LOGINหลังจากที่น้ำมนต์ตอบตกลงรับคำขอแต่งงานของบดินทร์ ทั้งสองคนก็ใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหลือของวันนั้น บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่นยังคงอยู่ในใจของทั้งสองเมื่อถึงเช้าวันใหม่ ทั้งน้ำมนต์และบดินทร์ต่างรู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องแบ่งปันข่าวดีนี้กับครอบครัว บดินทร์โทรไปนัดพ่อกับแม่ของตัวเองให้มาพบกันที่บ้านของน้ำมนต์ เพื่อที่จะพูดเรื่องสำคัญ ร่างบางของคนน้องรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยขณะเดินเข้ามาในบ้านของตัวเองพร้อมกับบดินทร์ ตัวน้ำมนต์เองก็ไม่แน่ใจว่าคุณป๊ากับคุณม๊าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรที่เขากับบดินทร์ตกลงแต่งงานกันตามที่ทุกคนต้องการ แต่เขาก็เชื่อว่าทุกอย่างน่าจะเป็นไปได้ด้วยดี เมื่อทั้งคู่พากันเดินเข้ามาถึงห้องรับแขก พ่อแม่ของทั้งสองคนรอต้อนรับทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ขณะที่นั่งพูดคุยกันในห้องนั่งเล่น บดินทร์กับน้ำมนต์ก็เริ่มบอกเรื่องราวที่สำคัญนี้ “พ่อๆ แม่ๆ ครับ พวกเรามีเรื่องสำคัญจะบอกครับ” บดินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มน่าฟัง ส่วนน้ำมนต์ที่นั่งอยู่ข้างๆ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย คุณม๊าของน้ำมนต์ยิ้มอ่อนๆ ขณะจับมือลูกชายที่ตอนนี้เย็นเฉียบ “มีเรื่องอะไรต
เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน น้ำมนต์เริ่มฟื้นตัวจากอาการไข้ เพราะด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดและห่วงใยของบดินทร์ อาการป่วยของเขาก็ค่อยๆ หายไปจนเกือบเป็นปกติ ในช่วงเวลาที่น้ำมนต์ไม่สบาย จิตใจบางๆ ของน้ำมนต์ได้สัมผัสถึงความรักและความอบอุ่นจากบดินทร์อย่างชัดเจน ทุกคำพูด และทุกการกระทำของคนพี่ ทำให้น้ำมนต์มั่นใจว่าความรักที่ตัวเองมีให้กับบดินทร์และที่ตัวเขาเองได้ให้โอกาสบดินทร์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสูญเปล่า และบดินทร์ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ในค่ำคืนนี้ เป็นอีกคืนที่ท้องฟ้าเหนือเมืองเชียงดาวปลอดโปร่ง แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วทั้งบริเวณปางไม้ อากาศเย็นสบายสายลมกำลังพัดพาใบไม้บนยอดไม้ให้ไหวเอื่อยๆ บดินทร์ชวนน้ำมนต์ออกมานั่งเล่นที่ศาลาไม้หน้าบ้านพัก ภายในบรรยากาศที่เงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวทำให้ทั้งสองคนรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก ร่างสูงจับให้น้ำมนต์นั่งลงข้างๆ ตัวเอง มองดูดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า เขารู้สึกผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความสุขมากในช่วงเวลานี้ “พี่ดิน ขอบคุณมากนะครับที่ดูแลน้ำมนต์มาตลอดช่วงที่น้ำมนต์ไม่สบาย ถ้าไม่มีพี่ น้ำมนต์คงลำบากแย่เลย” เสียงหวานของน้ำมนต์พูดขึ้นทำลายควา
