“คุณภัทร! คุณมาทำไมค่ะ แล้วนี่กระเป๋า...” ชญานุชถามขึ้นอย่างนึกแปลกใจ เมื่อเห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุด และเธอกลับต้องเห็นเจ้านายหนุ่มมาหาเหมือนเช่นทุกวัน ถึงแม้ว่าวันนี้นั้นจะไม่ใช่เวลาเช้าตรู่เหมือนดังทุกวัน แต่แปลกใจที่เห็นเขามา แถมยังลากกระเป๋าเดินเข้ามาอีกด้วย
กระเป๋าใบใหญ่ ดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าข้างในนั้นบรรจุอะไรมา ซึ่งไม่ใช่เอกสารหรืออะไรที่เกี่ยวกับงานอย่างแน่นอน เพราะเธอเคลียร์งานจบทันวันที่จะถึงวันหยุดแล้ว
“ผมต้องมารบกวนคุณแล้ว ขออยู่ที่นี่สักสองสามวันแล้วกันน่ะนุช” เขาเอ่ยบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่เรียบปกติ ไม่ได้มีท่าทีเดือดร้อนกังวลใจอะไรเลย
“สองสามวัน! หมายถึงคุณ?” เธอเลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ แต่กลับต้องเบิกตากว้าง เมื่อมองไปที่กระเป๋าลากของเขาอีกครั้ง และเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งทันทีว่าสิ่งที่เขาพูดนั้น หมายความเช่นไร
“ผมจะมา ค้าง ที่ นี่ ครับ” เขาเอ่ยบอกเธอด้วยถ้อยคำที่เน้นย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอกไปเมื่อสักครู่นี้
“ค้างที่นี่?”
“ก็น้องสาวตัวแสบของผมน่ะสิ กลับต่างจังหวัดไปกับเกื้อกูล แล้วเอาชื่อผมไปอ้างกับอาโมทย์ ว่าเราไปเที่ยวด้วยกัน ผมเลยต้องหอบกระเป๋าออกจากบ้านมาแบบนี้ยังไงล่ะ” เขาเอ่ยบอกเธอถึงสาเหตุที่แท้จริง เหตุใดเขาถึงลากกระเป๋าออกจากบ้านมาแบบนี้
เธอทราบเพียงแค่ว่า คุณพัฒน์นั้นจะกลับบ้านเกิดไปทำบุญมารดาในช่วงหยุดยาว เพียงแต่เธอไม่ทราบว่าหญิงสาวที่กำลังคบหาดูใจกันนั้นจะตามคุณพัฒน์ไปด้วย และไม่คิดว่าสองพี่น้องคู่นี้จะใช้เหตุผลแบบนี้มาอ้าง
“แล้วทำไมคุณต้องมาอยู่ที่บ้านนุชด้วย ที่อื่นมีตั้งถมเถไป” เธอถามเขากลับไปอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังทำ เพราะมีตั้งหลายที่ที่เขาสามารถไปหลบอยู่ได้ แต่ทำไมเขาต้องมาที่บ้านเธอด้วย
“แล้วจะให้ผมไปที่ไหน เกิดมีคนเจอเข้า แล้วเอาไปบอกพ่อผมกับอาโมทย์รับรองมุกดาโดนหนัก หรือไม่ก็อาจจะโดนกักขังบริเวณก็ได้น่ะ” เขาจึงยกสารพัดเหตุผลมาอ้างกับเธอ
“ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้านนุชไงค่ะ หรือคุณจะไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ได้นี้ทำไมต้องมาที่นี่ด้วย” เธอเอ่ยบอกเขา และถามเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“ไม่รู้ล่ะ เกื้อกูลพาน้องผมไป คุณต้องเป็นคนรับผิดชอบ” ธนภัทรหากได้สนใจในคำพูดของเธอไม่ แต่กลับลากกระเป๋าเดินเข้าไปด้านในบ้านของเธออย่างหน้าตาเฉย
“แล้วจะให้นุชรับผิดชอบยังไงค่ะ”
“ก็ให้ผมค้างที่นี่ด้วย จนกว่าสองคนนั้นจะกลับมา หรือว่าคุณจะไปเที่ยวต่างจังหวัดเป็นเพื่อนผมก็ได้น่ะ ถ้าอยู่ที่นี่หลายวัน คุณจะเบื่อ” เขาหันมาพูดกับเธอ เมื่อเธอเดินตามหลังเขามา
“ไม่ค่ะ”
“แล้ววุฒิไปไหนเหรอ ผมไม่เห็นรถเลย” เขาเปลี่ยนเรื่องทันที เมื่อสังเกตว่าตั้งแต่ที่จอดรถอยู่หน้าบ้าน ก็ไม่เห็นรถมอเตอร์ไซค์ของน้องชายเธอเลย
“ไปเที่ยวตามประสาวัยรุ่นหนุ่มโสดสิค่ะ สงสัยจะไปหลงสาวที่ไหนเข้าแล้ว เห็นช่วงนี้ทำตัวแปลก ๆ” เธอตอบเขาไปตามที่เธอรู้ เพราะเธอก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าน้องชายเธอออกไปไหนตั้งแต่เช้า เพราะชนาวุฒิก็โตมากพอแล้ว
