Share

๑๓ รุนแรง

Penulis: Kaowsethong
last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-05 14:33:09

๑๓

รุนแรง

สัตวแพทย์สาวสวยเดินออกจากคลินิกของตนเองเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งหลังหมดเวลาตรวจ ใบหน้าหวานมีแววครุ่นคิดตลอดการเดินทางกลับบ้านเนื่องจากมีคนมาเล่าให้ฟังว่าพบพณณกรเดินควงกับผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มอยู่จตุจักรเมื่อวันหยุดที่ผ่านมาจึงทำให้จิตใจของหล่อนว้าวุ่นอย่างไม่เคยเป็น

ไม่มีทางที่ร่างสูงจะมาเมืองหลวงแล้วไม่โทรบอกเธอแน่ บางทีคนนั้นอาจตาฝาดทว่าเมื่อโทรศัพท์ไปหวังถามไถ่ก็ไม่มีการตอบรับจากชายที่เธอแอบรัก เพียรกดกว่ายี่สิบสายก็เหมือนเดิม

ยิ่งคิดมือก็สั่นเพราะความกลัวเริ่มคืบคลานมาช้าๆ ถ้าเขามีคนอื่นเธอจะทำอย่างไร หลายปีที่ผ่านมาพณณกรอยู่ตัวคนเดียว อาจมีบางครั้งที่นอนกับคนอื่น ทว่ามันก็แค่ชั่วคราว ไม่ได้จริงจังถึงขั้นลงหลักปักฐาน แล้วคนนี้จะเหมือนกันไหม

ทำไมถึงพาไปเดินจตุจักรทั้งที่ปกติหากมาบ้านเกิด ถ้าเธอไม่ชวนเขาก็จะหมกตัวอยู่แต่คอนโดหรือไม่ก็ทำธุระเกี่ยวกับไร่เท่านั้น ไหนจะครั้งที่เห็นอีกฝ่ายซื้อสร้อยคอโดยอ้างว่าเพื่อนฝากซื้อ คิดแล้วก็รู้สึกหายใจไม่ออก ต้องทุบที่อกหวังระบายความอึดอัดที่เหมือนมีหมอกมาคลุมทั่วรถ

"ฮัลโหลธี ว่างคุยหรือเปล่า" ในเมื่อติดต่อคนเป็นต้นเหตุให้หล่อนต้องเจ็บปวดไม่ได้ก็โทรหาเพื่อนชายซึ่งอยู่ด้วยกัน

'คุยได้ หนึ่งมีอะไรเหรอ' รู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนสนิทสนม แต่ชลธีก็ยังพูดสุภาพทุกครั้งอย่างหนุ่มตระกูลผู้ดีอันได้รับการอบรมจากครอบครัวมาตลอด

"ตอนนี้เอิร์ธเขามีใครไหม" เข้าประเด็นจนปลายสายเงียบไปและนั่นก็สร้างความกังวลให้หล่อนเป็นเท่าทวี เพื่อนคนนี้ไม่เคยโกหกสักครั้งแล้วที่เงียบไปหมายความว่าอย่างไร

'ผมว่าหนึ่งถามไอ้เอิร์ธเองดีกว่า'

ประโยคบอกปัดยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้ไปรยาว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่นอนและหากเค้นเอาความจริงกับเจ้าของไร่ผิวขาวก็คงไม่ได้ความ ถึงจะไม่โกหกแต่ก็ปิดบังจนไม่สามารถถามเอาความจริงได้

"เราโทรหาเอิร์ธไม่ติดเลย ถ้าเจอเขาบอกให้โทรกลับหาเราได้ไหม"

น้ำเสียงกังวลของเพื่อนทำเอาคนน้ำท่วมปากจำต้องรับคำเพราะความสงสาร

'มันติดงานถ้ากลับมาแล้วเราจะบอกให้โทรกลับหาหนึ่งนะ'

"ขอบคุณมากค่ะธี" วางสายไปแล้วจ้องมองไฟแดงนิ่ง เธอคิดว่าตนเองเดินเคียงข้างเขามาโดยตลอด ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะเข้าใกล้พณณกรได้และชายหนุ่มก็คงไม่มองใคร

แต่แล้วทุกอย่างก็ทำท่าจะพังลงมาเพียงเพราะมีคนเห็นร่างสูงเดินเคียงข้างหญิงสาวปริศนาท่าทางมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ อยู่กับเธอแค่ยิ้มยังยากเลย จะมีเพียงสัมพันธ์ทางกายที่เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรไปมัดตัวเขาไว้กัน ถึงใจจะไม่อยู่ขอแค่ตัวก็ได้

เธอยอมให้เขาหมดทุกอย่างแล้วจริงๆ

รถมินิคูเปอร์ขับเข้ามาจอดยังโรงรถของบ้านแล้วลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรงจนกระทั่งได้เห็นหน้ามารดาซึ่งกำลังเตรียมอาหารจึงพุ่งเข้าไปกอดทันที ทำเอาคุณผู้หญิงของบ้านชะงักมือจากสิ่งที่ทำ หันมามองใบหน้าของบุตรสาวเพียงคนเดียว

“เป็นอะไรลูก หน้าซีดเชียวงานหนักหรือ” เอ่ยถามนึกเป็นห่วง

จนไปรยาต้องส่ายหน้าพลางอมยิ้ม

“ไม่หนักค่ะ หนึ่งแค่คิดถึงแม่แล้วก็คิดถึงกับข้าวแสนอร่อยของแม่เท่านั้นเอง” อ้อนจนท่านผู้หญิงส่ายหน้าในความช่างเจรจาไม่เปลี่ยน ตั้งแต่เด็กเป็นอย่างไรโตขึ้นก็เป็นอย่างนั้น

“ถ้าคิดถึงก็ขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วมากินข้าวเย็น วันนี้พี่ชายเราก็กลับบ้านจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา”

พยักหน้าแล้วผละออกไปทันทีปล่อยให้มารดาจัดการที่เหลือ

โต๊ะอาหารทรงกลมที่ห้องอาหารถูกจับจองจนเต็มเพราะวันนี้บุตรชายสองคนกลับมาบ้าน ทั้งที่ปกติแทบไม่มาให้เห็นหน้า บรรยากาศเดิมกลับมาจนมีเพียงเสียงหัวเราะ

กระทั่งพี่ชายคนโตอย่างปวีร์หันมาเห็นใบหน้าน้องสาวคนเล็กมีแววกังวลจึงได้ถามเพราะเป็นห่วง

“ทำไมวันนี้ไม่สดใสเลยหนึ่ง มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” คุณหมอมือหนึ่งทางด้านหัวใจถามเสียงเรียบ

ขณะที่มือบางชะงักไปเล็กน้อย จนประมุขของบ้านจับสังเกตได้และมีเพียงไม่กี่เรื่องที่ทำให้บุตรซึ่งท่านภาคภูมิใจต้องเครียด

..หากไม่ใช่งานก็คงเป็นเรื่องหัวใจ

“เปล่าค่ะ หนึ่งแค่เหนื่อย” ถึงปากจะตอบแบบนั้นทว่าดวงตากลับหม่นหมองลงจนพี่ชายคนโตต้องหันไปสบตากับปกรณ์

