สามเดือนต่อมา
ผ่านมาสามกว่าเดือนแล้ว ที่คุณพัฒน์มาทำงานที่เมืองหลวงแห่งนี้ และเป็นเวลาเกือบสามเดือนแล้ว ที่เขาได้คบหาดูใจกันกับมุกดารินทร์ และสัปดาห์นี้เองก็จะมีวันหยุดยาว คุณพัฒน์จึงตัดสินใจที่จะเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เพราะจะได้กลับไปทำบุญครบหนึ่งร้อยวัน ที่มารดาจากไปอีกด้วย
“คุณพ่ออนุญาตให้มุกไปนะคะ มีพี่ภัทรไปด้วยพ่อไม่ต้องห่วงหรอก” เสียงหวานของมุกดารอนทร์เอ่ยออดอ้อนของคนเป็นพ่อ เมื่อธออยากไปต่างจังหวัดในช่วงหยุดยาวนี้ และช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่เธอปิดภาคเรียนด้วย
“พ่อห้ามอะไรลูกไม่ได้เลยใช่ไหม?” น้ำเสียงนิ่งเรียบเอ่ยออกมาอย่างไม่อาจที่จะห้ามได้ เพราะทนต่อสายตาออดอ้อนร้องขอของลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจไม่ไหว
“นะคะคุณพ่อ มุกสัญญาว่ากลับมา มุกจะเป็นเด็กดีทำตามที่พ่อต้องการทุกอย่างเลย มุกอยากไปเพราะมุกไม่เคยออกไปไหนเลย” ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่อ้อนบิดา แต่ยังใช้สายตาออดอ้อนอย่างน่าสงสารอ้อนบิดาของเธออีกด้วย
“ก็ได้...” จนปราโมทย์ต้องจำใจยอมพ่ายแพ้ให้แก่ลูกอ้อนของลูกสาว เพราะเธอคือลูกสาวเพียงคนเดียวที่เขารักมากที่สุด และเบาใจอีกแรงเมื่อลูกสาวบอกว่าธนภัทรไปด้วยจึงวางใจลงบ้าง
“ขอบคุณนะคะ คุณพ่อน่ารักและใจดีที่สุดเลย” เธอโลดเต้นกอดคนเป็นพ่อทันที อย่างดีใจ เมื่อปราโมทย์อนุญาต
“เป็นเด็กดี ก็อย่าทำให้พ่อผิดหวังล่ะ พ่อมีลูกสาวแค่คนเดียวน่ะ” พูดพร้อมกับลูบศีรษะของลูกสาวไปด้วยอย่างห่วงแหน ด้วยท่าทีที่อ่อนโยน
“...” มุกดารินทร์ไม่ได้เอ่ยตอบอะไรออกมา แต่กลับซุกใบหน้าลงที่อกแกร่งของบิดา พร้อมกับแขนโอบรอบกอดเอวท่านแทน
ตกเย็น
“กูอยากกลับนำมึงเด้ แต่กูมาคิดเบิ้งแล้วกูบ่ไปดีกว่า บ่อยากไปรบกวนเวลาคนมีความฮักกับเมีย” (กูอยากกลับกับมึงด้วยจัง แต่กูมาคิดดูแล้วกูไม่ไปดีกว่า ไม่อยากไปรบกวนเวลาคนสวีทกับเมีย) ชนาวุฒิแซวออกมาทันที เมื่อคุณพัฒน์มาบอกจะเดินทางกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดในช่วงหยุดยาวนี้ และเอารถมอเตอร์ไซค์มาฝากไว้ที่บ้านพี่สาวเขาด้วย...
