เข้าสู่ระบบบทที่ 4 พลอยกลับมาแล้ว
แม้ว่าตอนนี้ใกล้ฤดูหนาวแต่อากาศเมืองไทยยังร้อนอบอ้าวดั่งเช่นเคยเหมือนหน้าร้อน
เพียงเหยียบลงแผ่นดินไทยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อุณากรรณต้องหยิบหมวกปีกแคบอย่างนักกีฬาขึ้นสวมทันที รูปร่างสูงโปร่งยิ่งดูขายาวด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มเสื้อยืดพอดีตัว ลากกระเป๋าใบใหญ่สองใหญ่ดูทุลักทุเลไปยังทางออกสำหรับรอรถแท็กซี่
ที่บ้านมีคอนโดมิเนียมไว้หนึ่งห้อง ซึ่งอุณากรรณไว้พักตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเนื่องจากตัวบ้านจริง ๆ อยู่นนทบุรี ส่วนเธอและบุษบาสอบเข้าได้มหาวิทยาลัยดังกลางเมือง
ในที่สุดอุณากรรณต้องลางานสามเดือน และต้องกลับไปอีกครั้งเมื่อเรือเข้าเทียบท่าประเทศฮ่องกงราวประมาณปลายเดือนมกราคม สามเดือนคงพอมีเวลาแก้ไขปัญหาบุษบาได้ทัน
ตลอดหลายวันอุณากรรณพยายามคิดหาหนทาง ซึ่งเธอคิดออกเพียงอย่างเดียวคือการสลับตัว
“พลอย!”
“แพร!”
สองสาวพี่น้องต่างโผเข้าหากันกอดนิ่งก่อนที่พลอยจะผละออกดูหน้าตาที่เหมือนซีดเซียวลง
“ทำไมแพรหน้าซีดลง”
“เปล่าหรอก วันนี้แพรตื่นเช้ามาเข้างาน เลยง่วงนอน เข้าคอนโดกันเลยนะ”
“อืม แล้วนี่บอกพ่อกับแม่หรือยังว่าจะย้ายมาอยู่คอนโดชั่วคราว”
อุณากรรณเอ่ยถามขณะที่พากันเดินไปตามโถงเพื่อต่อคิวรอรถแท็กซี่
“อืม ย้ายไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน อันที่จริงปกติพี่เพลิงต้องไปส่งแพรทุกวัน วันนี้แพรหลอกว่าจะแวะซื้อของขอกลับก่อน”
“ฮะ! ต้องรับส่งทุกวันงั้นเหรอ อะไรกัน มันจะไม่ดูมากไปหน่อยหรือไง”
“พี่เพลิงให้เหตุผลว่าจะได้สนิทสนมกันเร็ว ๆ แพรก็ไม่กล้าขัดคนก็เออออไป แต่ทุกวันแพรก็ได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าพูดอยู่ในรถ คนอะไรน่ากลัวจะตาย”
“เอาล่ะ ๆ ไม่เป็นไรแล้ว พลอยมาแล้ว เดี๋ยวพลอยจัดการเอง”
บุษบาหันมองอุณากรรณตาโตขึ้น
“พลอยจะจัดการยังไง จะไปต่อว่าพี่เพลิงเหรอ”
“ไม่ต้องห่วงแพร เดี๋ยวพลอยไปทำงานแทนแพรเอง รับรองพี่เพลิงไม่มีทางกล้าแต่งงานกับแพรอีกแน่นอน”
“พลอยจะทำยังไง”
“เออน่า คนอย่างพี่เพลิงน่ะ ชอบเป็นผู้นำ ข่มผู้หญิง ไม่ชอบผู้หญิงก๋ากั่น เดี๋ยวพลอยจะทำให้พี่เพลิงกระเจิงหัวหมุนไปสิบทิศเลย”
บุษบาพยักหน้ารับอย่างสงสัยแล้วจัดแจงลากกระเป๋าช่วยอุณากรรณไปท้ายรถแท็กซี่เมื่อถึงคิวพอดี
ปัง!
“แต่พี่เพลิงฉลาด ต้องรู้แน่เลย”
“ไม่รู้หรอก ก็แพรอย่าออกมาให้เขาเห็นสิ ใครจะรู้ว่าพลอยแอบกลับมา อีกอย่างเราเหมือนกันขนาดนี้ แม้แต่พ่อกับแม่ยังแยกไม่ออก เออน่า อย่ากังวลไปเลย”
“แล้วนี่พลอยลางานมากี่เดือน”
“ลามาสามเดือน เจ้านายบ่นหูแฉะ แต่พลอยเก่ง หาคนเก่งอย่างพลอยไม่ได้แล้ว เลยหยวน ๆ ให้”
“อ้อ! พลอย พรุ่งนี้ไปทำงานแต่เช้านะ เดี๋ยวแพรจะบอกให้ว่าใครชื่ออะไร มีไม่กี่คนหรอก เพราะแพรก็ไม่สุงสิงกับใคร”
“อืม แล้วแพรทำอะไรบ้าง”
“ช่วงนี้เพิ่งจะเป็นช่วงดูงาน สองสามวันมานี่ก็แค่คอยรับสายโทรศัพท์ แล้วก็เขียนจดหมายธุรกิจตามสั่งของพี่ลิซ่า เลขาของพี่เพลิง”
“ลิซ่า?”
“ใช่ แกชอบนักร้องคนนั้นน่ะ เลยเปลี่ยนชื่อบังคับให้ใคร ๆ ต้องเรียกแกว่าลิซ่า ยกเว้นพี่เพลิงเรียกแกชื่อเก่า”
“แล้วชื่อเก่าน่ะ ชื่ออะไร”
“ชื่อเรียมศรี”
“ห๊า!! โอ้ย! ไม่เห็นจะเหมือนกันสักนิด”
“แต่แกสวยนะ หุ่นดีมาก ทำงานเก่ง เจ้าระเบียบเป๊ะ ๆ”
“ไม่ยากหรอก แล้วมีใครอีก”
“มีคนขับรถกึ่ง ๆ บอดี้การ์ด ชื่อพี่ชุมพล อายุก็ใกล้เคียงกับพี่เพลิงแล่ะ แต่ดูแก่กว่า สงสัยเพราะทำงานหนัก”
“อือ แค่นี้เหรอ ไปทำงานรู้จักคนแค่นี้เหรอ”
“ใช่ ทำไมแพรต้องรู้จักคนให้เยอะแยะด้วยพลอย พอตกเย็นพี่เพลิงก็ประกบแพรลงชั้นล่างแล้ว ใครจะอยากทำความรู้จักแพรกัน”
“ถึงขนาดประกบ!!”
“เฮ้อ! ดีนะที่พลอยยอมกลับมาช่วย ไม่งั้นแพรไม่รู้จะทำยังไง”
“แล้วช่วงนี้พลอยไปทำงานแทน แพรจะทำอะไร”
“แพรไปลงเรียนภาษาเพิ่มกับทำอาหาร ประมาณสี่สิบห้าวัน แพรว่ากว่าจะถึงเวลานั้นพลอยคงจัดการพี่เพลิงได้แล้ว”
“เชอะ อย่างตาอัคคี พลอยให้เลย สิบวันก็พอแล้ว คงได้ตะเพิดพลอยออกจากสำนักงานไม่ทันแน่ ฮ่า ฮ่า”
บุษบาพลอยยิ้มไปด้วยเมื่อมองน้องสาวฝาแฝดหัวเราะออกมาอย่างชอบใจแม้ว่าข้างในจะกึ่ง ๆ หวาดกลัว ก็ตาอัคคีของอุณากรรณใช่คนโง่ที่ไหน ฉลาดเป็นกรด ไม่อย่างนั้นจะขึ้นมาบริหารบริษัทตั้งแต่อายุน้อยได้ยังไงกัน
แต่ไหน ๆ น้องสาวฝาแฝดของเธอเองก็ใช่ย่อย จึงคลายความกังวลลงยิ้มหัวกับน้องสาวต่อไป
บทที่ 13 หนีเที่ยว“พลอย จะออกไปข้างนอกเหรอ”บุษบาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เอ่ยทักเมื่อเห็นอุณากรรณแต่งตัวจัดเต็มในชุดรัดรูปสีดำตัวสั้น ตัวเสื้อควานลึกยังดีที่มีเสื้อคลุมตัวเล็กพอให้ปกปิดบ้าง รองเท้าส้นสูงสีดำสานไขว้ประดับคริสตัลคู่เก่งราคาแพง ดัดผมลอนเล็กน้อยเป็นคลื่นสยายลงกลางหลัง แต่งหน้าสโมคกี้อายแต่ไม่เข้มมาก ริมฝีปากสีแดงสด“ใช่แล้ว นุ้ยกับติซ่าชวนไปเที่ยวผับเปิดใหม่”“ใครกัน?”“โธ่เอ้ย! แพร ก็เพื่อนร่วมงานยังไงล่ะ แพรไปทำงานเป็นอาทิตย์นี่ไม่รู้จักใครเลยเหรอไง”อุณากรรณพูดพรางหมุนดูตัวเองในกระจกหน้าต่างบานใหญ่ที่สะท้อนหน้าหวานซึ้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง“แล้วนี่พี่เพลิงรู้หรือเปล่า”“เกี่ยวอะไรกับพี่เพลิงด้วยแพร”อุณากรรณคว้ากระเป๋าหนังแกะสีดำทรงสี่เหลี่ยมขนาดเก้านิ้วขึ้นสะพายไหล่ เอี้ยวหน้ามองบุษบาฝาแฝดที่เหมือนตัวเองดั่งเงาในกระจก แต่นิสัยผิดแผกแตกต่างราวฟ้ากับดิน“อ้าว ก็พี่เพลิงเขาโทรหาทุกวันไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่เพลิงโทรมาหาจะทำยังไง”นึกไปถึงอัคคี อย่างที่บุษบาบอกเขาโทรศัพท์มาจากสิงคโปร์ทุกวันจริง ๆ แต่โทรไม่นาน แค่ถามว่าทำอะไร กินข้าวห
บทที่ 12 พี่ชอบกินเด็กครับปัง!เสียงปิดประตูทำให้บุษบาเดินออกมาจากห้องนอน มองเห็นน้องสาวฝาแฝดใบหน้าดูไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ทั้งริมฝีปากเม้มตึง“เป็นอะไรพลอย”เฮือก!! อุณากรรณสะดุ้งทันทีเพราะมัวแต่คิดเรื่องบนรถจนไม่ได้ยินเสียงพี่สาวฝาแฝดเดินออกมาจากห้องนอน“ไม่มีอะไร”รีบแสร้งเดินไปรินน้ำในครัวเพื่อปรับสีหน้า“อย่ามาโกหกเลย เราเป็นฝาแฝดกันนะ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่ามีเรื่อง”อุณากรรณยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินออกจากห้องครัวตรงไปทางโถงนั่งเล่นของคอนโดมิเนียมขนาดกว้างพอสมควรขณะเดินไปพยายามคิดหาคำพูดบอกพี่สาว ตอนนี้เธอทำเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม บุษบาต้องใจเสียแน่เมื่อได้ยินตุบ!หลังจากทิ้งร่างบนโซฟาแล้ววางแก้วน้ำลง จึงหันไปมองพี่สาวฝาแฝดตรง ๆ ตัดสินใจพูดความจริงออกไปดีกว่า“พี่เพลิงจะให้พ่อกับแม่ไปหาฤกษ์แล้ว”“ห๊า!! อะไรนะ ไหน ๆ พลอยบอกมีวิธี แล้ว แล้วนี่แค่พลอยไปทำงานวันเดียว ทำไมกลายเป็นแบบนี้”“ใจเย็น ๆ สิแพร พลอยเองก็ไม่เข้าใจ ตามที่แพรเล่ามา พี่เพลิงก็ดูไม่ได้ชอบอะไรแพร ซ้ำยังยืดเวลาขอดูใจออกไปอีก แต่ค่ำนี้หลังจากกลับจากทานข้าวกับลูกค้า ก่อนลงจากรถพี่เพลิงก็บอกจะให้พ่อก
บทที่ 11 แต่งงานกันให้เร็วที่สุดภายในรถเงียบสนิท หลังจากอุณากรรณบอกทางไปคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงาน ตัวเธอเองนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา หันหน้าหนีคนร่างโตไปนอกรถ มองรถบนถนนที่ยังหนาตาแม้ว่าดึกแล้วก็ตาม“พรุ่งนี้ไปทานข้าวกลางวันกัน”จู่ ๆ อัคคีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถ อุณากรรณไม่ตอบยังนั่งหันหน้าออกไปนอกรถ“เลน่า