“หมอเยว่ท่านมาแล้ว นายท่านกำลังรออยู่ข้างในขอรับ”เยว่อวิ๋นพยักหน้ารับ นางทักทายเฉียนซานอย่างคุ้นเคย ก่อนจะหันไปถามแม่สามีเชิงขอความเห็น “ท่านแม่ข้าจะเข้าไปคุยธุระกับท่านกู้อาจเสียเวลาสักหน่อย ท่านจะรอที่นี่ก่อน หรือว่าให้สืออิงพาท่านไปร้านเครื่องประดับก่อนดีเจ้าคะ”มู่หรงเซียนที่มาก็เพื่อเกาะติดลูก
แม้ว่าข้ออ้างนี้จะถูกมู่หรงเซียนนำมาใช้อย่างส่งๆ ทว่ากลับทำให้แม่นมเซียงเกิดความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง นางมั่นใจว่าเหตุผลที่องค์หยิงใหญ่ให้ความเมตตาต่อตัวเอง ต้องเป็นเพราะพอใจที่นางออกความเห็นเรื่องของเยว่ซื่อเป็นแน่ไม่อย่างนั้นในหมู่คนติดตามทำไมจึงมีแค่นางที่ได้พักกันเล่า...และความเข้าใจผิดนี้เอง
สิ้นเสียงคำสั่งเรียบง่าย ค่ำคืนดึกสงัดก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น องค์หญิงใหญ่มองภาพฉากนองเลือดเบื้องหน้าด้วยสายตาเย็นชา เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่เย็นเยือกไม่แพ้กัน“หักขาลูกชายนางทั้งคู่ทิ้งเสีย ส่วนคนที่เหลือก็ตีให้หลาบจำ อนาคตหากพวกเจ้ากล้าไปปรากฏตัวต่อหน้าฉงเอ๋อร์ของข้า ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้
“เสี่ยวอวี้ตัวอุ่นมากเลยนะเจ้าคะ ถ้าได้กอดตอนนอนรับรองว่าจะไม่หนาวเลย ถ้าท่านย่าไม่เชื่อก็ลองถามท่านอาคนงามดูได้เจ้าค่ะ”คำพูดไร้เดียงสาของเจ้าตัวเล็กเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าผู้เป็นย่า ทว่ากลับทำให้หลีจวินหน้าแดงกว่าเดิม สุดท้ายเจ้าตัวจึงถูกท่านอาคนงามหิ้วออกไปก่อนจะทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น“ฉิงฮวน เจ
อวิ๋นเอ๋อร์ของนางเป็นถึงฮูหยินน้อยจวนองค์หญิงแท้ๆ กลับไม่มีแม้แต่เครื่องประดับให้สวมใส่สักชิ้น อย่าว่าแต่ตระกูลขุนนางชนชั้นสูงเลย แม้แต่ตระกูลพ่อค้าชนชั้นทั่วไปก็ยังไม่อัตคัดเช่นนี้“ดูจากปิ่นทองนี่ก็รู้แล้วว่าเครื่องประดับที่ขายในตำบลห่างไกลแบบนี้ ทั้งคุณภาพและความสวยงามสู้ที่ขายในเมืองหลวงไม่ได้เล
แม่สามีมาเยือนทั้งที แทนที่เขาจะให้สือจิ่วมาบอกนางล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัวสักหน่อย กลับปล่อยให้นางหอบเอาสภาพดูไม่ได้มาเจอคน ดูสิคราวนี้นางเลยไม่มีหน้าจะไปเผชิญหน้ากับใครแล้ว “ท่านไม่รู้หรือไงว่าความประทับใจแรกพบมันสำคัญแค่ไหน”เซี่ยฉงอวิ๋นถูกโยนความรับผิดชอบให้อย่างไม่ทันตั้งตัว เขาไหนเลยจะรู้ได้เล่าว