บัวบูชาเป็นลูกสาวพ่อหมอปราบผี ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของว่านชิงอีซึ่งเสียชีวิตลง แต่เธอไม่ได้มาคนเดียวน้องกุมารปิงปิงก็ดันทะลุมิติเข้ามาด้วยเช่นกัน เพราะเป็นลูกสาวหมอผีความสามารถในการปราบผีจึงติดตัวมาด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่ปราบผีแต่ต้องมาช่วยเหล่าดวงวิญญาณ ที่ต้องการความช่วยเหลือ บัวบูชาที่ไม่รู้ว่าวิชาความรู้ในการปราบผีติดตัวมาได้อย่างไร แต่ในเมื่อทะลุมิติมาแล้วก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป อย่างน้อยก็มีกุมารน้อยปิงปิงเป็นเพื่อน
View More“คุณหนูตื่นเถอะเจ้าค่ะ คุณหนู!” บัวบูชาได้ยินเสียงปลุกก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดและเริ่มรำคาญ จะเรียกทำไมหนักหนาเนี่ยะคนจะนอน! ก่อนจะรีบลืมตาขึ้นมาหมายจะด่าคนที่เรียก
“อ่าวปิงปิงมานั่งทำไมบนตัวข้า ลงไป!” “แล้วทำไมแต่งชุดเด็กจีนละวันนี้ เป็นกุมารทองต้องแต่งชุดไทย หรือว่าอยากเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว เอ้า!ข้าบอกให้ลงไป มานั่งอยู่บนตัวข้าแบบนี้มันหนักนะจะบอกให้!” บัวบูชาตาเขียวใส่น้องกุมารปิงปิง ที่ตั้งแต่เธอเกิดมาก็เจอน้องกุมารมาอยู่ที่บ้านเธอแล้ว เพราะพ่อของเธอเป็นพ่อครูร่างทรง แถมยังมีอาชีพเป็นหมอผีคอยปราบวิญญาณร้าย “คุณหนูพวกเราทะลุมิติมาอยู่ในยุคจีนโบราณเจ้าค่ะ” ปิงปิงเด็กน้อยวัยห้าขวบหน้าตาน่ารัก รีบเอ่ยบอกผู้เป็นนายสาว “ตลกละทะลุมิติ เจ้าพูดบ้าอะไร ดูซีรีย์กับแม่พี่บ่อยละสิ อินมากปะ?” บัวบูชายังคงนอนพูดเล่นกับน้องกุมารปิงปิง เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง “หากทะลุมิติมาจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น?” “ก็เรือนของท่านถูกไฟไหม้ ข้าคิดว่าอาจมีคนไม่พอใจ ที่พ่อช่วยปราบวิญญาณร้ายให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อน ก็คงเป็นเจ้าของที่ดินที่ชาวบ้านอาศัยอยู่นั่นแหละเจ้าค่ะ อยากขับไล่คนให้ย้ายด้วยการใช้วิญญาณผีไปก่อกวนพอไม่สำเร็จก็เลยใช้วิธีมาเผาเรือนหมอผีแทนเจ้าค่ะ ท่านก็เลยเสียชีวิตแล้ววิญญาณของท่านกับข้าก็ทะลุมาที่นี่เจ้าค่ะ แต่ท่านไม่ต้องกลัวข้าหยิบยามของพ่อติดมือมาด้วยเจ้าค่ะ ข้าฉลาดใช่มั้ยละเจ้าคะ” กุมารน้อยปิงปิงเอ่ยขึ้นด้วยความภูมิใจในตนเอง “แล้วตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน?” “โลงศพเจ้าค่ะ” กุมารน้อยปิงปิงเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ละ..โลงศพ!เฮ้ย!หมายความว่าตายแล้วตายอีกตายซ้ำซ้อนอย่างงั้นเหรอ?” บัวบูชาเริ่มงงกับชีวิตของตนเอง แต่ว่าตอนนี้ยังมีความรู้สึกและยังพูดได้ ก็แสดงว่ายังไม่ตาย “ท่านมาอยู่ในร่างของคุณหนูสามว่านชิงอี แต่เพราะว่านางตายแล้วท่านเลยมาสวมรอยเจ้าค่ะ” “ข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูสามว่านชิงอี! แต่ว่าร่างนี้ตายนานแค่ไหนแล้วเนี่ยะ! ดูสิผิวซีดเหมือนปลาขาดน้ำ โอ๊ย!