LOGINที่สำนักหลิงชงหมิง (โรงเรียน) นี้มีลำธาร และ ภูเขาหลังสำนัก ซึ่งจะเป็นสถานที่ผู้ฝึกตนจะมานั่งผ่อนคลาย แต่มีคนหารู้ไม่ว่า ลงไปด้านล่างอาณาเขตโรงเรียน ลึกเข้าไปมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ทึบลึกลับและด้านในมีบ่อน้ำโบราณ ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปที่ไม่มีพลังเซียนจะมองเห็นเป็นเพียงบ่อน้ำธรรมดา แต่จริงๆ แล้วนี่คือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จืออู่ตี้ (บ่อน้ำแห่งจินตนาการ) บ่อน้ำนี้คือต้นรากของน้ำพุสวรรค์และสิ่งที่ทำให้น้ำพุแห่งสวรรค์นี้กลับมาไหลอีกทีคือลูกแก้วจากมังกรฟ้าวางกลางน้ำพุ เพื่อปลดผนึกบ่อน้ำศักดิ์สิทธ์จืออู่ตี้ จะคืนชีวิตให้น้ำพุและฉาบสิ่งรอบด้านกลายเป็นอีกโลกที่งดงามเกินจินตนาการ นั่นคือสถานที่ลับของเจ้าวั่งซูและฮวาเฟยฟา
“ข้าเบื่อ บรรยากาศในห้องประชุม ข้างในมีแต่คนกร่นด่าสกุลเจ้า นี่เดี๋ยวซักพักก็พากันออกมาละ ข้าเหมือนไม่ที่ยืน” เจ้าวั่งซูเอามือกอดอก และ บ่น
“พวกเราไป ชม ป่า ลำธาร ภูเขา หลังสำนักกันไหม ข้าว่าเจ้าน่าจะชอบที่นั่น ที่นั่นสงบ และ ไม่มีคนล่วงล้ำเข้าไปหรอก” ฮวาเฟยฟาเอ่ยชวน
“มีที่แบบนั้นด้วยหรอ ได้สิเชิญเจ้านำ” เจ้าวั่งซูเอ่ย
ฮวาเฟยฟาผายมือในอากาศเปิดประตูสู่ที่แห่งหนึ่ง มาปรากฏที่ชายป่าหลังสำนัก ทั้งสองเดินเข้าไปยังบริเวณป่าลึกแห่งนี้หาที่เงียบสงบ ในขณะที่ยิ่งเดินลึกป่าก็ยิ่งเงียบสงัด และ มืดขึ้น มืดขึ้น ทั้งสองร่ายมนต์จุดดวงประทีปขึ้นเพื่อนำทาง ระหว่างนั้นพวกเค้าได้พบ ภูติตัวจิ๋วบินเปล่งแสงกลางป่า
“ข้าไม่เคยรู้ว่าภูติสามารถข้ามมายังภพนี้ได้” เจ้าวั่งซูสงสัย
“จิตภูติ มาจากภพจิตภูติ เจ้าภพคืออี้เฟิงเหวิน ข้าเคยได้ยินว่าจิตภูติคือสิ่งวิเศษ กายหยาบของพวกมันคล้ายโปร่งแสงผ่านทะลุ สามารถล่องลอยผ่านทะลุประตูภพคล้ายฑูตส่งสาส์น อย่างเช่นนำข่าวจากอีกภพมาสู่อีกภพ โดยผ่านการเข้าฝัน ไร้ร่องรอย ไร้การปะทะและสะกิดให้ประตูภพนั้นสั่นสะเทือน แม้แต่มือปราบมารจากสำนักคุ้มภัย ก็ไม่อาจรับรู้ถึงการข้ามภพไปมาของพวกภูติ พวกภูติเป็นสิ่งมีชีวิตที่เดินทางไปมาระหว่างภพได้ และอีกสิ่งหนึ่งจากภพเดรัจฉานคือผีเสื้อแห่งความตาย แต่ข้าไม่รู้ว่านั่นมันหมายถึงประโยชน์เพียงอย่างเดียวหรือโทษ แต่ก็เป็นแบบนี้มาช้านาน และจากการรายงานพวกนั้นไม่เคยทำร้ายใคร” ฮวาเฟยฟาสาธยาย
“ถ้างั้น การที่พวกมันมาอยู่ตรงนี้ก็ต้องมีจุดมุ่งหมายงั้นสิ นั่น! พวกมันกำลังนำทางไปทางนั้น เราไปกันเฟยเฟย” ทั้งสองวิ่งกึ่งลอยตามเหล่าภูติไป สักพักจนเจอลักษณะบางอย่างเป็นพุ่มคล้ายทางเข้าถ้ำ เมื่อทั้งคู่ขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นก็ค้นพบว่ามันคือต้นเถาวัลย์โบราณหนาใหญ่และขดพันกันไปมาโดยเปิดทางเข้าเหมือนถ้ำ พวกภูติพากันบินนำทางเข้าปากถ้ำ บางส่วนหยุดเกาะตามไหล่ทางทำให้ปากทางนี้และทางเข้าสว่างไสวระยิบระยับคล้ายการเดินทางเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง
ฮวาเฟยฟาและเจ้าวั่งซูหันหน้ามองกันพยักหน้า และ พากันเดินตามแสงนั้นเข้าไป ตามผนังทางเดินนอกจากแสงจากภูติสว่างระยิบระยับแล้ว วั่งซูพึ่งสังเกตเห็นว่าตามขดกิ่งไม้ที่พันกันจนเป็นทางเข้าถ้ำนี้นอกจากมี ต้นไม้ ใบไม้ เถาวัลย์ พันเกี่ยว จิตภูติ
“นั่นคืออะไร!” กะโหลกมนุษย์
“เฮ้ย! เจ้าดูนี่สิ” เสียงเรียกจากเจ้าวั่งซู
“ทางนี้ก็มี!” มันคือใบหน้าปีศาจ วิญญาณอาฆาต เหล่าสัตว์เดรัจฉาน อมนุษย์ ภูติผี
“และเจ้าดูนี่สิ คนนี้ข้ารู้จัก เค้าคือเทพโจววังซือ (เทพแห่งปัญญาที่อยู่ชั้นดางดึงส์) เทพองค์นี้หายตัวไปจากการประชุมสำคัญบนสวรรค์เมื่อสามร้อยปีก่อนและไม่มีใครหาพบ นี่เค้ามาอยู่ตรงนี้”
“เพราะเหตุใดโพรงนี้ถึงมีสิ่งมีชีวิตจากทุกภพมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่”
“ข้าว่า มันเหมือนเป็นตาข่ายใยแมงมุมที่ดักจับทุกสิ่งที่แปลกปลอมที่เล็ดลอดเข้ามาหลุดลอดออกไป!” เจ้าวั่งซูขนลุกและสงสัยปนขนาดไม่ต่างจากฮวาเฟยฟา
“ตั้งแต่ในอดีตมาไม่เคยมีภพไหน หรือ สิ่งมีชีวิตต่างภพมาอยู่ร่วมกันแบบสงบสุขได้ ในที่เดียวกัน ในเวลาเดียวกัน เพราะการย้ายข้ามภพนั้นจำต้องอาศัยร่าง และ พลังจากดวงจิตของผู้ที่อยู่ในภพนั้นๆ เพื่อให้ศัตรูหรือผู้ที่มาจากต่างภพสามารถดำรงอยู่ได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่หลายๆ สิ่งมีชีวิตจากหลายๆ ภพจะมารวมกัน ณ จุดเดียว และ เสียชีวิตทั้งหมดด้วย”
“เฟยเฟยเจ้าว่า จะมีสิ่งใดในโลก ที่สามารถนำพาพวกนี้มารวมตัวกันได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้” เจ้าวั่งซูเอ่ยถามฮวาเฟยฟา ขณะที่กำลังยืนสังเกตร่างต่างๆ ที่ถูกยึดตรึงติดเรียงราย สภาพคล้ายถูกดูดวิญญาณออก สีหน้าซีดกลายเป็น ซูบผอม เหี่ยวย่น สีหน้าดูหวาดกลัวสุดขีด
“ฮะ! ข้าว่า ร่างพวกนี้ ร่างกายไม่เหมือนคนตายแต่เหมือนคนเป็น แม้สภาพจะน่าอดสูซูบผอมมาก แต่! อ่อ! ข้ารู้แล้ว ร่างพวกนี้ยังไม่ได้ตายไป เหมือนแค่โดนกระชาก ขโมยถอดจิตวิญญาณออกจากร่าง และ ตรึงร่างกายนี้ไว้ แต่ข้าไม่แน่ใจว่าดวงจิตพวกนี้จะยังอยู่หรือสูญสลายไป แต่กายหยาบพวกเค้ายังอยู่ และ สามารถกลับมามีชีวิตในแบบพวกเค้าได้อีก”
“ใครกันนะ! ใครทำสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้! และทำไปเพื่ออะไร! ฮวาเฟยฟาสีหน้าเริ่มถอดสีแต่ยังนิ่งสงบและครุ่นคิดต่อไป