หลังจากวันที่ทั้งสองได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันท่ามกลางสายฝน ความสัมพันธ์ของบดินทร์และน้ำมนต์ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่การที่น้ำมนต์ต้องตากฝนในวันนั้นก็ทำให้เขาเริ่มไม่สบาย สองวันหลังจากการเดินทางนั้น น้ำมนต์ก็มีอาการไข้สูงและรู้สึกหนาวสั่นจนต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้านพักที่ปางไม้ บดินทร์รู้สึกกังวลใจเมื่อเห็นน้ำมนต์เริ่มมีอาการไข้ เขารีบไปพาน้ำมนต์ไปหาหมอแต่น้ำมนต์ไม่ยอม ร่างสูงจึงพาน้ำมนต์มาอยู่ที่บ้านพักของเขาเองเพื่อที่จะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด ในช่วงบ่ายวันนั้นน้ำมนต์นอนอยู่บนเตียงกว้างของบดินทร์ โดยร่างบางมีผ้าห่มผืนหนาคลุมตัวไว้ แต่ยังคงมีอาการหนาวสั่น ใบหน้าสวยแดงก่ำจากพิษไข้ ร่างสูงของบดินทร์คงนั่งอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง มือหนาใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวให้น้ำมนต์อย่างเบามือ ในใจรู้สึกเป็นห่วงอีกคนอย่างมาก “น้ำมนต์ หนูจะดีขึ้นเร็ว ๆ นี้นะ พี่สัญญาว่าจะอยู่ดูแลน้ำมนต์จนกว่าหนูจะหายดี” บดินทร์พูดเบาๆ ขณะที่มือหนาถือผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดไปตามใบหน้าและลำคอขาวของคนน้อง คนป่วยที่นอนหลับอยู่ แต่เพราะพิษไข้ทำให้เขาเริ่มเพ้อออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่ดิน ทะ ทำไมพี่ถึงไม่ชอบน้ำมนต์ เพียงเพราะว่าน้ำมนต์เป็นเด็กขี้เ
หลังจากที่สะสางปัญหาจบลง สุดท้ายแล้วน้ำมนต์ก็ต้องกลับมาทำงานอยู่กับบดินทร์ที่ปางไม้ ทั้งคู่ได้นั่งคุยกันถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด และบทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์เหล่านั้น “พี่ดิน น้ำมนต์คิดว่าเราทั้งคู่ได้เรียนรู้อะไรมาเยอะมาก ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก แต่รวมถึงการยอมรับข้อบกพร่องของกันและกันด้วย” น้ำมนต์พูดด้วยน้ำเสียงที่มีความหมายลึกซึ้งและจ้องมองตาคมของบดินทร์ “เราผ่านความเจ็บปวดมามาก แต่ตอนนี้น้ำมนต์ว่าการที่เรายังยืนอยู่ข้างกันได้ แสดงว่าเรามีความหมายต่อกันมากแค่ไหน ต่อจากนี้ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรเข้ามา น้ำมนต์มั่นใจว่าเราจะผ่านมันไปได้ เพราะเราไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว” บดินทร์ดึงร่างโปร่งน้ำมนต์เข้ามากอดแน่น “ครับเราจะจับมือข้ามผ่านมันไปด้วยกัน พี่สัญญา” หลังจากที่บดินทร์และน้ำมนต์ปรับความเข้าใจกันได้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็กลับมาสดใส บดินทร์รู้สึกได้ว่าน้ำมนต์เริ่มผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น พอเห็นว่าอากาศในวันนี้เหมาะสำหรับการออกไปผจญภัยในธรรมชาติ เขาจึงตัดสินใจพาน้ำมนต์ไปยังที่พิเศษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขามักจะไปเมื่อต้องการหาความสงบอีกที่ เช้านี้ท้องฟ้าเหนือเชียงดาวเป
หลังจากที่น้ำมนต์รู้ความจริงแน่ชัดว่าข้อความที่เขาได้รับเป็นแผนการของแพรพลอย ความโกรธและความเสียใจที่สะสมมานานก็ระเบิดออกมา น้ำมนต์ตัดสินใจว่าครั้งนี้เขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกทำร้ายอีกต่อไป เขาจะเป็นคนจัดการแพรพลอยด้วยตัวเอง น้ำมนต์รู้ว่าแพรพลอยชอบใช้วิธีการลอบกัดและเล่นเกมจิตวิทยาเพื่อทำให้คนอื่นพังทลาย ดังนั้น เขาจึงวางแผนตอบโต้ด้วยวิธีที่แพรพลอยไม่คาดคิด คืนนั้นน้ำมนต์นั่งคิดแผนที่จะแก้เกมแพรพลอยให้สาสม เขาตัดสินใจที่จะไม่เล่นตามเกมของเธอ แต่จะสร้างสถานการณ์ให้แพรพลอยตกเป็นฝ่ายถูกเล่นงานแทน น้ำมนต์เริ่มแผนการของเขาด้วยการแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา เขายังทำตัวเหมือนเดิมและเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้ใครสังเกตได้ เขาติดต่อข้าวโพดและกานต์เพื่อช่วยเหลือในการดึงแพรพลอยเข้ามาติดกับดักของเขา ข้าวโพดที่เป็นเพื่อนสนิทของน้ำมนต์เห็นด้วยทันทีเมื่อรู้แผนนี้ “น้ำมนต์ทำถูกแล้วข้าวโพดเห็นด้วย คราวนี้น้ำมนต์ไม่ต้องอดทนหรือให้ใครมาทำร้ายอีกแล้ว ยัยแพรพลอยต้องได้รับบทเรียนที่เธอไม่เคยเจอ” น้ำมนต์ยิ้มบาง ๆ และพูดด้วยความมุ่งมั่น “น้ำมนต์จะไม่ยอมให้เธอมาเล่นงานชีวิตน้ำมนต์กับพ
น้ำมนต์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาหันกลับมามองบดินทร์ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่ไว้วางใจ “พี่มาที่นี่ทำไมครับ” บดินทร์เดินมานั่งลงตรงข้ามน้ำมนต์และพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความจริงใจ “พี่มาที่นี่เพื่อขอโอกาส พี่รู้ว่าพี่ทำให้น้ำมนต์เจ็บและเข้าใจผิด แต่พี่อยากให้น้ำมนต์ฟังพี่สักครั้ง เรื่องที่น้ำมนต์เห็นที่โรงแรมมันไม่ใช่อย่างที่น้ำมนต์คิด มันเป็นแผนของแพรพลอยที่ต้องการทำให้เราแตกแยกกัน แพรพลอยเขาบอกกับพี่ว่าเขาเครียด เขาให้พนักงานที่รีสอร์ตโทรมาหาพี่ว่าเขาจะกินยาฆ่าตัวตาย พี่เลยต้องไปดู” น้ำมนต์นิ่งฟัง แต่ในใจยังคงมีความลังเลและน้อยใจ “แล้วทำไมพี่ถึงปล่อยให้มันเกิดขึ้น พี่เลือกที่จะอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เคยทำร้ายผม แล้วพี่จะให้ผมเชื่อได้ยังไงว่าพี่จะไม่ทำร้ายผมอีก” น้ำมนต์จำได้สมัยเด็กมีเด็กผู้หญิงรุ่นพี่ที่มาวิ่งเล่นที่ปางไม้ด้วยบ่อยๆ อีกคน เด็กหญิงคนนั้นคือแพรพลอย เด็กผู้หญิงคนนี้ชอบแกล้งเขาและแย่งความสนใจของพี่ดินจากน้ำมนต์เสมอ คำถามนี้ทำให้บดินทร์รู้สึกเจ็บในใจ เขาไม่รู้ว่าจะทำให้น้ำมนต์เชื่อใจได้อย่างไร แต่เขารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดในตอนนี้ต้อ






![เกือบหอบลูกหนีเพราะสามีไม่รัก[PWP]-Omegaverse](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
