เข้าสู่ระบบบทที่ 5 ทำงานวันแรก
คอนโดมิเนียมกับสำนักงานไม่ได้ห่างกันมากนัก อุณากรรณนั่งรถไฟฟ้ามาสองสถานีแล้วเดินเข้าซอยประมาณร้อยเมตรก็ถึงบริษัทยักษ์ใหญ่อาคารสูงไม่มากนักแต่ตัวตึกเป็นแบบทรงกว้างใหญ่ ทั้งพื้นที่ลาดจอดรถและสวนเล็กสำหรับให้พนักงานพักผ่อน รวมทั้งหมดแล้วทำให้สำนักงานแห่งนี้จัดเป็นอาคารใหญ่พอสมควร
ร่างระหงเดินขึ้นบันไดหน้าอาคารส่งยิ้มให้พนักงานรักษาความปลอดภัยด้านหน้า จนใบหน้าเหลี่ยมคมของยามหน้าแดงซ่านเขินอาย
“ขอบคุณค่ะ”
อุณากรรณสมทบด้วยเสียงหวานนุ่มอีกครั้งเลยพาให้พนักงานคนเดิมยิ่งอายหนัก เธอขมวดคิ้วแปลกใจเล็กน้อยแต่ไม่คิดอะไรมาก
ตัวเธอเองมักไม่ถือตัวและทักทายคนตลอดทางเป็นปกติประจำอยู่แล้วด้วยอาชีพดูแลแขกบนเรือ ส่วนบุษบาเป็นหญิงขี้อาย มักทำเพียงรีบเดินและไม่ทักทายใครเลยตลอดทาง
อุณากรรณพาร่างสูงโปร่งที่สูงขึ้นอีกด้วยรองเท้าส้นสูงสามนิ้วสีดำมันเงาสานด้วยเชือกขึ้นมาถึงข้อเท้า เพียงมองดูก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นแบรนด์เนมราคาแพงคอลเล็กชันใหม่ของฤดูกาลนี้
กระโปรงสั้นเหนือเข่าสามนิ้วแม้ไม่มาก แต่ในเมื่ออุณากรรณส่งร่างด้วยรองเท้าสูงทำให้กระโปรงดูสั้นกว่าปกติ เสื้อเชิ้ตสีขาวตึงเรียบเน้นส่วนสัดคลุมด้วยเสื้อคลุมผ้าทวีตลายเทาขาวราคาแพง สะพายกระเป๋าสีดำหนังแกะตอกหมุดทรงสี่เหลี่ยมขนาดมินิ ทั้งเนื้อทั้งตัวดูราวกับว่าออกมาจากหนังสือแฟชั่นนิตยสาร
ติ๊ง!!
เสียงลิฟต์ดังขึ้นและประตูเปิดออกในชั้นบนสุดของสำนักงานตามที่บุษบาวาดแผนที่มาให้ อุณากรรณยังยัดแผนที่ใส่มาในกระเป๋าไว้ด้วยเผื่อต้องเปิดดูตอนลงไปทานข้าวกลางวัน
รองเท้าส้นสูงกระทบพื้นกระเบื้องสีครีมสลับริ้วเทาส่งเสียงเป็นจังหวะก้าวเดินมั่นใจตรงไปทางโต๊ะเลขานุการส่วนตัวของผู้บริหาร ซึ่งชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นของนายอัคคี ภิชญ์ภัทรโสภา เพียงคนเดียว
“สวัสดียามเช้าค่ะพี่ลิซ่า”
อุณากรรณชิงเอ่ยทักทายก่อนที่ร่างของเธอจะถึงโต๊ะทำงาน ส่งรอยยิ้มหวานหยดให้พี่ลิซ่าหรือเรียมศรี แล้วย่างเยื้องไปยังเก้าอี้ด้านข้างใกล้กันที่ตัวเธอคาดเดาว่าเป็นโต๊ะของบุษบา เพราะยังมีของใช้กระจุกกระจิกที่เธอจำได้ว่าเป็นของพี่สาววางอยู่
ใบหน้าหวานซึ้งของอุณากรรณเกือบสะกดกลั้นหัวเราะไม่อยู่เมื่อเห็นปากของพี่ลิซ่าอ้าค้างมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าและวนกลับขึ้นมาอีกครั้งกระทั่งสบตากับเธอ
“วันนี้น้องแพรแต่งตัว เออ เปรี้ยวจัง”
อุณากรรณหัวเราะเบา ๆ แล้วเอี้ยวลำตัวกลับมาส่งยิ้มหวานก่อนจะตอบ
“ไม่นี่คะ แพรสวมปกติดีทุกอย่าง เพียงเปลี่ยนรองเท้าหรือเปล่าคะพี่ลิซ่า”
ลิซ่าหลุบตาลงมองรองเท้าสานไขว้ไต่ขึ้นมาถึงข้อเท้าขาวผ่องสีดำ จึงพยักหน้ารับเหมือนพอจะเข้าใจแม้ว่าภายในยังแย้ง ทุกอย่างของบุษบาวันนี้ผิดปกติจนเธอประหลาดใจ
“แล้วนี่พี่เพลิงมาหรือยังคะ”
“ยัง วันนี้เห็นว่าจะเข้าสายเพราะต้องไปรับรองลูกค้าที่มาจากสิงคโปร์”
“อ้อ งั้นเช้านี้ให้แพรทำอะไรบ้างคะ”
“น้องแพรรับสายเหมือนทุกวันนะคะ จดรายละเอียดไว้ว่าใครโทรมาบ้าง ต้องการนัดหมายอะไรบ้าง เดี๋ยวพี่จะแยกคนที่โทรมาเองค่ะแล้วค่อยติดต่อกลับไปอีกครั้งว่าคุณอัคคีว่างเมื่อไร”
“ได้ค่ะ แค่นี้เหรอคะ มีอย่างอื่นไหม แพรไม่มีอะไรทำ น่าเบื่อออก”
สีหน้าพี่ลิซ่าเหมือนไม่อยากเชื่อแต่ยังเอื้อมมือออกไปหยิบแฟ้มมาให้อุณากรรณสองแฟ้ม
“งั้นน้องแพรแปลเอกสารแล้วกันค่ะ เป็นสัญญาจากจีน พี่ไม่แน่ใจว่าน้องแพรแปลเอกสารได้หรือเปล่า”
“ได้ค่ะ ภาษาอะไรคะ อ้อ ภาษาจีน แต่แค่สองแฟ้มเอง ไม่นานก็เสร็จแล้ว ต่อจากนั้นให้แพรทำอะไรคะ”
อุณากรรณพูดขึ้นเมื่อเปิดแฟ้มดู เอกภาษาอังกฤษแล้วโทจีนอย่างเธอ เรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายดาย
“ไม่ยักรู้ว่าน้องแพรรู้ภาษาจีนด้วย ในตอนเขียนใบประวัติส่วนตัวไม่เห็นกรอกไว้คะ”
“เออ แพรลืมค่ะ แต่ตอนนี้พี่ลิซ่ารู้แล้ว คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรขอตัวทำงานก่อนนะคะ”
อุณากรรณรีบเบือนหน้ากลับไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อหลบสายตาคำถามสอดรู้ซอกแซกของพี่ลิซ่า ทำทีขึงขังแปลเอกสาร
กริ๊งงงง!!
“สวัสดีค่ะ ชั้นผู้บริหารคุณอัคคีค่ะ ค่ะ ยังไม่เข้ามาค่ะ ใครนะคะ”
อุณากรรณเสียงสูงขึ้นอีกนิดเมื่อปลายสายส่งเสียงแวดเข้ามาขณะที่เธอเอ่ยแจ้งว่าอัคคียังไม่เข้ามาทำงาน
“เธอเป็นเลขาคนใหม่เหรอ”
“ค่ะ ผู้ช่วยค่ะ คุณอัคคียังไม่เข้ามา แจ้งเรื่องได้เลยค่ะ”
“บอกเขาว่าเกรซโทรมาเรื่องนัดคืนนี้ เป็นงานอะไร แต่งตัวแบบไหน อ้อ! แล้วโทรกลับมาหาฉันด้วย ถ้าเขาไม่สะดวก เธอก็โทรมาแจ้งเองแล้วกัน”
“ค่ะ”
“จดไว้หรือยัง”
“จดแล้วค่ะ”
กึก!!
บทที่ 13 หนีเที่ยว“พลอย จะออกไปข้างนอกเหรอ”บุษบาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เอ่ยทักเมื่อเห็นอุณากรรณแต่งตัวจัดเต็มในชุดรัดรูปสีดำตัวสั้น ตัวเสื้อควานลึกยังดีที่มีเสื้อคลุมตัวเล็กพอให้ปกปิดบ้าง รองเท้าส้นสูงสีดำสานไขว้ประดับคริสตัลคู่เก่งราคาแพง ดัดผมลอนเล็กน้อยเป็นคลื่นสยายลงกลางหลัง แต่งหน้าสโมคกี้อายแต่ไม่เข้มมาก ริมฝีปากสีแดงสด“ใช่แล้ว นุ้ยกับติซ่าชวนไปเที่ยวผับเปิดใหม่”“ใครกัน?”“โธ่เอ้ย! แพร ก็เพื่อนร่วมงานยังไงล่ะ แพรไปทำงานเป็นอาทิตย์นี่ไม่รู้จักใครเลยเหรอไง”อุณากรรณพูดพรางหมุนดูตัวเองในกระจกหน้าต่างบานใหญ่ที่สะท้อนหน้าหวานซึ้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง“แล้วนี่พี่เพลิงรู้หรือเปล่า”“เกี่ยวอะไรกับพี่เพลิงด้วยแพร”อุณากรรณคว้ากระเป๋าหนังแกะสีดำทรงสี่เหลี่ยมขนาดเก้านิ้วขึ้นสะพายไหล่ เอี้ยวหน้ามองบุษบาฝาแฝดที่เหมือนตัวเองดั่งเงาในกระจก แต่นิสัยผิดแผกแตกต่างราวฟ้ากับดิน“อ้าว ก็พี่เพลิงเขาโทรหาทุกวันไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่เพลิงโทรมาหาจะทำยังไง”นึกไปถึงอัคคี อย่างที่บุษบาบอกเขาโทรศัพท์มาจากสิงคโปร์ทุกวันจริง ๆ แต่โทรไม่นาน แค่ถามว่าทำอะไร กินข้าวห
บทที่ 12 พี่ชอบกินเด็กครับปัง!เสียงปิดประตูทำให้บุษบาเดินออกมาจากห้องนอน มองเห็นน้องสาวฝาแฝดใบหน้าดูไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ทั้งริมฝีปากเม้มตึง“เป็นอะไรพลอย”เฮือก!! อุณากรรณสะดุ้งทันทีเพราะมัวแต่คิดเรื่องบนรถจนไม่ได้ยินเสียงพี่สาวฝาแฝดเดินออกมาจากห้องนอน“ไม่มีอะไร”รีบแสร้งเดินไปรินน้ำในครัวเพื่อปรับสีหน้า“อย่ามาโกหกเลย เราเป็นฝาแฝดกันนะ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่ามีเรื่อง”อุณากรรณยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินออกจากห้องครัวตรงไปทางโถงนั่งเล่นของคอนโดมิเนียมขนาดกว้างพอสมควรขณะเดินไปพยายามคิดหาคำพูดบอกพี่สาว ตอนนี้เธอทำเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม บุษบาต้องใจเสียแน่เมื่อได้ยินตุบ!หลังจากทิ้งร่างบนโซฟาแล้ววางแก้วน้ำลง จึงหันไปมองพี่สาวฝาแฝดตรง ๆ ตัดสินใจพูดความจริงออกไปดีกว่า“พี่เพลิงจะให้พ่อกับแม่ไปหาฤกษ์แล้ว”“ห๊า!! อะไรนะ ไหน ๆ พลอยบอกมีวิธี แล้ว แล้วนี่แค่พลอยไปทำงานวันเดียว ทำไมกลายเป็นแบบนี้”“ใจเย็น ๆ สิแพร พลอยเองก็ไม่เข้าใจ ตามที่แพรเล่ามา พี่เพลิงก็ดูไม่ได้ชอบอะไรแพร ซ้ำยังยืดเวลาขอดูใจออกไปอีก แต่ค่ำนี้หลังจากกลับจากทานข้าวกับลูกค้า ก่อนลงจากรถพี่เพลิงก็บอกจะให้พ่อก