“เมียอีหยัง เว้าอีหยังออกมาซอยให้เกียรติเพิ่นแน่” (เมียอะไร พูดอะไรออกมาช่วยให้เกียรติเขาหน่อย) คุณพัฒน์รีบตำหนิเพื่อนออกไป ที่เพื่อนพูดถึงเขาและมุกดารินทร์ออกมาแบบโต้ง ๆ เช่นนี้
เขาได้ยินน่ะไม่เท่าไหร่หรอก เพราะเขาเป็นผู้ชายไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว แต่สำหรับหญิงสาวนี่สิ เธอจะคิดเช่นไร เพราะความสัมพันธ์ของเธอและเขาก็ไม่ได้เปิดเผยให้ผู้ใหญ่ทราบ มีเพียงแค่คนใกล้ชิดเท่านั้น
เขาตั้งใจจะไปสารภาพผิดกับบิดาของเอตามตรง ว่าเขาได้ล่วงเกินเธอไปแล้ว อยากรับผิดชอบดูแล ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีทรัพย์สินเงินทองอะไร แต่เขาจะใช้ความจริงใจนี่แหล่ะทำให้ท่านเห็น แต่เธอกับขอเอาไว้ ห้ามเขาเอาไว้ ไม่ให้บอก...
“แต่มึงกะเอากันแล้ว แถวบ้านเฮากะเอิ้นเมียกันฮั่นล่ะ หรือมึงสิว่าบ่ได้...” (แต่มึงก็มีอะไรกันแล้ว แถวบ้านเราก็เรียกเมียกันทั้งนั้น หรือมึงจะบอกว่าไม่ได้...)
“กูบ่เว้านำมึงแล้ว กูกลับก่อนเด้อ พ้อกันมื้อเปิดงาน” (ไม่พูดกับมึงแล้ว กูกลับก่อนน่ะ เจอกันวันเปิดงาน) เขาไม่อยากเถียง เลยรีบเปลี่ยนเรื่องพูดสวนขึ้นมาเสียก่อน และขอตัวทันที เมื่อรถแท็กซี่มาจอดอยู่หน้าบ้านของพี่สาวพอดี
“โอเค เดินทางปลอดภัย”
คุณพัฒน์รีบขึ้นรถ เขานั่งแท็กซี่ไปรับมุกดารินทร์ที่บ้านของเธอ เดิมทีตั้งใจจะขับรถมอเตอร์ไซค์กลับ แต่เมื่อหญิงสาวอยากกลับด้วย เขาจึงเปลี่ยนมานั่งรถตู้โดยสารแทน เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ และรถตู้ก็สามารถส่งถึงหน้าบ้านอีกด้วย และพาเธอมาขึ้นรถในช่วงเวลาดึกของวัน เพราะจะได้ถึงที่บ้านเขาในตอนฟ้าส่างพอดี
“นั่งได้น่ะครับ” เสียงนุ่มเอ่ยถามเมื่อขึ้นมาบนรถ โดยที่เขาให้เธอนั่งฝั่งด้านใน
“ค่ะ ตื่นเต้นดีออก” เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับสายตาที่ดูตื่นเต้นมาเป็นพิเศษ เพราะนี้คือครั้งแรกที่เธอได้ทำอะไรแบบนี้
“ง่วงก็พึงไหล่พี่ได้เลยน่ะ ถึงเดี๋ยวพี่ปลุกเอง” พูดบอกเธอพร้อมกับตบไหล่ตัวเองเบา ๆ
พวกเขาเดินทางมาถึงในช่วงเช้ามืดพอดี เป็นเวลาที่ชาวบ้านต่างก็ลุกกันแล้ว บางบ้านต่างก็วุ่นกัน บ้างก็ออกไปทำงาน
“เกื้อ ไปอยู่กรุงเทพได้บ่โดน กลับมายามเฮือนกะมีสาวมานำเลยน้อ” (เกื้อ ไปอยู่กรุงเทพฯได้ไม่นาน กลับมาเยี่ยมบ้านก็ได้แฟนมาด้วยเลยน่ะ) ยายจันทร์ เสียงของยายข้างบ้านเอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่เห็นหน้าคุณพัฒน์ เมื่อเขากำลังจะเดินเข้าบ้าน
“ครับ”
คุณพัฒน์ทำเพียงแค่ยิ้มพยักหน้าตอบ แล้วยกมือไหว้ทักทาย และสะกิดให้หญิงสาวข้างกาย มุกดารินทร์มองหน้าเขาอย่างงุนงงก่อนที่จะยอมทำตามในสิ่งที่เขาสะกิดเธอ
“บ้านพี่ก็แบบนี้แหละครับ ไปลามาไหว้” เขาจึงอธิบายบอกเธอ เมื่อเขาพาเธอเดินเข้ามาถึงตัวบ้าน
เธอทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับในสิ่งที่เขาอธิบายบอกนั้นอย่างเข้าใจ และมองสำรวจดูรอบ ๆ ก่อนที่จะเอ่ยเสียงนุ่มขึ้นมา
“ที่นี่อากาศดีจังเลยนะคะ มุกชอบจัง” เสียงนุ่มเอ่ยบอก พร้อมกับหลับตาลงสูดอากาศที่ปลอดโปร่งไร้มลพิษในยามเช้าของต่างจังหวัดเข้าเต็มปอดเมื่อยืนอยู่หน้าบ้าน
“นั่งรอที่นี่ก่อนนะครับ พี่ทำความสะอาดบ้านก่อน ไม่มีใครอยู่ฝุ่นเกาะเต็มไปหมดเลย” ร่างสูงเอ่ยบอกพร้อมกับเพยิดหน้าไปที่เตียงหน้าบ้าน และเขาก็คว้านหากุญแจในกระเป๋าเปิดประตูเข้าบ้าน
“ให้มุกช่วยนะคะ” แต่เธอกลับไม่ยอมทำตามที่เขาบอก แถมยังอาสาจะช่วยเขาอีกแรงด้วย
“มะ...” เขากำลังจะปฏิเสธเธอ
“มุกทำเป็นค่ะ แค่นี้สบายมาก” แต่ถูกเธอตอบกลับมาทันควัน
เขาไม่อยากหักหามน้ำใจเธอ จึงยอมส่งไม่กวาดให้กับเธอ และเขาก็เดินไปสำรวจดูรอบ ๆ บ้าน ที่ปล่อยไว้มาเกือบสี่เดือน จนตอนนี้หญ้ารอบ ๆ เริ่มขึ้นปกคลุมสูงแล้ว
และสักพักก็เดินกลับมาหาเธอ ช่วยกันปัดกวาดเช็ดถู ทำความสะอาดจนแล้วเสร็จ ท้องทั้งคู่ก็ดังประท้วงขึ้นมาทันทีเพราะเลยเวลาอาหารเช้าแล้ว
“ไปอาบน้ำได้แล้วครับ ที่เหลือเดี๋ยวพี่ทำต่อเอง เราจะได้ออกไปกินข้าวเช้ากัน” เขาจึงรีบบอกให้เธอเป็นฝ่ายไปอาบน้ำชำระล้างกาย เพราะตอนนี้ทั้งเธอและเขา เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทั้งที่ยังเป็นเวลาเช้าอยู่เลย
“เราทำกินเองไม่ได้เหรอค่ะ” เธอค้านขึ้นมา เมื่อเห็นว่าที่ครัวก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบทุกอย่างแล้ว จะออกไปทานที่อื่นทำไมกัน
“พี่กลัวมุกจะทานไม่ได้”
“มุกทานได้หมดแหล่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น มุกรีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่จะพาไปซื้ออะไรอยู่ร้านค้ามาทำกินกันเอง”
“...” เธอไม่ได้ตอบเขา แต่กลับพยักหน้ารับแทน
เขาจึงเสียบหม้อหุงข้าว หุงข้าวและเตรียมทุกอย่างไว้รอระหว่างที่หญิงสาวอาบน้ำ เมื่อเธออาบน้ำเสร็จจะได้พาเธอไปทันที โดยเขาเดินออกไปอาบน้ำในโอ่งข้างนอกแทน เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลา
จำใจยอมมื้อค่ำสุดพิเศษจบลง มุกดารินทร์ก็ยังคงเอาแต่นั่งชะเง้ออยู่ที่ห้องโถงไม่ยอมขึ้นห้องไปพักผ่อน จนปราโมทย์ที่นั่งอยู่ด้วยถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเอ่ยสั่งเด็กสาวรับใช้ที่เป็นหลานสาวของพิไล“ไปตามเกื้อกูลมาที่นี่หน่อย” ปราโมทย์ที่ทนเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ไม่ได้ จึงสั่งให้แม่บ้านไปตามคุณพัฒน์เข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ทีนที“ค่ะ คุณท่าน”สักพักคุณพัฒน์ก็เดินเข้ามาถึง เจอกับปราโมทย์นั่งวางมาดขรึมอยู่ที่โซฟาจ้องมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขาทำใจฮึดสู้ยกมือขึ้นไหว้อย่างยอบน้อม โดยที่จะไม่เอ่ยถามอะไรว่าท่านให้คนไปตามทำไมกัน“พามุกดาขึ้นไปนอน นี้ก็ดึกมากแล้วไม่รู้จักหน้าที่เอาเสียเลย” พูดเพียงแค่นั้น ปราโมทย์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเดินผ่านหน้าชายหนุ่มขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที เพราะเขาเองก็ง่วงเต็มทนจนตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ“ทำไมถึงไม่ยอมขึ้นนอนล่ะครับ หืมมม” คุณพัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเดินเข้าไปหาหญิงสาว และใช้มือโอบรอบเอวพาเธอเดินขึ้นไปด้านบน“มุกไม่อยากนอนคนเดียวค่ะ มันหงุดหงิดทำให้มุกนอนไม่หลับ” เอ่ยบอกเขาพร้อมกับทำหน้ายู่ราวกับเด็กใส่เขาทันทีดูสิขนาดเธอกำลังจะกลายเป็นแม่คนแล้ว แต
มื้อค่ำสุดพิเศษตกเย็นคุณพัฒน์ที่ผล็อยหลับไปตามหญิงสาวนั้น ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเย็น แล้วช้อนเอาร่างเล็กของว่าที่คุณแม่ที่ยังคงหลับสนิทอยู่ขึ้นอย่างทะนุถนอมไปวางที่เตียงกว้างให้เธอได้นอนสบาย ก่อนที่จะออกจากห้องของเธอไป เพื่อที่จะไปซื้อของมาทำอาหารมื้อเย็นให้ตามที่่รับปากเธอเอาไว้“จะไปไหน?” เสียงเข้มของปราโมทย์ถามขึ้นมา เมื่อเขากำลังเดินออกจากบ้านไปที่โรงจอดรถ ที่มีมอเตอร์ไซค์เขาจอดอยู่ด้วยปราโมทย์รู้ว่าชายหนุ่มจะออกไปไหน เพราะได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดกับลูกสาวทุกประโยคเมื่อตอนกลางวัน แต่แค่อยากถามกวนเฉย ๆ“จะออกไปตลาดครับ” คุณพัฒน์ตอบออกไปตามตรง เพราะอาศัยอยู่ที่บ้านท่าน ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านยอมให้เขามาอยู่ใกล้กับลูกสาวท่าน“ไปสภาพนี้?” ใบหน้านิ่งขรึมมองสำรวจชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จึงได้แต่เลิกคิ้วถามคุณพัฒน์นั้นสวมเพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งของราคาแพงอะไรประดับติดตัว แต่ก็ดูดีใบแบบของชายหนุ่มเอง“คือ...” เขาได้แต่ก้มหน้าถ่อมตนไม่กล้าสบตาของปราโมทย์ เพราะสภาพตัวเองที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับลูกสาวท่านเลย“เ
อยากหนีไปจากตรงนี้คุณพัฒน์ที่กำลังทำงานสวนอยู่หลังบ้าน ถูกตามตัวให้มาพบกับเจ้าของบ้าน จึงต้องยอมละทิ้งทุกอย่างไว้ แล้วเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ทันทีคุณพัฒน์ได้รับอนุญาตจากปราโมทย์ให้พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ โดยพักอยู่ที่บ้านพักของคนงานแทน มีหน้าที่ดูแลรับใช้มุกดารินทร์ในฐานะพ่อของลูกเท่านั้น และจนกว่าที่มุกดารินทร์จะคลอดแต่คุณพัฒน์จะไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ และให้อยู่กับมุกดารินทร์ได้ เพราะปราโมทย์ต้องการดูพฤติกรรม ว่ามีความอดทนมากแค่ไหนและปราโมทย์ก็ให้เขาออกจากงานทันที ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น ให้มาอยู่ที่บ้านของเขาแทน ส่วนพงษ์พิพัฒน์และธนภัทรจึงยอมให้คุณพัฒน์ทำตามที่ปราโมทย์ขอ เพราะมีทางเดียวที่คุณพัฒน์จะได้อยู่ใกล้ลูกเมีย และเป็นการพิสูจน์ตัวเองด้วยคุณพัฒน์เดินเข้ามาภายในห้องโถงของบ้าน เห็นปราโมทย์นั่งกอดอกอยู่บนโซฟามองมาที่ตน ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นไหว้เท่านั้น“ตามป้าไลขึ้นไปข้างบน แล้วทำยังไงก็ได้ให้มุกดายอมกินข้าว เป็นผัวเมียภาษาอะไร เมียไม่กินข้าว ก็ไม่ยอมดูแล...” ใบหน้านิ่งขรึมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง เมื่อคุณพัฒน์มาถึ
ไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อมสามวันต่อมาบ้านภัทรไชยาธนภัทรกับบิดาของตนรีบมาหามุกดารินทร์ที่บ้าน หลังจากที่ทำธุระที่ต่างจังหวัดเสร็จก็มุ่งหน้ามาบ้านของหญิงสาวเลยทันทีที่ทราบข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น“คุณอาอย่าบังคับน้องให้ไปเอาเด็กออกเลยนะครับ เด็กไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย น้องจะเสียใจมากแค่ไหน ที่ทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แล้วคนที่จะเป็นทุกข์ไม่ใช่แค่มุกดา แต่อาโมทย์เองก็จะรู้สึกผิดไปด้วย...” ธนภัทรร้องขอขึ้นมาทันที ที่รู้ว่าปราโมทย์กำลังจะทำอะไรกับลูกสาว“...” ทุกคนเงียบลงไม่มีใครพูดอะไรออกมาสายตาหันมองไปยังหญิงสาวและชายหนุ่ม ที่หน้าตาบูดซ้ำ เพราะการถูกซ้อมปางตายจากลูกน้องของปราโมทย์ แล้วหันกลับมาเอ่ยกับเจ้าของบ้านต่อ...“ถือว่าเห็นแก่เด็กที่กำลังจะเกิดมา ซึ่งก็คือหลานแท้ ๆ ของอาเอง พ่อเขาก็มีทำไมอาต้องอยากให้ลูกสาวตัวเองทำร้ายอีกหนึ่งชีวิตเพื่ออนาคตด้วยครับ คลอดแล้วค่อยกลับไปเรียนก็ได้”“...” ปราโมทย์ไม่เอ่ยตอบอะไร เมื่อธนภัทรเอ่ยออกมาเช่นนี้“เกื้อกูลก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร น้องออกจะเป็นคนดีคนขยันทำมาหากินคนหนึ่ง เพียงแต่เกิดมากับครอบครัวที่ไม่เพียบพร้อมเหมือนกับพวกเรา แต่ไม่ใช่ว่าวันข้างหน้
ไม่เจียมตัวเอาเสียเลยก๊อก ก๊อก ก๊อก“มีอะไร” เสียงเข้มถามออกไป เมื่อวิศรุตผุนผันเข้ามาหาเขาที่ห้องแบบไม่ได้รอให้คนด้านในอนุญาตเสียก่อนทุกสายตาที่อยู่ในห้องนี้ด้วย ต่างก็หันจ้องมองมาที่วิศรุตเป็นตาเดียวอย่างรอฟังคำตอบ ชายหนุ่มหากได้สนใจไม่ กลับเดินเข้าไปหาปราโมทย์ทันที เพราะมีเรื่องด่วนกว่า“คุณหนูมุกเป็นลมครับ” เสียงกระซิบเอ่ยบอกเบา ๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน“อะไรน่ะ!!! เป็นลม? แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” แต่ปราโมทย์ เมื่อได้ยินว่าลูกสาวสุดที่รักเป็นอะไร กลับเก็บอาการไม่อยู่ ตวาดถามเสียงดังขึ้นมาทันที โดยไม่สนใจว่าในที่นี่จะมีใครได้ยินบ้าง เพราะเป็นห่วงลูกสาวจนไม่สามารถควบคุมอะไรได้“อยู่ข้างล่างครับ” วิศรุตเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งปราโมทย์ไม่ได้สนใจทุกสายตาที่มองมาที่ตน รีบสาวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้ ลงมายังจุดที่วิศรุตแจ้งว่าลูกสาวอยู่ที่ไหนและก็เจอกับคุณพัฒน์กำลังอุ้มลูกสาวตนเดินไปทางห้องพยาบาลพอดี จึงได้แต่เดินตามไปแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรชายหนุ่มออกไปคุณพัฒน์วางมุกดารินทร์ลงที่เตียงในห้องพยาบาลอย่างเบามือ และก็ออกมารออยู่ห่าง ๆ ให้หมอที่ถูกเรียกตัวมาจากโรงพยาบาลตรวจดูอาการหมอที
เอาอะไรไปสู้เขาวิศรุตได้แต่ชำเลืองมองคุณพัฒน์ที่เดินสวนกันอย่างรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเขาเองก็ต้องทำตามหน้าที่เหมือนกัน“ให้คนของเราไปจัดการเลยไหมครับ” ถามผู้มีพระคุณที่นั่งหน้าขรึมขึ้นมาทันที ที่เขาเดินเข้ามาภายในห้อง“ไม่ต้อง รอดูไปก่อน ถ้ามันขัดคำสั่งเมื่อไหร่ ค่อยจัดการทีเดียว”ปราโมทย์รีบปราม แล้วนั่งทำงานต่ออยู่ภายในห้องอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจอะไรต่อ แต่สมองก็สั่งการให้เขาอดคิดเรื่องของลูกสาวกับชายหนุ่มที่เขาเรียกมาตักเตือนไม่ได้อยู่ดี“มีหยัง...เว้าบอกกูได้เด้อ เผื่อมึงสิสบายใจขึ้น” (มีอะไร...เล่าให้กูฟังได้น่ะ เผื่อมึงจะสบายใจขึ้น) ชนาวุฒิถามเพื่อนขึ้นมาทันที ที่เห็นคุณพัฒน์เดินกลับเข้ามาทำงานด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก“มันจบลงแล้วล่ะ เฮ็ดงานต่อเถาะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย” (มันจบลงแล้วแหล่ะ ทำงานต่อเถอะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย) สั่งเรียบเอ่ยบอกเพื่อน แต่ใบหน้าก็ยังแสดงความทุกข์ออกมาอยู่ดี“มักลูกสาวเขาเฮากะสู้ตัวเกื้อ” (รักลูกสาวเขาเราก้ต้องสู้สิเกื้อ)“กูบ่มีอีหยังไปสู้เขาได้ดอก มึงกะเห็น” (กูไม่มีอะไรไปสู้เขาหรอก มึงก็เห็น) พูดตัดพ้อตัวเองขึ้นมาทันท