“มันรู้งานจังว่ะ ไอ้น้องคนนี้” เสียงเอ่ยแผ่วเบาพูดคนเดียว
“คุณพูดอะไรค่ะ” เธอหันขวับกลับมาถามเขาทันที เพราะเธอเองก็ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดไม่ชัดเหมือนกัน
“เปล๊า” เสียงสูงรีบปฏิเสธทันควัน พร้อมกับยักไหล่ใส่เธอ
“เสียงสูงมากเลยน่ะ”
ธนภัทรไม่ได้เอ่ยตอบอะไรเธอ แต่กลับลากกระเป๋าเดินเข้าบ้านของเธอต่ออย่างถือวิสาสะ โดยที่ไม่รอฟังคำอนุญาตจากเจ้าของบ้านเลย
เมื่อเข้ามาด้านในตัวบ้าน เขากลับตีหน้ามึน เดินลากกระเป๋าไปทางห้องนอนส่วนตัวของเธอ และเปิดประตูเข้าไปด้านในทันที โดยไม่สนว่าจะถูกเธอเอ่ยปากไล่ก็ตาม
“คุณเข้าไปในห้องนุชทำไมค่ะ ออกมาเลยน่ะ”
“ผมจะนอนในห้องนี้ เพราะบ้านคุณไม่มีห้องลำรองแขกไง” เขาเอ่ยบอกเธอพร้อมกับเดินไปนั่งลงที่เตียงนอนของเธอทันทีอย่างไม่เกรงกลัวเลยว่าเจ้าของห้องจะว่าอย่างไรเขาหรือเปล่า
“โซฟาด้านนอกมีค่ะ”
“ผมเป็นเจ้านายคุณน่ะนุช”
“นอกเวลา ไม่มีเจ้านายลูกน้องค่ะ และนี้ก็เป็นบ้านนุช นุชมีอำนาจสูงสุดค่ะ”
“ไม่ได้เป็นเจ้านายลูกน้อง ก็เป็นเมียผมได้ไหมล่ะ” ไม่เพียงแค่คำพูดเพียงปากเปล่า แต่ธนภัทรกลับดึงเธอเข้ามานั่งบนตักแกร่งของเขาทันที
“คุณ...” เธอเบิกตากว้างกลับการกรนะทำและสิ่งที่ได้ยินของเขา
“ว่ายังไง เป็นเมียผมได้หรือเปล่าครับ” เสียงนุ่มถามพร้อมกับสบตาเธออย่างต้องการคำตอบ
“จะเป็นเมียได้ยังไงค่ะ แฟนยังไม่ได้เป็นเลย”
“หึ ก็เป็นสะสิ คุณก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับคุณอยู่แล้วนุช”
“...” เธอไม่เอ่ยตอบอะไร เมื่อเขาพูดมาแบบนี้ เธอรู้สึกประหม่า และหันหน้าหนีสายตาร้อนแรงของเขาคู่นี้ทันที
มือหนาเชยคางมนของเธอให้สบตากัน แล้วจ้องมองลึกเข้าไปนัยน์ตาอย่างสื่อความหมาย และความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองทั้งหมดออกมาทางสายตา ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำหวานกับเธอ
“เป็นแฟนกับผมนะครับ ผมรักนุชน่ะ”
“คุณ...อื้อออ” เธอตกใจเบิกตากว้างขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำสารภาพรักจากเขา แต่เขาไม่รอให้เธอหายตกใจ ฉกจูบลงมาที่ปากของเธออย่างรวดเร็วแบบที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
“ตกลงหรือเปล่าครับ” เสียงนุ่มถามเธอขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อยอมถอนจูบออกจากปากเธออย่างน่าเสียดาย พร้อมกับสบตาเธออย่างต้องการคำตอบ
“นุชยอมให้คุณจูบขนาดนี้แล้ว ไม่น่าถามน่ะ” เธอเอ่ยเสียงอู้อี้ที่ปนความน้อยใจออกมาอย่างไม่จริงจังนัก
“แปลว่านุชตกลงแล้วนะครับ” เขาสรูปรูปเองทันที ว่าเธอยอมตกลงแล้ว
“ค่ะ”
“ขอบคุณครับ จ๊วบบบ” สิ้นคำขอบคุณจากเขา ปากหยักฉกจูบปากบางของเธอทันที อย่างรวดเร็ว แล้วดันร่างบางนอนราบไปกับที่นอน โดยมีร่างเขาทาบทับเอาไว้
และมือปลาหมึกก็เริ่มทำงานทันที เลื้อยไปมาตามตัวของเธอ และขึ้นมากอบกุมเต้าอวบของเธอ บีบขยำอน่างหนำใจ จนคนใต้ร่างได้สติ ร้องออกมาทันที
“อ๊ะ”
“เลื่อนขั้นเป็นเมียเลยแล้วกัน ผมรอไม่ไหวแล้ว” เสียงแหบกระเส่าเอ่ยบอก เมื่อใบหน้าคลอเคลียอยู่ที่ลำคอระหงของเธอ
“อื้อ...”