ยังงอนอยู่อีกเหรอครับ”“ใครงอนกันคะ แพรเปล่าสะหน่อย แค่ง่วง”เสียงหวานนุ่มขึ้นเสียงสูงเล็กน้อยไม่รู้ตัว ตอบทั้งที่ไม่หันหน้ามองคนร่างโตด้ายข้างแม้แต่น้อย จนเขาเองถอนหายใจ“ต่อไปพี่จะไม่พบกับเกรซอีก”“ก็แล้วแต่บอสสิคะ”“พี่จะไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นอีก”ผู้หญิงคนอื่น? คงมีหลายคนสินะคราวนี้อุณากรรณไม่นั่งนิ่งเงียบ เอี้ยวหน้ากลับไปหาอัคคีทันควันเมื่อได้ยิน สีหน้าแสดงอารมณ์โกรธแต่ยังไม่รู้ตัวจนคนร่างสูงจ้องมองอย่างเผลอไผล“ก็แล้วแต่บอสสิคะ ไม่ใช่ธุระของแพร ไม่ต้องบอกแพรก็ได้ค่ะ”ดวงตากลมโตวิบวับแพรวระยับขณะที่พูดน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย จ้องตอบนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มออกดำไม่ลดละ แต่เพราะอัคคีเองไม่ปิดบังความปรารถนา แววตาจึงล้ำลึกขึ้นจนเป็นอุณากรรณต้องเบือนหน้าหนีพ่วงแก้มแดงซ่าน“ก
บทที่ 10 ใครเอาแต่ใจ ใครดื้อเพียงไม่นานนักรถหรูเลี้ยวเข้าถนนกว้างโค้งของโรงแรมระดับชั้นนำ“ที่จริงพี่เพลิงน่าจะให้คุณเกรซมา แพรแต่งตัวไม่เหมาะเลยค่ะ”“ไม่หรอก เลน่าแต่งตัวมาดีแล้ว อีกอย่างแทนตัวเองว่าเลน่าก็ถูกแล้วไม่ต้องแทนตัวเองว่าแพรกับพี่อีก”“ทำไมล่ะคะ แพรจะพูดชื่อไหนก็ได้นี่คะ ก็มันชื่อของแพร”อัคคีไม่ตอบ เขาเดินลงจากรถลงไปก่อนรอกระทั่งอุณากรรณลงจากรถจึงยื่นแขนออกมาให้คล้อง สังเกตว่าหญิงสาวชะงักคิดก่อนแต่ไม่นานเท่านั้นก็ยอมคล้องแขนเขาเดินขึ้นโถงบันไดลำแขนแกร่งแน่นอบอุ่นถึงร้อนจัด อุณากรรณมองมือตัวเองที่จับลำแขนนั้นไว้ มือเรียวเล็กของเธอเมื่อเทียบกับเขาแล้วยิ่งดูเล็กไปถนัดใจ“มาเถอะ พี่จะแนะนำให้รู้จัก”อุณากรรณละสายตาออกจากท่อนแขนแกร่ง มองตรงไปทางโต๊ะรับรองที่โทรศัพท์มาจองไว้ มีชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว หน้าตาคล้ายเป็นคนชนชาติจีนดั่งเช่นคนสิงคโปร์ทั่ว ๆ ไป สวมชุดสูทนักธุรกิจ รูปร่างสันทัดไม่สูงไม่เตี้ย แต่พออัคคีเดินเข้าไปใกล้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองดูเตี้ยลงไปทันที“ริชาร์ด คาล นี่เลน่า คู่หมั้นผมครับ”คราวนี้อุณากรรณยิ้มไม่ออกแต่ก็พูดแก้ตัวไม่ได้ต่อหน้านักธุรกิจชาวสิงคโ