“อ่อ! ใช่! ใช่แล้ว!” ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน “กระจกใบที่สิบในตำนาน” กระจกบานนั้นบานเดียวที่สามารถเชื่อมเปิดและปิดประตูสู่ทุกภพได้
“เดี๋ยวนะแต่กระจกนั่นไม่มีใครเคยพบเจอ หลังจากที่มีการระบุไว้ใน “ตำรารวบรวมความรู้มหาสุดยอดทุกภพภูมิของสวรรค์” เปิดออก และมีการกล่าวถึงกระจกใบที่สิบนี้ ก็ได้มีการออกคำสั่งมีการค้นหาอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมในทุกภพภูมิ เพื่อนำมาเก็บรักษาที่หอจิ่งซือเย่เถวีย (หอมนต์ตราสวรรค์) เพื่อความปลอดภัยของทุกภพ เพราะถ้ากระจกมีอยู่จริง จะก่อให้เกิดหายนะ อย่างคาดไม่ถึง ทุกภพภูมิจะทะลุไปหากัน และ การเข้าสิงร่าง การขโมยร่าง และ ดวงจิตจะถูกทำให้เกิดและดับโดยไม่ผ่านการเวียนว่าย” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“แต่เคียวสู่ภพของตระกูลเจ้าก็ทำได้ไม่แตกต่าง” เจ้าวั่งซูเปรย
“ใช่! แต่ง้าวแห่งความตายนั่น สามารถใช้ได้แค่ผู้สืบทอดอย่างเป็นธรรมของสกุลเจ้ารุ่นต่อรุ่น ไม่มีการข้ามสายในทุกหนึ่งร้อยเป็นของใครก็ของคนนั้น ง้าวจะไม่ฟังผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง และจุดมุ่งหมายของผู้ครอบครองเคียวแห่งความตายจากสกุลเจ้านั้น เพื่อจุดหมายเดียวคือปกป้องภพมนุษย์ และ รักษาสมดุลแห่งภพ และการเหวี่ยงเคียวยมฑูตในแต่ละครั้งนั้นก็ทำไปเพียงเพื่อจุดหมายเดียว คือส่งสิ่งมีชีวิตจากภพที่ข้ามมากลับไปภพตัวเอง ไม่สามารถเปิดประตูสู่ภพเพื่อไปหลายๆ ภพพร้อมกัน หรือส่งสิ่งมีชีวิตนั้นกลับผิดภพภูมิก็ไม่ได้ ประตูนั้นจะไม่เปิด และ ที่สำคัญเคียวแห่งยมฑูตนั้น เปิดประตูเพื่อส่งกลับหาได้มีพลังในการเปิดเพื่อดึงสิ่งแปลกปลอมข้ามมา” ฮวาเฟยฟาร่ายยาว
“โห!” วั่งซูอ้าปากค้างตะลึง พร้อมปรบมือ และแสดงสีหน้าน้ำเสียงทึ่ง ในความรู้ที่มากมาย ครอบคลุมทุกภพภูมิ และ ความนิ่งในการเรียบเรียงและอธิบายรายละเอียดครบถ้วนของ ฮวาเฟยฟา
“เฟยเฟย เจ้าช่างปราดเปรื่องนัก ข้าสงสัยว่ามีสิ่งใดในโลกที่เจ้าหาคำตอบไม่ได้! ข้าว่าไม่มี นี่ขนาดเรื่องราวตะกูลข้า เจ้ากลับรู้รายละเอียดเยอะกว่าข้า ผู้สืบทอดมันมา แหะ!แหะ! ข้ายังไม่เคยรู้ถึงรายละเอียดและความสามารถของมันเลย” วั่งซ^พูด พร้อมล^บหัวไป แบบเขิลๆ อายๆ
“ไว้วันหนึ่ง เจ้าก็จะรู้ว่าความสามารถและภาระที่เจ้ามีนั้นมันยิ่งใหญ่และควรได้รับการเคารพนับถือขนาดไหน” ฮวาเฟยฟา พูด และหันมายิ้มอ่อนโยน
“แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่สำคัญ ข้าเคยได้ยินว่า เคียวสู่ภพยังมีความสามารถอีกอย่างคือ “การทำลายทุกสิ่งให้คืนกลับสู่ความว่างเปล่าเพื่อรอการกำเนิดใหม่” แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะเรียกได้ว่าสมควรแก่การใช้มนต์ที่น่ากลัวและยิ่งใหญ่ขนาดนั้น” เฟยฟาเอ่ยเบาๆ
“ใช่! แต่เรื่องนี้ข้าเคยได้ยินเสด็จพ่อพูด แต่เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก เพราะหลายร้อยปีมานี้ ไม่เคยมีผู้สืบทอดคนไหนได้รับพรสววรค์พิเศษอันนั้นติดตัวมา ผู้ที่มาก่อนข้าสามารถทำได้แค่เปิดประตูภพ เท่านั้น และข้าก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่เลวร้ายขนาดที่ว่าต้องร่ายมนต์เพื่อทำให้ทุกสิ่งดับสูญไปทั้งหมดขนาดนั้น” วั่งซูพูดอย่างไม่กังวลและคิดว่าพลังนั้นไม่น่ามีอยู่จริง โดยที่ไม่รู้เลยว่าพรสวรรค์ที่ว่านั้นหลับใหลอยู่สักที่ในร่างของเค้าเอง
ทุกคนชลมุนวุ่นวายวิ่งกันไปมาทะลุผ่านตัวเจ้าวั่งซูไป องค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีแห่งสวรรค์ เรียกประชุมรวม เหล่าทวยเทพเทวดา และบรรดาเซียนเพื่อแก้วิกฤตที่เกิดขึ้น เรื่องราวความวิปริตของธรรมชาติไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ภพภูมิมนุษย์ แต่เป็นอีกสองภพต้นกำเนิดขององค์ชายและเผ่าพันธุ์มังกร ภพสวรรค์ และ ภพเดรัจฉาน ทั้งสองภพต่างได้รับแรงกระเพื่อมจากการแตกสลายขององค์ชายแห่งมังกรผู้ควบคุมกระแสน้ำทั้งสามภพ เจ้าวั่งซูรีบเดินตามเหล่าทวยเทพเซียนไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ประชุม เหล่าเทพเซียนมากมายเข้าแถวยืนเป็นระเบียบ สักพักองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีแห่งสวรรค์ก็เสด็จออกมา“ตัวจริงก็ยังหนุ่มสาวนะเนี๊ยะ ทำไมพวกเทพเซียนนี่ไม่รู้จักแก่ คงกินท้อพันปีกัน จนต้นนั้นโตออกลูกออกผลไม่ทัน” เจ้าวั่งซูคิด“องค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี” เหล่าทวยเทพเซียนประสานเสียงกล่าวสรรเสริญ“วันนี้ มีผู้ให้เกียรติเข้าร่วมประชุมกับพวกเรา ท่านผู้ปกปักภพเดรัจฉานและผู้นำจิตวิญญาณแห่งเหล่าสรรพสัต
น่าจะเป็นยามดึก ในสวนดอกไม้ภายในบริเวณคฤหาสน์แห่งนี้ เก๋งจีนตรงเรือนริมน้ำตกมีเพียงเสียงน้ำไหล และ แสงจันทร์ส่องสว่างกลางท้องฟ้า นั่น “เฟยเฟย” ทำไมเค้าดูแปลกไป สีเสื้อหม่น ใบหน้าหมองเศร้า เหมือนมีน้ำตาเอ่อตรงดวงตาคู่งาม ในตากลวงว่างเปล่า เหมือนคนใจสลาย ในมือถือสุราดอกมฤตยูดำ (ดอกมฤตยูดำคือดอกไม้ที่ผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง ดอกมฤตยูดำที่ปลูกแค่บริเวณคฤหาสน์ตระกูลเจ้า และ พลังจักราของคนสกุลเจ้า) มีต้นกำเนิดและมีที่เดียวคือสกุลเจ้าคนที่คิดค้นคือ เจ้าวั่งซูรุ่นที่1และถูกนำมาหมักเป็นเหล้ารสเริด เมาแต่ไม่หนักหัวและสามารถช่วยสร้างความคิดและจินตนาการของผู้ดื่มให้สมจริง