ดรุณีบ้านป่า

ดรุณีบ้านป่า

โดย:  มันฝรั่ง  กำลังดำเนินการ
ภาษา: Thai
goodnovel4goodnovel
คะแนนไม่เพียงพอ
30บท
507views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

Share:  

Report
Overview
Catalog
แสดงความคิดเห็นของคุณในแอพพลิเคชัน

หลับไปแค่ตื่นเดียวก็ตามทันกองทัพของผู้ที่เดินทางข้ามกาลเวลาได้ นี่คงไม่มีใครอีกแล้ว ข้ามกาลเวลาก็ข้ามกาลเวลาสิ อย่างน้อยก็น่าจะให้นางได้เป็นองค์หญิงหรือคุณหนูอะไรกับเขาบ้าง! กลับให้นางเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้วเนี่ยนะ? อีกทั้งร่างเดิมเองก็ไม่เต็มใจจนกระโดดน้ำตายไปแล้ว? ไม่ได้ ๆ ให้นางตั้งสติสักหน่อย ไม่ได้ยินที่แม่สามีบอกว่าจะส่งตัวคืนหรืออย่างไร?นางไม่มีทางกลับไปเด็ดขาด! จะได้ไม่ถูกพี่ชายและพี่สะใภ้ใจดำนั่นขายให้คนอื่นอีก แม้ว่าสามีคนนี้...หนวดเคราบนใบหน้าจะรกรุงรังไปสักหน่อย...แต่ก็ยังดีกว่าพ่อหม้ายพวกนั้นก็แล้วกัน!แต่พอสามีผู้นี้โกนหนวดโกนเครา...ให้ตายเถอะ ที่แท้ก็เป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง...ซุนเสียวหย่า ไม่สิ ต้องบอกว่าจี้เสี่ยวชุ่ยไม่อาจนิ่งเฉยได้แล้ว นับแต่นี้ต้องพึ่งพาทุกคนเพื่อทำให้ครอบครัวร่ำรวยขึ้น นำพาทุกคนก้าวขึ้นสู่หนทางแห่งความมั่งคั่ง

ดูเพิ่มเติม
ดรุณีบ้านป่า Novels Online Free PDF Download

Latest chapter

Interesting books of the same period

ความคิดเห็น
ไม่มีความคิดเห็น
30
บทที่ 1
หมู่บ้านต้าถาวในช่วงรุ่งสางเงียบสงัดไร้สิ่งใดเปรียบ เมื่อแสงแรกส่องทะลุม่านหมอกอันเบาบาง หมู่บ้านต้าถาวก็ต้อนรับรุ่งอรุณอันอบอุ่นหอมหวน ทุกสิ่งในหมู่บ้านต้าถาวถูกปกคลุมด้วยแสงอันอบอุ่นในยามเช้า“แย่แล้ว มีใครอยู่ไหม... สะใภ้ตระกูลโจวกระโดดน้ำฆ่าตัวตายแล้ว...”แต่ทว่า เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำลายความเงียบสงัดของหมู่บ้านเล็ก ๆ ผู้คนที่เดิมทีรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ในบ้านกำลังจะออกไปทำงาน เมื่อได้ยินเสียงร้องต่างก็พากันวิ่งไปยังจุดกำเนิดเสียงกันอย่างรวดเร็ว “เกิดเรื่องอะไรกันขึ้น?” ในตอนนี้เอง สตรีที่ม้วนผมดำขลับทั้งหมดไว้ในผ้าผืนสีเขียวน้ำทะเลผู้หนึ่งได้วิ่งปรี่เข้ามา บนใบหน้าของนางมีความตกตะลึงปนประหลาดใจ“อาสะใภ้โจว เจ้ามาแล้วหรือ เสี่ยวชุ่ยลูกสะใภ้บ้านเจ้ากระโดดน้ำฆ่าตัวตายแล้ว...”“สมควรถูกมีดแทงสักพันแผล นี่ข้าเพิ่งจะจ่ายเงินซื้อมาเองนะ ห้าตำลึงเงินของข้า~ ” อาสะใภ้โจวมองดูลำธารที่ไหลเชี่ยวกรากที่อยู่ตรงหน้า ในใจก็ก่นด่าจี้เสี่ยวชุ่ยไม่ต่ำกว่าแปดร้อยรอบ คราแรกที่นางหญิงชั่วคนนี้แต่งเข้ามา นางมองอย่างไรก็ขัดหูขัดตา แต่ด้วยความที่ตระกูลของพวกนางอับจน ไร้ซึ่งหนทาง จ
Read More
บทที่ 2
“ปัง...”ขณะที่ซุนเสี่ยวหย่ากำลังนั่งครุ่นคิดอยู่ในห้อง จู่ ๆ ประตูก็ถูกคนถีบเข้ามาเสียงดัง“นางเด็กดื้อด้านน่ารังเกียจนี่...”ซุนเสี่ยวหย่าเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นสตรีที่สวมอาภรณ์สีน้ำเงินนางหนึ่งเดินเข้ามา ใบหน้าของสตรีนางนั้นแสดงถึงความไม่สบอารมณ์ เมื่อเปิดปากก็เริ่มด่าทอไม่หยุด พอเห็นว่าซุนเสี่ยวหย่ายังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า อาสะใภ้โจวก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่“นางเด็กน่ารังเกียจนี่กำลังหาเรื่องใช่หรือไม่ ได้สิ ตระกูลโจวของเราไม่คู่ควรกับเจ้า รีบไปเปลี่ยนชุดเสีย ข้าจะหาคนส่งเจ้ากลับไป กล้าหลอกเอาห้าตำลึงเงินของข้าหรือ? คิดว่าข้าเป็นพวกรังแกง่ายหรืออย่างไร...”“ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงด่าทอพี่สะใภ้?” โจวเฉิงหย่าน้องสาวคนที่สี่ที่เดินตามมาเอ่ยถาม ปีนี้โจวเฉิงหย่าเพิ่งอายุเจ็ดขวบปี นางมีความสนใจใคร่รู้ในตัวพี่สะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้ามาเมื่อวานเป็นอย่างมาก และดีใจมากเช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรเสียในครอบครัวก็ไม่มีสตรีอื่นนอกจากมารดา หากนางอยากพูดเรื่องส่วนตัวก็ไม่อาจพูดกับมารดาได้ ตอนนี้นางมีพี่สะใภ้แล้ว ในยามที่มีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ยังสามารถขอคำแนะนำจากพี่สะใภ้ได้“อย่าไปสนใจนาง นางสมควรโดนด่า”“ท
Read More
บทที่ 3
“ท่านพี่ ท่านรอข้าประเดี๋ยวได้หรือไม่?”เมื่อเห็นว่าพวกโจวเฉิงจวินจะไปขึ้นเขา จี้เสี่ยวชุ่ยก็กระวนกระวายใจอยู่เล็กน้อย“มีธุระอะไร?” โจวเฉิงจวินหันกลับมาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ“มีธุระอะไรที่รอให้เขากลับมาก่อนค่อยคุยไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ช้ามาครึ่งค่อนวันแล้วนะ” และก็เป็นอาสะใภ้โจวที่พอหาเหตุผลได้ก็หาเรื่องขึ้นมา“เจ้าก็พูดให้มันน้อยลงหน่อยเถอะ!” โจวไฉขมวดคิ้ว รู้สึกว่าอาสะใภ้โจวมักหาเรื่องโดยไร้เหตุผลบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าอยากขึ้นเขากับท่านด้วย”“หา ท่านเองก็อยากไปหรือ!” โจวเฉิงเจี๋ยตะลึงไปเล็กน้อย บนเขามีอะไรน่าสนุกกัน“เจ้าเป็นสตรีต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน จะขึ้นเขาไปทำไม? ไม่ได้ช่วยเหลือแล้วยังทำให้พวกเฉิงจวินต้องมาเหนื่อยช่วยเหลือเจ้าอีก” อยู่อย่างสงบไม่ได้เลยจริง ๆโจวไฉขมวดคิ้ว เขาคิดว่าสะใภ้นางนี้เอาแต่ใจอยู่บ้าง แค่นี้ครอบครัวก็ไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้ว ยังจะตามไปก่อเรื่องอีก“มิใช่ ก่อนหน้านี้ข้าเคยเรียนกับหมอเฒ่าพเนจรในหมู่บ้าน ข้ารู้จักพวกสมุนไพรอยู่บ้าง ข้าแค่คิดว่าอาจจะสามารถหาสมุนไพรแล้วนำไปแลกเป็นเงินในเมืองได้บ้าง” นี่คือข้ออ้างที่จี้เสี่ยวชุ่ยคิดขึ้นมาได้ตั้งแต่ก
Read More
บทที่ 4
สภาพอากาศช่วงเดือนกรกฎาคมมักจะร้อนเหมือนถูกแผดเผา แต่สภาพอากาศบนภูเขาปลอดโปร่งถึงเพียงนี้จี้เสี่ยวชุ่ยมองโกฐขี้แมวกองใหญ่ตรงหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาเข้ากับดวงตาของโจวเฉิงเจี๋ยเข้าพอดี ทั้งสองคนยิ้มให้แก่กัน จากนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดังโจวเฉิงจวินที่เพิ่งล่าสัตว์กลับมาเห็นภาพนี้เข้า ทั้งสองคนราวกับเพิ่งขึ้นมาจากบึงโคลน บนชุดมีดินเปื้อนอยู่เต็มไปหมด ด้านหน้ามีพวกสมุนไพรอยู่หนึ่งกอง? แต่ทว่า...ในดวงตาของโจวเฉิงจวินมีแววประหลาดใจ เสี่ยวชุ่ยบอกไว้ว่าจะมาหาสมุนไพร หรือเจ้าพวกนี้ก็คือสมุนไพรงั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นละก็ เขาจำได้ว่าบริเวณไม่ไกลจากตรงนี้ก็มีสมุนไพรประเภทนี้อยู่มากเช่นกัน!“พี่ใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ท่านดูสิ เจ้าพวกนี้ล้วนแต่เป็นสมุนไพรที่ข้ากับพี่สะใภ้ใหญ่ขุดขึ้นมา...” โจวเฉิงเจี๋ยยังเป็นแค่เด็กหนุ่มที่มีความเป็นผู้ใหญ่เพียงครึ่ง พอเห็นโจวเฉิงจวินแล้วก็แทบอยากจะรีบเอาผลงานออกมาอวด“เฉิงเจี๋ยเก่งมาก” ใบหน้าของโจวเฉิงจวินมีรอยยิ้มเบิกบานใจ เขาเอ่ยชมอย่างไม่ตระหนี่เลยแม้แต่น้อยโจวเฉิงเจี๋ยถูกเขาชมจนเขิน แล้วจึงชี้ไปที่จี้เสี่ยวชุ่ย “เปล่าเสียหน่อย นี่เป็นความชอบของพี่สะใภ
Read More
บทที่ 5
ทิวทัศน์ยามราตรีของหมู่บ้านเต็มไปด้วยความเงียบสงบ ถนนภายใต้แสงจันทร์ไร้เงาผู้คน เพียงเงาของต้นไม้ ลมเอื่อย ๆ พัดโชย ใบไม้โบกไหว เงาบนพื้นเปลี่ยนเป็นรูปร่างต่าง ๆ มองไกล ๆ สามารถมองเห็นแสงไฟสลัวเลือนรางวับ ๆ แวม ๆ เพิ่มความลึกลับให้มากขึ้นหลายส่วนจี้เสี่ยวชุ่ยนั่งอยู่ที่ขอบเตียง จิตใจไม่สงบสุข สายตามองไปที่ประตูห้องอยู่เนือง ๆ เมื่อนานเข้าก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเสียง ‘แอ๊ด’ ดังขึ้น ประตูถูกเปิดออก เป็นโจวเฉิงจวินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา ในมือถืออ่างไม้เดินเข้ามาจี้เสี่ยวชุ่ยลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว มือเท้าไม่รู้ควรจะวางไว้ตรงไหน ทำอย่างไรดี? ทั้งสองคนแต่งงานกันแล้ว จะต้องร่วมหอหลับนอนกันอย่างนั้นหรือ? จี้เสี่ยวชุ่ยรับไม่ไหวนะ สำหรับเธอแล้วเขายังเป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น“มาเถอะ ล้างหน้าล้างตาก่อน”“อื้ม!”เธอล้างหน้าอย่างแข็งทื่อ โจวเฉิงจวินหยิบอ่างไม้อีกอ่างขึ้นมาแล้วเทน้ำลงไปให้เธอล้างเท้า เสร็จแล้วจึงนำน้ำไปเททิ้งแล้วกลับเข้ามา เห็นจี้เสี่ยวชุ่ยนั่งเหม่ออยู่ที่ขอบเตียง“เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังไม่ขึ้นเตียงนอน?”ประโยคนี้เป็นราวกั
Read More
บทที่ 6
“เถ้าแก่อู๋ ครั้งนี้ข้าเอาไก่ป่ามาด้วยสามตัว”เถ้าแก่อู๋พยักหน้า ยกมือขึ้นอย่างไม่ใส่ใจก็มีคนมารับไก่ป่าไป ผ่านไปพักใหญ่ เสี่ยวเอ้อร์ก็ถือเงินมาพร้อมกับเสียงหัวเราะแล้วยื่นให้กับโจวเฉิงจวินโจวเฉิงจวินพยักหน้าพร้อมพูดขอบคุณแล้วพาจี้เสี่ยวชุ่ยออกมา มุ่งตรงไปที่โรงหมอ ซึ่งจี้เสี่ยวชุ่ยก็ไม่ได้คุ้นเคยกับผู้คนและสถานที่จึงให้เขานำไปตลอดทาง หลังจากนั้นพักใหญ่ก็มาถึงหน้าโรงหมอตอนนี้ในโรงหมอมีชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงอยู่หลายคน โชคดีที่คนให้ยายังคงว่างเว้น ถึงแม้โจวเฉิงจวินจะไม่เข้าใจเรื่องยา แต่ก็ยังเดินเข้าไปเหมือนคนมีประสบการณ์มากมาย แล้วนำสมุนไพรของจี้เสี่ยวชุ่ยที่อยู่ในตะกร้าบนหลังออกมา“น้องชายช่วยข้าดูนี่หน่อย พวกเจ้ารับซื้อสมุนไพรพวกนี้หรือไม่?”หนุ่มน้อยคนนั้นชื่อว่าหลินเต๋อ เป็นเด็กหมู่บ้านข้าง ๆ ตอนนี้กำลังเป็นลูกศิษย์ห้องยา ได้เงินเดือนไม่สูงแต่ก็เป็นเงินหลายร้อยตำลึง ตอนนี้กำลังก้มหน้าแยกตัวยาในมืออย่างตั้งใจ เมื่อได้ยินเสียงของโจวเฉิงจวินก็เงยหน้าขึ้นมอง ในหลายวันนี้เขาก็ขาดสมุนไพรอย่างโกฐขี้แมวจนร้อนใจ จึงแสดงสายตาที่ตื่นเต้นออกมา ซึ่งโกฐขี้แมวเป็นสมุนไพรที่ใช้เป็นปร
Read More
บทที่ 7
“เป็นอะไรไปเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”โจวเฉิงจวินพูดออกมาด้วยท่าทางที่ทำตัวไม่ถูก ทั้งยังยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เธออย่างเงอะงะเมื่อจี้เสี่ยวชุ่ยได้เห็นท่าทีเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา ทำให้โจวเฉิงจวินชะงักและจดจำรอยยิ้มนั้นเอาไว้ในหัวใจ หลังจากที่ผ่านไปนานพอสมควร เขาถึงได้เข้าใจว่าตนเองให้นางเข้ามาอยู่ในหัวใจจริง ๆ เสียแล้วบนถนนมีผู้คนสัญจรไปมา เมื่อเดินผ่านพวกเขาก็มักมองมาด้วยความสงสัย สายตานั้นคล้ายดั่งมองคนปัญญาอ่อนก็ไม่ปาน จี้เสี่ยวชุ่ยหน้าแดงด้วยความเขินอายเล็กน้อย เมื่อครู่อยู่ ๆ เธอเกิดคิดถึงคุณปู่ขึ้นมา แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ก็คงยังไม่สามารถกลับไปได้ในเร็ว ๆ นี้แน่ ต่อให้ร้อนรนใจก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ มิสู้ตั้งใจใช้ชีวิตให้ดี ๆ แล้วหาหนทางอื่นว่ายังพอมีวิธีการใดบ้างที่ทำให้สามารถกลับไปได้“อยู่ ๆ ข้าก็แค่คิดถึงเรื่องที่อาสะใภ้ทำเรื่องไม่ดีกับตนเองเท่านั้น” ถึงแม้มันจะไม่ใช่แบบนั้น แต่ก็เป็นสิ่งที่เข้ากับสถานการณ์ในขณะนี้ที่สุดโจวเฉิงจวินกัดเม้มริมฝีปาก นัยน์ตามีความเจ็บปวดปรากฏขึ้นมา นับจากวันนี้ไปเขาไม่มีทางยอมให้คนอื่นมีโอกาสได้รังแกนา
Read More
บทที่ 8
เมื่อถึงช่วงบ่ายในยามเซิน ผู้คนในเมืองต่างก็เริ่มแยกย้ายกันไป เมื่อจี้เสี่ยวชุ่ยกับโจวเฉิงจวินรีบไปถึงก็พบว่าบนเกวียนมีหญิงที่แต่งงานแล้วสองสามคน ด้านหน้าของพวกนางต่างก็มีตะกร้าวางอยู่บนละหนึ่งใบ ข้างในว่างเปล่าแต่กลับมีใบผักที่เหี่ยวเฉาพาดอยู่ที่ขอบตะกร้า เช่นนี้ก็รู้ได้เลยว่าพวกนางน่าจะมาเพื่อขายผักกาดเขียวส่วนพวกนางก็เห็นว่าจี้เสี่ยวชุ่ยถือตะกร้ามาหนึ่งใบ ใส่ของเอาไว้จนเต็ม มองผ่านช่องจากข้างนอกก็ยังรู้ได้ว่าข้างในมีกระดูกชิ้นใหญ่อยู่จนเต็ม ส่วนเครื่องในหมูก็ใช้เชือกมัดแล้วถือเอาไว้ แท้จริงแล้วเนื้อที่อยู่ข้างในต่างก็โดนบังเอาไว้ทั้งหมด ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็น เมื่อเทียบกันแล้วข้าวและเส้นหมี่ที่โจวเฉิงจวินแบกเอาไว้ก็ค่อนข้างเป็นที่สะดุดตา แต่ก็เอาใส่ถุงมัดอย่างดีจนมองไม่ออกว่ามันคืออะไร“แหม~ นี่พวกเจ้าร่ำรวยแล้วหรือสหายเฉิงจวิน? ถึงได้ซื้อของมากมายขนาดนี้?” คนที่นั่งอยู่ข้างในเป็นหญิงแต่งงานแล้วอายุราวสามสิบปีชื่อว่าเซียงเหนียง แท้จริงแล้วอายุสามสิบปีก็ไม่ได้แก่เท่าใด เพียงแต่ทำงานมาเป็นเวลานาน ทำให้ดูมีอายุมากกว่าอายุจริงไม่น้อย พอเห็นของในมือพวกเขาก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนอยู่บ้าง“
Read More
บทที่ 9
“ท่านแม่ พวกนี้ล้วนแต่เป็นอาหารที่เสี่ยวชุ่ยลำบากขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรแลกมานะขอรับ”โจวเฉิงจวินขมวดคิ้ว เมื่อก่อนหากแม่ของเขาทำตัวเช่นนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ถ้าหากทำกับจี้เสี่ยวชุ่ยละก็ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงรู้สึกไม่ชอบใจเท่าใดนัก แม้แต่น้ำเสียงที่พูดออกไปก็ยังแฝงไปด้วยความเย็นชา ทว่าในขณะนี้อาสะใภ้โจวกำลังโกรธ ไม่ได้สังเกตน้ำเสียงของเขาแต่กลับใช้เสียงที่ดังกว่าเดิมในการตะคอกพวกเขา“ลำบากไม่ลำบากอะไรกัน เข้าในบ้านตระกูลโจวแล้วคิดจะแบ่งแยกคนนั้นคนนี้หรือ?”“ฮ่วนเหนียง มันเป็นสิ่งที่เสี่ยวชุ่ยลำบากไปแลกมา อีกอย่างนางก็ไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเอง ที่ซื้อมาก็มีแต่ของกินในบ้านทั้งนั้น!” โจวไฉทนมองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว วางของในมือลงแล้วพูดออกมาเสียงเข้มฮ่วนเหนียงกลายเป็นคนที่ไร้เหตุผลขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? เกรงว่าคงจะหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับบ้านสินะ!โจวไฉถอนหายใจอย่างปลงอนิจจัง ล้วนแต่เป็นเพราะเขาไร้ความสามารถ มิฉะนั้นภาระในชีวิตประจำวันก็คงไม่ตกเป็นหน้าที่ของพวกเขา ทำให้ฮ่วนเหนียงกลายเป็นคนเช่นนี้ไป เงินหนึ่งอีแปะยังคิดจะแบ่งมาใช้เหมือนเงินสองอีแปะอู๋ฮ่วนเหนียงก็คืออาสะใภ้โจว
Read More
บทที่ 10
ในยามโหย่วของหมู่บ้านต้าถาวสวยงามพร่างพรายอย่างยิ่ง ทั้งผืนฟ้ากลับกลายเป็นสีแดงส้มเมื่อแสงอาทิตย์อัสดงสาดส่อง ชาวบ้านที่ไปดูแลพืชไร่เกษตรต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ให้ร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยได้พักแล้วรับประทานอาหารซึ่งในขณะนี้บ้านตระกูลโจวก็ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอาหารที่หอมฟุ้ง เมื่อมองอาหารที่รูปรสกลิ่นสีครบครัน แม้แต่คนปากร้ายอย่างอู๋ฮ่วนเหนียงก็ยังถลึงตามองโต ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น มันเป็นสิ่งที่เด็กตัวเหม็นเสี่ยวชุ่ยทำจริงหรือ?เวลายังไม่มืดนัก คนของตระกูลโจวต่างก็ยกโต๊ะเก้าอี้ออกมากินข้าวที่ลานบ้าน เป็นที่พอใจอย่างมากโจวไฉนั่งที่หัวโต๊ะ มองอาหารตรงหน้าด้วยแววตาที่มีความประหลาดใจปรากฏคิดถึงยามที่ตนเองอยู่ในสถานที่ที่ร่ำรวยเงินทองแห่งหนึ่ง ได้กินอาหารชั้นดีไม่น้อย แต่อาหารที่อยู่เบื้องหน้าในขณะนี้กลับเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้เห็นเลยสักอย่าง ถึงแม้จะยังไม่ได้ลองชิมอาหารตรงหน้า แต่เพียงแค่ได้เห็นก็รู้ว่าจะต้องไม่แย่เป็นแน่“พี่สะใภ้ใหญ่ท่านเก่งเกินไปแล้ว ข้าโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยได้กลิ่นอาหารที่หอมขนาดนี้มาก่อน!” โจวเฉิงเจี๋ยก็เป็นคนที่รักในการกินเช่นกัน เมื่อได้เห็นอาหารที่มากมายเช่
Read More
DMCA.com Protection Status