LOGIN“บึ้ม!” แรงระเบิดอันรุนแรงจากการแตกของเคียวสู่ภพทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนทั่วล้า ประตูทุกภพภูมิเปิดออกกว้างขึ้น เหล่าวิญญาณ ผี ปีศาจ จิตภูติ เดรัจฉาน อมนุษย์ จากต่างภพ ลุกคลืบคลาน ทุกสิ่งผสมผสานเข้าสู้รบตีรันฟันแทงกลืนกินดูดสิงร่างและจิตวิญญาณ วินาทีนั้นทุกสิ่งกำลังมุ่งสู่ความวิบัติเกินผู้ใดจักเยียวยาแก้ไข เฟยฟาพร้อมสัตว์คู่กาย ไป่ชิงหลง มังกรขาว แหวกว่ายทะยานผ่านทุกสิ่งที่ขวางตรงหน้า ตอนนี้ทุกภพที่ขาวสะอาดปะปนแปดเปื้อน วิญญาณร้าย ความดำมืด ภูติผีปีศาจ ไปทุกที่เกลื่อนตา
“วั่งซู! เจ้าอยู่ไหน ตอบข้า วั่งซู!” ไป่ชิงหลงมังกรขาวสัตว์คู่กายเกล็ดสีขาวเงินครีบสีฟ้าน้ำทะเลตัวใหญ่ยักษ์เลื่อยลอยพาดผ่านสิ่งแปลกปลอมที่ตีรันฟันแทงไปแบบทะทุทะลวงอากาศ จนถึงปากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จืออู่ตี้ เสียงในหัวร้องเรียกจาก เจ้าวั่งซูทะลุผ่านโสตประสาทมากระทบใจ
“อยู่ในนี้! ไปเร็ว! ชิงหลง! วั่งซูรอข้าก่อน รอข้า” เฟยฟาควบชิงหลงทะลุทะลวงลงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จืออู่ตี้ผ่านม่านหมอกไอดาราตะกอนสะเก็ดดาวไปยาวไกลสเมือนว่าไม่มีปลายทาง จนเห็นแสงริบหลี่ที่ปลายทาง พร้อมร้องตะโกน “นั่นไงตรงนั้น!”
รอบๆ ตัวเฟยฟาคือมิติกึ่งคนเป็นกึ่งคนตายรอบด้านเงียบสงัดมืดมิด ชิงหลง เลื้อยพุ่งตรงสู่ทางทิศที่มาของลำแสง จนถึง แท้จริงแล้วในนี้คือ
“กระจกบานที่10! กระจกที่สาบสูญ!” เฟยฟาเอ่ย กระจกบานที่10 คือกระจกที่สามารถทะลุหาได้ทุกภพของกะจก เป็นเสมือนกระจกที่เป็นทางลัดสู่ทุกภพภูมิ “แต่นี่เป็นแค่เรื่องเล่าและตำนาน ข้าไม่เคยรู้เลยว่ามีกระจกใบนี้อยู่จริง และเหตุใดจึงมาอยู่ใต้บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้”
“เฟยเฟย” เสียงเรียกที่ดังก้องขึ้นในหู เรียกสติสัมปชัญญะของฮวาเฟยฟากลับมา
“ซูซู! เจ้าอยู่ไหน!” ยังไม่ทันขาดคำฮวาเฟยฟา “นั่นไง ผ่านกระจกเข้าไป”
สิ้นเสียงฮวาเฟยฟา ชิงหลง เลื้อยผ่านกระจกแต่กลับถูกกะจกสกัดกั้นเด้งออก ร่างมังกรขาวไม่อาจผ่านกระจกที่สาบสูญบานนี้ เฟยฟาที่อยู่บนศีรษะหน้าคว่ำเทลงทะลุเข้ากระจกเพียงลำพัง ล้มลงหัวคะมำ เค้าลุกขึ้นคลำหัวบริเวณที่เจ็บ หลังจากประคองตัวลุกขึ้น หันกลับมา
“ชิงหลงเจ้าจงรอข้าตรงนี้” ชิงหลงพยักหน้ารับคำ เฟยฟาร่ายมนต์จุดแสงไฟขึ้นในมือ และ เริ่มกวาดสายตามองหาเจ้าวั่งซู
“วั่งซู เจ้าอยู่ไหน” ทันใดพื้นหมุนกลับหัวกลับหางทุกอย่างหมุนกลับด้านหน้าเฟยฟาคะมำลงกระแทกพื้น
“โอ๊ย! อะไรกันที่นี่!” เมื่อลืมตาขึ้นจากความมึนงง ร่างเจ้าวั่งซู สิ้นสติลอยประทับจูบตรงกัน แต่เหมือนอยู่อีกด้านของกระจก