“แล้วเรื่องแฟนของเราเมื่อไหร่จะพาเข้ามาหาพ่อสักที พวกพี่ก็รออยู่เหมือนกันนะ”

เหมือนลำคอตีบตันไปทันทีเมื่อปกรณ์เอ่ยถึงพณณกรที่ครอบครัวเข้าใจว่าชายหนุ่มคือคนรักทั้งที่ความจริงแล้วระหว่างเธอกับเขามีสถานะเป็นเพียงคู่นอนเท่านั้น

“ช่วงนี้เอิร์ธเขายุ่งค่ะ ไร่ยังไม่เข้าที่ถ้าว่างเมื่อไหร่หนึ่งจะชวนเขามาบ้านทันทีเลย”

ปวีร์ไม่ใคร่ชอบใจแฟนของน้องสาวด้วยรู้กิตติศัพท์ความเจ้าชู้ทั้งยังทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา ไม่เข้าตามตรอกออกตามประตูลักลอบพบกันในที่ลับ ไม่รู้น้องสาวสึกหรอไปแค่ไหนแล้ว

ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจ

“ถ้าว่างก็พาเข้ามา” ประมุขของบ้านตัดบทเพราะเห็นท่าไม่ดีกลัวจะทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเครียดไปด้วย กว่าจะว่างตรงกันมีไม่บ่อยนัก ปวีร์เองก็มีผ่าตัดทุกวัน ลากยาวไปถึงเที่ยงคืนก็มี จึงอาศัยอยู่คอนโดใกล้สถานที่ทำงาน ไม่ค่อยว่างกลับบ้าน

ปกรณ์เองก็เช่นกันเพราะบริษัทกำลังก่อร่างสร้างตัวจึงรับงานทุกอย่าง ทำเอาแทบไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหนจนกระทั่งวันนี้ที่มารดาขอให้กลับมาบ้าน จึงต้องเคลียร์งานแล้วทำตามคำสั่งของผู้ให้กำเนิดมานั่งท่ามกลางพี่น้อง

ตระกูลรักษาชัยสิทธิ์มีการเลี้ยงดูลูกที่เข้มงวดจากฝั่งบิดาและได้รับความอบอุ่นจากมารดา ชื่อเล่นของบุตรแต่ละคนล้วนตั้งเพื่อต้องการให้เป็นที่หนึ่ง ปวีร์มีชื่อเล่นว่าเฟิร์ส ส่วนปกรณ์คือท็อปและบุตรสาวคนสุดท้ายที่หวงหนักหนาอย่างหนึ่ง ซึ่งแต่ละคนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง กวาดเกรดเฉลี่ยสี่จุดศูนย์มาให้ชื่นชมทุกเทอม จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง ทั้งหมดสร้างความภาคภูมิใจแก่บุพการียิ่งนัก

แต่ตอนนี้จะเป็นห่วงก็แต่เรื่องคู่ครองที่ไม่มีทีท่าว่าจะออกเรือนสักคน ปวีร์ไร้วี่แววว่าคบกับใครมีเพียงงานที่เป็นหนึ่งในใจ ส่วนปกรณ์ก็คบไปทั่วจนกลัวจะทำใครเขาท้องไม่ก็ติดโรคเข้าสักวันต้องปรามให้เพลาลง ไปรยาเองก็คบผู้ชายเพียงคนเดียวตั้งแต่เรียน หลายปีมาแล้วก็ไม่มีทีท่าจะพัฒนาจนเริ่มหนักใจ

“คุณพ่อคะ แผนโรงพยาบาลสัตว์ที่วางไว้ถึงไหนแล้วคะ”

“อีกไม่นานก็คงเปิดให้บริการ เหลือเก็บรายละเอียดเล็กน้อยภายในเล็กน้อยนี่พ่อก็เปิดรับสมัครสัตวแพทย์หลายอัตรา”

โรงพยาบาลสัตว์รักษาชัยสิทธิ์ถือเป็นโครงการใหญ่ที่คุณมนตรี รักษาชัยสิทธิ์ลงทุนเพราะเห็นถึงเม็ดเงินจากกลุ่มสัตว์เหล่านี้ บรรดาคุณนาย ไฮโซหรือเหล่าดาราเซเลบรีตี้ทุ่มเงินเพื่อดูแลสัตว์เลี้ยงแล้วค่าใช้จ่ายก็สูงเหลือเกิน แค่ค่ายาก็พันกว่าหากลงทุนก็คงไม่เสียแรงเปล่า

“ลูกก็เข้าไปทำด้วยนะ พ่ออุตส่าห์บอกหุ้นส่วนว่าหนูจะเข้าทำงานที่นั่น”

“ค่ะ” ตอบรับสั้นก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารด้วยใบหน้าหม่นหมอง

จนคุณปภาวรินทร์ผู้เป็นมารดาต้องหันไปมองสามี

“ช่วงนี้พ่อเห็นลูกทำงานหนัก ยังไงหยุดสักเดือนไปพักผ่อนดีไหม ที่ไร่ของแฟนลูกก็ได้ พ่ออนุญาต”

ได้ยินอย่างนั้นใบหน้าที่เคยหมองก็ส่องประกายสดใสจนต้องลุกขึ้นไปกอดบิดาจากทางด้านหลังพร้อมฉีกยิ้มกว้าง

จนพี่ชายทั้งสองต้องส่ายหน้า

“ขอบคุณนะคะพ่อ หนึ่งรักพ่อที่สุดเลย”

ปวีร์ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก ทำท่าจะแย้งแต่เมื่อสบตามารดาก็จำต้องเงียบไว้ ราวกับว่าท่านตกลงกันเรียบร้อยทั้งสองคน

“ยิ้มเชียวนะน้องสาว” ปกรณ์แซวอย่างหมั่นไส้

ทว่าน้องสาวไม่สนใจเมื่อผละจากบิดาก็เดินออกห้องอาหารทำเอาคนเป็นแม่ต้องเรียก

“นั่นจะไปไหนลูก ไม่กินข้าวเหรอ”

“อิ่มแล้วค่ะหนึ่งจะไปจัดกระเป๋า ขอตัวแล้วกันนะคะ” มีเพียงเสียงตะโกนเพราะเจ้าตัววิ่งขึ้นบ้านไปเตรียมตัวเดินทางแล้ว ใจดวงน้อยล่องลอยไปยังชายผู้เป็นเจ้าของมัน

ในขณะที่พี่ชายคนโตกลับนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะไม่ชอบว่าที่น้องเขยสักนิด เขาหวงน้องสาวอาจเพราะอายุที่ต่างจึงคิดว่าไปรยาเหมือนลูกสาวของตน เลี้ยงมาเองกับมือยามบิดามารดาไม่ว่าง พอเห็นหล่อนรักใครจริงจังก็อยากช่วยสแกนผู้ชายให้และเขาเห็นว่าพณณกรไม่ผ่านสักนิด ไร้ความจริงใจ ไม่มีมารยาท ไม่เข้าใจน้องรักได้อย่างไร

ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าบางทีความรักก็ไม่มีเหตุผลหรอก แค่รัก..เท่านั้นเอง

บุลลาไม่ได้บอกใครเรื่องนี้ ยกเว้นนุ่มนิ่มที่กลายเป็นเพื่อนสนิทไปโดยปริยายอาจเพราะหญิงสาวค่อนข้างหัวอ่อนและไม่ค่อยโต้เถียงหล่อนเท่าไหร่อีกทั้งยังสามารถเก็บความลับได้ดีทำให้กลายเป็นที่ระบายเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้

“จะไปไหน” วันเสาร์ที่ควรหยุดทว่าภรรยากลับลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้าจนร่างสูงที่งัวเงียลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงเอ่ยถามเสียงแหบเพราะยังไม่ตื่นเต็มตา

“ฉันจะเข้าไปซื้อของกับนิ่ม น่าจะกลับค่ำๆ” วันนี้ใช้ข้ออ้างซื้อของแต่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะใช้ข้ออ้างอะไรคนตัวสูงจึงจะเชื่อ

“เธอเพิ่งไปซื้อวันก่อนไม่ใช่เหรอ” เลิกคิ้วถาม

ขณะที่คนโดนจับโกหกได้ก็มีท่าทีเลิ่กลั่กแล้วมากอดเอวหนาอย่างออดอ้อน

“วันนั้นซื้อของใช้แต่วันนี้จะไปซื้อชุดสวยๆ มาใส่ นะคะพี่เอิร์ธ ขอไปนะคะ” เจอลูกอ้อนแบบนี้คนอย่างนายพณณกรมีหรือจะไม่ยอม จำต้องพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้แต่ก่อนไปก็จูบอรุณสวัสดิ์กันก่อนเกือบเลยเถิด ดีที่ร่างบางรีบผละออกแล้วเดินไปรอเพื่อนสนิทที่ทางระหว่างออกจากไร่

หล่อนรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับไปทำงานอีกครั้ง ระหว่างทางจึงพูดคุยเพื่อนอย่างออกรสก็ได้ความมาว่านุ่มนิ่มเองถูกเปลี่ยนวันหยุดจากที่เคยทำทุกวันเว้นเสาร์ก็ให้มาทำวันเสาร์แล้วหยุดวันพฤหัสบดีแทนทั้งยังเปลี่ยนตารางการทำงานอีกด้วย อภิสิทธิ์นี้ทำเอาพนักงานคนอื่นต่างนำไปนินทากันว่าบุลลากลายเป็นเด็กเสี่ย

เมื่อถึงโรงแรมร่างสูงก็ออกไปต้อนรับเกินหน้าเกินตา ทำให้เกิดความกระอักกระอ่วนจนหล่อนต้องขอร้องเขาเลิกดูแลตนเองอย่างนี้เสียทีเพราะไม่อยากโดนคนอื่นเขม่นไปมากกว่านี้ ซึ่งเสี่ยใหญ่ก็รับปากทว่าไม่รู้จะทำได้มากแค่ไหน

พณณกรลุกขึ้นอาบน้ำวันนี้มีตรวจสุขภาพของวัวจึงต้องเข้าฟาร์มแต่เช้า ออกจากห้องก็เห็นอาหารที่ภรรยาเตรียมไว้ให้เป็นแซนด์วิชชิ้นโตกับกาแฟเข้ม เขาคว้ามากินเพียงสามคำก็หมดพร้อมยกคาเฟอีนดื่มพร้อมสำหรับการทำงานในเช้าวันหยุด

ควบมอเตอร์ไซค์คู่ใจไปยังคอกวัวที่มีคนงานคอยท่าสี่คน พร้อมกันนั้นยังมีแม่บ้านของไร่อย่างฟ้ามุ่ยยืนอยู่ด้วย ทว่าร่างสูงไม่ได้สนใจมุ่งไปที่งานของตนเอง

นำวัวเข้าซองเพื่อง่ายต่อการตรวจหรือรักษาโดยมีคนช่วยล้อมรอบ ท่ามกลางแดดเปรี้ยงยังมีลมพัดพอให้คลายความร้อนได้บ้างแต่เหงื่อก็ออกเต็มแผ่นหลังกว้าง จนหญิงร่างอวบต้องอมยิ้มเดินเอากระดาษทิชชู่มาซับหน้าให้

“ขอบใจ” เขาเอ่ยโดยไม่แม้แต่จะหันไปมองด้วยซ้ำ พุ่งความสนใจไปยังงานที่ต้องการความแม่นยำจนกระทั่งทุกอย่างเรียบร้อยจึงละมือจากสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้าถอดถุงมือสำหรับการตรวจสัตว์ออก เหลือบมองผู้หญิงคนเดียวที่ยังยืนมองด้วยความสนใจ

เธอรับรู้ได้ว่ามีคนมองจึงหันไปสบตาก็เห็นความคุกรุ่นในแววตาคู่นั้นจนลอบกลืนน้ำลาย ข่าวที่จะมาบอกอาจเป็นหมันเมื่อร่างสูงทำท่าเหมือนจะเข้ามาขย้ำหล่อนเนื่องจากยืนเกะกะการทำงานจนฟ้ามุ่ยต้องทำใจดีสู้เสือ

“เอ่อ คุณเอิร์ธคะพอดีฟ้ามีเรื่องจะมาบอกคุณค่ะ” ค่อยเดินเข้าไปใกล้แต่ก็เว้นระยะห่างไว้เล็กน้อยเพราะกลัวทำอะไรไม่ถูกใจพ่อเจ้าประคุณอาจหลังแหวนใส่ก็เป็นได้

“ฉันไม่ว่าง เธอจะไปไหนก็ไป” บอกปัดทันทีนึกรำคาญใจเพราะไม่เห็นว่าผู้หญิงคนนี้จะช่วยงานตรงไหนมายืนเกะกะเสียเปล่า

“แต่เรื่องที่จะบอกเกี่ยวกับบัวนะคะ”

จากที่คิดจะเดินหนีก็หยุดชะงักแล้วหันมามองผู้ร้ายในคราบคนดีด้วยแววตาใคร่รู้

“มีอะไรก็ว่ามา ฉันไม่มีเวลาให้เธอทั้งวันหรอกนะ”

ยังคงไว้มาดแต่การที่เขาหยุดฟังก็เพียงพอแล้ว ฟ้ามุ่ยรีบหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแล้วเปิดวิดีโอที่ถ่ายเก็บเอาไว้พร้อมเล่นส่งให้เขาทันที

และหลังจากนั้นใบหน้าคมที่เคยเรียบสนิทก็ขึ้นสีอย่างน่ากลัว ไอร้อนของร่างสูงทำเอาแม่บ้านสาวจำถอยห่างออกสองก้าวทั้งที่ใจก็กลัวว่ามือถือของตนอาจย่อยยับเพราะน้ำมือชายตรงหน้า ลอบกลืนน้ำลายเมือเห็นเขากำมือแน่น ขณะที่เสียงโดยรอบเริ่มเงียบหันมามองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสงสัย

โอ้เห็นท่าไม่ดี ทำท่าจะเข้าไปห้ามแต่ยังไม่ทันจะก้าวไปไหนก็ถูกเพื่อนสนิทคว้าไว้เสียก่อน หากเข้าไปตอนนี้หวิดเสียโฉมอย่างแน่นอน ดูจากใบหน้าเอาเรื่องของเจ้านายแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก แน่นอนว่ามันอาจจะใหญ่ระดับสึนามิ

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!”

เป็นอย่างที่ฟ้ามุ่ยนึกกลัวเพราะโทรศัพท์ของเธอโดนทุ่มลงบนพื้นระบายความโกรธจนแตกละเอียด สร้างความเสียใจแก่เจ้าของจนทรุดลงนั่งมองอย่างไร้เรี่ยวแรง

คนงานที่คุมเชิงต่างพากันถอยหนีเมื่อเห็นดวงตาคมแข็งกร้าวก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็วจุดหมายคือร้านเสื้อผ้าสักแห่งที่อยู่ในตัวอำเภอ

กัดฟันกรอดเมื่อคิดถึงภาพแสนหวานที่เหมือนโลกนี้มีเพียงสองคน ในที่สุดเขาก็ได้รู้แล้วว่าเงินไม่กี่แสนไม่อาจรั้งให้บุลลาอยู่ข้างกายได้ ความต้องการของหญิงสาวมากกว่านั้นจนไม่สนใจว่าผู้ชายที่ควงอายุมากกว่าตนเองเกือบรอบ

เขาใช้ความเร็วขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามทางของไร่จนฝุ่นตลบ ความหึงมันเข้าตาจนแทบไม่สนว่าการใช้ความเร็วขนาดนี้หากเกิดอุบัติเหตุตนเองอาจไม่รอดชีวิต จนกระทั่งมีรถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาและเขาขับรถกินเลนมายังอีกฝั่ง ดวงตาคมเบิกกว้างขึ้นรีบหักหลบลงข้างทางที่เป็นทุ่งหญ้ากว้าง

ความเจ็บแล่นไปทั่วกายแต่ดีที่เขาล้มตรงผืนหญ้าจึงไม่เป็นแผลมีเพียงความปวดจากรถล้มเท่านั้นก่อนที่เจ้าของรถมินิคันเล็กจะลงมาดูด้วยความเป็นห่วง

“เอิร์ธเป็นอะไรมากไหม หนึ่งขอโทษนะคะ”

ผู้หญิงที่ปรากฏกายตรงหน้าทำให้ร่างสูงเงียบสนิท ไม่คิดว่าหล่อนจะมาที่ไร่แห่งนี้ ร้อยวันพันปีไม่เคยเหยียบย่างมาด้วยซ้ำแต่วันนี้กลับเป็นคนขับมาเอง

“ตายแล้ว ข้อศอกคุณถลอก ไปทำแผลนะคะ เดี๋ยวหนึ่งพาไป” มองอย่างตกใจแล้วพยุงร่างสูงให้ลุกขึ้นประคองเขาไปที่รถยนต์ของตนเองขณะที่คนอารมณ์เสียไม่ได้ท้วงติงแต่อย่างใดหันมามองใบหน้าสวยอย่างขบคิดว่าควรทำอย่างไรกับเธอ

“คุณมาได้ยังไง” ระหว่างที่ร่างบางกำลังมองกระจกเพื่อกลับรถจึงเอ่ยถามทำลายสมาธิ

“คุณพ่อให้มาพักผ่อนค่ะ หนึ่งเลยมาหาคุณ”

ใช้เวลาไม่นานรถก็แล่นออกไปจากไร่รุ่งอรุณ ปล่อยรถมอเตอร์ไซค์คันเก่านอนอยู่ข้างทางสร้างความสงสัยให้แก่ผู้ที่มาพบยิ่งนัก

แม้กระบุลลาที่เลิกงานเวลาบ่ายสาม หล่อนกลับมาพร้อมปอเปี๊ยะเจ้าดังที่ต้องไปต่อแถวยาวกว่าจะได้มา

หวังว่าเขาจะชอบและชดเชยที่หลอกเอาไว้ได้ ขณะที่ซ้อนท้ายนุ่มนิ่มเข้ามาในไร่ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของสามีตกอยู่ข้างทางโดยไร้เจ้าของ

“เดี๋ยวก่อนนิ่ม หยุดรถก่อน”

สัมผัสได้ถึงความร้อนรนในน้ำเสียงจึงหยุดรถ ปล่อยให้คนซ้อนท้ายลงจากเบาะแล้วรีบวิ่งไปยังรถของสัตวแพทย์หนุ่มซึ่งนอนอยู่ข้างทาง

..เกิดอะไรขึ้นกับพณณกรอย่างนั้นหรือ

“อ้าว รถคุณเอิร์ธไม่ใช่เหรอ” คนที่ตามมาถามอย่างสงสัย

“ใช่ แล้วเขาอยู่ไหน ขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหม ฉันยังไม่ได้ซื้อ” จากที่ชายหนุ่มทำเครื่องมือสื่อสารหล่อนพังก็ไม่มีโอกาสได้ซื้อ อันที่จริงลืมไปแล้วด้วยซ้ำเพราะแต่ละวันชีวิตก็ไม่ได้อัพเดทอะไรมากแทบจะไม่มีคนโทรหาด้วยซ้ำ

ทว่าเมื่อนุ่มนิ่มยืนโทรศัพท์ให้ก็ชะงักเพราะเธอจำเบอร์ของอีกฝ่ายไม่ได้ กำมือแน่นด้วยความร้อนรนจนเพื่อนต้องเข้ามาจับมือ

“ใจเย็นก่อนนะบัว มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้”

ใบหน้าหวานกังวลจนมือสั่น

“พาฉันไปบ้านคุณธีหน่อยสิ เขาอาจจะรู้ก็ได้”

..หวังว่าเจ้าของไร่จะไม่ออกไปไหนนะ

หล่อนรีบซ้อนท้ายนุ่มนิ่มไปยังบ้านของชลธี ในใจก็ภาวนาให้ไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น ดีที่ไม่เห็นหยดเลือดแสดงว่าชายหนุ่มคงไม่เป็นอะไร

..แล้วทำไมถึงทิ้งรถไว้อย่างนั้น..

คิดอย่างสงสัย

ในขณะที่คนเจ็บนั่งรอยาอยู่คลินิกในตัวอำเภอ

“ยาแก้ปวดแล้วก็ยาทาแผลค่ะ” ร่างบางจัดการเองทุกอย่างด้วยสีหน้าเป็นห่วง

ทว่าคนเจ็บกลับไม่แสดงอาการอะไรทั้งสิ้นตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวคือต้องการตามบุลลากลับมาพูดคุยกันให้รู้เรื่องว่ามันเป็นมาอย่างไร

“เรากลับกันเถอะค่ะ เอิร์ธจะได้พัก” ประคองร่างสูงทั้งที่จริงเขามีเพียงแผลถลอกและปวดที่ไหล่นิดหน่อยเท่านั้น

จนต้องขืนตัวออกห่างเล็กน้อย

“ผมไม่ได้เจ็บเท่าไหร่”

“แต่หนึ่งอยากช่วยนิคะ ให้หนึ่งได้ทำหน้าที่..เพื่อนบ้าง” กำลังจะพูดคำว่าแฟนแต่เมื่อเห็นแววตาคมมองมาก็เปลี่ยนสถานะให้ตนเองทันทีเพราะดูว่าเขาอาจไม่ชอบใจ บางทีก็นึกนับถือตนเองเหมือนกันที่รักพณณกรได้นานขนาดนี้

ทั้งที่เขาไม่มีท่าทีใดตอบกลับมาเลยและชัดเจนกับสถานะคู่นอนเสมอ

“ขอบคุณ” เห็นใบหน้าหวานเจื่อนก็รู้สึกผิดจึงเป็นฝ่ายเข้าไปโอบไหล่เล็กก่อนจะเอ่ยคำขอบคุณที่หล่อนพาเขามา ทั้งที่จริงไม่ได้เป็นคนผิดสักนิด หากจะโทษก็คงเป็นตนเองไม่รู้จักระมัดระวังจนต้องเดือดร้อนคนอื่น

“ไปบ้านธีแล้วกันนะคะ หนึ่งจะได้เอากระเป๋าไปเก็บด้วย” เอ่ยขณะออกจากคลินิก

“ตามใจคุณ”

ไม่ได้ตอบกลับอีกปล่อยให้ความเงียบเกิดขึ้น

รถคันเล็กขับกลับไปยังไร่รุ่งอรุณ ปลายทางคือบ้านหลังใหญ่ของชลธีใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดหมาย สายตาคมหันไปเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของนุ่มนิ่ม ก็รีบเปิดประตูลงไปแล้วปิดประตูเสียงดังจนไปรยาสะดุ้งแล้วรีบเดินตามเขาเพราะรับรู้ได้ถึงบรรยากาศมาคุซึ่งโอบล้อมตัวชายหนุ่ม

และเมื่อเข้ามาก็ได้พบว่าบุลลากำลังนั่งคุยกับชลธีอยู่ห้องรับแขก ใบหน้าคมนิ่งขรึมพยายามข่มความรู้สึกทั้งหมดแล้วเดินไปกระชากที่ข้อมือเล็กให้ลุกตามแรงดึง

“โอ๊ย” คนไม่ทันตั้งตัวก็ลุกขึ้นเซไปซบแผงอกหนาของสามี

สร้างความตกใจให้แก่สายตาทั้งสามคู่ที่มองโดยเฉพาะไปรยาที่เห็นท่าทางสนิทสนมของชายคนรักก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ความกลัวที่กัดกินใจตลอดระยะทางที่มาไร่รุ่งอรุณกำลังร้องเตือนให้รู้ว่ามันไม่ใช่แค่ข้อสันนิษฐาน

เพราะสิ่งที่เคยนึกกลัวมันเป็นความจริงต่างหาก

“อะไรกันเอิร์ธ ทำไมต้องรุนแรงกับคุณบัวด้วย” ชลธีลุกขึ้นเอ่ยถามเสียงขรึมเมื่อมองที่ข้อมือเล็กซึ่งแดงเถือกเป็นรอยนิ้ว

“มึงไม่ต้องยุ่ง” เขาใช้ประโยคสุภาพกับเพื่อนเล็กน้อยแล้วหันหลังเตรียมพาร่างเล็กออกจากบ้านหลังนี้ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสบตากับไปรยาที่ยืนนิ่ง ไม่ต่างกับบุลลาซึ่งจ้องผู้หญิงรูปร่างสะโอดสะองด้วยความสงสัยปนหวั่นใจ

ดูจากสายตาที่มองมายังสามีหล่อนไม่น่าไว้ใจสักนิด

“อ้าวหนึ่ง คุณมาได้ยังไง” ร่างสูงเดินไปหาเพื่อนร่วมคณะอย่างสนิทสนม

“มาพักผ่อนค่ะ ขออยู่ที่นี่สักพักได้ไหมคะ” ข่มความเจ็บปวดเอาไว้ยามมองมือหนาที่พันธนาการร่างเล็กเอาไว้ กลับไปตอบชลธีเสียงใส

“ได้ครับ ผมยินดีต้อนรับ”

ถึงจะพูดกับเจ้าของไร่ผิวขาวทว่าหล่อนกลับจ้องเพียงบุลลาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามก่อนจะมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูแคลน ไม่นึกว่าผู้หญิงที่ได้ยินข่าวลือจะดูบ้านขนาดนี้ เสื้อผ้าตามตลาดนัด ใบหน้าหาได้ดาษดื่นตามงานมอเตอร์โชว์ทั่วไป

คนถูกมองรู้สึกใบหน้าร้อนเห่อสัมผัสได้ถึงการดูถูกจนไม่ถูกชะตากับผู้หญิงตรงหน้า หล่อนพยายามเชิดหน้าทำเหมือนไม่สนใจ ดวงตาที่กำลังสแกนทั้งที่ความจริงหัวใจสั่นไหว

“เอิร์ธไม่คิดจะแนะนำให้หนึ่งรู้จักเธอเหรอคะ”

ไม่รู้ว่าหมอกควันมาจากไหนเพราะเมื่อคำถามนั้นจบลง บ้านทั้งหลังก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเครื่องปรับอากาศ มันกดดันจนบุลลาหายใจไม่ออก หันไปมองใบหน้าคมที่นิ่งงัน แววตามีความไม่มั่นใจอยู่ในนั้น ก็นึกน้อยใจจนบิดข้อมือออกจากการจับของเขา

และมันหลุดอย่างง่ายดายราวเขาไม่ได้ใส่ใจจะจับ มัวแต่พุ่งความสนใจไปที่ใบหน้าสวยหวานจนผู้หญิงยังอิจฉา เสื้อผ้ายี่ห้อหรู มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของห้องเสื้อดังซึ่งเธอคงไม่มีวันได้ใส่แน่นอน

“ว่ายังไงคะ เธอเป็นใคร” ถามย้ำอีกครั้งจนพณณกรต้องยอมบอกอย่างจำนน

“นี่บัว ภรรยาของผม”

เพียงเท่านั้นเรี่ยวแรงที่มีก็หายไป จนชลธีต้องเข้าไปประคองเอาไว้แววตากลมโตคลอน้ำตาแต่อดกลั้นเอาไว้ ไม่ให้มันไหลประจานความโง่ ในขณะที่บุลลากลับชื้นใจเมื่อได้ยินสถานะของตนเองจากปากสัตวแพทย์หนุ่มที่บอกต่อหน้าผู้หญิงเพียบพร้อมคนนี้

..เธอยังสำคัญกับเขา

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัว”

ไม่มีใครห้ามปล่อยให้ทั้งคู่เดินไปยังโรงรถแล้วร่างสูงก็กดเปิดประตูรถยนต์ของตนเองที่ฝากชลธีเอาไว้ ลากคนตัวเล็กขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็วด้วยแรงอารมณ์โกรธ