ชีวิตของนางบัว!” บัวบูชาเริ่มโอดครวญเมื่อเริ่มสังเกตว่า ร่างกายที่นางมาอยู่นั้นซีดเซียวเกินไป คงต้องบำรุงอย่างหนักเลยทีเดียว “ท่านอย่าบ่นมากไปเลย ร่างนี้อายุแค่14หนาวเท่านั้น ท่านสามารถบำรุงและดูแลให้สวยงามได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” ปิงปิงเอ่ยให้กำลังใจ เมื่อเห็นนายสาวโอดครวญไม่หยุด “แต่ว่าทำไมเจ้าพูดภาษาเหมือนคนจีนโบราณได้ทันทีเลยละ?” “ก็ข้าไม่ใช่คนปกติทั่วไป ข้าเป็นเหมือนเด็กเทพ อีกอย่างข้าเป็นเด็กฉลาดมาก” บัวบูชาในร่างของว่านชิงอี กลอกตามองบนอีกครั้ง เจ้าเด็กนี่หลงตัวเองเหลือเกิน แต่ว่านางก็รักและสนิทกับปิงปิงมานาน โชคดีที่นางทะลุมิติมาด้วยกับนาง ไม่เช่นนั้นนางคงจะเหงามาก เสียงพูดคุยด้านในโลงศพ ทำเอาบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงานศพ ต่างพากันมองหน้ากันเลิกลักด้วยความหวาดกลัว คุณหนูสามนางตายแล้วจริงหรือ? หากตายแล้วด้านในนั้นคืออะไร? ส่วนฮูหยินว่านมองหน้าบุตรสาวคนโตและบุตรสาวคนรองด้วยความหวาดกลัวเช่นเดียวกัน “เจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?” เสียงของฮูหยินว่านสั่นด้วยความหวาดกลัว ต้องเป็นผีว่านชิงอีแน่ๆ ในเมื่อนางตายไปแล้ว ถึงนางจะเป็นมารดาของนาง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องผีและวิญญาณนางก็หวาดกลัวเช่นกัน “ท่านแม่เหมือนเสียงนางกำลังพูดกับใครไม่รู้ในนั้น แต่ว่านางตายไปแล้วนะท่านแม่ “ว่านชิงหลานเริ่มขวัญผวาเนื้อตัวเริ่มสั่นเทาปากคอสั่น บัวบูชาไม่รู้เหตุการณ์ด้านนอกเลยสักนิด หลังจากลุกขึ้นมานั่ง ความทรงจำของร่างนี้ก็เริ่มกลับเข้ามา คุณหนูสามว่านชิงอีเป็นบุตรสาวคนที่สามของสกุลว่าน ถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงมและตามใจ จนนางกลายเป็นคนเอาแต่ใจตนเอง เพราะไม่มีใครกล้าขัดใจ เพราะบิดาคือว่านซื่อเหยียนให้ท้ายและตามใจ อีกทั้งท่านผู้เฒ่าว่านมารดาของว่านซื่อเหยียน ก็ทั้งรักและตามใจนางเช่นเดียวกัน บ่าวไพร่ในจวนพากันหวาดกลัวว่านชิงอี เพราะหากทำอะไรไม่ถูกใจ นางก็จะนำไปรายงานต่อว่านซื่อหยวนและท่านผู้เฒ่าว่าน ให้ลงโทษบ่าวผู้นั้น บัวบูชาคิดตามพฤติกรรมของร่างนี้แล้วก็ได้แต่ถอนใจ มาอยู่ในร่างของนางมารน้อยเอาแต่ใจสินะ “ปิงปิงเราจะออกไปได้อย่างไร” ว่านชิงอีเริ่มพูดเหมือนคนจีนโบราณบ้างแล้ว เมื่อสมองได้รับความทรงจำของร่างนี้กลับคืนมา “คุณหนูลองดันฝาโลงดูสิเจ้าคะข้าลองแล้วแต่เปิดไม่ออก” “เจ้านะเก่งและฉลาดทุกเรื่องแต่ว่ายกเว้นเรื่องนี้” ชิงอีได้ทีว่าเข้าให้ แต่เด็กน้อยก็ปั้นหน้ายิ้มสดใส เพราะอยู่ด้วยกันมานาน จึงรู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี พอชิงอีลองดันฝาโลงก็เลื่อนเปิดออกได้อย่างง่ายดาย อะไรกันนางแทบไม่ได้ใช้แรงเลย แค่แตะสัมผัสก็เคลื่อนฝาโลงได้เลยหรือ หรือว่า!..ร่างนี้จะมีพลังวิเศษ! “กรี๊ดดดดดด!เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวของผู้คน ในห้องไหว้เคารพศพ จากนั้นผู้คนก็พากันวิ่งหนีกันอย่างไม่คิดชีวิต ว่านชิงอีไม่สนใจก้าวขาออกมาจากโลงศพ ก่อนจะหันไปมองปิงปิงว่านางปีนออกมาได้หรือไม่ แต่ปรากฎว่านางออกมายืนข้างนางเรียบร้อยแล้ว ก่อนนางจะพากันเดินไปที่เรือนที่ร่างนี้เคยอยู่ ระหว่างเดินไปผู้คนที่เห็นนาง ก็กรีดร้องกันอย่างหวาดกลัว และวิ่งหนีคนละทิศละทาง ชิงอีมองแล้วก็หลุดขำ ตอนยังไม่ตายร่างนี้คนก็หวาดกลัวไม่อยากเข้าใกล้ พอตายแล้วฟื้นเช่นนี้คาดว่าคงกลัวเป็นสิบเท่า ว่านชิงอีเดินมาหยุดอยู่เรือนที่แสนงดงาม ดูก็รู้ว่าร่างนี้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร สาเหตุเป็นเพราะมีนักพรตได้ทำนายทายทัก ช่วงที่ฮูหยินว่านตั้งครรภ์ว่า เด็กที่จะเกิดมาจะมีบุญญาธิการสูง และผู้คนจะได้พึ่งพาบารมีของนาง และนั้นคือเหตุผลที่ทั้งบิดาและฮูหยินผู้เฒ่ารักและตามใจนางจนเกินพอดี ว่านชิงอีมองวิญญาณของร่างนี้ที่มายืนรอที่หน้าประตู ก่อนที่จะเดินเข้าไปหานางอย่างมั่นคง “เจ้าจะมาลาข้าหรือ?” วิญญาณว่านชิงอียกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าฝากครอบครัวของข้าไว้กับเจ้าด้วย ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนดีและเป็นคนที่ท่านนักพรตได้ทำนายทายทักเอาไว้ซึ่งไม่ใช่ข้า ข้าหมดวาสนาในชาตินี้แล้ว” “เจ้าไม่ต้องกังวลครอบครัวเจ้าข้าจะดูแลให้เอง ขอให้เจ้าไปสู่ภพที่ดี” สนุกไม่สนุกทักทายบอกไรท์หน่อยนะค่าาาคำผิดทักได้ทันทีเลยค่ะ 🙏🙏พอกลับมาถึงจวนว่านชิงอีก็บอกให้เสี่ยวหมาน เอาของสดที่ซื้อจากตลาดไปเก็บที่ครัว ก่อนนางและพี่สาวจะพากันเดินไปพบกับมารดาที่เรือน ว่านซูอวี้แปลกใจที่เห็นสามพี่น้องเดินมาพร้อมกัน แถมยังดูสนิทสนมกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” ว่านชิงอีเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึง ว่านซูอวี้มองนางด้วยสายตาอ่อนโยน “พวกเจ้าไปไหนกันมาหรือ?” “ไปตลาดมาเจ้าค่ะ ท่านแม่พวกข้ามีเรื่องจะปรึกษากับท่านเจ้าค่ะ” ว่านชิงหลินคุณหนูใหญ่ เริ่มเล่าเรื่องราวที่ได้พูดคุยกันกับว่านชิงอี จนยามนี้เข้าใจกันดีแล้ว แม้กระทั่งเรื่องทรัพย์สินของว่านชิงอี ที่นางยินดีเอาไปเป็นส่วนกลางเพื่อใช้จ่ายภายในครอบครัว แต่พอได้ยินเช่นนั้นว่านซูอวี้กลับกังวลและไม่สบายใจ ฮูหยินผู้เฒ่าและสามีนางต้องไม่พอใจแน่ ว่านชิงอีเห็นสีหน้ามารดาก็เข้าใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ท่านไม่ต้องกังวล เดี๋ยวข้าจะคุยกับท่านพ่อและท่านย่าเองเจ้าค่ะ ข้ามีวิธีพูดให้ท่านทั้งสองยอมแต่โดยดีเจ้าค่ะ” ว่านชิงอีเอ่ยพร้อมยกยิ้มและทำหน้าเจ้าเล่ห์ “แต่ว่าเงินเหล่านี้อาจจะช่วยสกุลเราไปได้ระยะหนึ่ง ท่านพ่อเงินเดือนก็คงไม่พอ เราต้องหารายได้ทางอื่นเพิ่ม วันนี้ข้าเดินสำรวจตลาดก