“วั่งซู วั่งซู ฟื้นสิ! เจ้าได้ยินข้าไหม!” เฟยฟายันมือขึ้นถอยปากประกบออกจากปากเจ้าวั่งซู และ ร้องเรียกพร้อมทุบบานกระจกที่กั้นระหว่างพวกเขา “ปึ้ง! ปึ้ง!” วั่งซูนอนไร้สติพร้อมเคียวสู่ปรภพประกบข้างกาย
เฟยฟาหยิบพู่กัน เขียนยันต์บนกระจกพร้อมร่ายเวทย์ “มนต์ทะลายภาพสะท้อน”
“ไป!” ตัวอักษรบนกระดาษลอยเด่นกระแทกพื้นกระจกแตกทำลาย เจ้าวั่งซูกับร่างที่ไร้สติหล่นลงในอ้อมกอดเฟยฟา
“ซูซู! ซูซู! เจ้าฟื้นสิ! เจ้าได้ยินข้าไหม!” เฟยฟาเรียก เขย่า พร้อมร่ายมนต์เรียกสติ ส่งต่อจรดบนหน้าผาก เจ้าวั่งซู เกิดแสงกระจายทะลุจักราในร่างกายเปิดสติ เจ้าวั่งซูค่อยๆ ลืมตา และเมื่อเห็นเฟยฟาก้ ยิ้มมุมปาก และ เอ่ย
“ข้ารู้เจ้าต้องมา! ข้าร้องเรียกหาเจ้า เมื่อใดที่ข้าเรียกหาเจ้าต้องมา ข้ารู้ ข้ารู้เสมอ!”
“เจ้าจะพูดอะไร ข้าอยู่กับเจ้าเสมอ ไม่เคยห่างไปไหน” ฮวาเฟยฟาตอบคนรัก พร้อมน้ำตาใสรื้นในดวงตา
“ข้าขอโทษ ข้าทำพลาด ข้าทำอะไรไม่ได้เลย ทุกสิ่งกำลังพังลง รวมทั้งข้าด้วยที่กำลังดับสูญ เคียวนี้แตกสลาย ไม่มีอะไรผนึกประตูสู่ภพต่างๆ ทุกสิ่งกำลังมารวมกัน และมุ่งสู่ความวิบัติ ข้าทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว” เจ้าวั่งซูพยายามเล่าเหตุการณ์ด้วยเสียงและลมอ่อนระทวย น้ำตาไหลอาบนองหน้า
“ช่างมันเถอะไม่มีอะไรสำคัญกว่าการที่เจ้ายังอยู่ในตอนนี้” ฮวาเฟยฟาน้ำตาไหลพราก กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนปนเศร้า
เจ้าวั่งซูฝืนยิ้มเต็มกำลัง “ขอบคุณที่เจ้ามา ขอโทษที่ข้าผิดสัญญา ข้าไม่อาจร่วมเดินทางกับเจ้าชั่วนิรันดร์ดังที่ข้าเคยให้คำมั่น ชาตินี้ไม่อาจตอบแทนเจ้า ขอตอบแทนชาติหน้า”
“ไม่นะ! เจ้าพูดอะไร ข้าจะพาเจ้ากลับไป!” ฮวาเฟยฟากล่าวทั้งน้ำตา
“ไม่ได้ การที่จะเข้ามาในนี้จะถูกขังในมิติระหว่างภพแห่งนี้ชั่วนิรันดร์ ข้าได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยในที่แห่งนี้ ที่นี่คือที่ของข้า และเวลาของข้า เจ้าจงออกไปจากที่นี่ซะ ยังไม่ถึงเวลาของเจ้า เมื่อเจ้าออกไป ร่างกายนี้ก้จะแตกดับตามวาระ เวลาข้าหมดแล้วในชาตินี้ เฟยเฟยที่รัก ให้ข้าได้เก็บเกี่ยวผลแห่งกรรม เจ้าเข้าใจข้านะ” เจ้าวั่งซูพูดยิ้มให้ฮวาเฟยฟาน้ำตาอาบแก้ม และ เสียงที่อ่อนระทวยเหมือนกำลังจะขาดใจ
“ไม่นะ! วั่งซู! มันต้องมีทาง”
“เจ้าอย่าห่วง ข้าจะกลับมา ข้าจะหาทางกลับมา ข้าสัญญา เจ้ารอข้านะ” เจ้าวั่งซูเอ่ยอ่อนโยนพร้อมพยายามยกมือที่อ่อนแรงขึ้นลูบเช็ดคราบน้ำตาบนหน้าคนรัก
“รอ! ข้ารอ ต่อให้อีกกี่ปี กี่ฤดู กี่ชาติภพที่เปลี่ยนไป ข้าสัญญา!”