เธอไม่อาจที่จะปฏิเสธเขาได้ เพราะใจจริงแล้วเธอก็มีใจให้เขามานานแล้วเช่นกัน เพียงแค่เธอยังไม่มั่นใจ ว่าเขานั้นคิดเช่นไรกับเธอ จริงจัง หรือเพียงแค่ต้องการแค่ร่างกาย แต่ในเมื่อเธอและเขาอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ กันแล้ว
เธอก็ไม่ได้มาคิดเล็กคิดน้อยในเรื่องแบบนี้ ยอมมอบกายให้กับคนที่เธอรัก ให้เขาได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอ เพราะเธอเองก็ต้องการเขาเช่นกัน...
จำใจยอมมื้อค่ำสุดพิเศษจบลง มุกดารินทร์ก็ยังคงเอาแต่นั่งชะเง้ออยู่ที่ห้องโถงไม่ยอมขึ้นห้องไปพักผ่อน จนปราโมทย์ที่นั่งอยู่ด้วยถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเอ่ยสั่งเด็กสาวรับใช้ที่เป็นหลานสาวของพิไล“ไปตามเกื้อกูลมาที่นี่หน่อย” ปราโมทย์ที่ทนเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ไม่ได้ จึงสั่งให้แม่บ้านไปตามคุณพัฒน์เข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ทีนที“ค่ะ คุณท่าน”สักพักคุณพัฒน์ก็เดินเข้ามาถึง เจอกับปราโมทย์นั่งวางมาดขรึมอยู่ที่โซฟาจ้องมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขาทำใจฮึดสู้ยกมือขึ้นไหว้อย่างยอบน้อม โดยที่จะไม่เอ่ยถามอะไรว่าท่านให้คนไปตามทำไมกัน“พามุกดาขึ้นไปนอน นี้ก็ดึกมากแล้วไม่รู้จักหน้าที่เอาเสียเลย” พูดเพียงแค่นั้น ปราโมทย์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเดินผ่านหน้าชายหนุ่มขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที เพราะเขาเองก็ง่วงเต็มทนจนตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ“ทำไมถึงไม่ยอมขึ้นนอนล่ะครับ หืมมม” คุณพัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเดินเข้าไปหาหญิงสาว และใช้มือโอบรอบเอวพาเธอเดินขึ้นไปด้านบน“มุกไม่อยากนอนคนเดียวค่ะ มันหงุดหงิดทำให้มุกนอนไม่หลับ” เอ่ยบอกเขาพร้อมกับทำหน้ายู่ราวกับเด็กใส่เขาทันทีดูสิขนาดเธอกำลังจะกลายเป็นแม่คนแล้ว แต
มื้อค่ำสุดพิเศษตกเย็นคุณพัฒน์ที่ผล็อยหลับไปตามหญิงสาวนั้น ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเย็น แล้วช้อนเอาร่างเล็กของว่าที่คุณแม่ที่ยังคงหลับสนิทอยู่ขึ้นอย่างทะนุถนอมไปวางที่เตียงกว้างให้เธอได้นอนสบาย ก่อนที่จะออกจากห้องของเธอไป เพื่อที่จะไปซื้อของมาทำอาหารมื้อเย็นให้ตามที่่รับปากเธอเอาไว้“จะไปไหน?” เสียงเข้มของปราโมทย์ถามขึ้นมา เมื่อเขากำลังเดินออกจากบ้านไปที่โรงจอดรถ ที่มีมอเตอร์ไซค์เขาจอดอยู่ด้วยปราโมทย์รู้ว่าชายหนุ่มจะออกไปไหน เพราะได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดกับลูกสาวทุกประโยคเมื่อตอนกลางวัน แต่แค่อยากถามกวนเฉย ๆ“จะออกไปตลาดครับ” คุณพัฒน์ตอบออกไปตามตรง เพราะอาศัยอยู่ที่บ้านท่าน ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านยอมให้เขามาอยู่ใกล้กับลูกสาวท่าน“ไปสภาพนี้?” ใบหน้านิ่งขรึมมองสำรวจชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จึงได้แต่เลิกคิ้วถามคุณพัฒน์นั้นสวมเพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งของราคาแพงอะไรประดับติดตัว แต่ก็ดูดีใบแบบของชายหนุ่มเอง“คือ...” เขาได้แต่ก้มหน้าถ่อมตนไม่กล้าสบตาของปราโมทย์ เพราะสภาพตัวเองที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับลูกสาวท่านเลย“เ
