หลังอาหารเช้าวันต่อมา ทหารในกองทัพต่างพากันเก็บกระโจมที่พักทั้งหมดแล้วบรรทุกลงไปยังเกวียนเหมือนขามา ส่วนเสบียงของพวกเขาก็ยังเหลืออีกไม่น้อย ทหารทั้งหนึ่งแสนนายสามารถอยู่ได้อีกหลายเดือน นี่ต้องขอบคุณตระกูลฟางที่ให้คนมาส่งมอบเสบียงตามรายทางจนมาถึงเมืองหน้าด่านชายแดนตะวันออกพร้อมกับเสบียงอาหารจำนวนมาก
ซูซูไปรับม้าของนางมาก่อนที่จะขี่มันไปยังข้างรถม้าของพี่ใหญ่นางดังเช่นที่ทำเป็นปรกติตั้งแต่ตอนเดินทางมายังเมืองชายแดน อ๋องเฉิงที่มองการเก็บกวาดค่ายก็ส่งคนไปส่งข่าวให้กับแม่ทัพกวนตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว รวมทั้งยังส่งพิราบสื่อสารกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อแจ้งเสด็จลุงของเขาว่าจะบุกต่อไปยังแคว้นจ้าน อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่เขาจะเข้ายึดเมืองหลวงแคว้นจ้านได้และเขาจะส่งข่าวกลับไปเป็นระยะ ๆ
หลังจากเห็นว่าทหารทุกคนเก็บสิ่งของเรียบร้อยแล้ว อ๋องเฉิงก็สั่งการให้กองทัพออกเดินทางไปยังค่ายชายแดนแคว้นจ้าน แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้เร่งรี
ฟางฉือห่าวเห็นว่าน้องสาวส่งหมูป่าให้กับเหล่าพ่อครัวแล้วก็หันไปสั่งการองครักษ์ของเขาที่ตามมาว่าให้รออาหารแล้วค่อยนำไปส่งเขากับน้องสาวที่กระโจมของนางทีหลัง“ขอรับท่านกุนซือ ข้าจะรออาหารที่นี่ให้ขอรับ เชิญท่านกุนซือพาคุณหนูไปพักผ่อนก่อนเถอะขอรับ”“อืม ขอบใจเจ้ามาก” ซูซูเดินมาถึงที่ที่พี่ชายรออยู่พอดี ฟางฉือห่าวจับมือน้องสาวพาเดินกลับไปที่กระโจม ระหว่างทางเขายังสั่งทหารให้นำอ่างอาบน้ำและน้ำอุ่นไปส่งที่กระโจมของซูซูด้วย เพราะเขาเห็นว่าน้องสาวตัวเลอะไปด้วยคราบเลือดของหมูป่าจนกลิ่นสาปโชยออกมา ซูซูได้แต่แลบลิ้นอย่างทะเล้นให้กับพี่ใหญ่ นางไม่รู้ตัวเลยว่ากลิ่นเลือดของหมูป่าจะรุนแรงจนทำให้พี่ใหญ่ของนางทนไม่ไหว แต่ในเมื่อพี่ใหญ่อำนวยความสะดวกให้นางในการอาบน้ำเช่นนี้ ซูซูก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธความหวังดีของพี่ชายสุดที่รักเช่นเดียวกัน อ๋องเฉิงท
ซูซูเดินลุกจากเตียงไปนั่งยังเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้าง ๆ พี่ใหญ่ของนาง นางบอกพี่ใหญ่เกี่ยวกับเรื่องลมปราณของนางที่เพิ่มขึ้นมากพอที่จะช่วยสนับสนุนกองทัพของเขาได้“เฮ้อ น้องพี่ เจ้าช่างมีความพยายามที่จะออกไปสู้รบเสียจริง ๆ พี่ใหญ่รู้ว่าเจ้าหวังดี เพียงแต่พี่ใหญ่ก็เป็นห่วงเจ้าหากพลาดพลั้งขึ้นมา เจ้าอย่าลืมว่าดาบกระบี่นั้นไร้นัยน์ตา หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า พี่ใหญ่จะอยู่ได้อย่างไร”“พี่ใหญ่เจ้าคะ คราวนี้ข้าจะอยู่ใกล้ ๆ กับพี่ใหญ่แน่นอนเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่จะใช้วิชากระบี่บินช่วยสนับสนุนทหารของเราเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพต้องสูญเสียทหารในการรบ พี่ใหญ่อย่าได้เป็นห่วงมากนักเลยนะเจ้าคะ”“อืม...