เจ้าวั่งซูมอบพัดคู่กายไว้แก่เฟยฟา “เจ้าจำได้ไหมครั้งแรกที่เราพบกัน ฤดูใบไม้ร่วงของพวกเรา และเจ้าจะรู้เอง อย่าวิตกไป รีบไป รีบออกจากที่นี่ ก่อนทุกสิ่งจะหายไป” เจ้าวั่งซูยกมือเร่งพลังจักราสีทองเข้าห่อหุ้มร่างคนรัก
“ไม่นะ! ซูซู ไม่! อย่าทิ้งข้าไป!” ฮวาเฟยฟาน้ำตาไหลนองหน้า
เจ้าวั่งซูยิ้มให้คนรักครั้งสุดท้าย “ลาก่อน” และผลักลูกบอลสีทองที่โอบอุ้มร่างฮวาเฟยฟาลอยฝ่า กระแทกกระจกแตกทะลุกันนับชั้นไม่ถ้วน จนบอลสีทองวิ่งลิ่วทะลุกลับออกมา ปากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ภพมนุษย์
เจ้าวั่งซูคว้าเคียวที่แตกทำลาย ดึงพลัง ทำลายปรภพแสงสีขาววาบ “บึ้ม!” เกิดแรงระเบิดที่แรงมากและสั่นสะเทือนไปทุกภพ จนทุกสิ่งเกือบดับสูญ
ขณะที่ทั้งสองสบตากัน เหล่าพืชพันธุ์บริเวณรอบเริ่มร่วงหล่น ดั่งฤดูใบไม้ผลิกลืนกินอาณาบริเวณนี้ฉับพลัน
“เอ่อ! ข้า ข้า ไม่ได้ตั้งใจมาแอบดู แค่บังเอิญข้าเดินผ่านมา” เจ้าวั่งซูกล่าวแก้ตัว
“อย่ากังวล ข้าหาได้คิดงั้นไม่ ขอทราบนาม เราเคยพบเจอกันมาก่อนไหม” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“ข้าก็รู้สึกบรรยากาศที่คุ้นเคยนี้ ใบไม้ร่วงหล่น แต่กลับไม่เห็นไอมารหรือพลังด้านมืดแผ่ออก แต่ กลับสัมผัสได้แค่ความอบอุ่น แต่ข้าคิดว่าเราไม่เคยพบกันมาก่อน เอ่อ! ขออภัย! ข้า “เจ้าวั่งซู” ทายาทโดยธรรมแห่งสกุลเจ้ารุ่นที่ 11” เจ้าวั่งซู แววตาเคลิ้ม ประหม่ากล่าวตอบ
“ออ งั้นท่านก็คือ คุณชายเจ้าที่โด่งดังไปทั่วสิ ช่างงดงามสมคำร่ำลือ ข้า “ฮวาเฟยฟา” หัวหน้ามือปราบมาร สำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกราแห่งหุบเขาเก้ากระจกหมู่บ้านชุนเทียน เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบ คู่หู” ฮวาเฟยฟากล่าวและยิ้มมุมปาก
“ฮะฮะ งั้นท่านก็คือ บุตรชายหนึ่งเดียวในรอบหมื่นปีของเทพแสงอาทิตย์ และ แม่ของท่านคือเทพธิดาองค์เดียวในรอบหมื่นปีของเจ้าเผ่าพันธุ์มังกรขาว”
เจ้าวั่งซู อ้าปากค้างและตกใจ ในใจก็คิดว่าเหตุใดคนที่มาเป็นคู่หูข้าถึงได้ยิ่งใหญ่คับฟ้า มีแต่ชื่อเสียงระบือในความเมตตาและสร้างความดีไปทั่ว เมื่อเทียบกับข้า คนที่โดนสาปแช่งนิรันดร์ มาอยู่ด้วยกัน ข้าจะกลายเป็นตัวอะไรในสายตาผู้คน!
“ม่ายยยย!” เจ้าวั่งซูเผลอ ตะโกนร้องออกมาหลังจากความคิดอันน่าตกใจในใจ
“ฮะ! ท่านเป็นอะไรไปหรือ หรือท่านไม่พอใจที่จะมีข้าเป็นคนสนิทของท่าน” ฮวาเฟยฟา แกล้งเอ่ยถาม อมยิ้ม
“ปะปะ! เปล่า! ข้าไม่ได้! คิดอะไรแบบนั้น! แต่ข้าแค่!....” คำพูดหยุดหายไป ....แค่คิดว่ามายืนคู่คนยิ่งใหญ่แบบเจ้าข้าจะกลายเป็นฝุ่นผงธุลีไร้ค่าในสายตาผู้คน” ความคิดวิ่งต่อในใจและไร้ซึ่งเสียง
เจ้าวั่งซูยิ้มแหยๆ และ เอ่ยถามฮวาเฟยฟา “ท่านมาทำอะไรอยู่ที่นี่ เหตุใดไม่เข้าร่วมงานในตอนนี้” เจ้าวั่งซูเอ่ยถาม
“ข้าไม่ชอบพบปะผู้คน และ อยู่ท่ามกลางผู้คนมากๆ ข้าแค่ชอบที่จะอยู่เงียบๆ กับคนที่ข้าไว้ใจ เช่นเจ้า ในอนาคต” ฮวาเฟยฟา พูดพร้อมก้มต่ำเหลือบหางตามองไปที่เจ้าเว่ยซูแบบมีเสน่ห์สะกดและเจ้าเล่ห์
. ” อะ! ฮ่าๆๆ! แหมท่านฮวาเฟยฟา ท่านก็พูดไปข้ามันคนบาปที่ใครเห็นก็รุมประณาม อยู่กับท่านมีแต่จะทำให้ข้าแปดเปื้อนลดราศี แหะแหะ!” เจ้าวั่งซูกล่าวถ่อมตัวติดตลก
“หาได้ไม่! ข้ากลับคิดว่าแท้จริงแล้วท่านต่างหากที่ยิ่งใหญ่ ด้วยภาระหน้าที่ และ พลังความสามารถขนาดนั้นของสกุลเจ้าที่ตกทอดมา และ ปกป้องชีวิตผู้คนมากมายจากภยันต์อันตราย รวมถึงการเป็นเจ้าภพมนุษย์ เหล่านี้หาใช่สิ่งที่ยิ่งใหญ่และควรได้รับการเคารพนับถือจากผู้คนหรือ” เฟยฟากล่าวเงียบสงบ ทิ้งให้คิด
พลังที่ยิ่งใหญ่หรอ ภาระที่ใหญ่ยิ่งหรอ ผู้คนตายเกลี้ยง หมู่บ้านชุนเทียนกลายเป็นดินแดนผสมสิ่งประหลาดแปลกปลอม โดนผู้คนสาปแช่ง หึหึ! วั่งซูคิดในใจ และพูดออกมาว่า “ข้าอยากให้ผู้คนคิดแบบที่ท่านว่า มันคงเป็นอะไรที่น่าดีใจหาที่สุดๆ ไม่ได้”
ฮวาเฟยฟาหันมองหน้าเจ้าวั่งซูอย่างอ่อนโยนและเข้าใจ “แน่นอน เจ้าอย่าห่วงเลย ผู้คนจะเข้าใจสิ่งนี้ในวันหนึ่ง ว่าเรื่องที่เหล่าบรรพบุรุษสกุลเจ้าทำมาล้วนเพื่อปกป้อง ผู้คน และ ภพภูมิมนุษย์ และท่านจะมีข้าคอยอยู่ข้างๆ คอยย้ำเตือนและสนับสนุนให้มันเกิดขึ้นจริงเสมอ และ เร็วขึ้น” ฮวาเฟยฟายิ้มอ่อนโยน
เจ้าวั่งซูมองไปที่ฮวาเฟยฟา ตาทั้งสองพบสบกันอีกครา และ เหมือนความทรงจำจะพาย้อนสู่เวลา บางส่วนในอดีตวันวาร
แสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามาในห้องเรียน ที่นี่คือสำนักฝึกตนหลิงชงหมิงของเหล่าเซียน ขณะที่อาจารย์กำลังสอน วั่งซูเอนหน้าแนบลงกับโต๊ะเรียน ข้างๆ ถัดไปคือเฟยฟาสงบนิ่งตั้งใจเรียน ทั้งสองคือสหายสนิทตั้งยังวัยเยาว์
ฮวาเฟยฟาสงบเยือกเย็นดั่งมังกรยามหลับรอผงาด แต่ พลังจักรารุนแรงดั่งแสงตะวันสาดยามเที่ยงวัน รูปงาม ความคิดเฉียบคม เฟยฟาใส่ชุดสีขาวปักเลื่อมลายมังกรฟ้าพาด มีสัตว์ภูติประจำตัวมังกรฟ้าสีขาว “ไป่ชิงหลง” พี่น้องและสหายคู่ใจที่กำเนิดมาพร้อมกัน