อยากหนีไปจากตรงนี้คุณพัฒน์ที่กำลังทำงานสวนอยู่หลังบ้าน ถูกตามตัวให้มาพบกับเจ้าของบ้าน จึงต้องยอมละทิ้งทุกอย่างไว้ แล้วเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ทันทีคุณพัฒน์ได้รับอนุญาตจากปราโมทย์ให้พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ โดยพักอยู่ที่บ้านพักของคนงานแทน มีหน้าที่ดูแลรับใช้มุกดารินทร์ในฐานะพ่อของลูกเท่านั้น และจนกว่าที่มุกดารินทร์จะคลอดแต่คุณพัฒน์จะไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ และให้อยู่กับมุกดารินทร์ได้ เพราะปราโมทย์ต้องการดูพฤติกรรม ว่ามีความอดทนมากแค่ไหนและปราโมทย์ก็ให้เขาออกจากงานทันที ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น ให้มาอยู่ที่บ้านของเขาแทน ส่วนพงษ์พิพัฒน์และธนภัทรจึงยอมให้คุณพัฒน์ทำตามที่ปราโมทย์ขอ เพราะมีทางเดียวที่คุณพัฒน์จะได้อยู่ใกล้ลูกเมีย และเป็นการพิสูจน์ตัวเองด้วยคุณพัฒน์เดินเข้ามาภายในห้องโถงของบ้าน เห็นปราโมทย์นั่งกอดอกอยู่บนโซฟามองมาที่ตน ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นไหว้เท่านั้น“ตามป้าไลขึ้นไปข้างบน แล้วทำยังไงก็ได้ให้มุกดายอมกินข้าว เป็นผัวเมียภาษาอะไร เมียไม่กินข้าว ก็ไม่ยอมดูแล...” ใบหน้านิ่งขรึมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง เมื่อคุณพัฒน์มาถึ
ไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อมสามวันต่อมาบ้านภัทรไชยาธนภัทรกับบิดาของตนรีบมาหามุกดารินทร์ที่บ้าน หลังจากที่ทำธุระที่ต่างจังหวัดเสร็จก็มุ่งหน้ามาบ้านของหญิงสาวเลยทันทีที่ทราบข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น“คุณอาอย่าบังคับน้องให้ไปเอาเด็กออกเลยนะครับ เด็กไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย น้องจะเสียใจมากแค่ไหน ที่ทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แล้วคนที่จะเป็นทุกข์ไม่ใช่แค่มุกดา แต่อาโมทย์เองก็จะรู้สึกผิดไปด้วย...” ธนภัทรร้องขอขึ้นมาทันที ที่รู้ว่าปราโมทย์กำลังจะทำอะไรกับลูกสาว“...” ทุกคนเงียบลงไม่มีใครพูดอะไรออกมาสายตาหันมองไปยังหญิงสาวและชายหนุ่ม ที่หน้าตาบูดซ้ำ เพราะการถูกซ้อมปางตายจากลูกน้องของปราโมทย์ แล้วหันกลับมาเอ่ยกับเจ้าของบ้านต่อ...“ถือว่าเห็นแก่เด็กที่กำลังจะเกิดมา ซึ่งก็คือหลานแท้ ๆ ของอาเอง พ่อเขาก็มีทำไมอาต้องอยากให้ลูกสาวตัวเองทำร้ายอีกหนึ่งชีวิตเพื่ออนาคตด้วยครับ คลอดแล้วค่อยกลับไปเรียนก็ได้”“...” ปราโมทย์ไม่เอ่ยตอบอะไร เมื่อธนภัทรเอ่ยออกมาเช่นนี้“เกื้อกูลก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร น้องออกจะเป็นคนดีคนขยันทำมาหากินคนหนึ่ง เพียงแต่เกิดมากับครอบครัวที่ไม่เพียบพร้อมเหมือนกับพวกเรา แต่ไม่ใช่ว่าวันข้างหน้
ไม่เจียมตัวเอาเสียเลยก๊อก ก๊อก ก๊อก“มีอะไร” เสียงเข้มถามออกไป เมื่อวิศรุตผุนผันเข้ามาหาเขาที่ห้องแบบไม่ได้รอให้คนด้านในอนุญาตเสียก่อนทุกสายตาที่อยู่ในห้องนี้ด้วย ต่างก็หันจ้องมองมาที่วิศรุตเป็นตาเดียวอย่างรอฟังคำตอบ ชายหนุ่มหากได้สนใจไม่ กลับเดินเข้าไปหาปราโมทย์ทันที เพราะมีเรื่องด่วนกว่า“คุณหนูมุกเป็นลมครับ” เสียงกระซิบเอ่ยบอกเบา ๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน“อะไรน่ะ!!! เป็นลม? แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” แต่ปราโมทย์ เมื่อได้ยินว่าลูกสาวสุดที่รักเป็นอะไร กลับเก็บอาการไม่อยู่ ตวาดถามเสียงดังขึ้นมาทันที โดยไม่สนใจว่าในที่นี่จะมีใครได้ยินบ้าง เพราะเป็นห่วงลูกสาวจนไม่สามารถควบคุมอะไรได้“อยู่ข้างล่างครับ” วิศรุตเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งปราโมทย์ไม่ได้สนใจทุกสายตาที่มองมาที่ตน รีบสาวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้ ลงมายังจุดที่วิศรุตแจ้งว่าลูกสาวอยู่ที่ไหนและก็เจอกับคุณพัฒน์กำลังอุ้มลูกสาวตนเดินไปทางห้องพยาบาลพอดี จึงได้แต่เดินตามไปแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรชายหนุ่มออกไปคุณพัฒน์วางมุกดารินทร์ลงที่เตียงในห้องพยาบาลอย่างเบามือ และก็ออกมารออยู่ห่าง ๆ ให้หมอที่ถูกเรียกตัวมาจากโรงพยาบาลตรวจดูอาการหมอที
เอาอะไรไปสู้เขาวิศรุตได้แต่ชำเลืองมองคุณพัฒน์ที่เดินสวนกันอย่างรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเขาเองก็ต้องทำตามหน้าที่เหมือนกัน“ให้คนของเราไปจัดการเลยไหมครับ” ถามผู้มีพระคุณที่นั่งหน้าขรึมขึ้นมาทันที ที่เขาเดินเข้ามาภายในห้อง“ไม่ต้อง รอดูไปก่อน ถ้ามันขัดคำสั่งเมื่อไหร่ ค่อยจัดการทีเดียว”ปราโมทย์รีบปราม แล้วนั่งทำงานต่ออยู่ภายในห้องอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจอะไรต่อ แต่สมองก็สั่งการให้เขาอดคิดเรื่องของลูกสาวกับชายหนุ่มที่เขาเรียกมาตักเตือนไม่ได้อยู่ดี“มีหยัง...เว้าบอกกูได้เด้อ เผื่อมึงสิสบายใจขึ้น” (มีอะไร...เล่าให้กูฟังได้น่ะ เผื่อมึงจะสบายใจขึ้น) ชนาวุฒิถามเพื่อนขึ้นมาทันที ที่เห็นคุณพัฒน์เดินกลับเข้ามาทำงานด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก“มันจบลงแล้วล่ะ เฮ็ดงานต่อเถาะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย” (มันจบลงแล้วแหล่ะ ทำงานต่อเถอะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย) สั่งเรียบเอ่ยบอกเพื่อน แต่ใบหน้าก็ยังแสดงความทุกข์ออกมาอยู่ดี“มักลูกสาวเขาเฮากะสู้ตัวเกื้อ” (รักลูกสาวเขาเราก้ต้องสู้สิเกื้อ)“กูบ่มีอีหยังไปสู้เขาได้ดอก มึงกะเห็น” (กูไม่มีอะไรไปสู้เขาหรอก มึงก็เห็น) พูดตัดพ้อตัวเองขึ้นมาทันท