บทที่ 11 แต่งงานกันให้เร็วที่สุดภายในรถเงียบสนิท หลังจากอุณากรรณบอกทางไปคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงาน ตัวเธอเองนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา หันหน้าหนีคนร่างโตไปนอกรถ มองรถบนถนนที่ยังหนาตาแม้ว่าดึกแล้วก็ตาม“พรุ่งนี้ไปทานข้าวกลางวันกัน”จู่ ๆ อัคคีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถ อุณากรรณไม่ตอบยังนั่งหันหน้าออกไปนอกรถ“เลน่า ยังงอนอยู่อีกเหรอครับ”“ใครงอนกันคะ แพรเปล่าสะหน่อย แค่ง่วง”เสียงหวานนุ่มขึ้นเสียงสูงเล็กน้อยไม่รู้ตัว ตอบทั้งที่ไม่หันหน้ามองคนร่างโตด้ายข้างแม้แต่น้อย จนเขาเองถอนหายใจ“ต่อไปพี่จะไม่พบกับเกรซอีก”“ก็แล้วแต่บอสสิคะ”“พี่จะไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นอีก”ผู้หญิงคนอื่น? คงมีหลายคนสินะคราวนี้อุณากรรณไม่นั่งนิ่งเงียบ เอี้ยวหน้ากลับไปหาอัคคีทันควันเมื่อได้ยิน สีหน้าแสดงอารมณ์โกรธแต่ยังไม่รู้ตัวจนคนร่างสูงจ้องมองอย่างเผลอไผล“ก็แล้วแต่บอสสิคะ ไม่ใช่ธุระของแพร ไม่ต้องบอกแพรก็ได้ค่ะ”ดวงตากลมโตวิบวับแพรวระยับขณะที่พูดน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย จ้องตอบนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มออกดำไม่ลดละ แต่เพราะอัคคีเองไม่ปิดบังความปรารถนา แววตาจึงล้ำลึกขึ้นจนเป็นอุณากรรณต้องเบือนหน้าหนีพ่วงแก้มแดงซ่าน“ก
บทที่ 10 ใครเอาแต่ใจ ใครดื้อเพียงไม่นานนักรถหรูเลี้ยวเข้าถนนกว้างโค้งของโรงแรมระดับชั้นนำ“ที่จริงพี่เพลิงน่าจะให้คุณเกรซมา แพรแต่งตัวไม่เหมาะเลยค่ะ”“ไม่หรอก เลน่าแต่งตัวมาดีแล้ว อีกอย่างแทนตัวเองว่าเลน่าก็ถูกแล้วไม่ต้องแทนตัวเองว่าแพรกับพี่อีก”“ทำไมล่ะคะ แพรจะพูดชื่อไหนก็ได้นี่คะ ก็มันชื่อของแพร”อัคคีไม่ตอบ เขาเดินลงจากรถลงไปก่อนรอกระทั่งอุณากรรณลงจากรถจึงยื่นแขนออกมาให้คล้อง สังเกตว่าหญิงสาวชะงักคิดก่อนแต่ไม่นานเท่านั้นก็ยอมคล้องแขนเขาเดินขึ้นโถงบันไดลำแขนแกร่งแน่นอบอุ่นถึงร้อนจัด อุณากรรณมองมือตัวเองที่จับลำแขนนั้นไว้ มือเรียวเล็กของเธอเมื่อเทียบกับเขาแล้วยิ่งดูเล็กไปถนัดใจ“มาเถอะ พี่จะแนะนำให้รู้จัก”อุณากรรณละสายตาออกจากท่อนแขนแกร่ง มองตรงไปทางโต๊ะรับรองที่โทรศัพท์มาจองไว้ มีชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว หน้าตาคล้ายเป็นคนชนชาติจีนดั่งเช่นคนสิงคโปร์ทั่ว ๆ ไป สวมชุดสูทนักธุรกิจ รูปร่างสันทัดไม่สูงไม่เตี้ย แต่พออัคคีเดินเข้าไปใกล้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองดูเตี้ยลงไปทันที“ริชาร์ด คาล นี่เลน่า คู่หมั้นผมครับ”คราวนี้อุณากรรณยิ้มไม่ออกแต่ก็พูดแก้ตัวไม่ได้ต่อหน้านักธุรกิจชาวสิงคโ
บทที่ 9 พี่เพลิงอุณากรรณนั่งเขี่ยมือเล่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เมื่อกลางวันตอนอยู่ในลิฟต์สองต่อสองว่าแย่แล้ว ตกเย็นพอขึ้นมานั่งรถคันเดียวกัน แม้ว่ารถคันใหญ่แต่ยังรับรู้ถึงไออุ่นจากคนตัวโตด้านข้างอยู่ดีทั้งกลิ่นบุหรี่ กลิ่นกายชาย สารพัดที่ทำให้สาวสะพรั่งอย่างเธอว้าวุ่นได้ จึงพยายามหาอย่างอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากอัคคีดวงหน้าหวานซึ้งเบี่ยงไปด้านข้างเพื่อมองถนนท่ามกลางรถมากมายของเมืองหลวงที่ขยับไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“วันนี้รถติดหน่อยนะครับนาย”เสียงชุมพลเอ่ยถึงขึ้นขณะที่รถแล่นจนเกือบจะคลาน“ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลา”เสียงทุ้มต่ำด้านข้างคุยโต้ตอบกับคนขับรถสนิทสนมจนอุณากรรณแปลกใจ เธอมักไม่ค่อยพบคนในระดับนี้พูดคุยกับคนขับรถมาก่อน ส่วนใหญ่มักไว้ตัวและท่ามาก จึงเอี้ยวหน้าไปมอง ถึงกับสะดุ้งตกใจจริง ๆ เพราะเจอเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่หลุบมองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างค้นหา“น้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ”“คะ คะ อะไรนะคะ”ใบหน้าคมเข้มยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงตอบมึนงง“ก็พี่ถามว่าน้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ นั่งตัวลีบอยู่ตรงนั้น ขยับมาอีกก็ได้นะ พี่ไม่กัดหรอก”“เออ ไม่เป็นไรค่ะ แพรไม่เมื่อยค
บทที่ 8 บอสขณะที่อัคคีกำลังเดินขึ้นอาคารสำนักงานก่อนจะเหลือบสายตามองเห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งของบุษบา ซึ่งวันนี้ดูสูงกว่าทุกวัน ทีแรกเขาเองไม่ได้ใส่ใจแต่เมื่อกวาดตามองอีกครั้งพลันสะดุดเข้ากับรองเท้าส้นสูงแบบสานพันข้อเท้า จึงไล่สายตาขึ้นไปยังใบหน้าอีกครั้ง หน้าหวานซึ้งยังคงเดิม สวยดั่งนางในวรรณคดี แต่มีบางอย่างผิดแปลกไปคงเป็นทรงผมที่ไม่มัดรวบตึงเหมือนทุกวัน หรือเพราะเสื้อผ้า กระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดท่อนขาเรียวยาวขาวนวล หรือจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะหวานนุ่มเบา ๆ เมื่อกำลังฟังเพื่อนนินทานินทา!! เมื่อเขาเดินเข้าใกล้จึงได้ยินเสียงของคนร่างอวบพูดขึ้นพร้อมคว้าเอวของบุษบาเข้าใกล้ จนตัวบุษบาเองหัวเราะร่วนออกมาอัคคีเริ่มชักสีหน้าจึงเรียกเสียงดังขึ้นให้พนักงานในบริษัทรับรู้ว่าเขาได้ยินและไม่พอใจร่างระหงของบุษบาไม่ได้สะดุ้งขึ้นเหมือนทุกครั้ง เธอเพียงยืดแผ่นหลังขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเหลียวกลับมาสบตากับเขาดวงตากลมโตปนซึ้งซึ่งเหมือนจะรื้นนน้ำตาทุกครั้ง วันนี้กระจ่างใสพร้อมร่องรอยติเตียนส่งตรงมายังเขา จนอัคคีจดจ้องตอบอีกครั้งด้วยตาคมดุ“ค่ะ บอส”อัคคีหรี่ตาลงเล็กน้อยเพียงแวบเดียวก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ







