Mag-log inบทที่ 6 ผู้ช่วยเลขา
อุณากรรณแทบจะถอยหูโทรศัพท์ออกห่างไม่ทันเมื่อคนที่ชื่อเกรซวางสายกระแทกหูอย่างแรง คิ้วเรียวขมวดนิ่ง เดี๋ยวนี้ตามปกติต้องใช้โทรศัพท์แบบมือถือโทรเข้ามา ไม่น่าจะมีเสียงกระแทกหูโทรศัพท์แบบนี้ เหมือนโทรมาจากโทรศัพท์โรงแรมอย่างไรอย่างนั้น
แต่เธอไม่อยากคิดมาก จดรายการที่สาวชื่อเกรซแจ้งมาไว้บนกระดาษโน้ต
“ใครโทรมา”
“ชื่อเกรซค่ะ เห็นว่าให้ถามเรื่องงานคืนนี้ให้สวมอะไร”
“อ้อ คืนนี้มีเลี้ยงลูกค้าสิงคโปร์”
อุณากรรณไม่พูดอะไรแต่ภายในใจกรุ่นโกรธแทนพี่สาวฝาแฝด นี่มานั่งไม่ถึงสิบนาทีก็มีสาวโทรเข้ามาหาแล้วหนึ่งคน
กริ๊งงงง!!
คราวนี้อุณากรรณเริ่มหงุดหงิดออกหน้าเห็นได้ชัดจนลิซ่าเองที่นั่งอยู่ด้านข้างยังมองอย่างแปลกใจ ในทุกวันอัคคีมักมีสาวโทรเข้ามาตามตื้อนัดหมายเป็นประจำ และทุกวันไม่เห็นบุษบามีอาการอะไร
“สวัสดีค่ะ ชั้นผู้บริหารคุณอัคคีค่ะ”
“ฉันรู้แล้วว่าชั้นของอัคคี ขอพูดสายด้วยหน่อย”
“คุณอัคคียังไม่เข้ามาค่ะ”
“อย่ามาโกหก เรียกเขามารับสาย บอกเขาว่าฉัน โดนัท โทรมา”
“คงไม่ได้ค่ะ คุณอัคคียังไม่เข้ามา!”
อุณากรรณกระแทกเสียงใส่ นี่เธอต้องมานั่งรับสายโทรศัพท์บรรดาสาวของว่าที่พี่เขย แล้วนี่บุษบานั่งอยู่ทุกวันต้องรับสายทุกวันแบบนี้ ทนได้อย่างไรกัน?
“แกอย่ามาตอแหล เรียกเขามารับสาย เรื่องสำคัญ”
“อ้าวคุณ พูดดี ๆ มาว่าฉันตอแหล ถ้าฉันตอแหลแล้วคุณล่ะ เรียกว่าอะไร โทรมาตามจิกผู้ชายแบบนี้เรียกคนดีหรือไง ก็พอ ๆ กันล่ะว่ะ”
ลิซ่าสะดุ้งเฮือกผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้พรวดจนเกิดเสียงล้อลากไปกับพื้น เบิกตามองผู้ช่วยเลขาสาวสวยผลุดคำผรุสวาทออกมาใส่ผู้หญิงของบอสใหญ่
“แพร!!”
อุณากรรณสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังของพี่ลิซ่าด้านข้าง ทำให้รู้สึกตัวสติกลับคืนมา ข่มความโกรธไว้กัดฟันพูดออกไป
“เอาเป็นว่าฉันจะแจ้งคุณอัคคีให้นะคะ สวัสดีค่ะ”
“แพร พูดแบบนั้นกับคุณโดนัทได้ยังไง นั่นดาราดังเลยนะที่เล่นละครไทยพีเรียดกำลังออนแอร์อยู่ตอนนี้”
อุณากรรณเดิมไม่ใช่ดูละครหรือภาพยนตร์ไทยอยู่แล้ว เธอจึงไม่รู้จักคนชื่อโดนัท แต่พอพี่ลิซ่าพูดเรื่องละครไทยพีเรียดที่กำลังโด่งดังเป็นกระแส เธอจึงนึกภาพผู้หญิงคนนั้นออก พร้อมเบะปากในใจ
ไม่เห็นจะสวย สู้พี่แพรก็ไม่ได้!