หากเจ้าว่าเช่นนั้น พี่ใหญ่ก็จะเชื่อใจเจ้า ในเมื่อเจ้าบอกจะอยู่ใกล้ ๆ พี่ใหญ่เวลาออกรบ พี่ใหญ่จะรอดูว่าเจ้าจะทำได้อย่างที่บอกหรือไม่”“พี่ใหญ่เชื่อใจน้องสาวของท่านได้เลยเจ้าค่ะ ครั้งนี้ข้าจะไม่ซุ
หลังอาหารเช้าวันต่อมา บรรดาทหารที่มีหน้าที่เก็บข้าวของและกระโจมขึ้นยังเกวียนที่นำมาด้วยรีบทำหน้าที่ของตนเอง ส่วนอ๋องเฉิง ซูซู และฟางฉือห่าวเองก็เตรียมพร้อมกันหมดแล้วที่จะออกเดินทาง หนึ่งชั่วยามต่อมา ขบวนทัพของแคว้นเจิ้งก็ตั้งแถวพร้อมที่จะเดินทางไกลกันอีกครั้ง อ๋องเฉิงเห็นว่าพวกเขาพร้อมแล้วจริง ๆ จึงออกคำสั่งเดินทัพทันที ทหารทุกคนต่างร้องรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงกันเสียงดัง ระหว่างการเดินทางไปยังเมืองถัดไปของแคว้นจ้านนั้น อ๋องเฉิงคิดเอาไว้แล้วว่าพระองค์จะไม่สังหารชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ หากเจ้าเมืองและทหารรักษาเมืองยินยอมที่จะให้พวกเขาผ่านทางแต่โดยดี พระองค์เองก็จะไม่ทำร้ายใครและเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของแคว้นจ้านเท่านั้น กองทัพนับแสนของแคว้นเจิ้งมาถึงเมืองกุ้ยในอีกหนึ่งเดือนต่อมา แน่นอนว่าอ๋องเฉิงนั้นใช้พลังลมปราณเปล่งเสียงออกไปสอบถามที่หน้า
หลังออกจากเมืองหวนหลง อ๋องเฉิงก็สั่งการให้ทุกคนพักบ่อยขึ้นและออกไปล่าสัตว์เป็นการยืดเส้นยืดสาย เพราะหลังจากผ่านเมืองหวนหลงแล้วจะเป็นเมืองหลวงของแคว้นจ้านที่พวกเขาจะต้องสู้รบด้วย ดังนั้น อ๋องเฉิงจึงต้องการให้ทหารของตนเองรักษาพละกำลังเอาไว้ให้ได้มากที่สุดสามเดือนต่อมา กองทัพอ๋องเฉิงเดินทางมาถึงหน้าประตูเมืองหลวงแคว้นจ้านแล้ว ซึ่งความจริงกองทัพพวกเขามาถึงก่อนหน้าประมาณห้าวันก่อน แต่อ๋องเฉิงสั่งตั้งค่ายห่างจากประตูเมืองห้าร้อยก้าว เพื่อพักผ่อนให้ร่างกายสมบูรณ์พร้อมที่สุด ซูซูเองก็หมั่นฝึกฝนกระบี่บินของนางอย่างขยันขันแข็ง ครั้งนี้นางคิดว่าน่าจะเป็นศึกใหญ่ไม่น้อย แต่นางก็ยังคิดว่าจำนวนทหารของแคว้นเจิ้งน่าจะมีมากกว่าเหล่าทหารรักษาเมือง จึงพอจะทำให้ซูซูเบาใจได้บ้างว่านางน่าจะปกป้องคนของแคว้นเจิ้งได้อย่างแน่นอน &nb
