"ฤดูใบไม้ร่วงที่เกิดขึ้น แท้จริงแล้วมันไม่ได้เป็นแค่คำสาปแต่มันคือความงดงามแห่งโชคชะตา แม้กระจกบานที่สิบจะดับสูญ แต่ “สุสาส์นราคะ” ที่พันผูกจิตวิญญาณเราสองไว้จะเป็นปัจจุบันขณะเสมอดั่งสัจจะนิจนิรันดร์"
もっと見る“สมน้ำหน้าตระกูลเจ้า!”
“ชื่อเสียงตระกูลล่มสลายไร้ผู้คนนับถือก็เพราะความเชื่อมั่นในพลังของตัวเองมากเกินไป คิดว่าตระกูลตัวเองยิ่งใหญ่ เป็นเจ้าภพ สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ จนกระทั่งพลาดพลั้งเผลอให้ศัตรู ท้ายสุดมันก็เลือกเอาตัวมันรอดคนเดียวคิดว่าเพื่อรักษาหน้าตระกูล ไม่คิดถึงชีวิตผู้คน ระเบิดเคียวสู่ภพ ศัสตรา,ศาสตราที่ทรงพลังที่สุดในโลก จนการระเบิดครั้งนั้นยิ่งใหญ่กินวงกว้าง ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลาย เกิดรอยร้าวระหว่างภพ”
“พูดถึงเหตุการณ์ครานั้นถือเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในทุกภพ การระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนั้นทำให้ประตูระหว่างภพที่ถูกผนึกและกั้นระหว่างภพต่างๆ แตกออกทั้งเก้าภพซ้อนทับยากแยกแยะสิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว สิ่งใดขาวสิ่งใดดำ การสิงสู่การครอบงำการกลืนกินวิญญาณ การยึดร่าง การแฝงร่าง การแปลงกาย ความดีความชั่วทับซ้อนปนเปื้อนยากที่จะแยกแยะ พื้นที่ที่เคยสงบสุขกลายเป็นดินแดนต้องสาป ไร้เดือนไร้ตะวันมีแต่ความมืดมิดอนธการ
“ใช่สิ! ก็เพราะความอวดดีของ เจ้าวั่งซูในชาติก่อน ทายาทคนเดียวแห่งสกุลเจ้า ที่มีทิฐิถือว่าตนเกิดมาสูงส่งมีความสามารถเก่งกล้าจะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปทำอะไรนอกลู่นอกทาง ไม่ฟังคำทัดทานจากผู้คน
“คนแบบนั้นอย่าเรียกว่าผู้สูงส่ง มันแค่เกิดมาในตระกูลที่สูงส่ง แต่มันทำลายทุกสิ่งหมดด้วยความเอาแต่ใจของมัน”
“ใช่! คนอย่างมันสมควรตายและวิญญาณโดนกลืนกิน ไร้การเวียนว่าย ชั่วกัปชั่วกัลป์ ไม่ต้องผุดไม่ต้องเกิด”
“แต่ตอนนั้น เรื่องราวมันเกิดขึ้นไวและจบลงแบบลวกๆ ดั่งไฟไหม้ฟาง เคียวสู่ภพของรุ่นที่1 และ กระจกบานที่สิบในตำนาน ก็ได้ข่าวว่าปรากฏ แต่ หายสาบสูญไป หลังเกิดเรื่อง และก็กลายเป็น เจ้าวั่งซูรุ่นต่อๆ มา ที่ผลัดกันมาทำหน้าที่รักษาความสมดุลแห่งภพ แต่เจ้าวั่งซูแต่ละคนก็ล้วนเก่งไม่ครบในทุกด้าน หมู่บ้านชุนเทียนเอง ก็เป็นสถานที่เดียวที่ตรึงและเป็นทางผ่านระหว่างภพ ซึ่งก็ไม่มีทางเข้าออกที่แน่ชัด และ ที่หมู่บ้านต้องสาปนั่น ก็ไม่สามารถแยกแยะได้อีกแล้วว่าใครคือคนเป็นหรือคนตาย”
เมื่อ ชื่อเจ้าวั่งซู ถูกเอ่ยขึ้น ทุกคนต่างพากันเงียบไปกึ่งหนึ่ง เหลือเพียงเสียงสายลมพัดพริ้วกระทบหน้า กระทบมือ
“เออใช่! ทุกสิ่งทุกอย่างกลับหัวกลับหางกลับตาลปัตร ที่หมู่บ้านชุนเทียน ไร้ซึ่งฤดูกาล มีเพียงใบไม้ล่วงปกคลุม เวลาหยุดเดิน เสมือนทุกอย่างถูกตรึงหยุดเวลาตลอดกาล”
“เออสิ! เพราะความหลงระเริงเถลิงอำนาจของมัน ทำให้คนต้องสละชีวิตมากมาย คนอย่างมันตกนรกหมกไม้ ไปอยู่กับพวกผีปีศาจที่มันปลดปล่อยไปนั่นแหล่ะดี ฮ่าๆๆ!”
เสียงเฮ! อื้ออึงจากคนรอบข้าง ดังขึ้น คล้ายแสดงความเห็นด้วยเต็มเสียเต็มประชด
“คนอย่างมันแม้ตายไปแล้ว ก็ยังทิ้ง ปัญหาให้คนอื่นแก้ไข! ชีวิตบริสุทธิ์มากมายต้องมาตายเพราะมัน และคนใน หมู่บ้านต้องสาปนั้นก็จะไม่มีวันเหมือนเดิม กลายเป็นดินแดนระหว่างภพ คน ปรภพ ปีศาจ อมนุษย์ สิ่งวิปริตอาศัยปนเป เวลาของผู้คนที่หมู่บ้านนั้นถูกขโมย ทุกอย่างมืดมนและหยุดนิ่ง”
“แต่เหมือน ข้าเคยเดินทางไปที่ หมู่บ้านนั้น แม้จะเห็นทางเข้าอยู่ด้านหน้า แต่เมื่อเดินจะถึง ปากทางเข้ากลับไกลขึ้น ไม่มีทีท่าว่าจะถึง บรรยากาศถมึง ข้าเห็นดอกไม้บานเต็มหมู่บ้าน ถ้ามองจากยอดเขา แต่ใบไม้ทั้งหมดกลับร่วงหล่นพื้น คล้ายสองสิ่งที่แยกจากมิอาจร่วมอยู่กันได้”
“จริง! ข้าก็เคยไป ที่หมู่บ้านนั่น ข้าเดินทางค้าขายหวังเพียงหาที่ค้างคืนที่นั่น เพื่อไปต่อ ยามไปถึงเป็นยามค่ำมืดบรรยากาศรอบๆ พร่ามัวเบลอ มีเพียงหมอกควัน และ ใบไม้ร่วงเต็มพื้น เมื่อข้ามองไกลๆ นึกว่าคนจักใคร่ถามทาง แต่พอพ้นม่านหมอกหนาไปได้เปลาะหนึ่ง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้ากลับเป็นสิ่งที่มีรูปร่างประหลาด หน้าตาคล้ายมนุษย์แต่ผสมผสานสิ่งประหลาด”
“หือ! แล้วท่านทำอย่างไรต่อ” ชายหนุ่มท่าทางผอมขลาดกลัวขนลุกถามขึ้น
“ข้าก็ ตกใจกลัวทำอะไรไม่ถูก และพูดไปว่าข้าไม่มี ข้ามีแต่เงิน ทันใดที่ร่างนั้นได้ยิน ก็ขยายร่างออกเป็นเงาตะคุ่มขึ้นด้านบนใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นซ้อนทับกันดั่งมีร่างเพิ่มมาเป็นสิบๆ ร่างและพูดซ้ำกันว่าป้ายวิญญาณ! ป้ายวิญาณ! ข้ากลัวมากไร้สิ้นสติถอยหลังกรูรีบออกมาจากตรงนั้น วิ่งทะลุผ่านม่านหมอกมาสักพัก ก็หารู้ตัวไม่ ตื่นมากทีข้าก็มาโผล่นอก หมู่บ้าน”
ถึงแม้การระเบิดในครั้งนั้น สร้างความเสียหายครั้งใหญ่ไปทั่วทุกภพ แต่เหล่าบรรดาเทพเซียนจากสวรรค์ และรวมถึง มนุษย์ที่มีพลังจักราหลงเหลืออยู่ และคนจากสำนักเก้าจักยุตกรา ต่างพากันรวมพลังต้านความมืดและผลักพลังแห่งความชั่วร้ายทั้งหมดที่แตกกระจายออกเป็นวงกว้างความมืดที่แผ่ทั่วกระจายปกคลุมโลกดั่งพลุที่แตกโพล๊ะครอบคลุมทุกอณูมืดมนอนธการดั่งหมอกและราตรีที่คล้ายว่าจะไม่มีวันหายไปตลอดกาล
พลังของเหล่าเทพและเซียนที่รวมพลังเพื่อทำให้อำนาจความชั่วนั้นสาบสูญสูญสลายไปหรือกลับสู่ดินแดที่มืดมิดที่มันจากมา แต่กลับไม่เป็นผล ด้วยเหตุที่พลังอำนาจนั้นมากเกินไป มากเกินกว่าที่จะรวมทุกอย่างและผลักกลับคืน การรวมศูนย์พลังแห่งความชั่วร้ายไว้เพียงจุดเดียว และในวงแคบที่สุด และจำต้องสร้างประตูใหม่เพื่อผนึกทางเข้าออกและกักกันกัลปาวสานความมืดไม่ให้ข้ามมายังแดนมนุษย์อีกนั้น คือทางเดียวและที่ดีที่สุดที่ทุกคนจะทำได้ แต่เหมือนประตูนั่นไม่ได้ถูกสร้างสำเร็จตามนั้นยังมีรอยรั่วอะไรสักอย่าง เห้อ! ก็เป็นเวรกรรมของหมู่บ้านนั่นอีก เพราะมันตั้งอยู่ที่นั่น!”
“นั่นสิข้าถึงว่า คนในหมู่บ้านนั้นดูแปลกๆ คล้ายไม่มีชีวิต เวลาเหมือนหยุดเดิน ทั้งๆ ที่ฤดูกาลที่ไม่ผันแปร ใบไม้ร่วงยืนพื้น”
“เห้ย! แม้มันจะดี แต่ให้ข้าไปอยู่ใน หมู่บ้านแบบนั้น ข้าก็ไม่เอา ผู้คนทั้งภพมนุษย์ เรียกที่นั่นว่า หมู่บ้านต้องสาป ข้าว่ามันต้องมีเหตุผล ถึงแม้ผู้คนบางทีจะดูยิ้มแย้มแต่ปากฉีกถึงหูหรือบางทีกลับนิ่งเฉยสงบไร้ใบหน้า และอีกมากมายที่เป็นเงาตะคุ่มและรุปร่างบิดเบี้ยวผิดแผก คนหรือสัตว์ประหลาดรวมร่าง รูปร่างผิดเพี้ยนแยกแยะไม่ออกว่าคือตัวอะไร หรือที่คนเค้าลือกันว่าปีศาจและวิญญาณจากปรภพ สิงร่าง ที่นั่นคือดินแดนปีศาจ ดินแดนที่คนเป็นคนตายอยู่ร่วมกันมิอาจแบ่งแยก”
“ใช่! เรื่องฉิบหายวายวอดทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้นมันเป็นคนแซ่เจ้านั่น! เพราะมัน ถ้าคิดว่าการตายของมันจะไถ่บาปได้หมดก็คิดผิด คนอย่างมันและตระกูลมันต้องตายตกนรกไปตามกันไม่ได้ผุดได้เกิดไปอยู่รวมกับพวก อมนุษย์ หรือ ปีศาจที่มันปล่อยมาทำลายคร่าชีวิตคนในโลกนี้”
“ก็จริง แต่เหมือนข้าได้ยินคนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า วันหนึ่งเคียวสู่ภพนั่นอาจจะหายไปพร้อมกับมันและตระกูลมันเพื่อที่วันหนึ่งมันจะเปิดประตูจากปรภพกลับมาทำลายที่นี่อีก”
“แต่หลายร้อยปีมานี้ ไม่มีข่าวเสียๆ หายๆ ใหญ่หลวงลอยมาตามสายลม เกี่ยวกับเรื่องชั่วร้ายของหมู่บ้านชุนเทียนกลางหุบเขา ถึงแม้เจ้าวั่งซูยังถือกำเนิดแต่ก็ทำหน้าที่ตนปกติ มีบ้างที่พลาด แต่ก็ดูน่าเป็นเรื่องไม่ใหญ่ หรือพวกเรารู้ไม่หมด แต่นั่นอาจเป็นเพราะมีสำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกรา ที่ควบคุมทางเข้าออกระหว่างสองภพ รักษาสมดุล ทำให้โลกนี้ยังสงบสุขตามวิถีที่มันควรจะเป็นมาได้อย่างยาวนาน”
“นั่นมันก็จริง! แต่ถ้าได้อยู่ในที่ที่มีแต่ไอหมอกพิษ และ คนตายคนเป็นปะปนแบบนั้น ความบ้ามันก็ต้องกลืนกินเข้าสักวันหล่ะวะ ข้าว่า!”
“เฮ้ย! ท่านจะพูดอะไรทางร้ายขนาดนั้น ถ้าหมู่บ้านนั้นแตก ทุกอย่างจะไหลทะลักออกมา และภพมนุษย์และพวกเราทุกคนจะถูกกลืนหาไปในแดนคนตายอย่างไม่ต้องสงสัย และครานี้จะไม่มีใครมาอยู่ช่วยกำจัดพลังความชั่วนั้นออกไป เพราะเหล่าบรรพาจารย์ของแต่ละสำนักเซียน สำนักฝึกตน สำนักคุ้มภัย ก็ล้วนล้มตาย และ สิ้นพลังจักราตั้งแต่ศึกที่จัตุรัสเฟิงสุ่ยครานั้นทั้งหมด”
“งั้น ที่เดียวที่พึ่งพาได้ในโลกยุทธภพตอนนี้ก็คือสำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกรา ที่หลบเร้นอยู่ในหุบเขาเก้ากระจก (จินลู่ซี) “
“เออ! ก็ดี ก็อย่างที่ท่านพูดไป ขอให้เป็นสำนักคุณธรรมที่เป็นที่พึ่งพาให้แก่เราๆ สืบไป ไม่ใช่ดีแตก บ้าอำนาจ และกลืนกินทุกอย่าง เพราะถ้ากาลนั้นมีจริง โลกนี้คงดับสูญ สิ้นหวังกันทุกหย่อมหญ้า ไม่มีเรา ไม่มีโลก ในวันพรุ่งนี้ อย่างแน่นอน”
ภาพและเรื่องราวตะกี้มันคืออะไร “นี่เราสองคนเคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม” เจ้าวั่งซูเหมือนฟื้นจากภวังค์ และ มองที่ฮวาเฟยฟา แม้ภาพจำจะเลือนราง ยังไม่ชัด ความทรงจำที่วิ่งเข้ามายังไม่อาจปะติดปะต่อ บรรยากาศรอบตัวดั่งใบไม้ร่วง และ ดวงหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าที่สะกดใจตัวอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่เค้าก็มั่นใจว่าคนนี้คือคนสำคัญในชีวิตเค้า“ใช่ไม๊! เราเคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไม๊ โปรดบอกข้าที” เจ้าวั่งซู เอ่ยถามซ้ำฮวาเฟยฟาหลับตาก้มหน้ายิ้มมุมปาก “ใช่สิเจ้าก็ต้องเห็นและรู้สึกเหมือนที่ข้ารู้สึกสินะ”“เรื่องราวในความทรงจำเมื่อกี้มันคืออะไร มันช่างคุ้นเคยเหมือนกับข้าเคยผ่านมันมาเอง ไม่ใช่สิเหมือนเป็นเรื่องคนอื่นที่ข้าไปเป็นและรู้สึกแทนเค้า เค้าคนนั้นคือใคร? ทำไม? และทำไมถึงมีท่านในนั้น?” เจ้าวั่งซูเอ่ยถามวกวนสงสัย“เจ้าคิดว่าพวกเราเคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไม๊” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม“ใช่! ข้ามั่นใจว่ามีท่านในความทรงจำที่ผ่านเข้ามา แต่ข้าไม่รู้ว่าท่านคือใครและข้าคือใคร” เจ้าวั่งซูตอบยืนยัน“ข้าก็คิ
แสงตะเกียงเริ่มถูกจุดขึ้นทั่วหมู่บ้านชุนเทียน ลามต่อมาตามเส้นทางสู่หุบเขา แต่ละวิญญาณเริ่มแยกออกจากร่าง และ ทุกคนกลับคืนรูปเดิม ใบหน้ายิ้มแย้มและเปี่ยมสุข บรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยชีวิต บรรยากาศที่ห้อมล้อมไปด้วยความปิติ เสียงหัวเราะ ความยินดี และเปี่ยมสุข เสียงสรวลเฮาฮาของผู้คนทั้งจากภพมนุษย์ ภูติ อมนุษย์ เดรัจฉาน วิญญาณ และอื่นๆ ที่ถูกคำสาปให้ติดอยู่ที่หมู่บ้านต้องสาปแห่งนี้ เริ่มดังก้องเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความยินดีนี้แสงสว่างและเสียงโห่ร้องสะกิดให้ เจ้าวั่งซูหยุดเป่าซวินดำสิบสองซุ่น และหันมาทาง ฮวาเฟยฟา “เฟยเฟย ที่หมู่บ้านเริ่มสว่างหมดแล้ว ข้าได้ยินเสียงงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ข้าอยากไปเห็นผู้คนที่นั่น พวกเราไปกันเถอะ” เจ้าวั่งซูเอ่ยชวนเร่งรีบฮวาเฟยฟาหยุดนิ้วเรียวสวยและเงยหน้ามองเจ้าวั่งซู ยิ้มอ่อนโยน “สิ่งที่เจ้าอยากไปชมที่สุดคงเป็นสุราดอกซ่างฮัวหลัวสินะ”“ฮ่าๆๆๆ! เจ้าช่างรู้ใจข้า แม้สุราที่ดีที่สุดของข้าต้องเป็นสุราจาก ดอกมฤตยูดำ ที่เรือนสกุลเจ้าของข้าปลูก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าสุราที่ทำจากดอกซ่างฮัวหลัวที่กำเนิดในหมู่บ้านของพวกเร
“เชิญๆ” พูดเสร็จก็ผายมือโต๊ะอาหารยาวพร้อมอาหารก็ปรากฏขึ้นใต้ต้นไม้ใหญ่“เชิญๆ นั่งก่อน” หลี่เลี่ยงเฟิ่งเอ่ยผายมือ“นี่ท่านอาศัยอยู่ในเรือนที่ตกทอดแบบนี้มาตลอดเลยหรอ” เจ้าวั่งซูเอ่ยถาม“จริงๆ แล้ว ข้าคือรุ่นแรก ยังไม่มีการสืบทอดกระจกแห่งภพฝัน ข้าคือคนดูแลแต่เพียงผู้เดียว เคยมีคนมาฝึกเผื่อจะรับช่วงต่อแต่ดูเหมือนพวกเค้ายังไม่มีความสามารถในการเข้าถึงภพฝัน ข้าคิดว่าคงเป็นข้านี่แหละที่ต้องดูแลไปอีกร้อยปีพันปี” หลี่เหลี่ยงเฟิงเล่า“แล้วทำไมท่านไม่แก่ชรา เอ่อ ข้าขออภัย” เจ้าวั่งซูเผลอหลุดปาก“ฮ่าๆๆ! ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ จริงแล้วมันเกิดขึ้นไม่นานหลังจากข้ามาอยู่ ข้าได้ฝึกวิชา บำเพ็ญตน เพื่อเชื่อมต่อและเข้าสู่ภพฝันหวังเพื่อจะเข้าใจทุกสิ่งในภพนั้นและยึดโยงภพนั้นเข้าเสมือนเป็นส่วนเดียวกัน และวันหนึ่งข้าก็เหมือนเจออาจารย์สองคน ท่านเป็นเทพเซียนจากบนสวรรค์เมตตาชี้นำทางข้า พวกท่านสอนทุกอย่างเกี่ยวกับภพฝันแห่งความเงียบงันให้ข้า การใช้พลังภพฝันนามธรรมและรูปธรรม การสื่อสาร การผนวกรวม การรักษาสมดุลแห่งภพ
“เชิญๆ” พูดเสร็จก็ผายมือโต๊ะอาหารยาวพร้อมอาหารก็ปรากฏขึ้นใต้ต้นไม้ใหญ่“เชิญๆ นั่งก่อน” หลี่เลี่ยงเฟิ่งเอ่ยผายมือ“นี่ท่านอาศัยอยู่ในเรือนที่ตกทอดแบบนี้มาตลอดเลยหรอ” เจ้าวั่งซูเอ่ยถาม“จริงๆแล้ว ข้าคือรุ่นแรก ยังไม่มีการสืบทอดกระจกแห่งภพฝัน ข้าคือคนดูแลแต่เพียงผู้เดียว เคยมีคนมาฝึกเผื่อจะรับช่วงต่อแต่ดูเหมือนพวกเค้ายังไม่มีความสามารถในการเข้าถึงภพฝัน ข้าคิดว่าคงเป็นข้านี่แหล่ะที่ต้องดูแลไปอีกร้อยปีพันปี” หลี่เหลี่ยงเฟิงเล่า“แล้วทำไมท่านไม่แก่ชรา เอ่อ ข้าขอภัย” เจ้าวั่งซูเผลอหลุดปาก“ฮ่าๆๆ! ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ จริงแล้วมันเกิดขึ้นไม่นานหลังจากข้ามาอยู่ ข้าได้ฝึกวิชา บำเพ็ญตน เพื่อเชื่อมต่อและเข้าสู่ภพฝันหวังเพื่อจะเข้าใจทุกสิ่งในภพนั้นและยึดโยงภพนั้นเข้าเสมือนเป็นส่วนเดียวกัน และวันนึงข้าก็เหมือนเจออาจารย์สองคน ท่านเป็นเทพเซียนจากบนสวรรค์เมตตาชี้นำทางข้า พวกท่านสอนทุกอย่างเกี่ยวกับภพฝันแห่งความเงียบงันให้ข้า การใช้พลังภพฝันนามธรรมและรูปธรรม การสื่อสาร การผนวกรวม การรักษาสมดุลแห่งภพ แล
ขณะที่ เทพธิดาเม่งเซี๊ยะลอยสูงขึ้นสว่างไสวเหนือบ่อศักดิ์สิทธิ์ และ ยังเล่าเรื่องราวต่างๆ อยู่นั้นภายในบ่อก็เกิดประกายพวยพุ่งสีแดงออกจากปากบ่อ พร้อมกับอีกร่างที่ลอยตัวขึ้น นั่นคือยักษ์ถูหลัน!ใบหน้าคือมังกรและมีเขาโค้งงอนงามยาวเป็นวงจากด้านหน้าม้วนไปด้านหลังและยาวออกด้านข้าง กายหยาบสีแดง ในมือถือกู่เจิง ลักษณะคล้ายแพะทะเล“เอ๊ะ! หรือว่า ตัวตนที่แท้จริงของเจ้า ยักษ์ถูหลันคือ เทพจักรราศีแห่งฟ้าตะวันออก เทพแพะทะเล” เฟยฟากล่าว“ใช่ ข้าคือถูหลัน อดีตเทพผู้ครองจักรราศีแห่งฟ้าตะวันออก กลุ่มจักราแพะทะเล ส่วน เม่งเซี๊ยะคือเทพผู้ครองจักรราศีแห่งฟ้าทางตะวันตกกลุ่มจักราหญิงพรหมจรรย์ เราทั้งสองจะโคจรมาบรรจบกันปีละครั้งและนั่นก็เป็นจุดกำเนิดความรักของเราสองคน”แต่ทางองค์จักพรรดิ และ องค์จักรพรรดินี รู้ข่าวเลยสั่งให้แยกกันเด็ดขาด แต่พวกเราสองคนไม่ยอม เลยโดนเนรเทศให้มาอยู่ในดินแดนขาวดำแห่งนี้ ภพฝันแห่งความเงียบงัน ภพที่ไม่มีตัวตนของดวงจิตที่ชัดเจน เป็นเพียงภพชั่วคราวของการผ่านของวิญญาณ ร่างที่พวกเจ้าเห็นนั้นคือ ยังมีดวงจิต แต่ดวงจิตล่องลอยในภพฝันนามธรรม”“ข้ามีเรื่องอยากถามท่านทั้งสอง ทำไม พวกท่านสอง
ทั้งสองเดินต่อเข้าไปจนถึงใจกลางถ้ำก็ได้พบบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จืออู่ตี้ (บ่อน้ำแห่งจินตนาการ) แสงสว่างเจิดจ้าจากปากบ่อดั่งผงเกล็ดมุกเปล่งประกายระยิบระยับคล้ายมีมนต์เรียกหาล่อลวงให้ผู้พบเห็นเดินเข้าไป แสงวิบวับสะท้อนใบหน้าหวาดกลัวตกใจของเหล่าศีรษะที่ถูกตรึงอยู่ปากเพดานรอบๆ คล้ายว่าสิ่งเหล่านั้นกำลังแยกเขี้ยวร้องโหยหวนเตรียมตะครุบบริเวณรอบๆ เหล่าจิตภูตบินอยู่บนปากบ่อมากมาย เมื่อเจ้าวั่งซูและฮวาเฟยฟาเดินเข้าไปใกล้ ก็พึ่งเห็นแสงสว่าง ฉายเข้ากับหน้าจิตภูติ ตาโตดำ หูตั้งชันสูง ไม่มีจมูก เขี้ยวแหลมเต็มปาก“นี่มันภูติผีรึเปล่าเนี๊ยะ!” เจ้าวั่งซูคิด แต่ก็เพราะหน้าตาเหยเกปนน่ารักน่าชังของเจ้าจิตภูตินี้ ทำให้สติของวั่งซูไขว้เขวถูกดึงกลับมาชั่วครู่“นี่มันมนต์ยั่วยุกลีบบุปผา” เจ้าวั่งซูสะบัดพัดดำในมือร่ายเวทย์ “มนต์สะกดลวงตา จงหายไป!” และโบกสะบัด แสงสีพวยพุ่งตามแฉกกรีบพัด พัดพาเหล่าจิตภูติร้องกระเจิงแตกวง ไอหมอกไอควันวิบวับจากปากบ่อบางตาลงเหลือเพียงไอหมอกใสใส มองผ่านไอหมอกไปอีกด้านขอบบ่อ ฮวาเฟยฟากำลังหมดสติและล้มลงปากบ่อ เจ้าวั่งซูกระโจนเข้าโอบรับและดึงร่างทั้งสองออกห่างปากบ่อ ตอนนี้ฮวาเฟยฟาหมดสติอ
コメント