“ค่ะ แพรขอโทษด้วยค่ะ ต่อไปจะระวังค่ะ แล้วนี่โน้ตพวกนี้เอาไว้ที่ไหนคะ”
“เฮ้อ! เอาเถอะ แพรเป็นเด็กใหม่อาจยังไม่เข้าใจกฎระเบียบ พวกโน้ตเดี๋ยวช่วงเที่ยงรวบรวมมาให้พี่ แล้วพี่จะเอาไปวางไว้บนโต๊ะบอสเอง”
“ค่ะ งั้นแพรขอตัวทำงานก่อนนะคะ”
“จ้า”
ลิซ่ามองแผ่นหลังเหยียดตรงที่ปกคลุมด้วยผมยาวสยายหยักศกเล็กน้อย สีดำเงางามผ่านการบำรุงอย่างดี ซึ่งตามปกติผู้ช่วยคนใหม่ของเธอมักมัดผมเรียบร้อยเสมอ จึงเอียงคอมองสำรวจอีกครั้งอย่างจับผิด
ใบหน้าหวานตรงหน้าก็ยังคงเป็นใบหน้าเดิม แต่มีบางเปลี่ยนไปคล้ายคมชัดขึ้น หรือเป็นเพราะการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางกันแน่
เพียงไม่นานหลังจากนั้นงานแปลเอกสารสัญญาพร้อมพิมพ์ใหม่ได้เสร็จเรียบร้อยจนลิซ่าเองยังตกใจ
“พักเที่ยงพอดี งั้นแพรขอตัวไปทานข้าวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน ปกติเห็นไปกับบอส?”
อุณากรรณไม่ทราบว่าเลขานุการของอัคคีรู้ตื้นลึกบางหนาระหว่างบุษบากับอัคคีมากน้อยขนาดไหน จึงยักไหล่แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“แต่บอสของพี่ลิซ่ายังไม่เข้ามา แล้วแพรก็หิวแล้ว ไปก่อนนะคะ”
ลิซ่าได้แต่มองตามรองเท้าส้นสูงสีดำที่กระทบพื้นกระเบื้องมันเงาเป็นจังหวะหักห้ามไม่ทัน
ตัวเธอนั้นไม่แน่ใจว่าผู้ช่วยคนใหม่กับบอสเป็นอะไรกัน รู้เพียงว่าในทุกวันบอสจะพาบุษบาไปทานข้าวและกลับด้วยกันตอนเย็น แต่จากท่าทางของบอสที่มีต่อบุษบาคล้ายกับน้องสาวเพียงเท่านั้น
แต่ทำไมต้องพาน้องสาวไปทานข้าวและรับส่งกันด้วยนะ?