วันต่อมาว่านชิงหลินและว่านชิงหลาน ก็มาหาว่านชิงอีที่เรือน เพราะเรื่องที่นางสามารถรักษาดวงตาของเสี่ยวหมาน ทำให้ทั้งสองคลางแคลงมาก เมื่อมาถึงก็เห็นว่านชิงอีเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก การแต่งเนื้อแต่งตัวก็เปลี่ยนไปจากเดิม ผมของนางเพียงแค่ม้วนเป็นก้อนกลมๆ ตรงกลางศีรษะแล้วปักปิ่นเรียบๆ ชุดที่นางสวมใส่ของเรียบๆ ไร้สีสันเหมือนแต่ก่อน “นี่เจ้าเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกหรือ?” ชิงหลินเอ่ยถามขึ้น “เจ้าค่ะพี่ใหญ่จะไปด้วยกันหรือไม่? ข้าอยากไปเดินเที่ยวตลาดและอยากซื้ออะไรมาทำกินด้วย” “ฮึ!นิสัยเจ้าก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยสักนิดวันๆ เอาแต่เที่ยวเล่นและใช้เงินทองอย่างสุรุ่ยสุร่าย เป็นนิสัยที่เจ้าทำอยู่เป็นประจำ เจ้ารู้หรือไม่ยามนี้จวนของเราใกล้จะถังแตกอยู่แล้ว ทุกอย่างมันเป็นเพราะเจ้า!” ว่านชิงหลานเอ่ยอย่างโกรธเคือง กับนิสัยของว่านชิงอีที่แก้ไม่หาย “ชิงหลานเจ้าใจเย็นก่อนเถิด” ชิงหลินรีบเอ่ยปราม ว่านชิงอีทำหน้างงเพราะนางไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน “ข้าหรือ?” ว่านชิงอีชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “ก็ใช่นะสิ ตั้งแต่เจ้าเกิดมาท่านพ่อ ท่านย่า ก็ดูแลเจ้าอย่างกับองค์หญิง เรือนของเจ้าก็สั่งให้ปลูกแบบพิเศษ เสื้อผ้าอาภรณ
ว่านชิงอีหยิบประคำหยกเจ็ดสีออกมาสวมใส่ ก่อนจะรับรู้ถึงพลังบางอย่างไหลเวียนทั่วร่างก่อนจะหายไป จากนั้นนางก็หยิบสิ่งของที่อยู่ในยามออกมา มีข้าวสารเสก สายสิญจน์ ยันต์ มีดอาคม และหนังสือเก่าโบราณเล่มหนึ่ง พอนางเปิดขึ้นมาอ่านตัวอักษรในหนังสือ ก็ลอยมาเข้าตัวนางจนหมด จากนั้นหนังสือก็หายไป “ปิงปิงแปลกมากเลยหนังสือหายไปแล้ว” “ก็ไม่แปลกนี่เจ้าค่ะ ก็ท่านเป็นเทพผู้พิทักษ์ ย่อมมีอะไรเหนือกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว” ปิงปิงอธิบายอย่างคล่องแคล่ว แต่จู่ๆ ก็มีบ่าวรับใช้หญิงเดินเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัว “คุณหนูสามท่านอยากจะชำระร่างกายเลยหรือไม่ ข้าจะได้เตรียมน้ำเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้หญิงยืนก้มหน้าเนื้อตัวสั่น ว่านชิงอีสังเกตเห็นว่าดวงตาของนางบอดหนึ่งข้าง จึงลุกเดินเข้าไปหา “เจ้าเงยหน้าขึ้น” บ่าวรับใช้หญิงยิ่งตัวสั่นมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เป็นอะไรตัวสั่นมากขนานนี้กลัวข้าเหรอ?” ว่านชิงอีกล่าวจบก็เอื้อมมือไปสัมผัสตัวนางเพื่อปลอบขวัญ แต่ทันใดภาพต่างๆ ในความทรงจำก็วิ่งแล่นเข้ามา ภาพที่ว่านชิงอีตบหน้าและสาดน้ำแกงใส่หน้าบ่าวรับใช้คนนี้ จนนางตาบอดเพราะน้ำแกงเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศ นี่มันอะไรกัน!ร่างนี้ร้ายกาจได
พอเข้ามาในเรือนยังไม่ทันได้นั่ง เสียงเอะอะข้างนอกก็ดังเข้ามา ว่านชิงอีกลอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย นางเพิ่งจะทะลุมิติมาอยู่ในยุคนี้ อยากหาเวลาปรับตัวปรับใจ กับสถานที่อยู่แห่งใหม่ แต่ก็ยังมีคนตามมาวุ่นวาย ให้นางเดาคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบิดาผู้แสนประเสริฐและท่านย่าผู้แสนใจดี “บุตรสาวสุดที่รักของพ่อ ได้ข่าวว่าเจ้าฟื้นแล้วจริงหรือนี่ ขอบคุณสวรรค์ๆ” ว่านจื่อหยวนพอก้าวเข้ามาเห็นว่านชิงอี ก็รู้สึกดีใจจนบรรยายไม่ถูก จึงรีบคุกเข่าคำนับฟ้าดินและขอบคุณสวรรค์ไม่หยุด เขาเชื่อแล้วว่าคำทำนายของท่านนักพรตเป็นจริง นางตายแล้วฟื้นจะมีใครทำเช่นนี้ได้ หากไม่ใช่คนที่เกิดมาพร้อมบุญญาธิการ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ยิ่งทำให้เขาปักใจเชื่อมากขึ้นเป็นร้อยเท่า ก่อนฮูหยินผู้เฒ่าจะก้าวเข้ามาอีกคน “หลานรักของย่าเจ้าฟื้นจากความตายจริงๆ หรือ มาให้ย่ากอดหน่อย เด็กดีของย่าหมดเคราะห์เสียทีนะ” ฮูหยินผู้เฒ่ากอดว่านชิงอีพร้อมลูบหัวลูบตัวไปมา ด้วยความรักใคร่และเอ็นดู ว่านชิงอีเริ่มทำตัวไม่ถูกอยู่เหมือนกัน ได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้ผู้เป็นย่ากอดอยู่อย่างนั้น “เนื้อตัวเจ้าซีดมาก ซื่อหยวนไปบอกบ่าวในจวนให้ไปตุ๋นน้ำแกงร้อนๆ ให้หลาน
“คุณหนูตื่นเถอะเจ้าค่ะ คุณหนู!” บัวบูชาได้ยินเสียงปลุกก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดและเริ่มรำคาญ จะเรียกทำไมหนักหนาเนี่ยะคนจะนอน! ก่อนจะรีบลืมตาขึ้นมาหมายจะด่าคนที่เรียก “อ่าวปิงปิงมานั่งทำไมบนตัวข้า ลงไป!” “แล้วทำไมแต่งชุดเด็กจีนละวันนี้ เป็นกุมารทองต้องแต่งชุดไทย หรือว่าอยากเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว เอ้า!ข้าบอกให้ลงไป มานั่งอยู่บนตัวข้าแบบนี้มันหนักนะจะบอกให้!” บัวบูชาตาเขียวใส่น้องกุมารปิงปิง ที่ตั้งแต่เธอเกิดมาก็เจอน้องกุมารมาอยู่ที่บ้านเธอแล้ว เพราะพ่อของเธอเป็นพ่อครูร่างทรง แถมยังมีอาชีพเป็นหมอผีคอยปราบวิญญาณร้าย “คุณหนูพวกเราทะลุมิติมาอยู่ในยุคจีนโบราณเจ้าค่ะ” ปิงปิงเด็กน้อยวัยห้าขวบหน้าตาน่ารัก รีบเอ่ยบอกผู้เป็นนายสาว “ตลกละทะลุมิติ เจ้าพูดบ้าอะไร ดูซีรีย์กับแม่พี่บ่อยละสิ อินมากปะ?” บัวบูชายังคงนอนพูดเล่นกับน้องกุมารปิงปิง เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง “หากทะลุมิติมาจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น?” “ก็เรือนของท่านถูกไฟไหม้ ข้าคิดว่าอาจมีคนไม่พอใจ ที่พ่อช่วยปราบวิญญาณร้ายให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อน ก็คงเป็นเจ้าของที่ดินที่ชาวบ้านอาศัยอยู่นั่นแหละเจ้าค่ะ อยากขับไล่คนให้ย้ายด้วยการใช้วิญญาณผ
Comments