Share

บทที่ 10

ในยามโหย่วของหมู่บ้านต้าถาวสวยงามพร่างพรายอย่างยิ่ง ทั้งผืนฟ้ากลับกลายเป็นสีแดงส้มเมื่อแสงอาทิตย์อัสดงสาดส่อง ชาวบ้านที่ไปดูแลพืชไร่เกษตรต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ให้ร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยได้พักแล้วรับประทานอาหาร

ซึ่งในขณะนี้บ้านตระกูลโจวก็ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอาหารที่หอมฟุ้ง เมื่อมองอาหารที่รูปรสกลิ่นสีครบครัน แม้แต่คนปากร้ายอย่างอู๋ฮ่วนเหนียงก็ยังถลึงตามองโต ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น มันเป็นสิ่งที่เด็กตัวเหม็นเสี่ยวชุ่ยทำจริงหรือ?

เวลายังไม่มืดนัก คนของตระกูลโจวต่างก็ยกโต๊ะเก้าอี้ออกมากินข้าวที่ลานบ้าน เป็นที่พอใจอย่างมาก

โจวไฉนั่งที่หัวโต๊ะ มองอาหารตรงหน้าด้วยแววตาที่มีความประหลาดใจปรากฏ

คิดถึงยามที่ตนเองอยู่ในสถานที่ที่ร่ำรวยเงินทองแห่งหนึ่ง ได้กินอาหารชั้นดีไม่น้อย แต่อาหารที่อยู่เบื้องหน้าในขณะนี้กลับเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้เห็นเลยสักอย่าง ถึงแม้จะยังไม่ได้ลองชิมอาหารตรงหน้า แต่เพียงแค่ได้เห็นก็รู้ว่าจะต้องไม่แย่เป็นแน่

“พี่สะใภ้ใหญ่ท่านเก่งเกินไปแล้ว ข้าโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยได้กลิ่นอาหารที่หอมขนาดนี้มาก่อน!” โจวเฉิงเจี๋ยก็เป็นคนที่รักในการกินเช่นกัน เมื่อได้เห็นอาหารที่มากมายเช่นนี้ก็รู้สึกชอบใจเป็นอย่างมาก

“เรื่องกลิ่นหอมมันจะเท่าไรกันเชียว เจ้ายังไม่ได้กินด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นก็คงจะกินลิ้นตนเองเข้าไปด้วยเลยด้วยซ้ำ” โจวเฉิงหย่ามีใบหน้าที่ภาคภูมิใจ ราวกับนางเป็นคนทำอาหารพวกนี้ก็ไม่ปาน แต่เมื่อครู่นางก็ลองชิมมาก่อนแล้วจริง ซึ่งมันมีรสชาติที่ล้ำเลิศอย่างมากเลยทีเดียว

“นี่เจ้าพูดถึงตนเองกระมังเสี่ยวหย่า!” โจวเฉิงเจี๋ยอายุสิบสามปีแล้ว ซึ่งมักจะต่อปากต่อคำกับน้องสาวของตนเองคนนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่มันก็เป็นสิ่งที่สร้างสีสันให้กับบ้านไปแล้ว

“หึ พี่สามตัวเหม็น ประเดี๋ยวกินแล้วท่านก็จะรู้เอง” โจวเฉิงหย่ากระตุกยิ้มอย่างหยิ่งทะนงตน ทำให้คนอื่นต่างก็หัวเราะออกมา

หลังจากที่จัดอาหารเสร็จสิ้น ทุกคนต่างก็มานั่งรับประทานอาหารด้วยกัน นานแล้วที่ไม่ได้นั่งรับประทานอาหารด้วยกันเช่นนี้ ทำให้มันดูหอมหวานกว่าเดิม กอปรกับรสชาติอาหารที่ถูกปากก็ยิ่งทำให้ทุกคนพากันส่งเสียงของความชอบใจออกมา คีบอาหารขึ้นมากินด้วยความเร็ว

เมื่อเห็นทุกคนกินได้ไม่น้อย จี้เสี่ยวชุ่ยก็ยกยิ้มด้วยความดีใจ สำหรับคนทำอาหารทุกคน การที่ทุกคนชอบในอาหารของตนเองถือเป็นการชมที่ดีที่สุด แล้วอยู่ ๆ ก็พบว่าในถ้วยมีตะเกียบที่คีบอาหารเพิ่มขึ้นมา เมื่อมองไปก็พบว่าเป็นโจวเฉิงจวินที่คีบให้ เพียงพักเดียวก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เมื่อก่อนนางได้แต่อาศัยอยู่กับคุณปู่ นอกจากคุณปู่ก็ไม่เคยได้สนิทชิดเชื้อกับผู้ชายคนไหน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการคีบอาหารให้เช่นนี้ ยิ่งเป็นต่างโลกเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกอบอุ่นและสุขใจมากกว่าเดิม

เป็นเพราะอาหารที่จี้เสี่ยวชุ่ยทำอร่อยเกินไป ทำให้คนของตระกูลโจวกินจนหมดอย่างคาดไม่ถึง ทั้งที่จี้เสี่ยวชุ่ยทำอาหารเอาไว้อย่างมาก เผื่อพรุ่งนี้ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรจะได้นำมากินได้โดยเร็ว แต่เมื่อเห็นเช่นนี้ก็เหมือนจะไม่ได้แล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวนางก็จะนวดแป้งเอาไว้ เมื่อพรุ่งนี้เช้าตื่นมาก็จะแบ่งมาทำอาหารให้พวกเขาได้

โจวเฉิงเหรินป่วยกะทันหัน กอปรกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับบ้าน ก็ทำให้กลายเป็นคนเงียบ ๆ พูดน้อยไปเสีย คิดว่านอกจากไม่สามารถช่วยเหลือบ้านในยามที่ตกทุกข์ได้ยากก็ยังเป็นภาระคนในบ้านให้ต้องมาดูแลตนเอง ถึงแม้คนในบ้านจะแสดงออกให้เห็นว่ามันไม่เกี่ยวกับเขา ให้เขาพักรักษาตัวให้ดี แต่เขากลับเอาแต่คิดหนักกับเรื่องต่าง ๆ กอปรกับการที่อู๋ฮ่วนเหนียงทำอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ทำให้แต่ละมื้อเขากินแค่นิดหน่อยเท่านั้น

แต่วันนี้อาหารอร่อยเกินไปจริง ๆ เมื่อกินเสร็จก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองกินเข้าไปถึงสองชามกว่า เมื่อมองจี้เสี่ยวชุ่ยที่กำลังเก็บชามกับตะเกียบก็ทำให้คนขี้อายอย่างเขาหน้าแดงขึ้นมา

แต่คนของตระกูลโจวกลับดีใจอย่างมาก เพราะสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เกินขึ้นในเย็นวันนี้ทั้งหมด พวกเขาไม่เข้าใจในทางการแพทย์ แต่ก็เข้าใจว่าถ้าหากแม้แต่ข้าวยังกินได้ไม่มากก็คงยากจะรักษาอาการป่วยได้ ดังนั้นยิ่งเขากินมากเท่าใดคนในบ้านก็ยิ่งดีใจเท่านั้น

อาจเป็นเพราะวันนี้จี้เสี่ยวชุ่ยทำตัวดีไม่น้อย อู๋ฮ่วนเหนียงถึงบอกให้นางไปพัก แล้วตนเองก็เป็นคนไปเก็บของพวกนั้นแทน

วันนี้จี้เสี่ยวชุ่ยเดินทางมามาก จึงไม่ได้ขัดคำ เพียงแค่รับปากแล้วก็กลับไปพักผ่อนในห้องเท่านั้น กระทั่งเมื่อถึงเวลาในช่วงดึก จี้เสี่ยวชุ่ยรู้สึกเหมือนเตียงที่ตนเองนอนอยู่สั่นไหว เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เจอกับโจวเฉิงจวิน จึงรับลุกขึ้นในทันที ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะนอนเอียงคอหรือไม่ ถึงทำให้รู้สึกปวดไปทั้งต้นและและไหล่เช่นนี้

“เหนื่อยแล้วเหตุใดถึงไปนอนบนเตียงดี ๆ ?” โจวเฉิงจวินขมวดคิ้ว น้ำเสียงนั้นแข็งกระด้างเล็กน้อย แต่กลับมีนัยน์ตาที่อ่อนโยน จี้เสี่ยวชุ่ยขยี้ตาเล็กน้อย เธอมองผิดไปหรือ เป็นไปได้ยังไงกัน?

จี้เสี่ยวชุ่ยส่ายหน้า “เดิมทีข้าแค่อยากจะพักสักประเดี๋ยวแล้วไปล้างเท้า แต่เพราะเหนื่อยเกินไปจึงเผลอหลับ” ว่าแล้วก็มองเห็นอ่างน้ำที่อยู่บนพื้น เอามาให้เธอหรือ? ช่างใส่ใจดีจริง ๆ

หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาเสร็จจี้เสี่ยวชุ่ยก็ขึ้นไปนอนอยู่บนเตียง อาจเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนดึก เมื่อต้องนอนหลับนางก็ไม่รู้สึกแปลกใด ๆ แต่รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเท่านั้น

------ รุ่งสางของวันใหม่ แสงแดดอุ่น ๆ ทะลุผ้าม่านผืนบางเข้ามา สาดส่องลงมาที่ดวงตาของจี้เสี่ยวชุ่ยพอดี ทำให้นางขยับเปลือกตาด้วยความไม่ชอบใจ พลิกตัวไปอีกฝั่งถึงได้ตื่นขึ้นมา

แล้วนางก็เห็นว่าโจวเฉิงจวินที่อยู่ข้างล่างเตียงไม่อยู่แล้ว เมื่อเห็นดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูงก็รู้ว่าตนเองนอนตื่นสาย จึงรีบลุกจากเตียงโดยเร็วที่สุด ล้างหน้าล้างตาแล้วออกมา

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม โจวไฉนั่งสานตะกร้าอยู่ใต้ต้นไม้ในลานบ้าน แต่คนอื่นก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าโจวไฉก็เงยหน้าขึ้นมอง ยิ้มให้กับจี้เสี่ยวชุ่ย “เสี่ยวชุ่ยนี่เอง เจ้าตื่นแล้วหรือ?”

จี้เสี่ยวชุ่ยรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อย คนอื่นต่างก็ลุกไปทำงานกันหมดแล้ว มีแค่นางที่ตื่นสาย

ดูเหมือนรับรู้ความรู้สึกของนางก็ไม่ปาน โจวไฉจึงคลี่ยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ใครบ้างจะไม่เคยนอนตื่นสาย อีกอย่างเมื่อวานเข้าไปเก็บสมุนไพรตั้งมากมายทั้งยังต้องเอาไปขายด้วย ลำบากเจ้าแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นจี้เสี่ยวชุ่ยถึงได้รู้สึกดีกว่าเดิมเล็กน้อย แล้วยิ้มตอบไป “ท่านพ่อ ท่านพี่กับคนอื่นล่ะเจ้าคะ?”

“เฉิงจวินพาเฉิงเจี๋ยขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนเขาแล้ว แม่เจ้ามีธุระก็เลยเข้าไปในหมู่บ้าน ส่วนเสี่ยวหย่าก็กำลังทำอาหาร!”

“เช่นนั้นข้าจะไปช่วยนาง”

ว่าแล้วก็วิ่งไปที่ห้องครัว เสี่ยวหย่าเพิ่งจะอายุเพียงเจ็ดขวบเท่านั้น นางจะให้เด็กน้อยเช่นนั้นทำอาหารให้พวกเขาได้อย่างไร?

แต่เมื่อนางไปถึงห้องครัวก็พบว่าโจวเฉิงหย่าทำอาหารเสร็จแล้ว แม้จะเป็นเพียงอาหารง่าย ๆ อย่างโจ๊กข้าวสาลีและผักเค็ม แต่จี้เสี่ยชุ่ยก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเก่งมากแล้ว ดูเหมือนว่าโจวเฉิงหย่าจะทำอาหารง่าย ๆ พวกนี้เป็นมานานแล้ว!

“ตื่นแล้วเหรอเจ้าคะพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเพิ่งจะทำอาหารเสร็จ แค่ไม่อร่อยเท่าท่านทำก็เท่านั้น” โจวเฉิงหย่าว่าแล้วก็แสดงความเขินอายออกมาให้เห็น

“เสี่ยวหย่าทำเก่งมากแล้ว ข้าดีใจอย่างมากเลยล่ะ!” จี้เสี่ยวชุ่ยรู้สึกว่านางเก่งมากแล้วจริง ๆ ในยุคสมัยใหม่ เด็กอายุเจ็ดขวบยังเอาแต่ออดอ้อนอยู่ในอ้อมอกของพ่อแม่ ทำอะไรไม่เป็นเลยด้วยซ้ำไป! ทำงานบ้านที่มากมายพวกนี้เป็นที่ไหน

เมื่อโจวเฉิงหย่าได้ยินที่นางพูดก็ดีใจจนยิ้มแป้น แล้วทั้งสองก็ช่วยกันเอาอาหารเช้าไปจัดกวางไว้ข้างนอก

หลังจากกินข้าวเสร็จ จี้เสี่ยวชุ่ยก็เดินวนไปมาในบ้าน นับแต่ทะลุมิติมาเธอก็เอาแต่ยุ่งจนไม่มีเวลาดูแลบ้านหลังนี้

เท่าที่จี้เสี่ยวชุ่ยเห็นรอบ ๆ ก็พบว่ามีของจิปาถะรวมกันเป็นกอง เดิมเวลาในการจัดการบ้านเรือนก็ไม่มาก อาทิตย์ขึ้นออกไปทำงาน อาทิตย์ตกก็กลับมาพักผ่อน ทุกคนต่างก็มีงานที่ต้องออกไปทำ เมื่อกลับมาบ้านต่อให้ใจสู้แต่กำลังแรงก็ไม่เป็นใจ

วันนี้จี้เสี่ยวชุ่ยอยู่บ้านพอดี จึงอยากจะให้โจวเฉิงหย่ามาช่วยทำความสะอาดบ้านทั้งนอกทั้งใน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status