เจ้าวั่งซู หนุ่มรูปงามใบหน้าหยก แต่ ขี้เล่นอารมณ์ดี จิตใจงดงาม รักการฝึกวิชาการต่อสู้ เป็นคนสร้างเสียงหัวเราะและเป็นที่รักของทุกคน เป็นต้นสกุลเจ้ารับการตกทอดเคียวสู่ภพเหมือนเจ้าวั่งซูรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้า เจ้าวั่งซูรุ่นที่ 1 ยอมสละแลกชีวิตตนและชื่อเสียงตัวและสกุลที่มาแต่โบราณในฐานะผู้รักษาความสมดุลแห่งภพ ยอมระเบิดศาสตราที่ทรงพลังและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของตระกูล เพียงเพื่อหวังว่าจะนำพาความสงบปิดประตูทุกภพ ทำลายทุกดวงวิญญาณที่แปลกปลอม จบภัยพิบัตรให้กับภพมนุษย์ใบนี้ แต่ผลกลับตรงข้าม ทุกภพเกิดรอยแยก และ หมู่บ้านต้องสาปแห่งภพภูมิมนุษย์ยังถูกกลืนกินไม่อาจจะหลุดจากคำสาป ผู้คนก็ต่างพากันเข้าใจผิด คิดว่าสกุลเจ้าเป็นพวกปรภพและต้องการปกครอง ทำลายภพมนุษย์ ทำให้สกุลเจ้าโดนสาปแช่งชั่วนิรันดร์
หลังจากสละชีวิตตนดวงจิตกลับชาติมาเกิดเป็นหลานรุ่นที่11 (ชื่อ หน้าตา รูปร่าง ดวงจิต เฉกเช่นเดิม) อาภรณ์สีดำขลิบทองมีพัดสีดำขลับทองพู่ทองประจำตัว มีเคียวสู่ภพอาวุธประจำกาย และมีสัตว์ภูติ “หลิ่งกวาง” จิ้งจอกดำเก้าหางภูตประจำกายวั่งซู
เจ้าวั่งซู และ ฮวาเฟยฟา ทั้งสองคนร่วมเรียนเขียนอ่านฝึกฝนวิชาจนคนหนึ่งกลายเป็นผู้กล้านำตระกูลเซียน อีกคนหนึ่งเป็นเทพตำแหน่งสูงบนภพสวรรค์ ด้วยสมองและสติปัญญา รวมถึงชาติกำเนิดและพลังเวทย์ ทำให้เป็นที่นับถือละบือไปไกลทุกภพภูมิ แต่ทั้งคู่ก็อยู่ร่วมกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ใช่เวลาร่วมกัน เฉกเช่นสหายรักจนถึงเวลาแยกจาก
“หลังจากเรียนจบเจ้าอยากทำไรวั่งซู” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม
“เป็นเจ้าภพมนุษย์ เป็นปรมาจารย์ เป็นผู้นำสกุลเจ้า รักษาสมดุลระหว่างภพ ปกป้องผู้คนจาก อันตราย ตามหน้ามี่ที่มีมาแต่ต้นตระกูลข้า จะตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม”เจ้าวั่งซูกล่าวตอบอย่างมั่นใจและภูมิใจ
ฮวาเฟยฟาเหลือบมองสีหน้าที่จริงจังและจริงใจของเค้าอยู่ด้านข้าง และยิ้มอย่างพอใจและภูมิใจ
“จริงๆ แล้ว ท่านเป็นได้มากกว่านั้นนะ แต่ข้าก็จะขอติดตามท่าน เป็นสหายที่รู้ใจร่วมสนับสนุนท่านตลอดไป” ฮวาเฟยฟากล่าว
“ทำไมท่านต้องทำขนาดนั้น เจ้าเป็นเทพ เจ้าไม่ต้องพิสูจน์อะไร “เจ้าวั่งซูกล่าว
“เราทั้งสองล้วนต้องพิสูจน์ วันหนึ่งเจ้าก็จะรู้เอง ว่าทำไม หรือว่าเจ้าอยากจะไปตามทางเจ้าไม่ต้องมีข้า” ฮวาเฟยฟาพูดขึ้นหางเสียงถาม
“ไม่! ไม่! ท่านฮวาเฟยฟา ข้าน้อยมิบังอาจ มนุษย์ธรรมดาเฉกเช่นข้าได้ท่านผู้สูงศักดิ์เป็นสหายนับว่าเป็นบุญอย่างยิ่ง” เจ้าวั่งซูพูดขี้เล่นปนเอาใจ
“ฮ่าๆๆๆ!” ทั้งสองมองไปท้องฟ้าที่กว้างไกลด้านหน้าและหัวเราะร่าออกมาพร้อมกัน คล้ายว่าจะไม่มีไรแยกเค้าทั้งสองจากกันได้แม้กระทั่ง ความตาย
ทุกคนชลมุนวุ่นวายวิ่งกันไปมาทะลุผ่านตัวเจ้าวั่งซูไป องค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีแห่งสวรรค์ เรียกประชุมรวม เหล่าทวยเทพเทวดา และบรรดาเซียนเพื่อแก้วิกฤตที่เกิดขึ้น เรื่องราวความวิปริตของธรรมชาติไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ภพภูมิมนุษย์ แต่เป็นอีกสองภพต้นกำเนิดขององค์ชายและเผ่าพันธุ์มังกร ภพสวรรค์ และ ภพเดรัจฉาน ทั้งสองภพต่างได้รับแรงกระเพื่อมจากการแตกสลายขององค์ชายแห่งมังกรผู้ควบคุมกระแสน้ำทั้งสามภพ เจ้าวั่งซูรีบเดินตามเหล่าทวยเทพเซียนไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ประชุม เหล่าเทพเซียนมากมายเข้าแถวยืนเป็นระเบียบ สักพักองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีแห่งสวรรค์ก็เสด็จออกมา“ตัวจริงก็ยังหนุ่มสาวนะเนี๊ยะ ทำไมพวกเทพเซียนนี่ไม่รู้จักแก่ คงกินท้อพันปีกัน จนต้นนั้นโตออกลูกออกผลไม่ทัน” เจ้าวั่งซูคิด“องค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี” เหล่าทวยเทพเซียนประสานเสียงกล่าวสรรเสริญ“วันนี้ มีผู้ให้เกียรติเข้าร่วมประชุมกับพวกเรา ท่านผู้ปกปักภพเดรัจฉานและผู้นำจิตวิญญาณแห่งเหล่าสรรพสัต
น่าจะเป็นยามดึก ในสวนดอกไม้ภายในบริเวณคฤหาสน์แห่งนี้ เก๋งจีนตรงเรือนริมน้ำตกมีเพียงเสียงน้ำไหล และ แสงจันทร์ส่องสว่างกลางท้องฟ้า นั่น “เฟยเฟย” ทำไมเค้าดูแปลกไป สีเสื้อหม่น ใบหน้าหมองเศร้า เหมือนมีน้ำตาเอ่อตรงดวงตาคู่งาม ในตากลวงว่างเปล่า เหมือนคนใจสลาย ในมือถือสุราดอกมฤตยูดำ (ดอกมฤตยูดำคือดอกไม้ที่ผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง ดอกมฤตยูดำที่ปลูกแค่บริเวณคฤหาสน์ตระกูลเจ้า และ พลังจักราของคนสกุลเจ้า) มีต้นกำเนิดและมีที่เดียวคือสกุลเจ้าคนที่คิดค้นคือ เจ้าวั่งซูรุ่นที่1และถูกนำมาหมักเป็นเหล้ารสเริด เมาแต่ไม่หนักหัวและสามารถช่วยสร้างความคิดและจินตนาการของผู้ดื่มให้สมจริง ดื่มเพื่อลืมความทุกข์จากโลกแห่งความเป็นจริงไป่ชิงหลงขดนอนอยู่บนโขดหินหน้าน้ำตก เกล็ดของชิงหลงจากสีขาวสว่างเปลี่ยนเป็นสีหม่นเหมือนขี้เถ้าและนอนหมดแรงอยู่ตรงนั้น “นั่นเจ้าเป็นอะไรเฟยเฟย” เจ้าวั่งซูเดินเข้าไปใกล้เพื่อฟังสิ่งที่ฮวาเฟยฟาพึมพำ “ทำไมท่านถึงทิ้งข้าไป ไหนว่าเราจะอยู่และร่วมกันต่อสู้เคียงข้างกันไปตลอด ทำไมทำไม” และเสียงก็เงียบหายไ
ทั้งสี่ได้สติอีกที คือฟื้นขึ้นมาบริเวณ คือหน้ากระจกพืชพันธุ์ ทั้งสี่ลุกขึ้น“มึนเลย เหมือนพวกเราเดินทางกันมาไกลมาก ข้าเหนื่อย! ข้าเมื่อย! ข้าจะกิน! ข้าจะอาบน้ำ! ข้าจะนอนให้เต็มอิ่ม! เนอะ! หลิ่งกวาง” เจ้าวั่งซูพูดพร้อมบิดขี้เกียจไปทางหลิ่งกวาง “แง๊วๆ”“เป็นการเดินทางที่ยาวนาน เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปอดีต และพบเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อและยิ่งใหญ่มากมาย ช่างเป็นการเดินทางที่วิเศษจริงๆ” ฮวาเฟยฟากล่าวใบหน้าพอใจ“เฟยเฟย เจ้าไปอยู่เรือนข้านะ ที่เรือนข้าไม่มีใครนอกจากบ่าวรับใช้ เพียงแต่ว่ามันโบราณ และวังเวงหน่อย เจ้าอาจจะไม่ชอบบรรยากาศ” เจ้าวั่งซูเอ่ยชวน ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะอยากไปไม๊“ได้สิ! งั้นข้าไม่เกรงใจ! ถ้าข้าอยู่ยาวก็อย่าว่ากัน! ส่วนเรื่องวังเวงไม่ต้องกังวลมันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ข้าเคยไปที่นั่น” ฮวาเฟยฟาเอ่ยมองขึ้นฟ้าอมยิ้ม“เอ๊ะ! ในอดีตเจ้าเคยมาคฤหาสน์ตระกูลข้าแล้วหรอ เจ้ามาทำอะไร แล้วอยู่นานไม๊ แล้วเจ้ารู้จักกับใครในตระกูลข้า ท่านปู่ท่านปู่ทวด หรือ ใคร!?” เจ้าวั่งซูเดินต
สิ้นเสียงผู้เฒ่า ทุกคนก็หันหน้าพร้อมกันไปทางต้นไม้แห่งชีวิต โคนต้นที่มีรากมากมาย มีร่างหนึ่งโปร่งแสงผุดขึ้น พระแม่แห่งชีวิตปรากฏตัวขึ้น จากร่างครึ่งกาย ดวงหน้าใจดีมีเมตตา ดั่งในนิมิตที่หลานหลี่เซ่อ สร้างให้ดูก่อนหน้า พระแม่สร้างดวงจิตจากฝ่ามือและปลดปล่อยสู่ผีเสื้อราตรี ดวงแล้วดวงเล่า ตัวแล้วตัวเล่า“ไปเราไปเฝ้าพระแม่แห่งจิตวิญญาณกัน” หลานหลี่เซ่อ และ เหล่าหมู่ซู่บรรพกาลพากันเดินเท้าเข้าไป ทุกคนสามารถเหยียบลงบนทะเลเมฆนั่น และ สารเมือกขาวมุกระยิบระยับนั่นก็ทำให้พวกเค้าลอยตัวอยู่ได้ เจ้าวั่งซูมีหลิ่งกวางนั่งบนบ่า ฮวาเฟยฟามีไป่ชิงหลงอยู่บนบ่า เดินนำหน้า และขึ้นบันไดไปสู่ด้านบนหน้าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และพระแม่แห่งจิตวิญญาณ“เฟยเฟยดูสิ ยิ่งเข้าใกล้ต้นไม้แห่งชีวิต ก็ยิ่งขาวสว่างไสวและยิ่งใหญ่มาก ดอกใบกิ่งก้านลำต้นล้วนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ และ ใกล้ขนาดนี้ พระแม่แห่งจิตวิญญาณก็ใหญ่และงดงามมาก ผมยาวสยายดวงตาคู่งามที่ปิดลงเหมือนเทพธิดาเม่งเซี๊ยะ” เจ้าวั่งซูพูดกับฮวาเฟยฟา ฮวาเฟยฟาพยักหน้าเห็นด้วย “ช่างยิ่งใหญ่ สว่าง และงดงามบริสุทธิ์”&l
“แล้วต้นไม้แห่งชีวิตหล่ะ มีอยู่มาก่อนหรือหลังพวกท่าน” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม“พวกเจ้าคงหมายถึง “พระมารดาแห่งหมู่ซู่ (พระมารดาแห่งจิตวิญญาณทั้งปวง) ” ท่านคือต้นกำเนิดดวงจิต ถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีพวกเราสักดวงวิญญาณ แน่นอน พระนางคือผู้ให้กำเนิดให้ชีวิตให้จิตวิญาณกับพวกเราทั้งหมด” ผู้เฒ่าหมู่ซู่ตอบ“พวกเราทั้งหมด ท่านหมายความว่าอย่างไร พวกเราจากทุกที่หรอ” ฮวาเฟยฟาถามต่อ“พวกเราหมายถึง ต้นไม้ มนุษย์ อมนุษย์ วิญญาณ ภูติผี ปีศาจ เทพเซียนเทวดา ภูติ เดรัจฉาน ทั้งหมดล้วนกำเนิดมาจาก ต้นไม้แห่งชีวิต” หลานหลี่เซ่อกล่าว ทุกคนที่ได้ยินอ้าปากค้างตะลึงทึ่ง และสงสัยคืออะไรกัน“พระมารดาแห่งชีวิต หรือชื่อที่ผู้คนเรียกและถูกบันทึกไว้ “ต้นไม้แห่งชีวิต” คือสิ่งมีชีวิตแรกเริ่มของทุกสิ่ง ถัดจาก ผู้สร้าง ผู้ปกปักษ์ ผู้ทำลาย ผู้พิทักษ์” หลานหลี่เซ่อเริ่มเล่าพร้อมใช้พลังเวทย์สร้างภาพนิมิตรไปพร้อมเรื่องราว ในภาพเป็นยุคอดีตตั้งแต่ก่อนดาวจะสร้างตัวมีเพียงต้นไม้แห่งชีวิตสีขาวยืนต้นลำต้นกิ่งก้านสาขาใบเถาวัลย์ล้
“ว่าแต่ พวกข้ามีเรื่องสงสัยจะถามท่าน ตอนที่พวกข้าลงไปหาสุราดอกซ่างฮัวหลัวข้างใต้ม่านน้ำตกนั่น พวกข้าพบ......” เจ้าวั่งซูยังพูดไม่จบหลานหลี่เซ่อก็แทรกขึ้นมาว่า “พวกท่านพบข้าใช่ไม๊ ไม่สิเศษเสี้ยวแห่งต้นไม้แห่งชีวิต”“ใช่! พวกข้าสงสัย ทำไมเศษเสี้ยวแห่งต้นไม้แห่งชีวิต ต้องใช้มนต์จำแลงเป็นปรมาจารย์กระจกมากมาย และ ทำไมภายใต้กระจกภพพืชพันธุ์ถึงกลายเป็นภพพืชพันธุ์ที่ไม่เคยมีใครเคยไปเยือนอย่างแท้จริง ท่านหลานหลี่เซ่อโปรดชี้แนะ” ฮวาเฟยฟาถามด้วยความสงสัย“ได้สิ ตั้งแต่อดีตกาลมาจนปัจจุบันไม่เคยมีผู้ใดสามารถเข้าสู่ภพพืชพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะเปนดวงจิตจากภพภูมิไหน ยกเว้นผู้มาเยือนเพียงหนึ่งเดียวจากภพเดรัจฉาน “ผีเสื้อแห่งความตาย” แต่พวกท่าน ด้วยอาศัยการมีกายทิพย์จากท่านฮวาเฟยฟาผู้สืบทอดเผ่ามังกรเพียงหนึ่งเดียว และท่านคุณชายแห่งสกุลเจ้าผู้สืบทอดเคียวสู่ภพอาวุธที่แกร่งที่สุดในทุกภพ จึงสามารถผ่านทะลุมาถึงนี่ได้ สำหรับข้าคิดว่าเป็นวาสนาที่เราได้พบกัน ข้ายินดีจะเล่าประวัติความเป็นมาและความลับของตัวข้าในฐานะตัวแทนภพพืชพันธุ์ และพระมาดา
![อุบัติรักฟีโรโมน [Omagaverse]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)






