้มแรงๆ ทั้งสองแก้ม ทำแบบนั้นแม่จะหายงอนเลยครับ เชื่อเอื้อสิครับพ่อ”เจ้าตัวแสบแนะนำเคล็ดลับการง้อ ให้ผู้เป็นพ่อลองทำดู แกรู้ดีว่าต่อให้โกรธแค่ไหน แม่ก็ใจอ่อนทุกครั้งที่ถูกลูกกอดและหอม วิธีนี้น่าจะได้ผลหากคนเป็นพ่อนำไปใช้โอลิเวอร์รับฟังเคล็ดลับของลูกชายแล้วแอบขำ เจ้าตัวน้อยคงคิดตามประสาเด็กว่าทำแบบนี้แล้วแม่จะหายงอนพ่อ ซึ่งความจริงแล้วมันคงไม่ได้ผลเลยต่างหาก เขาจำต้องวางร่างเล็กของลูกชายลงบนพื้น ก้มลงกระซิบบอกแกว่า“น้องเอื้อไปเล่นข้างนอกก่อนนะลูก ขอเวลาพ่อง้อแม่ก่อนนะ ถ้าลูกอยู่ด้วยแม่จะไม่ยอมให้พ่อง้อ” เขาแสร้งบ
“พ่อ... พ่อคือพ่อโอลิเวอร์ของลูกยังไงล่ะครับ”โอลิเวอร์ผลักประตูก้าวเข้าไปหาลูกชาย เขาส่งยิ้มอบอุ่นให้เด็กน้อยที่ทำหน้าเหวอ ย่อตัวอ้าแขนออกสบตาสีเดียวกันแล้วพยักหน้าให้ น้องเอื้อนิ่งมองอยู่ครู่หนึ่งริมฝีปากสีสดเบะออกก่อนจะโผเข้าหาอ้อมกอดที่แกรอคอยมาทั้งชีวิต พร้อมกับปล่อยโฮลั่น“คุณพ่อ ฮือ... คุณพ่อเป็นพ่อโอลิเวอร์ของเอื้อจริงๆนะครับ” เจ้าตัวซุกหน้ากับอกอุ่น สองแขนกอดรัดลำตัวหนาไว้แน่น เมื่อถูกกอดรัดตอบหัวใจดวงน้อยก็พองโต น้ำตาไหลพรากออกมาแบบยั้งไม่อยู่ “น้องเอื้อรอคุณพ่อ น้องเอื้ออยากไปหาคุณพ่อ ฮือ... แม่สินีบอกว่าคุณพ่อทำงานอยู่เมืองนอกไกลมาก”โอลิเวอร์ตื้อในอกขอบตาร้อนผ่าวน้ำตาซึมเขากอดรัดร่างน้อยแนบอก มือข้างหนึ่งลูบแผ่นหลังที่กำลังสั่นสะท้านจากแรงสะอื้นอย่างเวทนา สิตาภาหลอกลูกว่าเขาอยู่ไกล ปล่อยให้ลูกโหยหาอ้อมกอดของคนเป็นพ่ออยู่นานหลายปี หากไม่บังเอิญเจอสองแม่ลูกเขาคงไม่รู้ว่ามีดวงใจน้อยดวงนี้เฝ้ารออยู่ และลูกก็คงจะรอพ่อเก้ออยู่นานแสนนาน อาจจะนานจนแกเติบใหญ่โดยที่เขาไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้ได้อุ้มชูสายเลือดในอก สายเลือดที่ติดท้องเธอไปในวันที่เขาพร่าผลาญร่างกายเธอ โอลิเวอร์สะท้อนในใจ
หญิงสาวเดินออกจากรถไปเปิดประตูห้องพัก เธอยังคงเหม่อลอยจ่อมจมในความคิดของตัวเองจนไม่สังเกตเห็นว่าเขาตามเธอไปด้านหลัง โอลิเวอร์ตะครุบร่างงามกอดรัดไว้แน่น ขณะลากดึงเธอเข้าไปด้านใน“คุณ คุณฟื้นแล้วเหรอ ปล่อยนะจะทำอะไรฉัน” สิตาภาสะบัดแขนเร่าๆ พยายามดิ้นหนีให้หลุดจากการจับกุมของโอลิเวอร์ เธอมัวแต่คร่ำครวญจนไม่ทันสังเกตเห็นว่าเขาฟื้นแล้ว เพราะตกใจจนขวัญบินเธอถึงได้ขับรถหนีมาโดยมีเขาติดรถมาด้วย หากสติไม่หลุดสิตาภาคงโยนเขาทิ้งกลางทางไปแล้ว“ทำอะไรเหรอ ก็ลงโทษผู้หญิงร้ายกาจอย่างเธอน่ะสิ” เขาคำรามเสียงเข้ม ขณะอุ้มกึ่งลากพาตัวเธอมาโยนไว้บนที่นอน ก่อนจะโถมกายกักร่างงามไว้ใต้ร่างหนา จับข้อมือบางกดตรึงไว้กับที่นอน ดวงตาคมจ้องใบหน้าของเธอด้วยแววตาวาวกล้า “อย่านะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ปล่อยฉันเถอะโอลิเวอร์” สิตาภาสั่นไปทั้งตัว หวาดกลัวท่าทีคุกคามของเขา ภาวนาอย่าให้เขาทำอะไรแบบที่เธอกลัวเลย “ผมไม่ยกโทษให้คนที่ทำให้ผมกลายเป็นคนโง่หรอกสิตา” โอลิเวอร์แค่นยิ้มหยัน มองร่างงามของเธอด้วยแววตาหยามเหยียด ทั้งรักทั้งแค้นในอกจนแทบจะระเบิด “คุณไม่ได้รักผมใช่ไหม คุณเกลียดผู้ชายและชอบเล่นรักกับผู
Comments