บทที่ 9 พี่เพลิงอุณากรรณนั่งเขี่ยมือเล่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เมื่อกลางวันตอนอยู่ในลิฟต์สองต่อสองว่าแย่แล้ว ตกเย็นพอขึ้นมานั่งรถคันเดียวกัน แม้ว่ารถคันใหญ่แต่ยังรับรู้ถึงไออุ่นจากคนตัวโตด้านข้างอยู่ดีทั้งกลิ่นบุหรี่ กลิ่นกายชาย สารพัดที่ทำให้สาวสะพรั่งอย่างเธอว้าวุ่นได้ จึงพยายามหาอย่างอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากอัคคีดวงหน้าหวานซึ้งเบี่ยงไปด้านข้างเพื่อมองถนนท่ามกลางรถมากมายของเมืองหลวงที่ขยับไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“วันนี้รถติดหน่อยนะครับนาย”เสียงชุมพลเอ่ยถึงขึ้นขณะที่รถแล่นจนเกือบจะคลาน“ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลา”เสียงทุ้มต่ำด้านข้างคุยโต้ตอบกับคนขับรถสนิทสนมจนอุณากรรณแปลกใจ เธอมักไม่ค่อยพบคนในระดับนี้พูดคุยกับคนขับรถมาก่อน ส่วนใหญ่มักไว้ตัวและท่ามาก จึงเอี้ยวหน้าไปมอง ถึงกับสะดุ้งตกใจจริง ๆ เพราะเจอเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่หลุบมองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างค้นหา“น้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ”“คะ คะ อะไรนะคะ”ใบหน้าคมเข้มยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงตอบมึนงง“ก็พี่ถามว่าน้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ นั่งตัวลีบอยู่ตรงนั้น ขยับมาอีกก็ได้นะ พี่ไม่กัดหรอก”“เออ ไม่เป็นไรค่ะ แพรไม่เมื่อยค
บทที่ 8 บอสขณะที่อัคคีกำลังเดินขึ้นอาคารสำนักงานก่อนจะเหลือบสายตามองเห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งของบุษบา ซึ่งวันนี้ดูสูงกว่าทุกวัน ทีแรกเขาเองไม่ได้ใส่ใจแต่เมื่อกวาดตามองอีกครั้งพลันสะดุดเข้ากับรองเท้าส้นสูงแบบสานพันข้อเท้า จึงไล่สายตาขึ้นไปยังใบหน้าอีกครั้ง หน้าหวานซึ้งยังคงเดิม สวยดั่งนางในวรรณคดี แต่มีบางอย่างผิดแปลกไปคงเป็นทรงผมที่ไม่มัดรวบตึงเหมือนทุกวัน หรือเพราะเสื้อผ้า กระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดท่อนขาเรียวยาวขาวนวล หรือจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะหวานนุ่มเบา ๆ เมื่อกำลังฟังเพื่อนนินทานินทา!! เมื่อเขาเดินเข้าใกล้จึงได้ยินเสียงของคนร่างอวบพูดขึ้นพร้อมคว้าเอวของบุษบาเข้าใกล้ จนตัวบุษบาเองหัวเราะร่วนออกมาอัคคีเริ่มชักสีหน้าจึงเรียกเสียงดังขึ้นให้พนักงานในบริษัทรับรู้ว่าเขาได้ยินและไม่พอใจร่างระหงของบุษบาไม่ได้สะดุ้งขึ้นเหมือนทุกครั้ง เธอเพียงยืดแผ่นหลังขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเหลียวกลับมาสบตากับเขาดวงตากลมโตปนซึ้งซึ่งเหมือนจะรื้นนน้ำตาทุกครั้ง วันนี้กระจ่างใสพร้อมร่องรอยติเตียนส่งตรงมายังเขา จนอัคคีจดจ้องตอบอีกครั้งด้วยตาคมดุ“ค่ะ บอส”อัคคีหรี่ตาลงเล็กน้อยเพียงแวบเดียวก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ







