พอสั่งลูกน้องเรียบร้อย ชิณณ์ก็หัวเราะในลำคอ เขานึกเวทนาไอ้ธนา มันติดการพนันจนต้องขายแฟนให้เพื่อนเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้เขา ถึงอย่างนั้นมันก็ยังถอนตัวไม่ขึ้นและคิดไม่ได้ มันยังคงกลับมาเล่นการพนันที่บ่อนของเขาเหมือนเดิม คราวนี้มันติดหนี้เขาหนึ่งล้าน มันบอกเขาว่าจะหาเงินมาใช้ภายในสิ้นเดือนนี้ เขายอมให้มันผ่อนผันใช้หนี้ได้ถึงสิ้นเดือน แต่มีข้อแม้ว่ามันต้องหาเงินมาขัดดอก ถ้าไม่มีก็ต้องหาอย่างอื่นมาทดแทน ไม่นึกเลยว่ามันจะเลวถึงขนาดลวงแฟนมาขัดดอก ที่เขารู้ว่ามันล่อลวงหญิงสาวมา ก็เพราะเขาสั่งให้คนติดตามมันทุกฝีก้าว เพราะยอดหนี้ไม่ใช่น้อย ๆ เขาไม่มีวันปล่อยให้มันคลาดสายตาเด็ดขาด ถ้ามันไม่มีอะไรมาขัดดอก หรือสุดท้ายแล้วมันไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ มันก็ไม่สมควรมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป
“แต้มอยู่ไหน” พุฒกระชากคอเสื้อชิณณ์เข้ามาใกล้ เขาถามหาแต้มรักทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน โดยไม่สนใจบอดีการ์ดตัวใหญ่ของชิณณ์ที่ขยับตัวเตรียมพุ่งเข้าชาร์จเขาทุกเมื่อ
“โว้ว ๆ ใจเย็นครับ พ่อหนุ่มคลั่งรัก เมียมึงปลอดภัยดีครับ กูไม่ให้ใครแตะต้องแม้แต่ปลายเล็บ พอไอ้ธนามันอุ้มลงมาจากรถ กูก็ให้บอด
แต้มรักทำตัวเหมือนตุ๊กตา ไม่ว่าพุฒจะจับเธอถอดเสื้อผ้า หรืออาบน้ำให้ เธอก็ไม่ปัดป้อง กระทั่งเขาพันร่างกายเธอด้วยผ้าขนหนู และอุ้มเธอออกมาจากห้องน้ำ และเขาเองก็นุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว เดินกลับมาที่เตียง แต้มรักก็เอนกายลงนอนทันทีพุฒมองแต้มรักด้วยความเป็นห่วง “แต้ม” พุฒเอนกายลงนอนเคียงข้าง เขาโอบกอดคนที่นอนหงายลืมตามองเพดานมาแนบอก แต้มรักยินยอมซุกหน้ากับอกกว้าง ยอมให้เขากอดไว้ด้วยความเต็มใจ“วันนี้แต้มบอกเลิกกับเขา เขายินดีเลิกโดยไม่ถามหาเหตุผล เขาขอเลี้ยงข้าวมื้อสุดท้ายก่อนจะเลิกกัน เขาหลอกแต้มขึ้นรถมาด้วย แล้วเขาก็เอาน้ำผสมยานอนหลับให้ดื่ม...เขาคิดเขาเตรียมทุกอย่างมาแล้ว ถึงแต้มไม่บอกเลิกเขา เขาก็จะเอาแต้มมาขัดดอกอยู่ดี” แต้มรักกัดฟันแน่นด้วยความคับแค้นใจ เธอไม่น่าหลงไว้ใจคนเลว ๆ อย่างเขาเลย“มันผ่านไปแล้วครับ แต้มปลอดภัย ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”“เสียดายความรู้สึกดี ๆ คนเลว...” น้ำตาไหลรินลงตรงหางตา เธอไม่ได้เสียใจที่จะเลิกกับเขา แต่เธอเจ็บใจกับสิ่งที่เขาทำกับเธอพุฒไม่อยากให้แต้มรักจมดิ่งกับความรู้สึกแย่ ๆ เขาอยากให้เธอผ่อนคลาย ชายหนุ่มโอบกอดเธอแน่นข
พุฒหัวเราะในลำคอ เขาปล่อยมือสองข้างของเธอ เขากอดเธอไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่ง สอดฝ่ามืออีกข้างลงใต้สะโพกอวบอัดเพื่อช้อนเนินเนื้อสาวขึ้นมารองรับแก่นกายที่สอดใส่แนบแน่น“ผัวจ๋า...เรียกครับ” พุฒบีบขยำแก้มก้นอวบเต็มมือ เขากดสะโพกโยกลำกายเนิบนาบหนักแน่น“อ๊า !” แต้มรักเสียวสยิวจนแทบคลั่ง หญิงสาวกอดเกี่ยวเขาไว้เต็มวงแขน เธอยกสองขาขึ้นเกี่ยวเอวสอบไว้ เธอยอมจำนน ยอมทำตามสิ่งที่เขาต้องการ“ผัวจ๋า อื๊อ ! แรง ๆ ค่ะ อ๊าย !” แต้มรักครวญครางแสนเสียว เธอแอ่นกระดกยกบั้นท้ายให้เขากระหน่ำโจนจ้วงเข้าหาอย่างสะใจ เธอเรียกร้องและตอบสนองเขาอย่างเร่าร้อน ปากอิ่มเผยอคราง สลับการครวญเรียกเขาว่าผัวจนกระทั่งพุฒฉุดกระชากพาตัวเองและเธอล่องลอยไปยังจุดสุดยอดพร้อมกันหลังจากจัดการคนดื้อด้วยลีลารักดุดันเรียบร้อย พุฒก็อุ้มเธอไปอาบน้ำพร้อมกันในอ่างอาบน้ำ เขาอยากจะอิดออดทำอะไรในอ่างที่มากกว่าอาบน้ำ แต่เพราะเสียงท้องของแต้มรักร้องประท้วง ชายหนุ่มจึงรีบอาบและอุ้มเธอออกมาจากห้องน้ำ เขาจัดการแต่งตัวให้เธอและตัวเองจนเรียบร้อย แล้วจึงพาเธอกินอาหารเช้าที่มีคนนำมาให้ตั้งนานแล้ว มันเย็นชืดหมดแล้ว แต่แต้มร
พุฒตะโกนถามพร้อมกับสืบเท้าเข้าไปยืนหน้าประตูกระจกที่เพิ่งปิดลง“ไม่มีค่ะ” เจ้าของห้องตอบอย่างไร้เยื่อใย“งั้นขอผ้าเช็ดตัวสักผืนได้ไหมครับ”“ไม่ให้ค่ะ”เมื่อเจ้าของห้องใจไม้ไส้ระกำกับเขา พุฒจึงก้มมองสำรวจตัวเองแล้วส่ายหน้า เขาต้องนั่งทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ ต้องเปิดอีเมลเช็กข้อมูล แต่ให้ใส่ชุดนี้นั่งทำงานคงไม่ไหว ชายหนุ่มมองไปที่มุมครัวเล็ก ๆ เขาเห็นเครื่องซักผ้าตั้งอยู่ตรงนั้นด้วย เขาคงต้องซักเสื้อผ้าสักหน่อยเมื่อมาอยู่ลำพังในห้อง แต้มรักเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองอยู่บ้าน เสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหนือเข่า หญิงสาวส่งข้อความไปบอกพรีมว่าวันนี้เธอลางาน เพราะเป็นไข้ปวดหัว พรีมบอกให้เพื่อนพักผ่อน และเธออาสาจะลางานให้เอง แต่แต้มรักก็ห้ามเอาไว้ เธอบอกว่า เธอลางานกับบอสแล้ว พรีมจึงบอกให้เธอพักผ่อนเยอะ ๆ แล้วส่งสติกเกอร์ตุ๊กตาสองตัวกอดกันมาให้เธอแทนความห่วงใยพอจัดการเรื่องที่ทำงานเรียบร้อยแล้ว แต้มรักก็นั่งเหม่ออยู่บนเตียง เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายที่เธอคบเป็นแฟนจะทำกับเธอแบบนี้ เขาไม่รักเธอเลยเหรอ แล้วที่ผ่านมา เขามาคบกับเธอเพื่ออะไร หากไม่รักเธอ
พุฒมองหญิงสาวกินอาหารฝีมือของตนเองด้วยความพอใจ เขาเดินไปนั่งลงตรงกันข้ามเธอ หญิงสาวเหลือบตาขึ้นมองหน้าเขาแวบหนึ่ง เธอเคี้ยวและกลืนอาหารลงท้อง ก่อนจะทักท้วงเขาว่า“เสื้อผ้าของบอสไปไหนคะ”“ซักตากอยู่”“น่าจะนุ่งผ้าเช็ดตัวสักผืนก็ยังดี”“มีคนใจร้ายไม่ยอมให้ยืมผ้าเช็ดตัว”คนใจร้ายที่เขากล่าวถึงมองค้อนอย่างหมั่นไส้ แต้มรักวางช้อนส้อมลงแล้วทำท่าว่าจะลุกขึ้น แต่พุฒจับบ่าบอบบางกดไว้เสียก่อน“จะไปไหนครับ”“แต้มจะไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้บอสค่ะ”“กินให้หมดก่อนแล้วค่อยไปเอา ผมใส่แค่นี้ก็ได้ ไม่มีปัญหา”ใช่สิ...เขาไม่มีปัญหา เพราะเขาหน้าด้าน แต่เธอมีปัญหา เพราะไม่อยากมอง มันไม่ได้อุจาดตา แต่มันชวนใจสั่น“กินซะ” แต่พอเขาบอกพร้อมพยักพเยิดให้กินผัดมาม่าในจาน แต้มรักก็ยอมเป็นเด็กดีว่าง่าย จับช้อนส้อมขึ้นมากินต่อ เวลานั่งแบบนี้เธอมองไม่เห็นอะไรของเขาหรอก มันยังพอทนได้อยู่ กินเสร็จแล้ว เธอค่อยไปเอาผ้าขนหนูมาให้เขานุ่งรอเสื้อผ้าแห้งก็ได้พอรับประทานอาหารเสร็จ พุฒได้รับอีเมลงานด่วนพอดี เขาจึงกลับไปนั่งทำงานที่โซฟาแต้มรักเป็
“สัญญามาก่อนว่า จะไม่บอกใครว่ากำลังจีบแต้ม ต่อหน้าคนอื่นเราจะต่างคนต่างอยู่ แล้วห้ามบังคับให้แต้มไปนอนที่คอนโดของคุณพุฒอีก อยากจีบก็จีบไปนะคะ แต่จะจีบติดหรือเปล่า นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“เริ่มต้นจากการเป็นชู้ ก็เลยต้องหลบซ่อน อยู่อย่างชู้ต่อไป” พุฒว่าด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ“คุณพุฒจะรับข้อเสนอของแต้มไหมล่ะคะ”“ชู้รักลับ ๆ อย่างผม จะเอาอะไรไปต่อรองกับแต้มได้ล่ะครับ ผมยอมรับข้อเสนอของแต้มทุกอย่างครับ”“ดีมากค่ะ”พอตกลงกันได้แต้มรักก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก คนที่รับปากว่าจะไม่เอาแต่ใจกับเธอยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน“นุ่งผ้าเช็ดตัวนะคะ ถ้าเสื้อผ้าแห้งแล้ว กรุณาไปสวมเสื้อผ้าแล้วกลับไปทำงานต่อที่คอนโดตัวเอง พรุ่งนี้เจอกันที่ทำงานในฐานะเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้นนะคะ”“ครับ แต้มว่ายังไง ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ”วันต่อมาแต้มรักเดินทางมาทำงานเองอย่างสบายใจ พุฒรักษาคำพูดที่ให้ไว้เป็นอย่างดี เขาไม่บังคับให้เธอไปนอนที่คอนโดของเขา ไม่แสดงท่าทีว่าสนใจเธอต่อหน้าคนอื่น บทสนทนาระหว่างเขากับเธอตอนที่อยู่บริษัทมีเพียงเร
"แต้มเข้ามานานแล้ว เดี๋ยวคนอื่นสงสัยค่ะ" แต้มรักใช้สองมือดันอกกว้าง ทั้งเบี่ยงหน้าหนี จมูกกับปากที่ซุกไซ้หมายจะหอมแก้มนวล"สิบนาที ผมขอแค่สิบนาที" พุฒอ้อนเสียงสั่นพร่า เขากดแก่นกายแนบกายสาว เขาอยากให้เธอรู้ว่า เขาต้องการเธอมากเพียงใด"บอสคะ ไม่ได้นะคะ...อื๊อ" แต้มรักเงยหน้าห้ามปรามเขา แต่กลับถูกเขาฉกชิงโอกาสนาบปากลงประกบจูบอย่างรวดเร็วพุฒแนบปากอุ่นร้อนกับปากนุ่ม เขากดริมฝีปากลงค่อนข้างแรงเป็นเชิงบังคับให้เธออ้าปากรับเรียวลิ้นร้อนของเขากลาย ๆ พอแต้มรักเผยอปาก พุฒก็สอดลิ้นเข้าไปกวาดชิมรสหวานในโพรงปากนุ่มที่แสนคิดถึงเพียงแค่เขาเริ่ม แต้มรักก็อ่อนระทวย จูบของเขาดุดันและเรียกร้อง จนแข้งขาเธอสั่นไปหมด หัวอกหัวใจหวามไหวเต้นแรงระรัว สองมือของแต้มรักเลื่อนขึ้นไปเกาะบ่าของเขาเอาไว้แน่น และเมื่อเขาจู่โจมดุดันเรียกร้องมากขึ้น แต้มรักก็เลื่อนสองแขนขึ้นโอบกอดคอลำคอแกร่งไว้ พุฒกอดรัดหญิงสาวเต็มอก ร่างกายส่วนหน้าแนบสนิทไร้ช่องว่าง ยิ่งแนบแน่นยิ่งเสียดสี อารมณ์หนุ่มสาวก็ลุกโชนเกินจะหักห้ามใจ"บอส…" เสียงแหบพร่าที่เอ่ยเรียกเป็นเชิงเตือนของแต้มรัก ไม่อาจหยุดยั้งให้
“อยู่เฉย ๆ สิครับ ดิ้นเป็นเด็กไปได้”เมื่อเขาดุ แต้มรักจึงยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้เขาจัดการ ความเสียวซ่านที่ยังเต้นตุบอยู่กลางซอกขา ทำให้แต้มรักสั่นสะท้านทุกครั้งที่เขากดซับความเปียกแฉะ“บอส...พอได้แล้วค่ะ” แต้มรักบอกเสียงสั่น เมื่อเขาเงยขึ้นมาสบตาเธอ หญิงสาวกัดกลีบปากล่างมองเมินไปทางอื่น เพราะตาคมปลาบวาววับไม่อาจซุกซ่อนความปรารถนาของเขาได้...เขากินจุ แค่นี้เขาไม่อิ่มหรอก เธอรู้ เพราะเคยรับมือกับเขามาหลายครั้งแล้วเมื่อจัดการทุกอย่างให้เธอและตัวเองเรียบร้อยแล้ว พุฒก็มองสำรวจให้แน่ใจว่า ไม่มีอะไรผิดปกติบนตัวเธอ ชายหนุ่มคว้าหญิงสาวมากอดรัดอีกครั้ง คราวนี้คนตัวเล็กไม่ขัดขืน ดูเหมือนแต้มรักจะรู้ตัวแล้วว่า ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนหรือขัดขืนเพียงใด แต่หากว่าเขาต้องการ เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ซึ่งหากจะโทษว่าเป็นเพราะเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ก็คงไม่ถูกนัก เธอยอมรับว่า เธอก็มีส่วนร่วมในการกระทำครั้งนี้ด้วย เพราะเธอโอนอ่อนยอมเขาตลอดเลย“คืนนี้ไปนอนคอนโดผมนะครับ”“แต้มจะกลับบ้านค่ะ แต้มต้องแวะซื้อขนมหวานไปฝากคุณแม่”“ผมสั่งร้านเอาขนมไปส่งให้คุณแม่แล้ว”แต้มรักเบิกตากว้
เมื่อเข้ามาในลิฟต์และกดปุ่มเลือกชั้นที่ต้องการแล้ว หัวใจดวงน้อยก็เต้นโครมคราม เป็นโชคดีมาก ๆ ที่ไม่มีใครโดยสารลิฟต์พร้อมกับเธอ อาจจะเป็นเพราะตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มสิบห้านาทีแล้ว ทั้งยังเป็นวันศุกร์ด้วย ผู้คนจึงเลิกงานออกจากตึกแทบจะหมดแล้ว ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นที่เธอต้องการ แต้มรักสูดลมหายใจลึก หญิงสาวก้าวออกจากลิฟต์ด้วยหัวใจที่เต้นระรัวแรง สองมือของเธอกำสายสะพายกระเป๋าไว้แน่น แต้มรักกวาดสายตามองไปทั่วลานจอดรถอย่างระแวงระวัง เมื่อเห็นรถคันคุ้นตาจอดรออยู่ที่เดิม เธอก็เม้มปากแน่น เกิดความลังเลขึ้นในใจอีกครั้ง เธออยากจะกลับเข้าไปในลิฟต์ใหม่ แล้วลงไปชั้นหนึ่ง เพื่อออกประตูปกติแล้วขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน แต่อีกใจหนึ่งกลับบอกว่า ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เท่าที่ได้ใกล้ชิด เขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรสักหน่อย เธอควรเปิดโอกาสให้ตัวเอง ทำความรู้จักเขาให้มากกว่านี้ เธออยากรู้ว่า ทำไมเวลาอยู่ใกล้เขา หัวใจเธอถึงเต้นแรง และทำไมเธอรู้สึกกับเขาอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกกับใคร แม้แต่กับแฟนเก่า เธออยากรู้ว่า จะมีสักครั้งไหม ที่เ
“ไปรอผมในห้อง” ชิณณ์บอกคนที่เกาะแขนเขาไม่ห่าง“พรีมไปกับคุณไม่ได้หรือคะ” พรีมเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างลืมตัว ก็อยู่ใกล้เขาเธออุ่นใจที่สุด เธอจึงไม่อยากไปรอในห้องคนเดียว“ผมจะไปคุยกับแขกวีไอพี”“พรีมจะนั่งรอเงียบ ๆ จะไม่รบกวนคุณ คุณจะคุยก็คุยไป” พรีมดื้อดึง และไม่ยอมปล่อยแขนแกร่ง“แน่ใจนะ” ชิณณ์หลุบตามองสบตาเธอพรีมรีบพยักหน้าเร็ว ๆ พอเขาไม่ว่าอะไรและเริ่มออกเดินอีกครั้ง เธอก็รีบก้าวเดินตาม กระทั่งเขาพาเธอเดินมาใกล้ถึงห้องวีไอพี ก็มีผู้หญิงในชุดสุดแสนเย้ายวนสองคนเดินเข้ามาหา“คุณชิณณ์ขา คืนนี้ให้พวกเราไปรอที่ห้องไหนดีคะ” สาวนางหนึ่งถามพร้อมกับส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้เขาพรีมขมวดคิ้วมองดูสองสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ยืนข้างเธอ เขามองสองสาวด้วยสายตาเรียบเฉย และไม่ได้พูดอะไรออกมา ครู่เดียวลูกน้องของเขาก็รีบมากันสองสาวนั้นออกไป แม้ว่าพวกเธอจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะถอยออกไปเท่าไร แต่ก็ไม่กล้าขัดขืน“พรีมไปรอที่ห้องก็ได้ค่ะ” พรีมปล่อยมือจากต้นแขนแกร่ง เธอขยับออกห่างเขาเล็กน้อยชิณณ์เลิกคิวเข้มมองคนที่ถอยห่างเขาไปด้วย
พรีมปิดกั้นการติดต่อกับคุณลุงคุณป้า ไม่รับสาย ไม่โทรหา และไม่สนใจว่าคนพวกนั้นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร บุญคุณที่เลี้ยงเธอมา เธอถือว่าเธอชดเชยให้ด้วยเงินที่ส่งให้ทุกเดือนก่อนหน้านี้ และอิสรภาพของเธออีกหนึ่งปีนับจากนี้ที่เธอใช้มันแลกกับหนี้ก้อนโตที่พวกเขาสร้างไว้ เธออยู่ภายใต้คำว่าบุญคุณมานานแล้ว หลังจากหมดพันธสัญญาการเป็นผู้หญิงของชิณณ์ เธอจะตั้งใจทำงานเก็บเงิน เพื่อสร้างบ้านบนที่ดินผืนนั้น เธอจะกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายที่นั่น “มีอะไรกันหรือคะ” พรีมถามแล้วขมวดคิ้วเรียวด้วยความสงสัย ก็พอเธอเดินออกจากลิฟต์มา คนของชิณณ์ที่ปกติจะเฝ้าอยู่หน้าห้องแค่สองคน แต่วันนี้กลับมีถึงสี่คน แล้วแถมทั้งสี่คนก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดอีกด้วยทั้งหมดหันมามองเธอพร้อมกัน พอเห็นหน้าเธอ สีหน้าของพวกเขาก็ดีขึ้นทันใด พวกเขาโค้งคำนับให้เธอเล็กน้อย ก่อนที่คนหนึ่งจะบอกเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเขามีสีหน้ากังวลใจ...พรีมยืนฟังคนของชิณณ์เล่าสถานการณ์ในห้องอยู่ครู่หนึ่ง พอรู้และรับทราบถึงอารมณ์คนในห้องตอนนี้ หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่“พี่สองคนลงไปรอ
“พรีม !” เสียงเรียกของคนที่ชะโงกหน้าข้ามฉากกั้นมาจากโต๊ะตรงหน้าทำให้พรีมสะดุ้ง หญิงสาวรีบปิดกระเป๋าถือแล้ววางลงบนพื้นข้างโต๊ะ“พี่รัตนามีอะไรหรือคะ” พรีมถามด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก“พี่แค่อยากถามว่า กลับบ้านตั้งหลายวัน แอบไปแต่งงานหรือเปล่าคะ” ผู้ตั้งมั่นในการเป็นจิตอาสาสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านถามแล้วมองอย่างจับผิด“พรีมกลับไปเยี่ยมบ้านเฉย ๆ ค่ะ” พรีมตอบแล้วถอนหายใจแรง“ไม่ได้กลับไปแต่ง แต่กลับไปหมั้นใช่ไหมคะ” สายสมรที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปจากรัตนารีบลุกขึ้นมาถามต่อจากเพื่อนพรีมมองหน้าสองสาวใหญ่จอมสู่รู้แล้วถอนหายใจแรง“ไม่ได้แต่ง ไม่ได้หมั้นค่ะ พรีมยังไม่มีแฟน ไม่มีผัว พรีมยังโสดค่ะ”“โสดสนิทหรือเปล่าน้อ” รัตนายังมิวายพูดล้อเลียน“โสดสนิทค่ะ และทำให้คนพูดมากหุบปากสนิทได้ด้วย” พรีมว่าพลางชูกำปั้นขึ้นมาตรงหน้า กับบางคนพูดดี ๆ ด้วยแล้วลามปาม ถึงแม้จะอายุมากกว่า เธอก็ไม่คิดจะไว้หน้าหรือเกรงใจหรอกนะ สู่รู้เรื่องของคนอื่นดีนัก ก็ต้องโดนตอกกลับบ้างพอถูกขู่ สองสาวรุ่นใหญ่ยิ้มแหยแล้วรีบนั่งลงทำงานต่อ พรีมถอนหายใจแรงอีกครั้ง เธอหันไปม
“ขออีกครั้ง” เสียงของเขาสั่นพร่า และพอเขาพูดจบ ใบหน้าหล่อเหลาก็ก้มลงซุกไซ้ซอกคอนุ่ม เรือนกายเปลือยเปล่าของสองหนุ่มสาวเสียดสีสัมผัสกันแนบชิด“อื๊อ ! ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวพรีมไปทำงานสาย”“เดี๋ยวให้คนไปส่ง”“มะ...ไม่ค่ะ อ๊ะ ! คุณชิณณ์อย่า…” เสียงห้ามปรามของพรีมถูกดูดกลืนด้วยจูบเรียกร้องเอาแต่ใจ มือไม้ซุกซนของเขาลูบไล้ไปทั่วเนื้อตัวสาว ขณะที่หัวเข่าแกร่งกดลงกลางหว่างขาแยกแย้มเนื้อนวล เขานาบความเป็นชายร้อนผะผ่าวกลางกลีบสาว แล้วขยับสะโพกถูไถตัวตนของเขากับกลีบชุ่มชื้นของเธอ“คุณชิณณ์...ทำเร็ว ๆ นะคะ พรีมจะรีบไปทำงาน” เมื่อไม่อาจขัดขืนเขาได้ และร่างกายของเธอก็ตอบสนองการปลุกเร้าแล้ว พรีมจึงเร่งให้เขาทำเวลา“สั่งจริง อยากเร็วก็มาทำเอง” ชิณณ์ว่าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาพลิกตัวลงไปนอนหงาย แล้วดันหญิงสาวลุกขึ้นคร่อมหน้าท้องแกร่ง คนช่ำชองส่ายสะโพกขยับเล็กน้อย หัวมนทู่ก็สอดเข้าสู่ร่องรักอุ่นอ้าว เขาจับเอวคอดไว้แน่นด้วยสองมือ แล้วดึงให้เธอกระแทกลงมา ขณะที่เขากระเด้งสวนขึ้นไป เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง“คุณชิณณ์ !” พรีมหวีดร้องเรียกเขาเสียงหลง เธอเจ็บและจุกเต็ม
“ที่ดินผืนนั้นจะโอนเป็นของคุณทันที ถ้าคุณตกลงรับข้อเสนอของผม”คิ้วเรียวขมวดมุ่น พรีมมองหน้าคนพูดอย่างไม่เข้าใจ“มาเป็นผู้หญิงของผม แล้วคุณจะได้ที่ดินของคุณคืน”“นานแค่ไหนคะ” เธอไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรยากนักหรอก เธอยอมรับว่าสนใจข้อเสนอของเขา ใครจะมองว่าเธอใช้ร่างกายเข้าแลกก็ช่าง ในเมื่อที่ดินผืนนั้นคือความสุขทางใจสิ่งเดียวของเธอ หากหนทางที่จะทำให้ได้มันมาไม่ได้ทำให้ใครเสียใจ ไม่ได้ลักลอบเป็นชู้กับคนที่มีครอบครัวแล้ว มันเป็นข้อเสนอที่ของคนไร้พันธะ และเธอก็ไม่มีใคร เธอจึงถือว่านี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่ต่างฝ่ายต่างพึงพอใจ แต่สิ่งเดียวที่เธอต้องรู้ก่อนตัดสินใจรับข้อเสนอของเขาคือ เธอต้องเป็นผู้หญิงของเขานานแค่ไหน“หนึ่งปี...ภายในหนึ่งปีนี้ คุณต้องพร้อมเสมอ หากผมต้องการ”“พรีมต้องย้ายมาอยู่กับคุณไหมคะ”“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ”“พรีมไปทำงานได้ไหมคะ”“ได้สิ”พรีมสูดลมหายใจลึก หญิงสาวมองสบสายตาคมแน่วแน่“ค่ะ...พรีมตกลงรับข้อเสนอของคุณ พรุ่งนี้เราไปโอนที่กันเลยนะคะ” เธอไม่ได้เขี้ยว แต่เธอต้องการหลักประกันว่า อิสรภาพส่วนหนึ่ง
“พรีมไม่มีเงินจ่ายให้คุณหรอกค่ะ ลำพังหนี้สินเดิมก็ยังชดใช้ไม่หมด ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกค่ะ” พรีมเลิกผ้าห่มออกจากตัวแล้วขยับจะคลานลงจากเตียง แต่กลับถูกเขารวบกอดเอวคอดแล้วดึงเธอขึ้นไปนั่งบนตักอย่างง่ายดาย หญิงสาวหันไปขึงตาใส่เขา“อาบน้ำให้หน่อยสิ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”พรีมจ้องหน้าคนที่เรียกร้องค่าเปิดปากด้วยการอาบน้ำ“อาบเองไม่เป็นหรือไงคะ ทำไมถึงชอบเรียกร้องให้คนอื่นอาบน้ำให้”“อาบเองเป็น แต่ชอบให้คนอื่นอาบให้มากกว่า มันเสียวดี”พรีมถอนหายใจแรง เธอหงุดหงิดที่ต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเขาตลอด กระนั้นหญิงสาวก็รู้ตัวดีว่า เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรกับเขามากนัก“ก็ได้ค่ะ คุณเล่ามาก่อน แล้วพรีมถึงจะอาบน้ำให้”“ไปเล่าในห้องน้ำเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา ผมเตรียมน้ำอุ่นใส่อ่างไว้แล้ว” ชิณณ์ว่าพลางขยับตัวลงจากเตียง โดยอุ้มคนที่รับปากว่าจะอาบน้ำให้เขาขึ้นกระเตงไว้ด้านหน้าพรีมรีบกอดลำคอแกร่งไว้ทันทีที่เขาลุกขึ้นจากเตียง สองขาเรียวก็ตวัดรัดเอวสอบอัตโนมัติเพราะกลัวตก“คุณมันคนเจ้าเล่ห์”“ไม่อยากรู้เหรอ” ชิณณ์หยุดเดิน เขามองสบตาเธ
“ดึกแค่ไหนก็คุ้มนะ ถ้าเสี่ยจิ๋วเขายอมรับข้อเสนอของพรีม”“ค่ะ”พรีมพยักหน้าเห็นด้วยกับลุง หญิงสาวยกแก้วน้ำขึ้นจิบ เธอมองไปทางประตู แล้วหันมามองหน้าลุง ลุงมนตรียิ้มให้กำลังใจเธอ พรีมยิ้มตอบก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนเกือบหมดแก้ว…เสียงเปิดประตูทำให้มนตรีหันไปมอง พอเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือเสี่ยจิ๋ว ผู้สูงวัยก็รีบยกมือไหว้ เสี่ยจิ๋วพยักหน้าเล็กน้อยแทนการรับไหว้ ร่างท้วมเดินเข้าไปยืนข้างมนตรี และมองไปยังร่างหญิงสาวที่นอนอยู่บนโซฟาตัวยาวด้วยสายตาที่พึงพอใจ“เสี่ยคงอยากตกลงกับหลานสาวผมเป็นการส่วนตัว”“อืม…” เสี่ยจิ๋วครางรับในลำคอ เขากวาดสายตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกับแลบลิ้นเลียปากแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่“ตามที่ตกลงกันไว้นะครับเสี่ย ยกหนี้ให้ แล้วก็เอ่อ...ค่าสินสอดสองแสน”เสี่ยจิ๋วละสายตาจากเรือนร่างสาว เขาหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ใกล้ประตู“จัดการให้คุณมนตรีด้วย แล้วก็ไสหัวออกไปให้หมด คืนนี้กูจะเข้าหอกับหนูพรีมที่นี่...ทั้งคืน”“พวกมึงมัวทำเหี้ยอะไรอยู่ ปล่อยให้คลาดสายตาได
พอหลานไม่หือไม่อือ ป้าวัลภาก็รีบเสริมขึ้นว่า “เอ่อ...พรีมไม่ต้องกังวลนะ ลุงเขาจะขับรถไปส่ง แล้วก็อยู่เป็นเพื่อนด้วย”พรีมถอนหายใจบางเบา เธอรู้ว่าการไปพบเสี่ยจิ๋วตอนกลางคืนไม่น่าไว้ใจเท่าไร แต่ลุงมนตรีไปกับเธอด้วย คงไม่มีอะไรน่ากังวล อีกอย่างไปคุยกันในร้านอาหารซึ่งมีคนอื่นอยู่ด้วย หากเกิดอะไรขึ้น เธอก็น่าจะมีทางหนีทีไล่อยู่“พรีมขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวพรีมลงไปค่ะ”ป้าวัลภาฉีกยิ้มกว้าง “จ้ะ...รีบ ๆ ตามลงมานะ ลุงเขารออยู่”“มีนกับหมอกสบายดีใช่ไหมคะคุณลุง” พอลุงขับรถพาเธอออกมาจากบ้านครู่หนึ่ง พรีมก็หันไปถามหาลูก ๆ ของลุง เธอทราบข่าวว่ามีนแต่งงานแล้ว และย้ายไปอยู่กับสามีในตัวจังหวัด ส่วนหมอกยังอาศัยอยู่ที่บ้าน เขาทำงานราชการในอำเภอ แต่กว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำ ไม่ใช่เพราะทำงานหนัก แต่เพราะมัวแต่เที่ยวเล่นสังสรรค์กับเพื่อน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เธอยังไม่เจอหน้าเขา“ก็สบายดี” ลุงมนตรีตอบแล้วยิ้มเจื่อน ไม่ใช่ไม่รู้ตัวว่า สาเหตุที่ที่ดินของหลานกำลังจะถูกยึดเป็นเพราะเขาตามใจลูกมากเกินไป ลูกสาวคนโตและลูกชายอยากได้รถใหม่ ลำพังเง
“เรื่องที่ดินน่ะเหรอ” ชิณณ์นั่งลงบนเตียง เขารวบเอาคนที่นั่งหน้าหงิกอยู่มานั่งบนตัก เนื้อตัวนุ่มเนียนกับกลิ่นกายสาวทำให้เขาคึกคัก ทั้งที่ทำงานเหนื่อยมาทั้งคืน แต่พอได้อยู่ใกล้ชิดเธอ เขากลับตื่นตัว...อยากเก็บหนี้กับเธออีกแล้ว“ใช่ค่ะ คุณชิณณ์ให้พรีมกลับบ้านนะคะ พรีมไม่หนีคุณไปไหนแน่นอน”“ผมเชื่อใจคุณได้หรือพรีม”“แล้วพรีมต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อ”“ขอเก็บดอกเบี้ยได้ไหม ค่าปล่อยตัวชั่วคราว” ชิณณ์ลากปลายจมูกคลอเคลียแก้มนุ่ม เขาค่อย ๆ เลื่อนปากเข้าใกล้มุมปากอิ่ม ทว่าเจ้าของปากน่าจูบกลับเบี่ยงหน้าหนี ก่อนจะหันกลับมาใหม่ แล้วเอามือดันอกกว้างไว้“พรีมยังเจ็บอยู่ค่ะ” พรีมก้มหน้า เธอหลุบตาลงมองฝ่ามือตัวเองที่วางอยู่บนอกกว้าง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แต่แกะกระดุมออกถึงสามเม็ด แล้วมือเธอก็วางแหมะลงตรงที่สาบเสื้อแยกออกพอดี“ผมเตือนคุณแล้วว่าจะเจ็บ แต่คุณดื้อรั้น...ไม่ฟังคำเตือน” ชิณณ์ยิ้มบาง เขาเชยคางเรียวขึ้นมา มองสบตาเธอด้วยสายตาพราวระยับ“ให้พรีมกลับบ้านนะคะ” พรีมกลั้นใจขอร้องเขาอีกครั้ง เธอมองหน้าเขาอย่างรอคอย“อาบน้ำให้ผมหน่อย แล้วผมจะยอมป