บทที่ 13 หนีเที่ยว“พลอย จะออกไปข้างนอกเหรอ”บุษบาที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เอ่ยทักเมื่อเห็นอุณากรรณแต่งตัวจัดเต็มในชุดรัดรูปสีดำตัวสั้น ตัวเสื้อควานลึกยังดีที่มีเสื้อคลุมตัวเล็กพอให้ปกปิดบ้าง รองเท้าส้นสูงสีดำสานไขว้ประดับคริสตัลคู่เก่งราคาแพง ดัดผมลอนเล็กน้อยเป็นคลื่นสยายลงกลางหลัง แต่งหน้าสโมคกี้อายแต่ไม่เข้มมาก ริมฝีปากสีแดงสด“ใช่แล้ว นุ้ยกับติซ่าชวนไปเที่ยวผับเปิดใหม่”“ใครกัน?”“โธ่เอ้ย! แพร ก็เพื่อนร่วมงานยังไงล่ะ แพรไปทำงานเป็นอาทิตย์นี่ไม่รู้จักใครเลยเหรอไง”อุณากรรณพูดพรางหมุนดูตัวเองในกระจกหน้าต่างบานใหญ่ที่สะท้อนหน้าหวานซึ้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง“แล้วนี่พี่เพลิงรู้หรือเปล่า”“เกี่ยวอะไรกับพี่เพลิงด้วยแพร”อุณากรรณคว้ากระเป๋าหนังแกะสีดำทรงสี่เหลี่ยมขนาดเก้านิ้วขึ้นสะพายไหล่ เอี้ยวหน้ามองบุษบาฝาแฝดที่เหมือนตัวเองดั่งเงาในกระจก แต่นิสัยผิดแผกแตกต่างราวฟ้ากับดิน“อ้าว ก็พี่เพลิงเขาโทรหาทุกวันไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่เพลิงโทรมาหาจะทำยังไง”นึกไปถึงอัคคี อย่างที่บุษบาบอกเขาโทรศัพท์มาจากสิงคโปร์ทุกวันจริง ๆ แต่โทรไม่นาน แค่ถามว่าทำอะไร กินข้าวห
บทที่ 12 พี่ชอบกินเด็กครับปัง!เสียงปิดประตูทำให้บุษบาเดินออกมาจากห้องนอน มองเห็นน้องสาวฝาแฝดใบหน้าดูไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ทั้งริมฝีปากเม้มตึง“เป็นอะไรพลอย”เฮือก!! อุณากรรณสะดุ้งทันทีเพราะมัวแต่คิดเรื่องบนรถจนไม่ได้ยินเสียงพี่สาวฝาแฝดเดินออกมาจากห้องนอน“ไม่มีอะไร”รีบแสร้งเดินไปรินน้ำในครัวเพื่อปรับสีหน้า“อย่ามาโกหกเลย เราเป็นฝาแฝดกันนะ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่ามีเรื่อง”อุณากรรณยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินออกจากห้องครัวตรงไปทางโถงนั่งเล่นของคอนโดมิเนียมขนาดกว้างพอสมควรขณะเดินไปพยายามคิดหาคำพูดบอกพี่สาว ตอนนี้เธอทำเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม บุษบาต้องใจเสียแน่เมื่อได้ยินตุบ!หลังจากทิ้งร่างบนโซฟาแล้ววางแก้วน้ำลง จึงหันไปมองพี่สาวฝาแฝดตรง ๆ ตัดสินใจพูดความจริงออกไปดีกว่า“พี่เพลิงจะให้พ่อกับแม่ไปหาฤกษ์แล้ว”“ห๊า!! อะไรนะ ไหน ๆ พลอยบอกมีวิธี แล้ว แล้วนี่แค่พลอยไปทำงานวันเดียว ทำไมกลายเป็นแบบนี้”“ใจเย็น ๆ สิแพร พลอยเองก็ไม่เข้าใจ ตามที่แพรเล่ามา พี่เพลิงก็ดูไม่ได้ชอบอะไรแพร ซ้ำยังยืดเวลาขอดูใจออกไปอีก แต่ค่ำนี้หลังจากกลับจากทานข้าวกับลูกค้า ก่อนลงจากรถพี่เพลิงก็บอกจะให้พ่อก