หลังจัดการเรื่องคนในวังเสร็จ อ๋องเฉิงก็สั่งการให้รองแม่ทัพนำกำลังเข้ามาเฝ้าที่วังหลวงสองหมื่นนาย ส่วนทหารที่เหลือให้พักอยู่โดยรอบกำแพงเมืองหลวงเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในเมืองหลวง ส่วนเรื่องบริหารราชการแผ่นดินนั้น พระองค์รอข่าวจากเสด็จลุงส่งกลับมาเสียก่อน เพราะก่อนหน้านี้พระองค์ให้องครักษ์ส่งพิราบสื่อสารกลับไปยังวังหลวงแล้วว่ายึดแคว้นจ้านได้แล้ว ตอนนี้พระองค์มีหน้าที่เพียงแค่รักษาความสงบของเมืองหลวงเอาไว้จนกว่าคนที่เสด็จลุงส่งมาให้ปกครองแคว้นจ้านจะมาถึงเท่านั้น อ๋องเฉิงยังให้ทหารไปเรียกแม่ทัพรักษาเมืองมาสอบถามเรื่องเกี่ยวกับแคว้นจ้านเพิ่มเติมด้วย ซูซูที่เห็นว่าไม่มีอะไรที่นางช่วยได้ นางจึงขออนุญาตพี่ใหญ่ของนางออกไปเที่ยวเล่นในเมืองหลวงแทน“เจ้าจะไปจะมาก็ระวังตัวด้วยเล่า แล้วนี่เจ้ามีเงินติดตัวบ้างหรือไม่ พี่ใหญ่จะได้เอาให้เจ้าไปใช้จ่ายก่อน ท่านพ่อกับท่านแม่ฝากเงินเอาไว้ที่พี่ใหญ่มาไว้ให้เจ้าไม่น้อย”
ซูซูที่เห็นว่าสิ่งของที่นางเข็นอยู่มากเกินไปแล้ว นางจึงคิดจะกลับไปยังวังหลวงแทนที่จะเดินหาร้านเครื่องประดับต่อ อย่างไรรอให้พี่ใหญ่ของนางเสร็จงานก่อนก็ยังไม่สายที่นางจะให้พี่ใหญ่พามาหาซื้อของฝากให้ท่านพ่อกับท่านแม่ เมื่อกลับเข้าไปยังวังหลวงแล้ว ซูซูที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องพักที่ไหนจึงได้แต่ยกรถเข็นกับห่อผ้าห่อใหญ่ขึ้นไปยังท้องพระโรงเพื่อสอบถามพี่ใหญ่ของนางว่าจะให้เก็บผลไม้แห้งพวกนี้ไว้ที่ไหน บรรดารองแม่ทัพนายกองต่างตกตะลึงที่เห็นว่าที่พระชายายกรถเข็นขนาดกลางซึ่งมีกระสอบใหญ่อยู่เต็มคันรถมาพร้อมรอยยิ้ม ฟางฉือห่าวที่เห็นน้องสาวเช่นนี้ได้แต่อยากเอาเท้าก่ายหน้าผาก นี่น้องสาวเขาจะทำเหมือนคนทั่วไปบ้างได้หรือไม่กันหนอ ส่วนอ๋องเฉิงได้แต่หัวเราะเบา ๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า“พี่ใหญ่เหตุใดทำหน้าเช่นนั้นเล่า นี่ข้าอุตส่าห์ไปเหมาซื้อผลไม้แห้งมาไว้ให้พวกท่านทานตอนประชุมกันเสียมากมายเลยนะ แท
หกเดือนต่อมา ขบวนเดินทางขององค์ชายสามกับพระชายา รวมทั้งขุนนางใหม่ที่จะมาดูแลราชสำนักในแคว้นจ้านก็มาถึงเมืองหลวงเสียที พวกเขาเดินทางโดยหยุดพักน้อยที่สุดเพื่อเร่งเดินทางมาให้ถึงเร็วที่สุด ด้วยเพราะฮ่องเต้ออกราชโองการให้พวกเขารีบเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินเพื่อทำให้แคว้นจ้านในอดีต เจริญรุ่งเรืองเทียบเท่ากับแคว้นเจิ้ง ด้านอ๋องเฉิงกับซูซูที่อยู่ร่วมวังเดียวกันถึงครึ่งปี ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็พัฒนาไปมากเช่นกัน อ๋องเฉิงหลังจากว่างจากงานแล้ว พระองค์ก็มักจะชวนซูซูออกไปขี่ม้าเล่นเที่ยวชมเมืองต่าง ๆ เพื่อเก็บข้อมูลเอาไว้ให้เหล่าคนของแคว้นเจิ้งที่จะมาทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน แน่นอนว่าทุกที่ที่ไปย่อมมีฟางฉือห่าวไปด้วย ในวันที่ขบวนขององค์ชายสามเสด็จมาถึง โชคดีที่พวกเขาเพิ่งกลับเข้าวังมาได้หนึ่งวันหลังจากออกไปดูความเป็นอยู่ของราษฎร ทุกคนจึงได้ออกมาต้อนรับองค์ชายสาม พ
ก่อนเข้าไปยังโถงรับแขกของเรือนหลัก ฟางฉือห่าวสั่งให้บ่าวเก็บของฝากลงมาให้กับท่านพ่อ ท่านแม่ แล้วเดินตามหลังทุกคนเข้าไปนั่งตามตำแหน่งเดิม“ซูซู ลูกเป็นยังไงบ้าง เหตุใดจึงได้ดำคล้ำเช่นนี้เล่า”“แฮะ ๆ ลูกขี่ม้าตากแดดเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่อย่ากังวลเลย อีกไม่กี่วันข้าก็กลับมาขาวเหมือนเดิมแล้วนะเจ้าคะ”“เฮ้อ เจ้านี่นะ เช่นนั้นช่วงนี้แม่จะให้แม่นมกับคนของแม่ไปดูแลช่วยบำรุงผิวให้เจ้าจนกว่าจะหายก็แล้วกัน เจ้ายิ่งดูแลตัวเองไม่เป็นอยู่ด้วย”“ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ ลูกเข้าใจแล้ว”“ท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ ของพวกนี้เป็นของฝากจากแคว้นจ้านที่ข้ากับน้องซื้อมาฝากพวกท่าน ลองดูก่อนว่าชอบหรือไม่นะขอรับ” ฟางฉือห่าวเห็นบ่าวยกสิ่งของต่าง ๆ เข้ามามากมายจึงรีบออกหน้าให้พ่อกับแม่ของเขาก่อนที่จะบ่นน้องส
สี่ปีผ่านไป อ๋องน้อยและท่านหญิงที่ได้รับอนุญาตให้เข้าวังบ่อย ๆ วันนี้พวกเขาก็มาเล่นกับเสด็จปู่ เสด็จย่าที่ตำหนักเฟิ่งหวงพร้อมกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ โดยที่ฮ่องเต้ทรงงดเว้นธรรมเนียมให้กับหลานทั้งสองที่ร่าเริงสดใสของพระองค์“เจ้าดูสิ นับวันอ๋องน้อยยิ่งตัวสูงใหญ่กว่าเด็กทั่วไปมากนัก ช่างเหมือนจ้าวหลงตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด”“จริงด้วยเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันเองก็คิดว่าอ๋องน้อยน่าจะเติบโตขึ้นมาตัวสูงใหญ่เหมือนพ่อของเขาเป็นแน่” ฮ่องเต้กับฮองเฮาคุยกันพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า พวกเขาได้แต่นึกถึงตอนที่นำอ๋องเฉิงมาเลี้ยงในวัยเด็กแล้วก็ยิ่งอยากเลี้ยงอ๋องน้อยกับท่านหญิงอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนี้ทั้งสองพระองค์พระชนมายุมากแล้ว ไม่สามารถวิ่งเล่นกับหลาน ๆ ได้เหมือนเมื่อก่อนตอนเลี้ยงอ๋องเฉิง เพียงแค่ได้นั่งมองพวกเขาเล่นกัน ทั้งสองพระองค์ก็มีความสุขไม่น้อยแล้ว
เมื่ออ๋องน้อยมาถึงหน้าห้องคลอด พระองค์ทรงเห็นเสด็จพ่อนั่งรออยู่อย่างกระวนกระวาย อ๋องน้อยจึงเดินเข้าไปหาแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักเสด็จพ่อ อ๋องเฉิงไม่คิดว่าลูกชายจะมาเร็วขนาดนี้ ปกติอ๋องน้อยจะตื่นตอนสาย ๆ แต่วันนี้เขากลับมาที่นี่เพื่อเป็นกำลังใจให้พระองค์กับพระชายาที่กำลังจะคลอด“เด็จพ่อรอน้องกับข้านะขอรับ” เสียงเล็ก ๆ แสนรู้ความเอ่ยออกมาพร้อมอ้อมกอดน้อย ๆ ที่เอื้อมไปกอดคอพ่อของตนเอง“อืม… เจ้าเป็นพี่ที่ดี มานั่งดี ๆ รอน้องกันเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่มาให้กำลังใจเสด็จแม่ของเจ้า” อ๋องเฉิงลูบหัวบุตรชายแล้วปรับท่านั่งให้เขาได้นั่งบนตักอย่างสบาย ๆ ในห้องคลอด ซูซูปวดท้องมากจนนางอยากกรีดร้องออกมา แต่ด้วยนิสัยที่มักจะเก็บงำความเจ็บปวดเอาไว้ นางจึงทำเพียงกัดฟันอดทนแล้วหายใจตามจังหวะที่หมอตำแยกับแม่นมฉู่ช่วยกันบอกนางเท่านั้น“พระชายาอดทนอีกสักนิดนะเพคะ อีกไม่นานก็น่า
วันต่อมามีขบวนของขวัญจากวังหลวงและจวนตระกูลฟางยาวนับหลายลี้มาจอดอยู่เต็มหน้าจวนอ๋อง ทำเอาชาวบ้านชาวเมืองต่างอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นอีกแล้วกับจวนอ๋อง ขันทีที่ได้รับพระราชโองการแสดงความยินดีกับจวนอ๋องรีบประกาศราชโองการพร้อมกับพระราชเสาวนีย์ของฮองเฮาที่ร่วมแสดงความยินดีกับจวนอ๋องเช่นเดียวกัน“ข้าขอแสดงความยินดีกับจวนอ๋องที่กำลังจะมีทายาทอีกหนึ่งคน สิ่งของเหล่านี้เป็นของรับขวัญหลานคนที่สองของข้า หวังว่าการตั้งครรภ์ของพระชายาจะดำเนินไปอย่างราบรื่นปลอดภัยจนกว่าจะถึงวันประสูติ จบราชโองการ” ชาวเมืองที่พากันมามุงเมื่อได้ยินขันทีประกาศราชโองการเสียงดัง พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงได้มีขบวนของขวัญมากมายถึงเพียงนี้ สมแล้วที่จวนอ๋องได้รับพระเมตตาจากฮ่องเต้กับฮองเฮามาอย่างยาวนาน ไหนจะบ้านเดิมของพระชายาที่เป็นถึงคหบดีที่ร่ำรวยของแคว้นอีกเล่า ไม่แปลกที่เพียงแค่การตั้งครรภ์
สองสัปดาห์ต่อมา ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ซูซูรู้สึกหิวมากกว่าปกติอย่างไรก็ไม่ทราบ แถมนางยังชอบกินขนมหวานแทบทั้งวันอีกด้วย กระทั่งหลังอาหารเช้าวันนี้ ขณะที่นางกำลังอุ้มบุตรชายพาเดินเล่นอยู่นั้นนางก็เกือบจะล้มลงบนพื้นทั้งแม่และลูก ด้วยเพราะซูซูจู่ๆ ก็หน้ามืดไปเสียเฉย ๆ โชคดีที่อ๋องเฉิงวันนี้อยู่กับพวกนางด้วย พระองค์รีบรับร่างภรรยากับบุตรชายแล้วอุ้มทั้งคู่เข้าไปยังห้องนอนในเรือนเล็กของซูซูที่อยู่ใกล้ที่สุด อ๋องเฉิงรีบร้องบอกให้องครักษ์ไปตามหมอหลวงมาทันที ตอนนี้พระองค์ทรงเป็นห่วงภรรยาไม่น้อย เพราะตอนนี้นางยังไม่ลืมตาขึ้นมาเลย ส่วนบุตรชายของพระองค์ไม่ได้ตกอกตกใจอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ๋องน้อยเพียงแต่มองท่านพ่อที่เรียกคนให้นำผ้ากับอ่างน้ำมาเพื่อเช็ดหน้าให้กับท่านแม่ของพระองค์“ซูซู ซูซู เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ลืมตาขึ้นมาให้ข้าเบาใจหน่อยภรรยา อย่าทำให้ข้ากลัวเช่นนี้ ซูซู” อ๋องเฉิงเช็ดห
หนึ่งเดือนต่อมา อ๋องเฉิงที่ส่งทหารออกไปยังแคว้นจ้านเมื่อหลายเดือนก่อนก็ได้รับข่าวตอบกลับจากทหารที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงค่ายทหารนอกเมืองหลวง“ทูลท่านอ๋อง นี่เป็นจดหมายจากองค์ชายสามที่ให้กระหม่อมนำมามอบให้พระองค์เพื่อส่งต่อไปยังฝ่าบาทพะย่ะค่ะ เหตุการณ์ที่แคว้นจ้านนั้นสงบสุขดีพะย่ะค่ะ ตอนนี้องค์ชายสามก็ส่งขุนนางเดินทางออกไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับประชาชนทั่วแคว้นได้เกือบครึ่งปีแล้วพะย่ะค่ะ อีกทั้งพระชายาก็คลอดองค์ชายน้อยได้สามเดือนแล้ว จึงทำให้องค์ชายสามไม่ค่อยมีเวลาที่จะส่งข่าวกลับมาให้พระองค์พะย่ะค่ะ” อ๋องเฉิงพยักหน้ารับจดหมายจากทหารแล้วเปิดอ่านเนื้อหาด้านในก่อนที่จะเข้าวังและนำไปมอบให้กับเสด็จลุงของพระองค์ ภายในจดหมายนั้นเขียนถึงความสำเร็จในการซื้อใจประชาชนขององค์ชายสามและกองทหารรักษาเมือง ยิ่งเมื่อเหล่าประชาชนในแคว้นจ้านเห็นถึงความเมตตาขององค์ชายสามและขุนนางที่ตั้งใจจะมาพัฒนาแคว้นของ
“อืม… เอาล่ะ เราเลิกคุยเรื่องงานกันเถอะ ข้าอยากเล่นกับหลานแล้ว” อ๋องเฉิงเห็นท่าทางกระปรี้กระเปร่าของสหายที่พอพูดถึงหลานชายเข้าเมื่อไหร่ก็มักจะมีอาการเช่นนี้ พระองค์ได้แต่ยิ้มแล้วพาสหายเดินไปยังห้องโถงรับแขกที่เรือนเล็กของบุตรชายที่พระองค์สั่งคนเตรียมเอาไว้สำหรับอ๋องน้อยเมื่อเขาโตกว่านี้ในอีกไม่กี่ปี ในเรือนของอ๋องน้อยเต็มไปด้วยบ่าวรับใช้ที่คอยดูแลท่านอ๋องน้อยเวลาเล่นของเล่นอยู่ในห้องโถงรับแขกกับพระชายา ท่านตาและท่านยายที่มาเยี่ยมก่อนหน้าที่ลูกชายอย่างฟางฉือห่าวจะมาถึง“อ้าว ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันขอรับ”“พ่อกับแม่มากันตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้พ่อนำของเล่นใหม่มาให้อ๋องน้อยด้วยนะเจ้าดูสิ พ่อสั่งคนทำขึ้นมาเป็นพิเศษให้เขาเลยนะเนี่ย” ฟางเซียนหลงชี้ไปที่ม้าโยกไม้ที่ดูแ
หลังจากงานเลี้ยงฉลองครบรอบร้อยวันของอ๋องน้อย ฮ่องเต้ก็ทราบแล้วว่าใครเป็นคนบงการให้นักฆ่ามาลอบทำร้ายอ๋องน้อยของพระองค์ พระองค์ไม่คิดว่าจะเป็นเสนาบดีหลานอีกครั้ง ครั้งนี้พระองค์ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานใด ๆ นอกจากตั๋วแลกเงินที่อยู่ในตัวคนร้ายซึ่งมีตราประทับของจวนเสนาบดีหลานอย่างชัดเจน ถึงแม้พระองค์จะไม่รู้ว่าเขาใช้ใครไปจ้างคนก็ตาม อย่างน้อยตอนนี้พระองค์ก็มีทั้งพยานที่เป็นนักฆ่าและตั๋วแลกเงินซึ่งสามารถเอาผิดเสนาบดีหลานได้แล้ว ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้ทหารไปล้อมจวนเสนาบดีเอาไว้ตั้งแต่ทราบเรื่อง