LOGINเมื่อเจ้าของปางไม้สุดเจ้าชู้ต้องเผชิญหน้ากับคู่หมั้นในวัยเด็กที่สุดแสนจะขี้เหร่ บดินทร์จึงปฏิเสธการดูตัวมาตลอด แต่การพบกันครั้งนี้กลับเป็นเขาที่ต้องวิ่งตามหวงคู่หมั้น และน้ำมนต์จะหนีเขาได้หรือไม่
View More“ดิน แม่ว่าลูกควรจะไปหาเวลาเจอหนูน้ำมนต์สักทีนะ ตอนนี้น้องก็เรียนจบกลับมาอยู่ที่เชียงดาวแล้ว อยู่ใกล้กันแค่นี้เองกลับไม่ได้เจอกันเลย ดินอย่าเอาแต่หนีงานดูตัวแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้แต่งงานกันล่ะลูก” คุณนายนวลพรรณมารดาของบดินทร์เตือนลูกชายอย่างใจเย็น ขณะที่บดินทร์นั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่บนโซฟาข้างคุณเด่นชัยผู้เป็นพ่อ
“แม่ครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่พร้อมที่แต่งงานกับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับน้ำมนต์ ผมไม่ได้ชอบน้องแบบคนรักครับ ผมแค่เอ็นดูเหมือนน้องเหมือนนุ่งมากกว่า” (ขี้เหร่อย่างนั้นผมไม่เอาหรอก) บดินทร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แฝงความรำคาญ ส่วนประโยคหลังแอบต่อในใจ
บดินทร์ ศุภมงคลพิพัฒน์ ชายหนุ่มวัย 29 ปี เจ้าของปางไม้ศุภมงคล ปางไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักในเรื่องความหล่อเหลาผสมกับความเจ้าชู้และความมั่นใจในตัวเองระดับสูง เขามักจะคิดว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามใจเขาเสมอ แต่ในเรื่องของการแต่งงานกลับไม่เป็นเช่นนั้น ครอบครัวกลับเป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดโดยไม่ปรึกษาเขาเลย เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เขายังเด็ก บิดามารดาของบดินทร์ได้ตกลงหมั้นหมายเขากับเด็กชายอ้วนเตี้ยคนหนึ่งที่ชื่อ “น้ำมนต์” ซึ่งในตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 12 ขวบ ภาพจำที่บดินทร์จำได้ดีว่า น้ำมนต์เป็นเด็กที่หาความน่ารักไม่ได้เลย หน้าตาก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าดูดี แถมยังมีขี้มูกกรังเพราะเป็นหวัดบ่อย และยังทำตัวน่ารำคาญมาเกาะติดมาขอเล่นกับเขาอยู่นั่นแหละ แค่พอนึกถึงสภาพตอนนั้นทำให้เขาไม่อยากมีส่วนร่วมกับการหมั้นหมายนี้เลยแม้แต่น้อย อยากจะถอนหมั้นให้รู้แล้วรู้รอด
บรรยากาศยามบ่ายในอำเภอเชียงดาวนั้นสงบ แต่ความคิดในหัวของบดินทร์กลับวุ่นวายไปหมด หลังจากที่เขาปฏิเสธการดูตัวมาหลายครั้ง อ้างติดธุระบ้างล่ะ ติดงานบ้างล่ะ แม้กระทั่งมีนัดกับเพื่อนคนโน้นคนนี้เพื่อเลี่ยงที่จะไปเจอกับคู่หมั้นอย่างน้ำมนต์ ตั้งแต่ที่น้ำมนต์เรียนจบกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่แม่เขาก็ขยันนัดให้เขาไปหาน้องเหลือเกิน จนในที่สุดเขาก็ปฏิเสธไม่ได้แล้วต้องยอมตามใจพ่อแม่เพื่อมาพบกับน้ำมนต์ ลูกชายของเพื่อนพ่อแม่ที่เขาจำได้แม่นว่าเคยเป็นเด็กอ้วน ขี้มูกกรัง น่ารำคาญที่สุดในชีวิตเขา คู่หมั้นคู่หมายที่เขาไม่เต็มใจ
ตอนนี้บดินทร์นั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างของร้านกาแฟหรูในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่เขามีนัดกับคู่หมั้นในวันนี้ตอนสิบโมง ดวงตาคมเข้มจับจ้องไปที่ผู้คนภายนอก ขณะรอการมาถึงของน้ำมนต์ แต่ละครั้งที่ประตูร้านเปิดออก เขาก็ไม่เห็นว่าจะปรากฏร่างของชายที่อยู่ในชุดสีเขียวเลยสักคน เพราะอีกฝ่ายบอกผ่านทางแม่เขาว่าจะใส่ชุดสีเขียวมาเพราะตอนบดินทร์หาจะได้หาง่ายๆ คนบ้าอะไรแต่วตัวสีเขียวรสนิยมไม่ได้เลย รอคนแล้วคนเล่าจนล่วงเลยผ่านไปเกือบสองชั่วโมงจนตอนนี้จะเที่ยงแล้วก็ยังไม่เห็นมีใครจะมาทักเขาสักคน ถ้าไม่ติดว่าต้องมาตกลงกับน้ำมนต์จ้างให้เขาก็ไม่ถ่อสังขารมาไกลขนาดนี้หรอก ใครจะมาอยากเห็นคนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่กันล่ะ เพียงแค่วันนี้เขาอยากจะมาเจรจาว่าจ้างน้ำมนต์ให้เป็นคนไปขอถอนหมั้นเขาต่อหน้าพ่อกับแม่เขาเท่านั้นเอง เพราะถ้าน้ำมนต์เป็นคนพูดพ่อกับแม่ของเขาก็น่าจะเห็นใจน้ำมนต์และยอมทำตาม เพราะทั้งคู่รักและเอ็นดูหนูน้ำมนต์มากกว่าเขาที่เป็นลูกแท้ๆ มาแต่ไหนแต่ไร
“เอ่อ คุณบดินทร์ใช่ไหมครับ” เสียงเอ่ยถามเบา ๆ ของผู้ชายตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในชุดพนักงานของร้านกาแฟถามเขาขึ้น อย่าบอกนะว่านี่คือ น้ำมนต์ คู่หมั้นของเขา บดินทร์มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา นี่คือเด็กอ้วนที่เขาจำได้จริง ๆ หรือ ถ้าใช่ก็แสดงว่าเดี๋ยวนี้น้ำมนต์เปลี่ยนไปมาก ผิวขาวเรียบเนียน หน้าตาก็พอดูได้ ถึงแม้จะไม่ตรงสเปคเขาก็เถอะ ว่าแต่เป็นน้ำมนต์จริงเหรอเนี่ยเขาคิดในใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ครับ ผมบดินทร์ มีอะไรหรือเปล่าครับ” บดินทร์แกล้งถามออกไปดูว่าอีกคนจะว่ายังไง ไหนบอกจะใส่ชุดสีเขียวแต่นี่ดันใส่ชุดพนักงานร้านมา
คนที่เข้ามาถามถึงกับยิ้มออกมา "เอ่อ ถ้าเป็นคุณบดินทร์ ก็มีคนโทรมาฝากข้อความไว้ให้ครับ เขาบอกว่าให้จดและฝากให้คุณบดินทร์เมื่อสองชั่วโมงที่แล้วครับ” คนตัวเล็กส่งกระดาษที่ลูกค้าฝากจดยื่นให้กับชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าพร้อมส่งยิ้มมุมปากมาให้
บดินทร์รับเอากระดาษที่พนักงานยื่นให้มาคลี่ออกดู ถึงว่า ถ้าเป็นน้ำมนต์ก็ไม่น่าจะดูดีขึ้นมาขนาดนี้ ก่อนที่จะก้มลงมองยังแผ่นกระดาษที่ได้รับมา
“พี่ดิน น้ำมนต์เองนะครับ ขอโทษทีที่ผิดนัดไม่ได้มาตามนัด พอดีว่าน้ำมนต์ขี้เกียจขับรถรู้สึกว่ามันไกลเกินน่ะครับ และบังเอิญมีนัดกับเพื่อนอยู่ก่อนแล้ว เลยไม่ได้ไปเจอหน้าหล่อๆ ของพี่ดินเลย เอาเป็นว่าค่าเครื่องดื่มมื้อนี้น้ำมนต์จ่ายให้แล้วกันนะครับ ถือเป็นการขอโทษที่ผิดนัด ขับรถกลับบ้านดีๆ นะครับ เชียงใหม่-เชียงดาวไม่ใช่ใกล้ๆ”
น้ำมนต์
พออ่านโน้ตที่อีกคนฝากถึง บดินทร์ถึงกับโมโหที่โดนหลอกให้ขับรถมาเสียไกล ทั้งๆ ที่บ้านของเขากับน้ำมนต์อยู่ที่เชียงดาวทั้งคู่แท้ๆ แต่เขาก็ไม่ได้เอะใจที่อีกคนนัดเขามาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ ที่เขามาเพราะอยากเจรจาด้วยแค่นั้นเลยไม่ได้ถามอะไร พอคนเป็นแม่บอกว่าน้ำมนต์นัดร้านนี้เขาก็ตกลงทันที มันน่าโมโหนักที่โดนเด็กหลอก สงสัยหน้าตาขี้เหร่จนอายที่จะเจอเขา อย่าให้เจอตัวนะพ่อจะด่าให้สำนึกไม่ทันและขอถอนหมั้นเลย บังอาจมาหลอกคนหล่ออย่างเขา
เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน น้ำมนต์เริ่มฟื้นตัวจากอาการไข้ เพราะด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดและห่วงใยของบดินทร์ อาการป่วยของเขาก็ค่อยๆ หายไปจนเกือบเป็นปกติ ในช่วงเวลาที่น้ำมนต์ไม่สบาย จิตใจบางๆ ของน้ำมนต์ได้สัมผัสถึงความรักและความอบอุ่นจากบดินทร์อย่างชัดเจน ทุกคำพูด และทุกการกระทำของคนพี่ ทำให้น้ำมนต์มั่นใจว่าความรักที่ตัวเองมีให้กับบดินทร์และที่ตัวเขาเองได้ให้โอกาสบดินทร์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสูญเปล่า และบดินทร์ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ในค่ำคืนนี้ เป็นอีกคืนที่ท้องฟ้าเหนือเมืองเชียงดาวปลอดโปร่ง แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วทั้งบริเวณปางไม้ อากาศเย็นสบายสายลมกำลังพัดพาใบไม้บนยอดไม้ให้ไหวเอื่อยๆ บดินทร์ชวนน้ำมนต์ออกมานั่งเล่นที่ศาลาไม้หน้าบ้านพัก ภายในบรรยากาศที่เงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวทำให้ทั้งสองคนรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก ร่างสูงจับให้น้ำมนต์นั่งลงข้างๆ ตัวเอง มองดูดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า เขารู้สึกผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความสุขมากในช่วงเวลานี้ “พี่ดิน ขอบคุณมากนะครับที่ดูแลน้ำมนต์มาตลอดช่วงที่น้ำมนต์ไม่สบาย ถ้าไม่มีพี่ น้ำมนต์คงลำบากแย่เลย” เสียงหวานของน้ำมนต์พูดขึ้นทำลายควา
หลังจากวันที่ทั้งสองได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันท่ามกลางสายฝน ความสัมพันธ์ของบดินทร์และน้ำมนต์ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่การที่น้ำมนต์ต้องตากฝนในวันนั้นก็ทำให้เขาเริ่มไม่สบาย สองวันหลังจากการเดินทางนั้น น้ำมนต์ก็มีอาการไข้สูงและรู้สึกหนาวสั่นจนต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้านพักที่ปางไม้ บดินทร์รู้สึกกังวลใจเมื่อเห็นน้ำมนต์เริ่มมีอาการไข้ เขารีบไปพาน้ำมนต์ไปหาหมอแต่น้ำมนต์ไม่ยอม ร่างสูงจึงพาน้ำมนต์มาอยู่ที่บ้านพักของเขาเองเพื่อที่จะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด ในช่วงบ่ายวันนั้นน้ำมนต์นอนอยู่บนเตียงกว้างของบดินทร์ โดยร่างบางมีผ้าห่มผืนหนาคลุมตัวไว้ แต่ยังคงมีอาการหนาวสั่น ใบหน้าสวยแดงก่ำจากพิษไข้ ร่างสูงของบดินทร์คงนั่งอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง มือหนาใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวให้น้ำมนต์อย่างเบามือ ในใจรู้สึกเป็นห่วงอีกคนอย่างมาก “น้ำมนต์ หนูจะดีขึ้นเร็ว ๆ นี้นะ พี่สัญญาว่าจะอยู่ดูแลน้ำมนต์จนกว่าหนูจะหายดี” บดินทร์พูดเบาๆ ขณะที่มือหนาถือผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดไปตามใบหน้าและลำคอขาวของคนน้อง คนป่วยที่นอนหลับอยู่ แต่เพราะพิษไข้ทำให้เขาเริ่มเพ้อออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่ดิน ทะ ทำไมพี่ถึงไม่ชอบน้ำมนต์ เพียงเพราะว่าน้ำมนต์เป็นเด็กขี้เ
หลังจากที่สะสางปัญหาจบลง สุดท้ายแล้วน้ำมนต์ก็ต้องกลับมาทำงานอยู่กับบดินทร์ที่ปางไม้ ทั้งคู่ได้นั่งคุยกันถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด และบทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์เหล่านั้น “พี่ดิน น้ำมนต์คิดว่าเราทั้งคู่ได้เรียนรู้อะไรมาเยอะมาก ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก แต่รวมถึงการยอมรับข้อบกพร่องของกันและกันด้วย” น้ำมนต์พูดด้วยน้ำเสียงที่มีความหมายลึกซึ้งและจ้องมองตาคมของบดินทร์ “เราผ่านความเจ็บปวดมามาก แต่ตอนนี้น้ำมนต์ว่าการที่เรายังยืนอยู่ข้างกันได้ แสดงว่าเรามีความหมายต่อกันมากแค่ไหน ต่อจากนี้ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรเข้ามา น้ำมนต์มั่นใจว่าเราจะผ่านมันไปได้ เพราะเราไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว” บดินทร์ดึงร่างโปร่งน้ำมนต์เข้ามากอดแน่น “ครับเราจะจับมือข้ามผ่านมันไปด้วยกัน พี่สัญญา” หลังจากที่บดินทร์และน้ำมนต์ปรับความเข้าใจกันได้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็กลับมาสดใส บดินทร์รู้สึกได้ว่าน้ำมนต์เริ่มผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น พอเห็นว่าอากาศในวันนี้เหมาะสำหรับการออกไปผจญภัยในธรรมชาติ เขาจึงตัดสินใจพาน้ำมนต์ไปยังที่พิเศษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขามักจะไปเมื่อต้องการหาความสงบอีกที่ เช้านี้ท้องฟ้าเหนือเชียงดาวเป
หลังจากที่น้ำมนต์รู้ความจริงแน่ชัดว่าข้อความที่เขาได้รับเป็นแผนการของแพรพลอย ความโกรธและความเสียใจที่สะสมมานานก็ระเบิดออกมา น้ำมนต์ตัดสินใจว่าครั้งนี้เขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกทำร้ายอีกต่อไป เขาจะเป็นคนจัดการแพรพลอยด้วยตัวเอง น้ำมนต์รู้ว่าแพรพลอยชอบใช้วิธีการลอบกัดและเล่นเกมจิตวิทยาเพื่อทำให้คนอื่นพังทลาย ดังนั้น เขาจึงวางแผนตอบโต้ด้วยวิธีที่แพรพลอยไม่คาดคิด คืนนั้นน้ำมนต์นั่งคิดแผนที่จะแก้เกมแพรพลอยให้สาสม เขาตัดสินใจที่จะไม่เล่นตามเกมของเธอ แต่จะสร้างสถานการณ์ให้แพรพลอยตกเป็นฝ่ายถูกเล่นงานแทน น้ำมนต์เริ่มแผนการของเขาด้วยการแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา เขายังทำตัวเหมือนเดิมและเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้ใครสังเกตได้ เขาติดต่อข้าวโพดและกานต์เพื่อช่วยเหลือในการดึงแพรพลอยเข้ามาติดกับดักของเขา ข้าวโพดที่เป็นเพื่อนสนิทของน้ำมนต์เห็นด้วยทันทีเมื่อรู้แผนนี้ “น้ำมนต์ทำถูกแล้วข้าวโพดเห็นด้วย คราวนี้น้ำมนต์ไม่ต้องอดทนหรือให้ใครมาทำร้ายอีกแล้ว ยัยแพรพลอยต้องได้รับบทเรียนที่เธอไม่เคยเจอ” น้ำมนต์ยิ้มบาง ๆ และพูดด้วยความมุ่งมั่น “น้ำมนต์จะไม่ยอมให้เธอมาเล่นงานชีวิตน้ำมนต์กับพ
น้ำมนต์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาหันกลับมามองบดินทร์ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่ไว้วางใจ “พี่มาที่นี่ทำไมครับ” บดินทร์เดินมานั่งลงตรงข้ามน้ำมนต์และพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความจริงใจ “พี่มาที่นี่เพื่อขอโอกาส พี่รู้ว่าพี่ทำให้น้ำมนต์เจ็บและเข้าใจผิด แต่พี่อยากให้น้ำมนต์ฟังพี่สักครั้ง เรื่องที่น้ำมนต์เห็นที่โรงแรมมันไม่ใช่อย่างที่น้ำมนต์คิด มันเป็นแผนของแพรพลอยที่ต้องการทำให้เราแตกแยกกัน แพรพลอยเขาบอกกับพี่ว่าเขาเครียด เขาให้พนักงานที่รีสอร์ตโทรมาหาพี่ว่าเขาจะกินยาฆ่าตัวตาย พี่เลยต้องไปดู” น้ำมนต์นิ่งฟัง แต่ในใจยังคงมีความลังเลและน้อยใจ “แล้วทำไมพี่ถึงปล่อยให้มันเกิดขึ้น พี่เลือกที่จะอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เคยทำร้ายผม แล้วพี่จะให้ผมเชื่อได้ยังไงว่าพี่จะไม่ทำร้ายผมอีก” น้ำมนต์จำได้สมัยเด็กมีเด็กผู้หญิงรุ่นพี่ที่มาวิ่งเล่นที่ปางไม้ด้วยบ่อยๆ อีกคน เด็กหญิงคนนั้นคือแพรพลอย เด็กผู้หญิงคนนี้ชอบแกล้งเขาและแย่งความสนใจของพี่ดินจากน้ำมนต์เสมอ คำถามนี้ทำให้บดินทร์รู้สึกเจ็บในใจ เขาไม่รู้ว่าจะทำให้น้ำมนต์เชื่อใจได้อย่างไร แต่เขารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดในตอนนี้ต้อ
วันถัดมา บดินทร์นัดแพรพลอยมาพบกันที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงดาว แพรพลอยที่คิดว่าแผนการของเธอกำลังไปได้สวย ก็ยังคงมั่นใจในตัวเอง เธอมาในชุดที่ดูดีและเต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอคิดว่าบดินทร์คงจะกลับมาสนิทกับเธอมากขึ้นหลังจากที่น้ำมนต์จากไปเมื่อทั้งสองนั่งลง แพรพลอยส่งยิ้มหวานยั่วยวนให้ชายหนุ่มที่เธอหลังรัก “พี่ดินนัดแพรมาพบวันนี้ มีเรื่องอะไรหรือคะ”บดินทร์มองหน้าแพรพลอยด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและไม่ลังเล “แพรพลอย พี่จะไม่อ้อมค้อมนะ วันนี้พี่นัดเธอมาคุยเพื่อที่จะจบทุกอย่างระหว่างเรา”รอยยิ้มของแพรพลอยเริ่มหายไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอรู้สึกว่าเธอกำลังจะเสียบดินทร์ไปแล้ว “พี่ดินหมายความว่ายังไงคะ ทำไมต้องจบกันล่ะ”บดินทร์พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “พี่รู้ทุกอย่างแล้ว เธอวางแผนทำให้น้ำมนต์เข้าใจพี่ผิด เพื่อที่จะทำให้เราแยกจากกัน และมันได้ผล น้ำมนต์เขาจากพี่ไปแล้ว และมันเป็นเพราะพี่ที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น พี่ไม่โทษใครนอกจากตัวเอง แต่ตอนนี้พี่ต้องการให้เธอออกไปจากชีวิตพี่สักที”แพรพลอยที่ไม่คิดว่าจะถูกพูดตรง ๆ แบบนี้เริ่มรู้สึกโกรธ เธอยังคงพยายามควบคุมอารมณ์และพูดด้วย
Comments