ดื่มเพื่อลืมความทุกข์จากโลกแห่งความเป็นจริงไป่ชิงหลงขดนอนอยู่บนโขดหินหน้าน้ำตก เกล็ดของชิงหลงจากสีขาวสว่างเปลี่ยนเป็นสีหม่นเหมือนขี้เถ้าและนอนหมดแรงอยู่ตรงนั้น “นั่นเจ้าเป็นอะไรเฟยเฟย” เจ้าวั่งซูเดินเข้าไปใกล้เพื่อฟังสิ่งที่ฮวาเฟยฟาพึมพำ “ทำไมท่านถึงทิ้งข้าไป ไหนว่าเราจะอยู่และร่วมกันต่อสู้เคียงข้างกันไปตลอด ทำไมทำไม” และเสียงก็เงียบหายไ
ทั้งสี่ได้สติอีกที คือฟื้นขึ้นมาบริเวณ คือหน้ากระจกพืชพันธุ์ ทั้งสี่ลุกขึ้น“มึนเลย เหมือนพวกเราเดินทางกันมาไกลมาก ข้าเหนื่อย! ข้าเมื่อย! ข้าจะกิน! ข้าจะอาบน้ำ! ข้าจะนอนให้เต็มอิ่ม! เนอะ! หลิ่งกวาง” เจ้าวั่งซูพูดพร้อมบิดขี้เกียจไปทางหลิ่งกวาง “แง๊วๆ”“เป็นการเดินทางที่ยาวนาน เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปอดีต และพบเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อและยิ่งใหญ่มากมาย ช่างเป็นการเดินทางที่วิเศษจริงๆ” ฮวาเฟยฟากล่าวใบหน้าพอใจ“เฟยเฟย เจ้าไปอยู่เรือนข้านะ ที่เรือนข้าไม่มีใครนอกจากบ่าวรับใช้ เพียงแต่ว่ามันโบราณ และวังเวงหน่อย เจ้าอาจจะไม่ชอบบรรยากาศ” เจ้าวั่งซูเอ่ยชวน ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะอยากไปไม๊“ได้สิ! งั้นข้าไม่เกรงใจ! ถ้าข้าอยู่ยาวก็อย่าว่ากัน! ส่วนเรื่องวังเวงไม่ต้องกังวลมันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ข้าเคยไปที่นั่น” ฮวาเฟยฟาเอ่ยมองขึ้นฟ้าอมยิ้ม“เอ๊ะ! ในอดีตเจ้าเคยมาคฤหาสน์ตระกูลข้าแล้วหรอ เจ้ามาทำอะไร แล้วอยู่นานไม๊ แล้วเจ้ารู้จักกับใครในตระกูลข้า ท่านปู่ท่านปู่ทวด หรือ ใคร!?” เจ้าวั่งซูเดินต
สิ้นเสียงผู้เฒ่า ทุกคนก็หันหน้าพร้อมกันไปทางต้นไม้แห่งชีวิต โคนต้นที่มีรากมากมาย มีร่างหนึ่งโปร่งแสงผุดขึ้น พระแม่แห่งชีวิตปรากฏตัวขึ้น จากร่างครึ่งกาย ดวงหน้าใจดีมีเมตตา ดั่งในนิมิตที่หลานหลี่เซ่อ สร้างให้ดูก่อนหน้า พระแม่สร้างดวงจิตจากฝ่ามือและปลดปล่อยสู่ผีเสื้อราตรี ดวงแล้วดวงเล่า ตัวแล้วตัวเล่า“ไปเราไปเฝ้าพระแม่แห่งจิตวิญญาณกัน” หลานหลี่เซ่อ และ เหล่าหมู่ซู่บรรพกาลพากันเดินเท้าเข้าไป ทุกคนสามารถเหยียบลงบนทะเลเมฆนั่น และ สารเมือกขาวมุกระยิบระยับนั่นก็ทำให้พวกเค้าลอยตัวอยู่ได้ เจ้าวั่งซูมีหลิ่งกวางนั่งบนบ่า ฮวาเฟยฟามีไป่ชิงหลงอยู่บนบ่า เดินนำหน้า และขึ้นบันไดไปสู่ด้านบนหน้าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และพระแม่แห่งจิตวิญญาณ“เฟยเฟยดูสิ ยิ่งเข้าใกล้ต้นไม้แห่งชีวิต ก็ยิ่งขาวสว่างไสวและยิ่งใหญ่มาก ดอกใบกิ่งก้านลำต้นล้วนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ และ ใกล้ขนาดนี้ พระแม่แห่งจิตวิญญาณก็ใหญ่และงดงามมาก ผมยาวสยายดวงตาคู่งามที่ปิดลงเหมือนเทพธิดาเม่งเซี๊ยะ” เจ้าวั่งซูพูดกับฮวาเฟยฟา ฮวาเฟยฟาพยักหน้าเห็นด้วย “ช่างยิ่งใหญ่ สว่าง และงดงามบริสุทธิ์”&l