ก่อนที่พระองค์จะออกพระราชโองการให้ขันทีในวังไปประกาศความผิดที่หน้าจวนเสนาบดีหลานในวันถัดไป เสนาบดีหลานที่รู้ว่างานที่ส่งคนไปจัดการไม่สำเร็จอีกแล้วก็เตรียมตัวหนีออกจากจวน เพียงแต่เหล่าองครักษ์ที่คอยเฝ้าจวนเสนาบดีหลานไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้หนีไปง่าย ๆ พวกเขาส่งคนไปส่งข่าวกับทั้งฮ่องเต้และท่านอ๋อง กระทั่งจวนเสนาบดีหลานนั้นถูกล้อมรอบเอาไว้ทุกด้านจนแม้แต่แมลงสักตัวก็ไม่สามารถที่จะเข้าและออกได
ณ จวนเสนาบดีหลาน วันนี้เขาไม่ยอมไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนอ๋องเพราะรู้ว่าตนเองไม่อาจปั้นหน้ายิ้มแย้มให้กับคนที่สั่งประหารภรรยาและลูกสาวคนเดียวของเขาได้ โดยเขาได้ส่งพ่อบ้านไปส่งของขวัญและขออภัยท่านอ๋องซึ่งใช้ข้ออ้างว่าตนเองไม่สบาย จึงกลัวว่าจะทำให้คนอื่นไม่สบายตามไปด้วย แต่ความจริงแล้ว เสนาบดีหลานได้จ้างนักฆ่าไปจัดการอ๋องน้อยก่อนหน้าวันงานแล้ว โดยเขายังให้นักฆ่าแฝงตัวเป็นบ่าวในจวนที่นำของขวัญไปร่วมแสดงความยินดีแทนตัวเขา ไม่ว่านักฆ่าจะทำสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว เพราะทุกครั้งที่เขาสืบทราบว่าจวนอ๋องนั้นมีความสุขเพียงใด ในใจของเขากลับยิ่งแค้นใจมากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าความผิดของภรรยากับบุตรสาวที่จากไปของเขานั้นร้ายแรงขนาดไหน ในใจเขาก็ยังคงยอมรับการตัดสินโทษในครั้งนั้นไม่ได้อยู่ดี ที่จวนอ๋องในตอนนี้ เสนาบดีกรมพิธีการกำลังดำเนินพิธีตามราชประเพณีที่ให้ฮ่องเต้ ฮองเฮา ท่านอ๋องและพระชายาร่วมวางสิ่งของแทนเส้นทางในอ
หนึ่งวันก่อนงานฉลองร้อยวัน ตั้งแต่ซูซูคลอดอ๋องน้อยออกมา ตระกูลฟางก็แทบจะมาที่จวนอ๋องวันเว้นวันกันเลยทีเดียว พวกเขารักหลานคนแรกที่อวบอ้วนมากจนอดทนไม่ไหวที่จะห่างจากหลานหลายวัน ท่านอ๋องเองก็เช่นเดียวกัน หากไม่มีงานที่จะต้องออกจากจวน พระองค์ก็จะไม่ออกไปไหนนอกจากการช่วยภรรยาเลี้ยงดูบุตรชาย พระองค์ยังเคยขอลองชิมน้ำนมจากภรรยาแต่กลับถูกนางมองแรงใส่จนพระองค์ไม่กล้าขอชิมอีกเลย ด้วยกลัวว่าพระองค์จะได้ชิมกระบี่บินแทนที่จะได้กินนมเหมือนเจ้าลูกชาย ทำอย่างไรได้ในเมื่อพระองค์ไม่ได้ร่วมรักกับภรรยามาปีกว่าแล้วตั้งแต่นางตั้งครรภ์ พระองค์ใช่ว่าจะเป็นพระอิฐพระปูนเสียที่ไหน แต่ด้วยคำสั่งห้ามของภรรยาว่านางยังเจ็บแผลอยู่ จึงทำให้อ๋องเฉิงต้องอดทนมาจนกระทั่งลูกชายอายุจะครบร้อยวันในวันพรุ่งนี้แล้ว วันนี้ที่จวนอ๋องต่างวุ่นวายจัดเตรียมงานให้กับท่านอ๋องน้อยของพวกเขาอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องจากท่านอ๋องแจ้งไว้ก่อนหน้าแล้วว่าฮ่องเต้และฮองเฮาจะเสด็จมาเป็นประธา