บทที่ 11 แต่งงานกันให้เร็วที่สุดภายในรถเงียบสนิท หลังจากอุณากรรณบอกทางไปคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงาน ตัวเธอเองนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา หันหน้าหนีคนร่างโตไปนอกรถ มองรถบนถนนที่ยังหนาตาแม้ว่าดึกแล้วก็ตาม“พรุ่งนี้ไปทานข้าวกลางวันกัน”จู่ ๆ อัคคีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถ อุณากรรณไม่ตอบยังนั่งหันหน้าออกไปนอกรถ“เลน่า ยังงอนอยู่อีกเหรอครับ”“ใครงอนกันคะ แพรเปล่าสะหน่อย แค่ง่วง”เสียงหวานนุ่มขึ้นเสียงสูงเล็กน้อยไม่รู้ตัว ตอบทั้งที่ไม่หันหน้ามองคนร่างโตด้ายข้างแม้แต่น้อย จนเขาเองถอนหายใจ“ต่อไปพี่จะไม่พบกับเกรซอีก”“ก็แล้วแต่บอสสิคะ”“พี่จะไม่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่นอีก”ผู้หญิงคนอื่น? คงมีหลายคนสินะคราวนี้อุณากรรณไม่นั่งนิ่งเงียบ เอี้ยวหน้ากลับไปหาอัคคีทันควันเมื่อได้ยิน สีหน้าแสดงอารมณ์โกรธแต่ยังไม่รู้ตัวจนคนร่างสูงจ้องมองอย่างเผลอไผล“ก็แล้วแต่บอสสิคะ ไม่ใช่ธุระของแพร ไม่ต้องบอกแพรก็ได้ค่ะ”ดวงตากลมโตวิบวับแพรวระยับขณะที่พูดน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย จ้องตอบนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มออกดำไม่ลดละ แต่เพราะอัคคีเองไม่ปิดบังความปรารถนา แววตาจึงล้ำลึกขึ้นจนเป็นอุณากรรณต้องเบือนหน้าหนีพ่วงแก้มแดงซ่าน“ก
บทที่ 10 ใครเอาแต่ใจ ใครดื้อเพียงไม่นานนักรถหรูเลี้ยวเข้าถนนกว้างโค้งของโรงแรมระดับชั้นนำ“ที่จริงพี่เพลิงน่าจะให้คุณเกรซมา แพรแต่งตัวไม่เหมาะเลยค่ะ”“ไม่หรอก เลน่าแต่งตัวมาดีแล้ว อีกอย่างแทนตัวเองว่าเลน่าก็ถูกแล้วไม่ต้องแทนตัวเองว่าแพรกับพี่อีก”“ทำไมล่ะคะ แพรจะพูดชื่อไหนก็ได้นี่คะ ก็มันชื่อของแพร”อัคคีไม่ตอบ เขาเดินลงจากรถลงไปก่อนรอกระทั่งอุณากรรณลงจากรถจึงยื่นแขนออกมาให้คล้อง สังเกตว่าหญิงสาวชะงักคิดก่อนแต่ไม่นานเท่านั้นก็ยอมคล้องแขนเขาเดินขึ้นโถงบันไดลำแขนแกร่งแน่นอบอุ่นถึงร้อนจัด อุณากรรณมองมือตัวเองที่จับลำแขนนั้นไว้ มือเรียวเล็กของเธอเมื่อเทียบกับเขาแล้วยิ่งดูเล็กไปถนัดใจ“มาเถอะ พี่จะแนะนำให้รู้จัก”อุณากรรณละสายตาออกจากท่อนแขนแกร่ง มองตรงไปทางโต๊ะรับรองที่โทรศัพท์มาจองไว้ มีชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว หน้าตาคล้ายเป็นคนชนชาติจีนดั่งเช่นคนสิงคโปร์ทั่ว ๆ ไป สวมชุดสูทนักธุรกิจ รูปร่างสันทัดไม่สูงไม่เตี้ย แต่พออัคคีเดินเข้าไปใกล้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองดูเตี้ยลงไปทันที“ริชาร์ด คาล นี่เลน่า คู่หมั้นผมครับ”คราวนี้อุณากรรณยิ้มไม่ออกแต่ก็พูดแก้ตัวไม่ได้ต่อหน้านักธุรกิจชาวสิงคโ