“แล้วต้นไม้แห่งชีวิตหล่ะ มีอยู่มาก่อนหรือหลังพวกท่าน” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม“พวกเจ้าคงหมายถึง “พระมารดาแห่งหมู่ซู่ (พระมารดาแห่งจิตวิญญาณทั้งปวง) ” ท่านคือต้นกำเนิดดวงจิต ถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีพวกเราสักดวงวิญญาณ แน่นอน พระนางคือผู้ให้กำเนิดให้ชีวิตให้จิตวิญาณกับพวกเราทั้งหมด” ผู้เฒ่าหมู่ซู่ตอบ“พวกเราทั้งหมด ท่านหมายความว่าอย่างไร พวกเราจากทุกที่หรอ” ฮวาเฟยฟาถามต่อ“พวกเราหมายถึง ต้นไม้ มนุษย์ อมนุษย์ วิญญาณ ภูติผี ปีศาจ เทพเซียนเทวดา ภูติ เดรัจฉาน ทั้งหมดล้วนกำเนิดมาจาก ต้นไม้แห่งชีวิต” หลานหลี่เซ่อกล่าว ทุกคนที่ได้ยินอ้าปากค้างตะลึงทึ่ง และสงสัยคืออะไรกัน“พระมารดาแห่งชีวิต หรือชื่อที่ผู้คนเรียกและถูกบันทึกไว้ “ต้นไม้แห่งชีวิต” คือสิ่งมีชีวิตแรกเริ่มของทุกสิ่ง ถัดจาก ผู้สร้าง ผู้ปกปักษ์ ผู้ทำลาย ผู้พิทักษ์” หลานหลี่เซ่อเริ่มเล่าพร้อมใช้พลังเวทย์สร้างภาพนิมิตรไปพร้อมเรื่องราว ในภาพเป็นยุคอดีตตั้งแต่ก่อนดาวจะสร้างตัวมีเพียงต้นไม้แห่งชีวิตสีขาวยืนต้นลำต้นกิ่งก้านสาขาใบเถาวัลย์ล้
“ว่าแต่ พวกข้ามีเรื่องสงสัยจะถามท่าน ตอนที่พวกข้าลงไปหาสุราดอกซ่างฮัวหลัวข้างใต้ม่านน้ำตกนั่น พวกข้าพบ......” เจ้าวั่งซูยังพูดไม่จบหลานหลี่เซ่อก็แทรกขึ้นมาว่า “พวกท่านพบข้าใช่ไม๊ ไม่สิเศษเสี้ยวแห่งต้นไม้แห่งชีวิต”“ใช่! พวกข้าสงสัย ทำไมเศษเสี้ยวแห่งต้นไม้แห่งชีวิต ต้องใช้มนต์จำแลงเป็นปรมาจารย์กระจกมากมาย และ ทำไมภายใต้กระจกภพพืชพันธุ์ถึงกลายเป็นภพพืชพันธุ์ที่ไม่เคยมีใครเคยไปเยือนอย่างแท้จริง ท่านหลานหลี่เซ่อโปรดชี้แนะ” ฮวาเฟยฟาถามด้วยความสงสัย“ได้สิ ตั้งแต่อดีตกาลมาจนปัจจุบันไม่เคยมีผู้ใดสามารถเข้าสู่ภพพืชพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะเปนดวงจิตจากภพภูมิไหน ยกเว้นผู้มาเยือนเพียงหนึ่งเดียวจากภพเดรัจฉาน “ผีเสื้อแห่งความตาย” แต่พวกท่าน ด้วยอาศัยการมีกายทิพย์จากท่านฮวาเฟยฟาผู้สืบทอดเผ่ามังกรเพียงหนึ่งเดียว และท่านคุณชายแห่งสกุลเจ้าผู้สืบทอดเคียวสู่ภพอาวุธที่แกร่งที่สุดในทุกภพ จึงสามารถผ่านทะลุมาถึงนี่ได้ สำหรับข้าคิดว่าเป็นวาสนาที่เราได้พบกัน ข้ายินดีจะเล่าประวัติความเป็นมาและความลับของตัวข้าในฐานะตัวแทนภพพืชพันธุ์ และพระมาดา






![กรงแค้นขังรัก [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