ภาพเคลื่อนไหวที่เห็นยังติดตาไม่อาจลบออกได้ง่าย

“เอ่อ ฉันซื้อปอเปี๊ยะเจ้าอร่อยมาให้นายด้วยนะ” ดีที่ถือไว้ตลอดไม่วางจึงหยิบติดมือมาด้วยขณะที่โดนเขากระชาก หล่อนพยายามสร้างบรรยากาศที่ดี แต่คนขับไม่ให้ความร่วมมือ เขาทำเพียงมองทางข้างหน้าเพิ่มความเร็วจนน่ากลัว “ลดความเร็วหน่อยได้ไหม ฉันกลัว” ยิ่งได้ยินเสียงเล็กสั่นเขาก็ได้ใจ เหยียบเพิ่มความเร็วไม่สนใจเสียงกรีดร้อง ต้องการระบายอารมณ์โมโหที่เกิดขึ้นโดยไม่สนใจสักนิดว่าคนที่นั่งมาด้วยจะรู้สึกเวียนหัวคล้ายจะอาเจียนก่อนรถจะหยุดที่เรือนหลังเล็ก

ร่างสูงเดินไปเปิดประตูข้างคนขับอย่างรวดเร็วดึงมือเล็กให้เข้าบ้าน ใช้กุญแจเปิดประตูผลักเสียงดังแล้วปิดพร้อมลงกลอน กลายเป็นห้องปิดตายทันที

“เธอไปเจอไอ้เสี่ยกรรชัยมาใช่ไหม” ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาเริ่มเข้าเรื่องทันที

จนคนมีชนักติดหลังลนลานส่ายหน้าปฏิเสธ

“เปล่านะ ฉันไม่ได้เจอเสี่ย”

ยิ่งได้ยินสรรพนามที่ใช้เรียกผู้บริหารหนุ่มใหญ่ก็นึกโมโหเพราะมันคล้ายว่าเมียของเขาเป็นอีหนูในสต็อกของผู้ชายคนนั้น

“เลิกเรียกมันว่าเสี่ยได้ไหม! เป็นเมียมันหรือไง” เขาเริ่มพาลโดยไม่สนว่าทุกคนก็เรียกกรรชัยว่าเสี่ยกันหมด

บุลลาเริ่มทำตัวไม่ถูกพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบด้วยการกอดแขนเขาไว้แม้ตนเองจะกลัวมากแค่ไหนก็ตาม

“ไม่ใช่ ฉันเป็นเมียนายคนเดียว”

ใบหน้าคมแสยะยิ้มก่อนจะผลักหล่อนออกห่างราวรังเกียจนักหนา เขาคว้าถุงอาหารเวียดนามที่หล่อนอุตส่าห์ไปต่อแถวซื้อทั้งที่เหนื่อยจากงานมาทั้งวัน

บุลลายิ้มอย่างดีใจนึกว่าร่างสูงลดความโกรธลง ทว่าสิ่งที่หวังไม่เป็นจริงเพราะเขาขว้างปอเปี๊ยะไปกระแทกผนังจนมันหล่นลงมายังพื้น

“แล้วที่เธอไปนั่งหัวเราะต่อกระซิกกับไอ้เสี่ยนั่นหมายความว่ายังไง บอกฉันหน่อยสิ! ฉันให้โอกาสเธอสวมเขาให้ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหมดโอกาส ตอบมา!” คว้าแขนเล็กเข้าหาตนพลางบีบจนใบหน้าหวานเหยเก

“นายพูดเรื่องอะไรฉันไม่เข้าใจ” ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอเต็มหน่วยก่อนจะไหลลงมาในที่สุด

“อย่ามาแสร้งบีบน้ำตา วิธีสำออยแบบนี้ใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก” กัดฟันบอกเสียงเข้มไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะเค้นเอาความจริงจากหล่อนให้ได้

“ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ” ยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธ

จนเขาแสยะยิ้มนึกสมเพช หากไม่ได้เห็นวิดีโอคงจะหลงเชื่ออีกครั้ง

“รู้ไหมว่าผู้หญิงอย่างเธอมันก็เหมือนอีตัวที่เอาร่างกายเข้าแลก ใครให้เงินเยอะก็เร่ไปหาคนนั้น น่าสมเพชสิ้นดี!” มือหนาคว้าแก้วที่อยู่ใกล้เขวี้ยงบนพื้นระบายความโกรธ

จนร่างบางตัวสั่นหลับตาแน่น

“นายเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ด้วย” ลืมตามองพื้นที่มีแต่เศษแก้วก็ถามกลับ ถึงจะกลัวแต่ความโมโหก็มีไม่น้อยเลย ทำงานมาเหนื่อยยังต้องเจอสามีที่จ้องจะหาเรื่องตลอดเวลาก็ทำให้เกิดความไม่พอใจ มองไปยังอาหารซึ่งอุตส่าห์ซื้อมาให้ ทว่าเขากลับโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี

“แล้วเธอล่ะ ไปอยู่กับไอ้เสี่ยนั่นมาทั้งวันเป็นไงบ้าง” ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะจับทุกเรื่องมาโยงใส่กัน

“ฉันไปทำงาน ไม่ได้เจอใครทั้งนั้นแหละ” ตอบกลับโดยลืมเสียสนิทที่ตนเองโกหกเขาเอาไว้

และพณณกรเมื่อได้ยินก็ยกยิ้มมุมปาก

“หึ งานอย่างนั้นเหรอ งานอะไรล่ะ อ้าขาให้ไอ้กรรชัยใช่ไหม” ถามเสียงยียวนพลางทำหน้าตากวนประสาทอีกทั้งแววตาดูถูก

ทำให้ใบหน้าหวานโกรธจัดจนยกมือขึ้นหมายจะฟาดลงบนหน้าคมแต่ก็ถูกขัดเมื่อเขายกมือขึ้นจับเอาไว้

“อย่าคิดว่าจะได้ทำร้ายฉัน ผู้หญิงอย่างเธอมันก็หาซื้อได้ตามตลาด แค่มีเงินก็วิ่งตามไปทั่ว น่าสมเพชสิ้นดี”

คำพูดกล่าวหาทั้งที่ไม่รู้ความจริงทำให้บุลลาเลือดเข้าตา

“ใช่ ฉันเห็นแก่เงินใครเงินหนาก็ไปหา ฉันนอนกับเสี่ยกรรชัยเพราะเขารวย พอใจนายแล้วใช่ไหมนี่หรือเปล่าสิ่งที่อยากได้ยิน” ในเมื่อไม่เชื่อความจริงที่เธอพูด ก็ตอบในสิ่งที่เขาต้องการได้ยิน เผื่อจะเลิกเป็นหมาบ้าเสียที แต่ร่างบางไม่รู้เลยว่านั่นกลับไปกระตุ้นความโกรธให้เพิ่มขึ้นไป

จนร่างสูงร่างคนตัวเล็กไปที่ห้องนอนแล้วโยนลงบนเตียงเหมือนครั้งนั้นไม่มีผิด

“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”

“อ๋อ เอากับฉันมันบ้า แต่ไปอ้าขาให้คนที่ไม่ใช่ผัว เธอนี่มันเมียดีเด่นจริงๆ”

ร่างเล็กที่อยู่บนเตียงพยายามจะลุกหนีแต่เขาก็เร็วกว่าคว้ามาจับกดไม่ผ่อนแรงสักนิดล็อกแขนเล็กไว้ด้วยมือข้างเดียวยกขึ้นเหนือหัว

“ถ้านายทำ ฉันจะไม่ยกโทษให้” เอ่ยเสียงสั่นขณะที่มองร่างสูงถอดเสื้อตนเองออกอย่างรวดเร็วจนกายข้างบนเปลือยเปล่า

“คิดว่าฉันกลัวหรือไง หมดเงินไปกับผู้หญิงแบบเธอหลายแสนก็ขอเอาคืนให้คุ้มทุนหน่อยสิ” แสยะยิ้มราวตัวร้ายในละครก่อนก้มลงไซ้ซอกคอขาวผ่องจนเกิดรอยแดงจากการถูเพราะหนวดของเขาที่ขึ้นเป็นตอ

หล่อนพยายามหลบสัมผัสหยาบที่เกิดจากคนรัก

“ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้นะ” ร้องสุดเสียงทั้งดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุม

“รู้ไหมว่าฉันเกลียดผู้หญิงหน้าไหว้หลังหลอกแบบเธอที่สุด” จ้องเข้าไปในแววตากลมโตย้ำความรู้สึกจนเสียงที่กำลังจะเปล่งออกมาหายไปในลำคออีกครั้ง

วันนี้เธอได้รู้แล้วว่าเขาไม่ได้รักตนเองเลยสักนิด..ที่อยู่ด้วยกันก็เพราะเซ็กซ์เท่านั้น แม้แต่คำว่ารักก็ไม่เคยได้ยิน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ซ่อนเสน่หา   ตอนพิเศษ...พี่ตะวันกับน้องกระต่าย

    ตอนพิเศษ...พี่ตะวันกับน้องกระต่าย กำหนดการงานแต่งของลูกสาวเจ้าของไร่มีขึ้นสองเดือนข้างหน้า หล่อนตื่นเต้นยกใหญ่เตรียมงานแต่เนิ่นโดยมีมารดาคอยให้คำแนะนำ ต่างจากบิดาที่มักพูดว่าถ้ามันยากมากก็ไม่ต้องแต่งหรอกลูก พ่อไม่ได้อับอายสักนิดถ้าจะยกเลิก ทำเอาทั้งลูกทั้งแม่ต้องเล่นงานคนเป็นพ่อจนแทบไม่สามารถเข้าบ้านได้ ภูตะวันออกมาทำงานแต่เช้า เห็นว่าวันนี้มีกองละครมาถ่ายทำที่ไร่ ระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ จึงได้จองทั้งไร่รุ่งอรุณและรีสอร์ทของไร่ที่สร้างมาสิบกว่าปี เป็นบ้านหลังเล็กอยู่ได้ประมาณสี่ถึงห้าคน ยาวเรียงกันกว่าสิบหลังทำให้เพียงพอต่อความต้องการ ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อม่อฮ่อมและกางเกงขาดเข่า หมวกสานปีกกว้างป้องกันใบหน้าคมจากแดดทำเอาคนมองแทบไม่รู้ว่าเป็นลูกชายเจ้าของไร่ที่จะมารับกิจการต่อจากบิดา การต้อนรับคนจากข้างนอกไม่ใช่งานของตนเองอยู่แล้วจึงไม่ได้ใส่ใจคนที่มาจากกองละครมากนัก ช่วงนี้ส้มกำลังออกผลเต็มต้นต้องเร่งตัดส่ง ส่วนมากจะวางขายในห้างสรรพสินค้าและส่งออกต่างประเทศ มีขายหน้าไร่บ้างและก็นำไปแปรรูป จะไม่มีผลไม้ตกค้างในสวนให้เน่าทิ้งหรือเสียเปล่า

  • ซ่อนเสน่หา   ตอนพิเศษ...ตะวันและหนูจันทร์เสริมทัพด้วยคีรินทร์

    ตอนพิเศษ...ตะวันและหนูจันทร์เสริมทัพด้วยคีรินทร์ เอกสารขออนุญาตถ่ายละครที่ไร่รุ่งอรุณถูกยื่นให้ร่างสูงซึ่งก้าวเข้ามาในสำนักงาน มือหนาคว้าไปอ่านอย่างละเอียดค่อยจรดปลายปากกาลงไปแล้วส่งกลับพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาสาวเจ้าเขินม้วนไม่ชินกับความอบอุ่นที่ลูกชายเจ้าของไร่มอบให้สักที ซึ่งเขาก็ทำแบบนี้กับทุกคน ช่างแตกต่างจากคนเป็นพ่อเหลือเกิน ราวกับว่าได้ลุงธีมาเต็มๆ เสียแต่ว่าการแต่งตัวที่ออกจะมอซอไปสักเล็กน้อย หากเป็นคนนอกก็คงคิดว่าชายหนุ่มคือคนงานทั่วไป ไม่ใช่ทายาทเจ้าของไร่แสนใหญ่โตแห่งนี้ เดินไปหยิบเอกสารสำหรับจัดงานฉลองประจำปีของไร่ เขาต้องไปพูดคุยกับนายอำเภอ ทั้งไปหาเกษตรอำเภอสอบถามเกี่ยวกับการปลูกผลไม้เมืองหนาวทั้งที่อากาศจังหวัดนี้ร้อนแทบทั้งปี “พี่ตะวัน!” สะดุ้งเมื่อมีมือมาจับที่ไหล่พร้อมตะโกนเสียงดังข้างหู พอหันไปก็พบน้องชายตัวแสบที่ยิ้มหน้าแป้นแล้น ภูตะวัน วิจิตรประภา ชายหนุ่มรูปงามแห่งไร่รุ่งอรุณ ใบหน้าคมคายได้พ่อมาเต็มๆ ส่วนนิสัยนั้นอ่อนโยนจนคนงานผู้หญิงพากันทอดสะพานให้เต็มที่ หวังเป็นนายหญิงของไร่แห่งนี้ โดนขายขนมจีบไม่เว้นวันก

  • ซ่อนเสน่หา   พิเศษ...ไปรยา ชนาธิป

    พิเศษ...ไปรยา ชนาธิปความรักสำหรับคนอื่นคือใครเขาไม่รู้ แต่สำหรับผู้ชายที่ไม่เคยมีใครมองจนได้เพียงแค่หวังว่าวันหนึ่งจะมีผู้หญิงมองเห็นตัวเองบ้าง และวันที่เข้ากิจกรรมของคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ครั้งแรกหัวใจที่เคยสงบนิ่งกลับเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นร่างบางเดินผ่านวินาทีนั้นเหมือนมีแสงสว่างส่องไปทั่วร่างของเธอจนสายตาเขาพร่าไปหมด ออร่าที่แสบตาจนไม่อาจมองได้ต้องหันหน้าไปทางอื่น พลันหล่อนกลับเดินมานั่งข้างเขาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง“สวัสดี อืม ชื่อฟลุ๊คเหรอ เราหนึ่งนะ” ใบหน้าหวานก้มมองป้ายชื่อของเขาแล้วส่งยิ้มทักทาย“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หลังจากนั้นเธอก็หันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นปล่อยเขาแอบมองอยู่ฝ่ายเดียว และสังเกตเห็นว่าดวงตากลมโตมักจะชอบวนเวียนอยู่ที่ผู้ชายมาใหม่คนหนึ่งคนที่นั่งอยู่ข้างหลังเธอและเป็นชายซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ เป็นที่หมายปองของหญิงสาวคนอื่นพณณกร วิจิตรประภาทายาทตระกูลดัง นอกจากจะหน้าตาดียังฐานะร่ำรวยอีกต่างหาก เขาได้แต่เก็บความอิจฉาไว้ภายในใจเฝ้ามองไปรยาที่แอบรักข้างเดียวด้วยความเสียใจ อยากจะเข้าไปปลอบยามหญิงสาวร้องไห้ก็ไม่กล้าจนกระทั่งฟ้าเป็นใจงานเลี้ยงสายรหัส

  • ซ่อนเสน่หา   ๗

    ๗หลังจากที่ผ่านค่ำคืนแสนหวานคู่สามีภรรยาก็นอนกอดกันอยู่ภายในมุ้ง แขนแกร่งกระชับเอวบางจนแผ่นหลังเธอชิดอกเขา ดมความหอมจากกลุ่มผมนุ่มสลวยก่อนที่บุลลาจะพลิกตัวมาเพื่อซบใบหน้าที่แผงอกหนาพร้อมพรมจูบไปทั่วและนั่นทำให้สัญชาตญาณเสือร้ายผุดออกมาทันที เขาขึ้นคร่อมเธอเอาไว้จับกดพร้อมกับพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นผืนน้ำ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แต่ชายหญิงคู่นี้กลับผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างไม่ยอมแพ้กันและกันไม่บ่อยนักที่จะได้ทำอะไรตามใจตัวเอง ปลดปล่อยอารมณ์โดยไม่ต้องกลัวลูกได้ยินหรือตื่นตอนดึก พวกเขาทำตามใจปรารถนาไม่สนว่าใครจะได้ยินหรือไม่ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้เก็บเสียง ยิ่งเมื่อคืนที่พณณกรโยกตัวจนเตียงเกือบหัก บ้านแทบพังทำเอาบุลลาต้องตีเขาไปหลายรอบในความบ้าระห่ำ จนชายหนุ่มถามกลับว่าใครเล่าที่เรียกร้องหล่อนจึงปิดปากเงียบก็เธอเป็นคนร้องขอให้เขาเพิ่มแรงขึ้นอีกแท้ๆ จะว่าได้อย่างไรเล่า“อือ พอแล้วค่ะ” ลุกขึ้นมาทำอาหารยามสายไว้รับประทานกันสองคนโดยมีร่างสูงคลอเคลียอยู่ด้านหลังไม่ห่าง เสื้อยืดตัวเล็กและกางเกงขาสั้นที่เตรียมมาถูกสวมบนร่างกายทว่าไม่มีชั้นในปกปิดเลยสักชิ้นและตอนนี้มือหนาก็กำลังเลื้อยเข้าไปภายใต

  • ซ่อนเสน่หา   ๖

    ๖การไปพักผ่อนครั้งนี้แม้แต่ตัวหญิงสาวเองก็ยังไม่รู้จนกระทั่งรถยนต์จอดเทียบท่าเรือก่อนคุณลุงคนขับรถจะลงไปยกกระเป๋าด้านหลังออกมา ดวงตากลมโตมองเรือที่เทียบท่าก็ตาลุกวาวเพราะเคยเห็นจากในละครเท่านั้นไม่เคยนึกเลยว่าชีวิตนี้จะได้เห็นเรือเฟอร์รี่ลำใหญ่ด้วยตาของตนเอง แถมที่หัวเรือยังเขียนชื่อของบริษัทใหญ่ ตระกูลดังเอาไว้อีกด้วย พณณกรถือกระเป๋าเดินมาคว้ามือภรรยาเอาไว้แล้วบังคับให้เดินตามมาไม่บอกกล่าวอะไรสักนิด“มีแต่เรือหรูๆ ทั้งนั้นเลย” พึมพำเสียงเบาขณะที่คิดได้ว่าสามีของตัวเองก็เป็นคนในตระกูลดังเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีเรือของบ้านเขาจอดไว้น่ะสิคิดพลางยิ้มกริ่มเมื่อวาดภาพว่าตัวเองจะต้องได้นั่งจิบไวน์อยู่บนเรือหรู มองท้องฟ้าสีคราม ผืนน้ำสีน้ำเงินด้วยความสุขแน่นอุรา ยอมเดินตามแรงดึงจนกระทั่งผ่านพ้นเรือหรูมาลำแล้วลำเล่าก็เหมือนจะไม่ถึงสักที ใบหน้าหวานเริ่มบูดบึ้งตามอารมณ์“จะเดินไปถึงมาเลเซียเลยไหมคะ” อดประชดไม่ได้จนคนนำหน้าหันมายิ้มที่ภรรยาเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะตั้งเมื่อคืนหล่อนเอาแต่กอดเขาแน่นทั้งยังตอนเช้าที่มองตามตาละห้อย ต้องอยู่ในสายตาตลอดเวลากลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายอย่างไม่

  • ซ่อนเสน่หา   ๕

    ๕บุลลากำลังเล่นกับฝาแฝดทั้งสองโดยมีเหล่าแม่บ้านคอยช่วยเหลือเนื่องจากหลงเสน่ห์ของเด็กน้อย อันที่จริงคุณดาริกาก็ชวนให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่เมืองกรุงแต่เพราะงานรัดตัวที่ไร่ ทั้งยังเป็นห่วงมารดาที่เริ่มแก่ตัวลงทุกวันจำต้องปฏิเสธไป ตอนนี้เธอติดไร่มากกว่าแสงสีในเมืองหลวงเสียแล้วแต่ถ้าพณณกรจะกลับมาอยู่ที่นี่หล่อนก็คงตามมาด้วยเพราะไม่สามารถแยกจากสามีได้อีกแล้ว ในขณะที่กำลังมองดูบุตรสาวสิ่งไล่กับพี่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เบอร์แปลกที่โชว์หราทำให้คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที หลังจากที่ลาออกจากงานก็ไม่ค่อยมีใครโทรมาทำให้เกิดความสงสัยขึ้นว่าปลายสายคือใครร่างบางแยกตัวออกไปรับโทรศัพท์ "สวัสดีค่ะ"'ว่าไงบัว ไม่เจอกันนานสบายดีไหม' เสียงเข้มที่เอ่ยทักทายทำเอาหล่อนยิ่งสงสัยมากกว่าเดิมเพราะจำน้ำเสียงไม่ได้"เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ" ไม่ว่าจะนึกเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร หรือจะเป็นลูกน้องเก่าที่โรงแรม ไม่อย่างนั้นก็น่าจะเป็นคุณรวี ทว่าฝ่ายนั้นแทบไม่ได้ติดต่อมาเลยตอนนี้เห็นว่าโดนทางบ้านจับแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย'อะไรกัน จำเสียงแฟนเก่าไม่ได้หรือไง' เอ่ยเพียงเท่านั้นใบหน้าคมก็ชัดวาบ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status