บทที่ 9 พี่เพลิงอุณากรรณนั่งเขี่ยมือเล่นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เมื่อกลางวันตอนอยู่ในลิฟต์สองต่อสองว่าแย่แล้ว ตกเย็นพอขึ้นมานั่งรถคันเดียวกัน แม้ว่ารถคันใหญ่แต่ยังรับรู้ถึงไออุ่นจากคนตัวโตด้านข้างอยู่ดีทั้งกลิ่นบุหรี่ กลิ่นกายชาย สารพัดที่ทำให้สาวสะพรั่งอย่างเธอว้าวุ่นได้ จึงพยายามหาอย่างอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากอัคคีดวงหน้าหวานซึ้งเบี่ยงไปด้านข้างเพื่อมองถนนท่ามกลางรถมากมายของเมืองหลวงที่ขยับไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“วันนี้รถติดหน่อยนะครับนาย”เสียงชุมพลเอ่ยถึงขึ้นขณะที่รถแล่นจนเกือบจะคลาน“ไม่เป็นไร ยังพอมีเวลา”เสียงทุ้มต่ำด้านข้างคุยโต้ตอบกับคนขับรถสนิทสนมจนอุณากรรณแปลกใจ เธอมักไม่ค่อยพบคนในระดับนี้พูดคุยกับคนขับรถมาก่อน ส่วนใหญ่มักไว้ตัวและท่ามาก จึงเอี้ยวหน้าไปมอง ถึงกับสะดุ้งตกใจจริง ๆ เพราะเจอเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่หลุบมองเธออยู่ก่อนแล้วอย่างค้นหา“น้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ”“คะ คะ อะไรนะคะ”ใบหน้าคมเข้มยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงตอบมึนงง“ก็พี่ถามว่าน้องแพรไม่เมื่อยเหรอครับ นั่งตัวลีบอยู่ตรงนั้น ขยับมาอีกก็ได้นะ พี่ไม่กัดหรอก”“เออ ไม่เป็นไรค่ะ แพรไม่เมื่อยค
บทที่ 8 บอสขณะที่อัคคีกำลังเดินขึ้นอาคารสำนักงานก่อนจะเหลือบสายตามองเห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งของบุษบา ซึ่งวันนี้ดูสูงกว่าทุกวัน ทีแรกเขาเองไม่ได้ใส่ใจแต่เมื่อกวาดตามองอีกครั้งพลันสะดุดเข้ากับรองเท้าส้นสูงแบบสานพันข้อเท้า จึงไล่สายตาขึ้นไปยังใบหน้าอีกครั้ง หน้าหวานซึ้งยังคงเดิม สวยดั่งนางในวรรณคดี แต่มีบางอย่างผิดแปลกไปคงเป็นทรงผมที่ไม่มัดรวบตึงเหมือนทุกวัน หรือเพราะเสื้อผ้า กระโปรงสั้นเหนือเข่าอวดท่อนขาเรียวยาวขาวนวล หรือจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะหวานนุ่มเบา ๆ เมื่อกำลังฟังเพื่อนนินทานินทา!! เมื่อเขาเดินเข้าใกล้จึงได้ยินเสียงของคนร่างอวบพูดขึ้นพร้อมคว้าเอวของบุษบาเข้าใกล้ จนตัวบุษบาเองหัวเราะร่วนออกมาอัคคีเริ่มชักสีหน้าจึงเรียกเสียงดังขึ้นให้พนักงานในบริษัทรับรู้ว่าเขาได้ยินและไม่พอใจร่างระหงของบุษบาไม่ได้สะดุ้งขึ้นเหมือนทุกครั้ง เธอเพียงยืดแผ่นหลังขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยเหลียวกลับมาสบตากับเขาดวงตากลมโตปนซึ้งซึ่งเหมือนจะรื้นนน้ำตาทุกครั้ง วันนี้กระจ่างใสพร้อมร่องรอยติเตียนส่งตรงมายังเขา จนอัคคีจดจ้องตอบอีกครั้งด้วยตาคมดุ“ค่ะ บอส”อัคคีหรี่ตาลงเล็กน้อยเพียงแวบเดียวก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบ







